ตั้งแต่วันที่น้องสาวถูกเว่ยอ๋องพาตัวไป ฟู่หมิงจือก็ไม่เห็นว่าบิดาจะทุกข์ร้อนเรื่องของนาง แต่กลายเป็นว่าเขาต่างหากที่กำลังตกอยู่ในอาการร้อนรน
เมื่อเขาจะพยายามจะเอ่ยเรื่องนี้ กลับถูกบิดาตัดบทไม่พูดถึง ฟู่ลี่อิ๋งเป็นน้องสาวร่วมมารดาเดียวกันกับเขา ทำให้เขาเป็นห่วงและรักนางมากที่สุด พูดได้เต็มปากว่ารักนางมากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ในบ้าน ผู้เป็นพี่ชายคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น ร่างเล็กแบบบางของนางนอนจมกองโลหิต หายใจรวยริน แต่ผู้เป็นบิดากลับเมินเฉยไม่ใส่ใจ
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุด เขาไม่เคยเห็นบิดาของตนปฏิบัติกับเยี่ยงนั้นมาก่อน
“ท่านพี่” เสียงหวานใสแหบพร่าเอ่ยเรียกเขา
ฟู่หมิงจือหันกลับไปจึงเห็นว่าเป็นน้องสาวคนรองของตน
“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหายตกใจแล้วหรือ แล้วเหตุใดจึงออกมานอกห้องเยี่ยงนี้” ร่างสูงเดินไปประคองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“ข้าดีขึ้นแล้ว” นางส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับพี่ชาย นางรู้ว่าเขาใจอ่อนกับบรรดาน้อง ๆ ฟู่
เมื่อคืนที่ผ่านมานางนอนบนเตียง ส่วนเว่ยจงหมิงไปนอนอยู่ที่เตียงเล็ก ๆ อยู่ห่างจากเตียงของนางไปนิดหน่อย ฟู่ลี่อิ๋งถูกเขาปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ ร่างเล็กที่อยู่ในกองผ้าห่มลุกขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า ตามธรรมเนียมแล้ว หลังจากแต่งงานนางควรจะเข้าไปถวายพรพระฮ่องเต้ซึ่งบัดนี้เขามีสถานะเป็นพ่อสามี และมีพิธีการของราชวงศ์อีกเล็กน้อยฟู่ลี่อิ๋งไม่คิดว่าเว่ยจงหมิงจะเป็นคนเรียบง่ายกว่าที่นางคิด นิสัยของสองพี่น้องคล้ายกันจริง ๆ ฟู่ลี่อิ๋งเปรียบเทียบเขาก็น้องชายตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากกลับจากเข้าวัง นางจะพูดคุยเรื่องการหย่าร้างให้จงได้ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบนาง การแต่งงานครั้งนี้มันผิดพลาดล้วนเป็นเรื่องผิดพลาด แล้วถ้าเกิด ถ้าเกิดเขาตัดใจจากฟู่เหยาเหยาไม่ได้ล่ะ เวลานี้เว่ยจงหมิงน่าจะเสียใจอยู่พอสมควรนางกำนัลประโคมชุดแต่งกายให้ฟู่ลี่อิ๋งชุดใหญ่ เครื่องประดับอะไรก็แล้วแต่ที่มีล้วนนำมาสวมใส่ให้กับนาง ดูเหมือนนางพวกนี้จะไม่รู้ว่านางสลับตัวกับฟู่เหยาเหยา คงเป็นเพราะนอกจากคนในเสิ่นหนานก็ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าของคุณหนูจวนโหว
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องหอที่ประดับประดาด้วยสิ่งของมงคลสีแดงสด เว่ยเจิ้งหยางลืมตาขึ้นพร้อมกับขยี้ตาเล็กน้อย มือป่ายปัดไปยังที่นอนด้านข้าง ความทรงจำของค่ำคืนที่ผ่านมาเลือนรางเหลือเกิน กลิ่นกายของสตรีที่กำลังนอนซุกอยู่ข้างกายเขา ดูแปลกพิกล“อิ๋งอิ๋ง” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อของสตรีที่ต่อไปนี้จะกลายเป็นภรรยาของเขาฟู่เหยาเหยารอโอกาสนี้มานานแล้ว นางแสร้งกระเด้งตัวขยับเข้าไปชิดกับเตียงนอนด้านใน ทันทีที่ได้ยินเสียงของเว่ยเจิ้งหยาง ทำท่าทางใสซื่อประดุจลูกแมวน้อยที่แสนจะน่าสงสาร“ท่านไม่ใช่ไท่จื่อ” ร่างเล็กแบบบางเนื้อตัวสั่นเทา สายตาจ้องมองบุรุษที่เพิ่งตื่นขึ้นด้วยท่าทางหวาดหวั่นเว่ยเจิ้งหยางสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่ความพร่าเบลอก่อนจะค่อย ๆ มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวให้ชัดเจน“เจ้า!!! ฟู่เหยาเหยา” ชายหนุ่มมีสีหน้าตื่นตะลึงทำสิ่งใดไม่ถูก “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”“ข้าก็ไม่รู้” นางรู้ทุกเรื่องแต่เสแสร้งทำเป็นไม่รู้ “แล้วเหตุใด ข
เว่ยจงหมิงทั้งลากทั้งดึงให้นางไปยังเรือนหออันเป็นน่าจะเป็นที่อยู่ของคู่บ่าวสาว บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบคงเป็นเพราะนี่เป็นค่ำคืนเข้าหอของผู้เป็นเจ้าของจวน ทำให้ไม่มีทหารยามอยู่ในรัศมีโดยรอบเรือนหอเพื่อความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเขาจับข้อมือของนางเอาไว้แน่น เตรียมตัวจะเคาะประตูห้อง แต่กลับได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากภายในทั้งสองคนยืนตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ ฟู่ลี่อิ๋งแหงนหน้าขึ้นไปสบตากับเว่ยจงหมิงเขาเองก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าจะไม่ต่างจากนาง นางรู้สึกว่าหัวใจของกำลังเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ ฟู่ลี่อิ๋งรู้สึกว่าเวลานี้ลำคอของนางแห้งผากแม้กระทั่งน้ำลายยังกลืนลงคอได้อย่างยากลำบากนางเคยคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับเว่ยเจิ้งหยาง แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจเจ้ากรรมของนางดันปวดร้าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มือเรียวเล็กผลักประตูเข้าไปด้านในโดยไม่รู้ตัว เมื่อประตูเปิดภาพที่นางเห็นในตอนนี้เป็นจังหวะที่เว่ยเจิ้งหยางกำลังคร่อมทับอยู่บนตัวของฟู่เหยาเหยา หนึ่งหญิงหนึ่งชายกอดก่ายกันแนบชิด ถึงนางจะไม่มีประสบการณ์
พี่น้องแต่งงานพร้อมกับนับเป็นประเพณีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในต้าเว่ย แต่ในเมื่อเป็นความประสงค์ของฮ่องเต้ ก็ไม่มีใครกล้าขัดพระราชหฤทัย พิธีการทุกอย่างดำเนินการผ่านไปได้เป็นอย่างดีเมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น เว่ยจงหมิงก็เร่งรีบกลับไปที่จวนของตนในทันที นับตั้งแต่วันที่จากมาจากเสิ่นหนานเขาก็ไม่ได้พบหน้านางอีก อยากรู้ว่ากำไลหยกที่เขาส่งไปให้นางฟู่เหยาเหยาจะพึงพอใจหรือไม่ อันที่จริงเขาอยากปลีกตัวมาหานางตั้งแต่ตอนบ่าย แต่เพราะพิธีการหลายอย่างทำให้ทั้งเขาและเว่ยเจิ้งหยางต้องรั้งอยู่เสียงของผู้คนที่นางไม่คุ้นเคยทำให้ฟู่ลี่อิ๋งรู้สึกกังวลใจยิ่งนัก หากเจอหน้าเขาในค่ำคืนนี้นางจะปฏิบัติตัวกับเขาเช่นไร เมื่อก่อนหน้านางได้รับการสั่งสอนจากคนในวังเรื่องการปฏิบัติต่อกันแบบสามีภรรยา คนตัวเล็กฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ที่แน่นอนนางจะต้องพูดคุยเจรจากับเขาให้รู้เรื่อง และฟู่ลี่อิ๋งเองก็คาดหวังให้เว่ยเจิ้งหยางเข้าใจในสิ่งที่นางกำลังจะเอ่ยกระทั่งประตูห้องหอถูกเปิดออกเ
ก่อนวันแต่งงาน เว่ยจงหมิงส่งกำไลหยกจักรพรรดิ[1]ไปมอบให้กับว่าที่ไท่จื่อเฟย โดยกำชับให้เป็นมั่นเป็นเหมาะกับลู่เหวิน ว่าให้ส่งให้กับมือของนางโดยเฉพาะ องครักษ์เมื่อได้รับพระบัญชาจากไท่จื่อก็รีบนำสิ่งของไปส่งคนถึงที่แผนการของฟู่เหยาเหยาต่อจากนี้จะมีแค่เพียงเสี่ยวเชี่ยนและองครักษ์หนุ่มที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนใช้ยาปลุกกำหนัดเท่านั้นที่รู้ ถ้าเป็นในยุคปัจจุบันสิ่งนี้คงจะเรียกกว่าการแบล็กเมล์ ซึ่งนางเคยทำบ่อย ๆ ตอนที่ยังเป็นดาราชื่อดังแห่งยุคนักการเมืองชื่อดัง ดาราผู้มีชื่อเสียง ผู้กำกับนักร้อง ล้วนแล้วแต่เคยถูกนางกระทำการเช่นนั้นมาแล้วทั้งสิ้น นางรู้ความลับมากมายของคนพวกนั้น แถมยังใช้ความลับเหล่านั้นมาผลักดันให้ตัวเองก้าวขาเข้าสู่แถวหน้าของวงการบันเทิง ไม่มีใครในโลกที่นางจากมาไม่รู้จัก เนี่ยเหยาเหยาสุดยอดนางเอกอันดับหนึ่งแต่แล้ววันหนึ่งคู่อริและคู่ขาของนางต่างก็พากันเอาคืนอย่างสาสม เนี่ยเหยาเหยาในอดีตถูกจับฉีดยาเสพติดเกินขนาดโดยที่นางไม่ได้เต็มใจ ก่อนที่จะได้มาอยู่ในโลกของนิยาย ชื่อเสียงของนางฉาวโฉ่ จากดาราสาวใสซื่อภาพล
“มันไม่ได้หมายถึงแค่ตระกูลฟู่เท่านั้นนะอิ๋งอิ๋ง มันยังหมายถึงท่านตาท่านยายประชาชนแคว้นเยี่ย” ฟู่ซิ่งกล่าวเตือน เขาใช้แคว้นเยี่ยมากล่าวอ้างโดยหวังว่านางจะรู้สึกเห็นใจผู้อื่นบ้าง“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้ากัน” นางหันกลับเผชิญหน้ากับบิดาอีกครั้ง นางเป็นคนเห็นแก่ตัวมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลยสักนิดต่อให้บิดาเอาสิ่งใดมาอ้างนางก็ไม่ยินยอมอยู่ดี“เจ้าจะหนีไปบวชแล้วทิ้งให้ผู้คนล้มตายอยู่เบื้องหลังได้หรือ” ฟู่โหวเตือนสติบุตรสาว “แล้วข้ากับพี่ชายเจ้าล่ะ”ฟู่ลี่อิ๋งสะดุดกึกเมื่อฟู่โหวกล่าวถึงพี่ชายของนางเพล้ง!!! แจกันกระเบื้องราคาแพงถูกฟู่ลี่อิ๋งทำลายทิ้งเพื่อระบายโทสะ“ใครจะเป็นจะตายแล้วเกี่ยวอะไรกับข้ากัน ท่านพ่ออย่าเอาชื่อเสียงของท่านตาท่านยายมาข่มขู่ข้า มีใครบ้างไม่รู้ว่าตั้งแต่ท่านแม่แต่งงานมาอยู่ต้าเว่ย ก็ถูกแคว้นเยี่ยตัดขาดไปหมดแล้ว แม้กระทั่งงานศพ พวกเขาก็ยังไม่มา แล้วเหตุใดข้าจะต้องสนใจ” แจกันและของประดับตกแต่