บทที่ 43 ลงโทษตนเอง
ชลาสินธุ์นั่งอยู่ในห้องนั้นเงียบ ๆ ท่ามกลางความมืด นัยน์ตามีน้ำรื้น โดยคิดว่าไม่มีใครเห็น หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้คน ๆ นี้มาตายต่อหน้า เขาก็คงเฉย ๆ อาจจะแค่มองด้วยหางตา แล้วดูว่าตายแน่หรือยัง
แต่ตอนนี้แม้จะเป็นคนทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียงนั่นเจ็บด้วยมือของตัวเอง แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดราวกับตัวเองจะตายลงไปด้วย ชลาสินธุ์ทุบมือขวาของตัวเองลงไปที่ฐานเตียงตรงส่วนที่เป็นโครงไม้ เขาออกแรงทุบให้แรงขึ้น แรงขึ้นอีก อีกมือก็คอยปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียง ที่อาจจะกวนการพักผ่อนของอีกร่างในห้องนั้น
ลงโทษตัวเองที่ไม่รู้จักยั้งคิด
ลงโทษตัวเองที่บังอาจทำให้คนที่รักต้องเจ็บปวดขนาดนี้
รอยแดงเป็นปื้นขึ้นมาเต็มมือ น้ำตาร้อน ๆ ทะลักลงมาอีกราวกับเขื่อนพัง
“คุณณิชคะ คุณณิช ตื่นหรือยัง ตื่นสักทีเถอะค่ะ”
เสียงเรียกแผ่วข้างหูทำให้ณิชชาค่อย ๆ ลืมตา แต่แล้วก็ต้องรีบหลับตาลงไปอีก เพราะแสงจ้าจากภายนอกมันสว่างมากจนทำให้แสบตาไปหมด ที่จริงก็ไม่ได้สว่างมาเท่าไร แสงยังต้องผ่านกระจกสีชากรองไว้อีกที แต่เพราะเธอเพิ่งตื่น แสงที่เข้าตาจึงมีกระทบตาได้ดีเหลือเกิน
หัวสมองที่ยังมึน ๆ ค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วก็สะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะหลับไป ตัวเองถูกกระทำไว้อย่างไรบ้าง มือบางกระชับผ้าห่มแน่น เพราะกลัวคนที่เข้ามาจะเห็นร่องรอยที่น่ารังเกียจ แล้วก็พบว่า ตัวเองอยู่ในชุดนอนผ้านุ่มแขนขายาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อย่าเพิ่งรีบลุก รีบขยับตัวค่ะ คุณณิช ช้า ๆ นะคะ” มือกร้านเพราะความชราวางถาดอาหารลง แล้วมาช่วยร่างที่เพิ่งฟื้นขยับร่างให้เต็มที่ “ดีจริงค่ะ วันนี้อาหารของป้ามีคนกินสักที คุณณิชร้อนเหรอคะ เดี๋ยวป้าปิดม่านให้ ป้าเปิดไว้เองแหละค่ะ เผื่อว่าแสงแดดจะช่วยปลุกคุณณิช” ป้าแม่บ้านพูดไปเรื่อย ๆ มือก็สาละวนอยู่กับการจัดแจงอาหารในถาดแล้วนำมาให้ร่างบางบนเตียง
“ป้าพูดเหมือนณิชหลับไปนานเลย” เสียงคนที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งตั้งตรงโดยมีป้าแม่บ้านช่วยเอาหมอนหนุนหลังให้พูดขึ้น
“สองคืนค่ะ คุณณิชหลับไปสองคืน นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว ป้าใจคอไม่ดีเลย ทำไมมีแต่คนป่วย นี่คุณหนูใหญ่ก็ไปโรงพยาบาลค่ะ เป็นไข้ แล้วก็นิ้วแตก ไม่รู้ไปโดนอะไรมา พอไปแล้วก็เลยพาหมอมาดูคุณณิชด้วย คุณณิชได้น้ำเกลือไปคืนละขวดเลยนะคะ แล้วก็มีฉีดยาด้วย เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรง ไหน หรือว่ายังอ่อนเพลียอยู่หรือเปล่า”
“นิดหน่อยเองค่ะป้า ณิชไม่เป็นอะไรแล้ว แล้ว เอ่อ...คุณหนูของป้า เขา...”
“คุณหนูใหญ่ไปทำงานค่ะ เมื่อวานก็ไปทั้ง ๆ ที่ยังป่วย วันนี้ก็ไปอีก เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน มาเฝ้าคุณณิชทั้งคืน คุณณิชทานข้าวก่อนนะคะ เห็นเป็นแบบนี้แล้วป้าใจคอไม่ดีจริง ๆ คุณหนูใหญ่ก็มาเยี่ยมคุณทุกวันนะ ทำงาน ดึกดื่นแค่ไหนก็มา ดูสิคุณไม่ยอมตื่นมาคุยกับเธอเลย คุณณิชเอาแต่ละเมอ เป็นห่วงใครก็ไม่รู้ พี่อะไรสักอย่างป้าก็ฟังไม่ถนัด”
คำพูดของป้าแม่บ้านทำให้มือที่กำลังถือช้อนชะงักอย่างฉับพลัน นัยน์ตาเบิกกว้าง หญิงสาวรีบก้มหน้าเสีย ทำให้คู่สนทนาไม่ได้เห็น
“ทานข้าวนะคะ เดี๋ยวป้ามาเก็บถาด แล้วก็พักผ่อนนะคะ อย่างไรซะก็เอาให้ตัวเราเองหายป่วยไว้ก่อน มีอะไรต้องทำก็จะได้ทำ ชีวิตคู่ก็ยังงี้แหละค่ะ มีอะไรก็ต้องคุยกัน ต้องรัก ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน เฮ้อ...ป้าเป็นแค่
คนอื่น คนอื่นน่ะ จะให้มามีอิทธิพลกับชีวิตคู่ของเรามากไม่ได้หรอกนะคะ”เสียงของป้าแม่บ้านยังดังก้องไปมาอยู่ในหัวของณิชชา
‘คนอื่น’ ที่ป้าหมายถึง คือใครกัน?
ณิชชาหลับลึกไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ ตื่นขึ้นมาคราวนี้รู้สึกสบายตัวมากกว่าเมื่อช่วงแรกอยู่มาก เพราะเรี่ยวแรงมีมากขึ้นแล้ว ทั้งได้กินข้าวกินยา ยิ่งทำให้อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะไม่ได้ลุกจากเตียงนาน พอจะยืนขึ้นก็ถึงกับเข่าอ่อน อาการมึนหัวเข้าคุกคามจนต้องไปนั่งแปะอยู่ที่เตียงอีกรอบ
“จะรอดมั้ยเนี่ย” ณิชชาพึมพำถามตัวเองแล้วลองลุกขึ้นอีกรอบ เพื่อจัดการอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ณิชชาไม่พบเสื้อผ้าชุดอื่นนอกจากชุดนอนเดิม เตียงหลังเดิม ภายในห้องห้องเดิม ซึ่งความทรงจำของณิชชากับห้องในเรือนหลังเล็กนี้ที่มีแต่ความโหดร้าย ภาพของการถูกโยง ถูกมัด ถูกทำทารุณกรรมต่าง ๆ นานา ภาพความอับอายที่ต้องทนถูกทำอะไรต่อมิอะไรต่อหน้าชินวุฒิ
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าไปเผลอหลงรักคนใจร้ายแบบนั้นได้ยังไง ตั้งแต่ตอนไหนกัน
มือบางบิดลูกบิดประตูห้องนอน เพียงเพื่อที่จะพบว่ามันไม่สามารถเปิดออกได้
หญิงสาวบิดลูกบิดไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดใจ ถอยกลับมานอนนิ่ง ๆ ที่เตียงอีกหน เตียงนุ่ม ๆ นั้นคงจะมีใครมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนตอนที่เธอไปอาบน้ำ กลิ่นความใหม่ กลิ่นความหอมของผ้าจึงทำงานเต็มที่ ไม่มีกลิ่นคนป่วยลอยวนอยู่อีกแล้ว
ณิชชานอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงเวลาสองปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา กับอัครชัยแล้ว คนรักที่แสนดีคนนี้เมื่อเขาจากไปใหม่ ๆ ณิชชาคิดถึงมาก มากจนแทบขาดใจ กว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรได้ก็เป็นเวลาร่วมเดือน ช่วงแรกอัครชัยไม่ติดต่อกลับมาเลย แล้ววันหนึ่งก็ส่งข้อความมาบอกว่าให้มาสมัครงานที่บริษัทแห่งนี้ เพื่อจะได้มีความก้าวหน้าทางอาชีพ จนกระทั่งได้พบกับ ‘เขา’
คนที่ทำให้เธอทั้งกลัว ทั้งเข็ดขยาด ทั้งรู้สึกดี ๆ ด้วยได้ในเวลาเดียวกัน
...ถึงตอนนี้อาจจะกลายเป็นเกลียดชังไปเสียแล้ว...
...ถ้าพี่อัคหายไปจากชีวิตณิชเลย ณิชคงไม่ต้องเจอเขา ณิชคงยังเป็นพนักงานต๊อกต๋อยอยู่ที่เดิม และก็คงจะมีความสุขดีเหมือนเดิม ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายอย่างนี้...
ณิชชาหยุดลมหายใจตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง
พี่อัค!
ป่านนี้พี่อัคจะเป็นยังไงบ้าง!
คิดได้แค่นี้ ณิชชาก็ร้อนใจจนไม่อาจจะนอนต่อได้ หญิงสาวลุกขึ้นมาแล้วหมายจะลงมือบิดลูกประตูอีกหน แต่มือเล็กต้องชะงักลง เพราะประตูบานที่เคยปิดตาย ถูกเปิดออกซะก่อน ณิชชาตาเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร และไวกว่าความคิด ฝ่าน้อยฟาดลงบนใบหน้าเคร่งขรึมนั้นจนหน้าสะบัด
ชลาสินธุ์เพียงแต่ใช้ลิ้นสำรวจโพรงปากตัวเอง อาจจะมีเลือดออกนิดหน่อยที่กระพุ้งแก้ม เขาไม่ได้ใช้กำลังตอบโต้กับเจ้าของฝ่ามือ เพียงแต่มองหน้าณิชชานิ่ง ๆ เท่านั้น
“หายดีหรือยัง” นอกจากจะไม่มีปฎิกิริยาอะไรที่โดนตบจนสุดแรงไปแล้ว ชลาสินธุ์ยังคงก้าวเดินเข้ามาในห้องทำให้คนตัวเล็กต้องถอยหลัง แล้วก็หยุดชะงักเมื่อมือหนายกขึ้นมาอังที่หน้าผาก “ตัวหายร้อนแล้วนี่ ยังเพลียอยู่มั้ย หมอบอกว่า...เธออ่อนเพลีย ต้องให้น้ำเกลือ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ณิชชาตะโกนลั่น สะบัดมือหนาที่หน้าผากออกอย่างแรง “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง พี่อัคไม่รู้เรื่องอะไร คุณทำกับเขาขนาดนั้นได้ยังไง” ณิชชายิ่งพูดความรู้สึกโกรธก็ยิ่งมีมากขึ้น จึงยกมือขึ้น มารัวกำปั้นเข้าที่ร่างหนา หวังให้ชลาสินธุ์ได้เจ็บ ได้ปวดเหมือนอย่างที่
อัครชัยโดนยิ่งเห็นหน้า ณิชชาก็เหมือนจะแน่ใจตัวเองมากขึ้นว่า ไม่สามารถให้อภัยคนตรงหน้าได้แล้วจริง ๆ เรื่องราวดี ๆ ที่เคยมีต่อกันมันจบสิ้นลงหมดแล้ว ทุกอย่างหมดลงไปแล้วตั้งแต่เห็นร่างของอัครชัยถูกทำร้ายจนหมดสติไปต่อหน้าต่อตา
หญิงสาวจำได้ว่า ไม่ว่าจะร้องไห้เท่าไร ขอร้องเท่าไร แต่ไม่มีสักนิดที่ชายคนนี้จะหันกลับมามอง ไม่มีอีกแล้ว ชลาสินธุ์ที่เคยรู้จัก ที่ต้องแสร้งทำตัวร้ายกาจ เพราะเป็นฝ่ายถูกกระทำมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็ก
แท้จริงแล้วที่ผ่านมาชลาสินธุ์ก็เลวแท้โดยสันดานต่างหาก!
ณิชชาโง่จริง ๆ ที่ไม่รู้อะไรเลย
ณิชชาคิด มือก็ทุบเข้าไปที่ตัวของชลาสินธุ์เรื่อย ๆ เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่ใช่มือที่กระแทกอกแกร่งนั้นหรอก แต่เจ็บที่ใจต่างหาก ความเจ็บที่เกิดจากความเสียใจที่ไปหลงรักคนแบบนี้ แววตารวดร้าวสบตากับคนที่ถูกตนเองทำร้าย น้ำตาไหลอย่างห้ามไม่อยู่
ณิชชาป้ายน้ำตาตัวเองลวก ๆ ไม่อยากเสียน้ำตาให้คนตรงหน้านี้อีกแล้ว
“ฉันจะไปหาพี่อัค” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเบี่ยงตัวหวังจะเดินออกไปทางประตูที่ยังเปิดแง้มไว้
“ถ้าเธอพูดแบบนั้นอีก จะถูกล่ามโซ่เหมือนคืนนั้น” เสียงนิ่งเอ่ยขึ้นพร้อมมือที่จับมั่นอยู่ที่ข้อมือบาง
“อย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามาแตะตัวฉัน” ณิชชาตะโกนลั่น พยายามสลัดแขนตัวเองออก แต่ไม่สามารถทำได้
แววตาดุกร้าวจ้องณิชชานิ่ง ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางให้ลงไปบนเตียง แล้วตรึงร่างทั้งร่างเอาไว้ด้วยมือและร่างของตัวเอง คราวนี้ณิชชาจะดิ้นอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ แต่ชลาสินธุ์กลับไม่ได้ทำอะไรเธอเหมือนอย่างที่ทำเมื่อคืนก่อน
“อยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ สงบ ๆ ลงบ้าง เดี๋ยวหมอจะมาดูเธอว่า อาการดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าไม่ดีขึ้น ฉันจะไม่มีทางให้เธอได้ออกไปจากห้องนี้แน่” เสียงขรึมพูดที่ใบหูมีความเป็นห่วงเจือปนจนอีกคนรู้สึกได้แต่ร่างเล็กไม่เชื่อเสียแล้ว
“ไม่ต้องมาสนใจฉัน แค่ให้ฉันได้ออกไปให้ห่าง ๆ คุณ ชีวิตฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว” ณิชชาพูดพร้อมออกแรงผลักคนที่นอนทาบทับตัวเองอยู่
“วันนั้นไม่มีทางมาถึงหรอกณิช เธอไม่มีทางได้มีวันนั้น”
ณิชชาฟังอย่างนั้นก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก เธอดิ้นรนจะออกจากตรงนั้นให้ได้ แต่ชลาสินธุ์ก็ล็อกตัวเองไว้ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ไปคว้าเอาลิ้นชักข้างเตียงแล้วหยิบของคุ้นเคยออกมาอีก ณิชชาเห็นก็ตาเบิกกว้าง กุญแจมือกำลังจะถูกใช้งานกับข้อมือเขาอีกหน ร่างบางดิ้นรนกระเสือกกระสนเอามือออกให้ห่างอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะนึกอะไรได้บางอย่าง
ร่างเล็กเอื้อมมือไปที่ถาดอาหารที่ถูกวางไว้ข้าง ๆ เตียง หญิงสาวกระเถิบร่างมาจนสามารถเอื้อมมือไปหยิบของในถาดได้ ก่อนจะหยิบส้อมขึ้นมาจิ้มที่คอตัวเองพร้อมกดลงจนเป็นรอยบุ๋ม
ชลาสินธุ์ตกใจ รีบทิ้งกุญแจมือไว้ แล้วมากระชากส้อมออกจากมือของณิชชา แต่มือเล็กยึดมันเอาไว้มั่น ชลาสินธุ์ค่อย ๆ คลายแรงของตัวเองลง เพราะกลัวว่าหากพลาดพลั้งอะไรไปณิชชาอาจจะบาดเจ็บได้
“ฉันจะไม่ทำอะไรอีก แต่เธอต้องสัญญา ว่าจะไม่ทำอะไร และต้องปล่อยมือจากส้อมนี่ด้วย” ชลาสินธุ์พูดเสียงขรึม ทั้งที่ใจเขาเต้นโครมคราม ณิชชาดื้อรั้น และทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงได้ตลอด และเขาเชื่อมั่นว่า
หญิงสาวทำมันได้จริง...นี่เธอไม่มีใจให้แล้วจริง ๆ เหรอ...
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”
“ไม่ได้สั่ง แต่ทำแบบนี้มันอันตราย”
“ก็ให้มันตาย ๆ ไปซะ ฉันไม่ได้อยากอยู่กับคุณแล้ว” อีกคนพูดส้อมในมือสั่นไม่ต่างจากเสียงพูด สีหน้าเย้ยหยัน ไม่สนใจความรู้สึกคนตรงหน้าสักนิดว่าจะเป็นอย่างไรหากตัวเองตายไป น้ำตาไหลลงมาอีกแล้ว ปากตัดขาดได้ แต่ใจกลับทรยศ
ชลาสินธุ์ถือโอกาสนั้นบิดข้อมือเล็ก แล้วคว้าเอาส้อมออกไปจากมือ ณิชชาดิ้นรนคว้าจะเอาส้อมมาคืนแต่เสียงเคาะประตูหยุดคนทั้งคู่ไว้
ชลาสินธุ์ลุกขึ้นมาชี้หน้าร่างเล็กที่ยังนอนอยู่บนเตียงให้อยู่เฉย ๆ ก่อนจะเก็บถาดอาหารเจ้ากรรมไว้ห่าง ๆ จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูโดยไม่ต้องถามว่าใคร เพราะรู้ดีว่านี่เป็นเวลานัดของหมอ ว่าจะเข้ามาดูอาการคนไข้หลังจากฉีดยาและให้น้ำเกลือไว้
หมอหนุ่มทักทายคนป่วยที่นอนอยู่ สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมถึงมีแววเหนื่อยล้าเหมือนเพิ่งใช้แรงมา ส่วนชลาสินธุ์ชำเลืองมองคนป่วยด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกจากห้องไป
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว