สินชัยเดินนำไปทางห้องล็อกเกอร์ของแม่บ้าน บอกหัวหน้าแม่บ้านให้หาชุดให้จันทริกาเปลี่ยน จากนั้นหญิงสาวก็ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเดินตามหัวหน้าแม่บ้านไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้นสาม
“เดี๋ยวทำที่นี่เสร็จ ขึ้นไปทำที่ชั้นสี่ต่อเลยนะ” หัวหน้าแม่บ้านออกคำสั่งกับจันทริกาอีกคน
“ค่ะ”
“งั้นก็ลงมือได้เลย เดี๋ยวป้าจะไปตรวจความเรียบร้อยที่ชั้นอื่นก่อน เสร็จแล้วจะขึ้นมาตรวจดูที่ชั้นสามอีกรอบ” หัวหน้าแม่บ้านบอกเสร็จก็ออกไปจากห้องน้ำชั้นนั้น เพื่อไปตรวจความเรียบร้อยของชั้นอื่นๆ ตามหน้าที่ตัวเอง
ประตูห้องน้ำที่ถูกแขวนป้ายด้านนอกว่ากำลังทำควาสะอาดถูกผลักเข้ามาอีกรอบ ทำให้จันทริกาซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดล้างทำความสะอาดห้องน้ำอยู่หันขวับไปมอง แล้วก็เห็นว่าคนที่เข้ามานั้นก็คือรังสิมันต์นั่นเอง
“คุณตะวัน…”
“ฉันแค่เข้ามาดูเธอว่าทำความสะอาดได้เรียบร้อยดีหรือเปล่า”
ได้ยินคำตอบแบบนั้นจันทริกาก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดต่อ โดยไม่ได้พูดจาใดๆ กับเขาอีก เสร็จจากห้องนั้นก็ต่อห้องนี้ จนกระทั่งครบทุกห้อง โดยมีสายตาคมกริบของเจ้าของห้างคอยจับจ้องมองทุกฝีก้าว คล้ายจะไม่ยอมให้เธอคลาดสายตาไปไหน
ประตูด้านนอกของห้องน้ำถูกเปิดอีกครั้ง คนที่เปิดเข้ามาคือหัวหน้าแม่บ้าน ซึ่งค่อนข้างจะตกใจและแปลกใจเมื่อเห็นเจ้านายใหญ่ยืนอยู่ในนั้น วูบแรกที่หัวหน้าแม่บ้านคิดก็คือ รังสิมันต์ไม่ไว้ใจว่าเด็กสาวคนนี้จะทำความสะอาดห้องน้ำได้เรียบร้อยหรือเปล่า แต่ทำไมเจ้านายใหญ่ถึงได้ลงทุนมาดูด้วยตัวเอง อีกทั้งเด็กคนนี้เจ้านายก็เป็นคนพามาเอง มันจึงไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก ที่ผู้บริหารระดับสูงจะเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
“คุณตะวันมีอะไรหรือเปล่าคะ” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถามอย่างเกร็งๆ เพราะในยามปกติไม่ค่อยได้คุยกับเจ้านายใหญ่เท่าใดนัก
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่มาดูว่าคนของผมทำความสะอาดได้ดีแค่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยดูเอง”
“เดี๋ยวเสร็จจากชั้นนี้แล้วเธอขึ้นไปทำความสะอาดที่ชั้นสี่ รออีกสักครึ่งชั่วโมงให้ลงมาทำที่นี่อีก แล้วกลับไปทำที่ชั้นสี่อีกรอบ เสร็จแล้วค่อยกลับไปทำงานบ้านต่อ แล้วก็อย่าให้มีอะไรบกพร่องล่ะ”
ประโยคนั้นรังสิมันต์หันไปออกคำสั่งกับจันทริกา ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับเก๊กหน้าดุๆ ใส่หัวหน้าแม่บ้านที่ทำท่าสงสัยในพฤติกรรมของเขา
รังสิมันต์กลับมานั่งทำงานในห้องของตัวเองดังเดิม หากแต่สมาธิไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานบนโต๊ะแต่อย่างใด ความคิดของเขาทั้งหมดตอนนี้ มีแต่ภาพร่างเล็กบางในชุดแม่บ้านเทน้ำยาลงในโถส้วม แล้วจัดการขัดล้างไปทีละห้องๆ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นมาเต็มหน้าผากของเธอ แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจจะเช็ดมันออก และไม่มีปริปากบ่นสักคำ
ป่านนี้คงกำลังทำความสะอาดรอบสองอยู่ละมัง แล้วจะรู้จักล้างหน้าล้างตาหรือเปล่าก็ไม่รู้
“จะห่วงทำไมวะไอ้บ้าตะวัน” เจ้าตัวสบถออกมาเสียงเข้ม เมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะใจอ่อนบ่อยขึ้นๆ ความจริงเขาต้องสะใจถึงจะถูกที่ได้เห็นจันทริกาเหน็ดเหนื่อยแบบนั้น เพราะความเหนื่อยของเธอมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เธอพรากไปจากเขา
เมื่อสมาธิแตกกระเจิงไปชั่วขณะ รังสิมันต์ก็จึงรีบรวบรวมมันกลับมาใหม่แล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปกับงานที่ยังค้างอยู่ แต่ขนาดเข้าข้างตัวเองสุดๆ ว่าตั้งใจทำงานแบบไม่คิดวอกแวกแล้ว หากกระนั้นพอตัวเลขบอกเวลาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังจะถึงเวลาห้าโมงเย็น เขาก็รีบปิดคอมพิวเตอร์และตั้งใจจะตรงดิ่งกลับบ้านทันที ทว่ายังไม่ทันได้ลุกจากเก้าอี้ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาแบบไม่ได้เคาะ ซึ่งคนที่กล้าทำแบบนั้นไม่มีใคร นอกจากเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อไอ้เชี่ยปรัชญ์เท่านั้น
“นั่นแกจะรีบไปไหน” ปรัชญ์ถามขึ้นก่อนขณะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของรังสิมันต์
“ถามได้ เลิกงานแล้วก็กลับบ้านน่ะสิ ว่าแต่แกเถอะทำไมไม่กลับบ้าน มาทำอะไรแถวนี้”
“มาชวนแกกินเหล้า”
“อีกแล้วเหรอ”
“ถามยังกะฉันมาชวนบ่อยนักหนาอย่างนั้นละ”
“ก็บ่อยหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่บ่อยโว้ย นี่เพิ่งจะครั้งที่สอง”
“แล้วจะไปกินที่ไหน บ้านฉันเหรอ”
“ไม่ละ วันนี้อยากไปท่องราตรีเชียงใหม่ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“ไปก็ไป แต่เดี๋ยวรอฉันแป๊บหนึ่ง”
บอกปรัชญ์เสร็จ มือใหญ่ก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทร.ออก โดยหลังจากคนที่ตนโทร.หากดรับสายแล้ว เขาก็รีบหันหลังให้ปรัชญ์ เพราะไม่อยากให้เพื่อนได้ยินการสนทนาในครั้งนี้
“วันนี้ฉันไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านนะ เธอไม่ต้องรอ”
เป็นคำพูดเพียงประโยคเดียวที่บอกกับคนปลายสายไป จากนั้นก็กดวางแล้วหันกลับมาทางปรัชญ์เช่นเดิม ทว่าแม้จะทำแค่นั้น เพื่อนของเขาก็ยังไม่วายพูดยั่วอารมณ์ราวกับกำลังจับผิดการกระทำของเขาอยู่ทุกฝีก้าว
“นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกโทร.บอกเด็กรับใช้ในบ้าน ฉันจะคิดว่าแกกำลังโทร.รายงานเมียนะ”
“ไอ้เชี่ยปรัชญ์ ก็บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน แต่เธอเป็นฆาตกร”
“ครับๆ กูเชื่อก็ได้ครับ แต่ทำไมต้องโทร.บอกด้วยล่ะ” ปากบอกว่าเชื่อ แต่ปรัชญ์ก็ยังซักฟอกเขาต่อแบบไม่ยอมรามือง่ายๆ
“ฉันไม่ใช่แกนี่ที่ไปไหนมาไหนแล้วไม่คิดจะบอกใคร” รังสิมันต์ไม่ตอบแต่ย้อนปรัชญ์บ้าง
“ก็ไม่มีใครให้บอกนี่หว่า”
“ป้าลักษณ์ไง แม่แกน่ะ”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว ที่ต้องโทร.รายงานแม่ ถ้ามีเมียให้โทร.หาอย่างแกก็ว่าไปอย่าง”
“ไอ้ปรัชญ์!”
“ฉันหมายถึงเมียเก่าแกน่ะ นี่แกคิดว่าฉันหมายถึงใคร”
“แกรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ต้องมาทำหน้าเซ่อโง่ๆ มันดูไม่สมจริงสักนิด”
“แสดงว่าฉันรู้ใจแกงั้นสิ” ปรัชญ์ยักไหล่พลางยิ้มยั่ว “แล้วแกล่ะรู้ใจตัวเองหรือเปล่า”
“เซ็งเว้ย! เมื่อไหร่จะเลิกกวนโมโหวะ”
รังสิมันต์พูดอย่างอารมณ์เสียเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ซ่อนลึกๆ อยู่ในใจ ก่อนจะเดินอาดๆ นำหน้าปรัชญ์ออกไปจากห้องทำงาน ปรัชญ์หัวเราะออกมาเบาๆ ส่ายหัวนิดๆ แล้วก้าวตามออกไปบ้าง
บทที่ 41รถที่สมรรถสูงสมราคาแล่นฉิวเข้ามาในที่จอดประจำโดยใช้เวลาไม่นานนัก รังสิมันต์ก้าวลงจากรถแล้วสั่งให้จันทริกาเดินไปหาหัวหน้าแม่บ้านที่ห้องล็อกเกอร์ ส่วนตัวเองตรงขึ้นไปยังห้องทำงานเพราะเมื่อวานนี้ทราบแล้วว่าห้องล็อกเกอร์อยู่ตรงไหน จันทริกาจึงไปหาหัวหน้าแม่บ้านที่นั่นโดยไม่ต้องมีใครพาไป หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จเธอได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดห้องน้ำที่ชั้นสามและชั้นสี่เช่นเดิม หญิงสาวพยายามมองหาคนในบ้านที่รังสิมันต์ให้มาทำงานที่นี่ ทว่าก็ไม่ได้พบใคร เพราะทุกคนอยู่ในแผนกอาหารสดกันหมด เธอจึงได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่มีโอกาสได้พูดคุยทักทายกับใครเลย ร่างเล็กบางที่กำลังหิ้วถังน้ำและไม้ถูพื้นเข้าไปห้องน้ำ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของรังสิมันต์อยู่แทบจะทุกย่างก้าว เพียงแต่วันนี้เขายืนมองอยู่ไกลๆ ไม่ได้เข้ามาคุมแจอยู่ข้างในเหมือนเมื่อวาน หลังจากที่เข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำชั้นสามเสร็จ จันทริกาถืออุปกรณ์ทั้งหมดออกมาด้านนอก เตรียมจะไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำชั้นสี่ต่อ แต่เธอต้องหันหลังกลับไปมอง เมื่อมีใครบางคนเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย
บทที่ 40เวลาเกือบสี่ทุ่ม กว่าที่รังสิมันต์กับปรัชญ์จะแยกย้ายกันกลับบ้าน แม้ปากบอกว่าจะไปดื่มเหล้าด้วยกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่ได้ดื่มหนักอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นคุยกันสัพเพเหระซะมากกว่า หรือถ้าให้พูดตรงๆ เรื่องดื่มเหล้ามันก็เป็นแค่ข้ออ้างสำหรับการออกไปเที่ยวเตร่ตามประสาผู้ชายโสดเท่านั้นออดี้สีเหลืองแล่นมาจอดที่หน้าบ้านอย่างคล่องตัว คนขับจัดการดับเครื่องดึงกุญแจออกแล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านเลย โดยไม่ได้สนใจจะขับรถราคาแรงนั้นไปจอดในโรงรถแต่อย่างใด ด้านนอกไฟยังคงสว่างไสว ทว่าภายในบ้านไฟกลับถูกปิดเกือบทุกดวง ยกเว้นตรงบริเวณทางขึ้นบันไดชั้นสองเท่านั้นที่เปิดอยู่ร่างสูงก้าวขาไปยังบันไดเพื่อขึ้นห้อง ทว่าอยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน หันหลังกลับแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนชั้นล่างแทนเขาหยิบกุญแจสำรองที่แอบเก็บไว้ติดตัวตลอดเวลาออกมา กำลังจะไขเข้าไปอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ชะงักมือเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงหวานแว่วดังออกมานอกห้องเบาๆ“นอนลงๆ เป็นเด็กว่าง่าย นอนได้แล้วเมสซี่ วันนี้จันทร์ง่วงมาก แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยให้เมสซี่ฟังด้วย ฝันดีนะ”แม้เสียงนั้นจะเล็ดลอดออกนอกห้องมาแค่แผ่วเบา แต่ด้วยบรรยากาศที่เงียบเชียบของบ้าน ร
บทที่ 39สินชัยเดินนำไปทางห้องล็อกเกอร์ของแม่บ้าน บอกหัวหน้าแม่บ้านให้หาชุดให้จันทริกาเปลี่ยน จากนั้นหญิงสาวก็ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเดินตามหัวหน้าแม่บ้านไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้นสาม “เดี๋ยวทำที่นี่เสร็จ ขึ้นไปทำที่ชั้นสี่ต่อเลยนะ” หัวหน้าแม่บ้านออกคำสั่งกับจันทริกาอีกคน “ค่ะ” “งั้นก็ลงมือได้เลย เดี๋ยวป้าจะไปตรวจความเรียบร้อยที่ชั้นอื่นก่อน เสร็จแล้วจะขึ้นมาตรวจดูที่ชั้นสามอีกรอบ” หัวหน้าแม่บ้านบอกเสร็จก็ออกไปจากห้องน้ำชั้นนั้น เพื่อไปตรวจความเรียบร้อยของชั้นอื่นๆ ตามหน้าที่ตัวเอง ประตูห้องน้ำที่ถูกแขวนป้ายด้านนอกว่ากำลังทำควาสะอาดถูกผลักเข้ามาอีกรอบ ทำให้จันทริกาซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดล้างทำความสะอาดห้องน้ำอยู่หันขวับไปมอง แล้วก็เห็นว่าคนที่เข้ามานั้นก็คือรังสิมันต์นั่นเอง “คุณตะวัน…” “ฉันแค่เข้ามาดูเธอว่าทำความสะอาดได้เรียบร้อยดีหรือเปล่า” ได้ยินคำตอบแบบนั้นจันทริกาก็หันไปตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดต่อ โดยไม่ได้พูดจาใดๆ กับเขาอีก เสร็จจากห้องนั้นก็ต่อห้องนี้ จนกระทั่งครบทุกห้
บทที่ 38“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ ถ้าหมดฤทธิ์แล้ว ฉันจะได้ทำต่อ” “กรุณาเถอะนะคะ จันทร์ไม่ต้องการแบบนี้” “แล้วต้องการแบบไหน หรือว่าชอบแบบซาดิสม์ ฉันก็จัดให้ได้นะ อ้อ...บางทีเด็กจิตๆ อย่างเธออาจจะชอบแบบที่ว่าก็ได้ ทำไมฉันถึงโง่นักนะ” รังสิมันต์หัวเราะเสียงหื่นในลำคอ ก่อนจะละมือข้างหนึ่งมาคลายเนกไทน์ของตัวเองออก จากนั้นก็กระชากมันมา แล้วรวบแขนทั้งสองข้างของจันทริกามามัดข้อมือด้วยเนกไทน์เส้นนั้น หญิงสาวได้แต่เบิกตากว้างไม่คิดว่ารังสิมันต์จะทำอะไรรุนแรงอย่างที่เขาว่าจริงๆ “คุณตะวันคะได้โปรด...” เธอขอร้องเขาเสียงสั่น “ได้สิ แบบนี้ฉันก็สุดโปรดเหมือนกัน” เรียวปากหยักคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ตาสาดประกายบางอย่างที่ทำเอาร่างบางสะท้าน และหลังจากนั้นจันทริกาก็ถูกผลักให้นอนหงายหลังลงไปบนโซฟา ก่อนที่รังสิมันต์จะจับสองมือที่ถูกมัดด้วยเนกไทน์ขึ้นวางไว้เหนือศีรษะของเธอ ร่างบางนอนตัวเกร็งขณะที่เขาเริ่มลงมือถลกชายเสื้อของเธอขึ้นไปกองไว้เหนือเนินอก ตามด้วยเสื้อชั้นในลูกไม้สีหวาน เปิดเปลือยส่วนสำคัญช่วงบนให้เป
บทที่ 37“หยุดก่อน”คำสั่งนั้นทำให้มือเล็กๆ ชะงัก และยืนตัวเกร็งรอการตำหนิหรือลงโทษจากเขา เพราะคิดว่ารังสิมันต์คงไม่พอใจกับการนวดของเธอ“มานั่งนี่”เขาออกคำสั่งพลางตบมือลงบนที่ว่างข้างตัว จันทริกาเดินไปนั่งตัวลีบลงบนโซฟาข้างๆ เขา แล้วหันไปมองเพื่อรอว่าเขาจะลงโทษยังไง ทว่ารังสิมันต์กลับทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง นั่นคือการโน้มตัวไปวางแก้ววิสกี้ที่โต๊ะหน้าโซฟา แล้วเอนตัวนอนหนุนตักเธออย่างรวดเร็ว “คุณตะวัน!” จันทริกาอุทานออกมา แก้มนวลมีจุดสีแดงซ่านแต่งแต้มทันทีกับสิ่งที่เธอไม่คิดว่ารังสิมันต์จะทำ ก็เมื่อคืนเขาเพิ่งจะมีอะไรกับผู้หญิงอีกคน พอมาวันนี้กลับมาทำกิริยาคล้ายสนิทชิดเชื้อกับเธอแบบชู้สาว ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย “เสียงดังทำไม หนวกหู ฉันก็แค่อยากนอนให้เธอนวดสบายๆ” “แต่แบบนี้จันทร์นวดไหล่ให้คุณไม่ได้นะคะ” “นวดไหล่ไม่ได้ ก็นวดแขนนวดมือไปสิ ตอนนี้ฉันเมื่อยไปทั้งตัวแล้ว” จันทริกาหน้าแดงก่ำกว่าเดิม ขณะก้มลงมองเขาพร้อมกับใช้มือเล็กๆ บีบนวดลงไปตามต้นแขน และสลับมานวดอีกข้างโดยไม่ยอมขยับลงไปนวดมือให้ตามที่คน
บทที่ 36ร่างสูงก้าวลงจากรถ เดินเข้าบ้านแล้วกวาดสายตามองหาร่างบางที่ปกติเวลานี้จะอยู่ในห้องครัว หรือไม่ก็กำลังตั้งโต๊ะอาหารรอเขาอยู่เมื่อไม่เห็นคนที่ตัวเองมองหา รังสิมันต์ก็ตรงไปยังห้องนอนของเธอ เพราะคิดว่าจันทริกาอาจจะอยู่ที่นั่นกับเมสซี่ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบทั้งคนทั้งแมวตัวโปรดของเขา ชายหนุ่มจึงบ่นพึมพำออกมาอย่างออกจะหงุดหงิด พร้อมกับที่หัวใจเริ่มร้อนรนขึ้น“ไปไหนของเขานะ...”เมื่อหาในบ้านไม่เจอ ลำขาแข็งแรงก็ก้าวยาวๆ ออกไปหารอบๆ บ้าน ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างโล่งอกทันทีที่เห็นว่าคนที่ตัวเองตามหากำลังก้มขัดพื้นอย่างขะมักเขม้นอยู่ที่ศาลาสระบัว โดยมีเมสซี่นั่งเป็นกำลังใจอยู่บนม้าหินอ่อนด้านบน“ค่ำมืดป่านนี้แล้วทำไมยังไม่เข้าบ้าน”เสียงดุๆ ที่ดังขึ้นทำให้จันทริกาสะดุ้งเล็กน้อย เธอหยุดชะงักมือที่กำลังจับแปรงขัดพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบคำถามของเขา“จันทร์ขัดพื้นศาลายังไม่เสร็จน่ะค่ะ”“แล้วไม่เห็นหรือไงว่าฉันกลับมาแล้ว ทำไมไม่ไปตั้งโต๊ะอาหารรอ”“ขอโทษค่ะ จันทร์จะไปเดี๋ยวนี้”“ที่มาขัดเอาค่ำๆ มืดๆ แบบนี้เพราะตอนกลางวันมัวแต่อู้งานล่ะสิ ถึงได้ทำไม่เสร็จ”“เปล่านะคะ” จั