Home / แฟนตาซี / ตัวแถมของผู้กล้าอย่างผม จะอยู่รอดยังไงในต่างโลกเนี่ย!? / บทนำ : เมื่อลูกค้าร้านกาแฟถูกอัญเชิญไปต่างโลก

Share

ตัวแถมของผู้กล้าอย่างผม จะอยู่รอดยังไงในต่างโลกเนี่ย!?
ตัวแถมของผู้กล้าอย่างผม จะอยู่รอดยังไงในต่างโลกเนี่ย!?
Author: จรดปลายแป้น

บทนำ : เมื่อลูกค้าร้านกาแฟถูกอัญเชิญไปต่างโลก

last update Huling Na-update: 2025-10-23 02:52:47

บทนำ : เมื่อลูกค้าร้านกาแฟถูกอัญเชิญไปต่างโลก

ฝึด ๆ ๆ ฟืดดดดด… ฝึด ๆ ๆ

เสียงดินสอจรดลากเขียนไปบนกระดาษดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รูปภาพการ์ตูนถูกสเก็ตลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความชำนาญในทักษะการวาดของเด็กหนุ่มผู้ซึ่งถือดินสอร่างภาพการ์ตูนอยู่บนโต๊ะตัวในสุดของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพ สมุดสเก็ต และแท็ปเลตวางอยู่ ภายในร้านกาแฟนั้นตกแต่งสไตล์มินิมอลสีขาวสะอาดตา ตัดกับโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มจำนวนสี่โต๊ะตามแนวผนัง ฝั่งตรงข้ามเป็นหน้าต่างบานใหญ่รับแสง ด้านนอกเป็นสวนเล็ก ๆ โรยด้วยหินกรวดแม่น้ำกลมมนสีขาว มีแผ่นหินกลมสีอิฐปูเอาไว้เป็นก้าว ตรงเข้ามาที่ประตู หากมีลูกค้าเดินเข้ามาจะผ่านสวนนั้นก่อน และเมื่อเปิดประตูเข้ามา ก็จะพบเคาท์เตอร์กาแฟรอต้อนรับอยู่ แต่ว่าเวลานี้กลับไม่มีลูกค้า มีเพียงเด็กหนุ่มนั่งวาดรูปอยู่คนเดียวที่มุมในของร้าน

เด็กหนุ่มสะบัดปลายดินสอลงกระดาษได้อีกสองทีก็หยุดกึก ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหาวหวอดใหญ่ แล้วหันไปทางเคาท์เตอร์กาแฟ “เจ้ ขอกาแฟแก้วนึงดิ”

สาวสวยเจ้าของร้านผู้ถูกเรียกว่า ‘เจ้’ ยืนท้าวเอว แล้วหันมาบ่นใส่น้องชายตัวเองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “นี่กฤษ… วัน ๆ เอาแต่วาดการ์ตูน งานการไม่ช่วย แล้วยังจะมาสั่งกาแฟกินอีก”

“โห… เจ๊กาน พูดหยั่งกะร้านมีลูกค้าให้ช่วยเสิร์ฟแหละ ขอกาแฟกินแก้วเดียวก็ไม่ได้” กฤษบ่นมุมมิบ

“ไม่ได้ย่ะ! วันนี้แกกินไปสองแก้วแล้ว เปลืองกาแฟ”

ได้ยินแล้วเด็กหนุ่มก็ได้แต่ฟุบลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมระบายด้วยเสียงหงุดหงิด “อ๋อย ขี้ตืดชะมัด”

“ได้ยินนะยะ ตากฤษ อยากกินก็ลุกมาซื้อกาแฟเองสิ”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นอย่างอิดออด วางดินสอลงบนโต๊ะ เผยให้เห็นร่างอันผอมแห้งแต่สูง บนหัวมีผมสีดำยาวกระเซอะกระเซิงราวไม่ดูแล ใบหน้ามนได้รูป ดวงตาตี่ตามแบบฉบับลูกคนจีนนั้นขอบตาดำคล้ำราวหมีแพนด้า เมื่อคืนเขาไม่ได้นอน เพราะต้องรีบปั่นการ์ตูนลงแอพตูนให้ทันเวลาส่งเมื่อตอนเช้า และยังไม่ทันได้พักผ่อนดีเขาก็ต้องมานั่งร่างตัวละครใหม่ที่จะปรากฎตัวในการ์ตูนของเขาในเร็ว ๆ นี้ จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด บอกได้แค่ว่าเขาใช้เวลาช่วงปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้น ม. สี่ได้คุ้มค่าสุด ๆ

กฤษยืนเกาหัวอยู่สองสามที ถอนหายใจ แล้วเดินมาที่หน้าเคาท์เตอร์ เขาก้มลงมองเมนูด้วยหัวที่ว่างเปล่า ก่อนจะพูดขึ้นว่า “กาแฟบ้าอะไร แพงชิบหาย”

“ค่ะ… กาแฟแพง ๆ เนี่ย คุณกินฟรีวันละสามสี่แก้วเลยนะคะ มีหน้ามาบ่นอีกหรอคะคุณลูกค้า” กานประชด

“ลดให้หน่อยไม่ได้หรอ อยากกินเดอร์ตี้อะ…”

“ไม่… อยากกินถูก ๆ ก็สั่งอเมริกาโน่สิยะ”

“ก็มันขมอะ… ลาเต้ก็เบื่อแล้ว”

“งั้นก็สั่งเดอร์ตี้ แล้วจ่ายเต็มราคาค่ะคุณลูกค้า”

“แม่ให้ตังวันละร้อยเองนะเจ้” กฤษพูดเสียงอ่อย ได้ยินดังนั้นกานก็ผุดหัวเราะขึ้นมาอย่างเอ็นดู

“โอเค ๆ ทำเดอร์ตี้ให้กินฟรีแก้วนึงก็ได้ แต่พรุ่งนี้จ่ายด้วยนะยะ” พี่กานกำชับ

“คร้าบ” เด็กหนุ่มตอบรับ ทันใดนั้นเสียงประตูร้านก็ดังขึ้นพร้อมเสียงกระดิ่ง สองพี่น้องหันไปพร้อมกัน

หมอนี่อีกแล้วหรอ กฤษคิด ตรงหน้าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง สูงกว่าร้อยแปดสิบเซ็น ผมสีดำหยักศกของเขาตัดแต่งเป็นทรงเท่บาดใจ ใบหน้าใสกระจ่าง รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้านั้นดูอบอุ่นอย่างประหลาด ทว่ากฤษกลับไม่ชอบใจนัก

ลูกค้าหนุ่มยืนยิ้มที่หน้าประตูอยู่แปบนึง แล้วจึงก้าวเข้ามาในร้าน

“สวัสดีครับ วันนี้ร้านยังไม่ปิดใช่ไหม” ชายหนุ่มกล่าวถาม

“ยังค่ะ ร้านปิดสี่โมง ยังสั่งกาแฟนั่งกินเล่นได้อีกพักใหญ่เลยค่ะ” กานยิ้มหวาน ทำเอากฤษขนลุก กับลูกค้านี่ยิ้มสวยเชียวนะ ทีกับน้องชายนี่หน้ายักษ์ใจมารชัด ๆ

‘หลบสิยะ’ เสียงกระซิบดุของพี่สาวลอยมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายืนบังเคาท์เตอร์สั่งกาแฟอยู่ เมื่อเขาผละออกมา ลูกค้าหนุ่มหล่อก็ก้าวเข้าไปมองเมนู

หมอนี่จะมาจีบเจ้กานป่าวเนี่ย เห็นมาวันเว้นวันเลยนะช่วงนี้ กฤษคิดด้วยสีหน้าเบื่อโลก แล้วหันหลังกะจะเดินกลับโต๊ะตัวในของตน ทว่า…

“อ๊ะ!...”

“เอ๊ะ!?”

สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันเบื้องหลัง เสียงหนึ่งพี่สาวดังขึ้นอย่างตกใจ อีกเสียงเป็นของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างประหลาดใจ กฤษรีบหันกลับไปอย่างตกใจ ก็ได้พบกับภาพที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่า…

ตรงหน้าเขามีสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่น่ามีอยู่ในโลกใบนี้ได้ มันเป็นเหมือนอากาศที่บิดเบี้ยววนเป็นวงกลม มีสีสันราวกับแสงสะท้อนของแก้ว แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่าชายหนุ่มผู้เป็นลูกค้าร้านกาแฟกำลังถูกดูดกลืนโดยสิ่งนั้นอย่างเงียบงัน

ไม่มีเสียงอะไรมากไปกว่านั้น มีเพียงสีหน้าตะลึงงันของชายหนุ่มที่ค่อย ๆ จมหายไปในอากาศอันบิดเบี้ยวเบื้องหลัง ในเวลาไม่ถึงวินาที ก็เหลือเพียงมือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาราวไขว่คว้าบางอย่าง

กานยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ว่าน้องชายของเธอนั้นกลับมีสีหน้าตื่นเต้นเกินบรรยาย

ประตูมิติ! กฤษคิดในใจอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่มันอะไรกัน? ประตูมิติหรอ? ประตูนรก? ไม่สิ… ประตูไปต่างโลก!?

ความคิดทั้งหมดของเขาวิ่งอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที เด็กหนุ่มตัดสินใจกระโดดเข้าไปในประตูมิติปริศนานั่นอย่างไม่ลังเล

ใครจะยอมพลาดโอกาสนี้กัน!!

เด็กหนุ่มจมหายเข้าไปในประตูมิติที่ปิดลงพอดี ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะบิดเบี้ยวจนเวียนหัว แล้วค่อย ๆ มืดลง มีเพียงเสียงสุดท้ายที่ฟังดูตื่นตระหนก “อย่า! กฤษ!! อย่า!!”

แต่ว่าช้าไปแล้ว เด็กหนุ่มตัดสินใจแล้ว และจมลงสู่ห้วงมิติที่ไม่อาจพาเขาหวนกลับมาได้อีกตลอดกาล

กานยืนตะลึงอย่างทำอะไรไม่ถูก ประตูมิตินั่นปิดลงแล้ว ตรงหน้าว่างเปล่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าลูกค้าหนุ่มคนนั้นหายไปแล้ว… หายไปพร้อมน้องชายของเธอ

เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป และจะต้องบอกพ่อแม่ของเธออย่างไร ภาพตรงหน้านั้นช่างเกินความเข้าใจเธอมากเกินไป และหวังเพียงว่ากล้องวงจรปิดที่มีจะพออธิบายอะไรได้บ้าง…

______________________________________

ท่ามกลางความเวิ้งว้างที่บิดเบี้ยว และสติอันเลื่อนลอย ทันใดนั้นอยู่ ๆ จากสภาวะราวไร้แรงโน้มถ่วง พลันกลับรู้สึกว่าตัวเองกลับมามีน้ำหนักอีกครั้ง แสงสว่างวาบออกมา ก่อนที่กฤษจะพุ่งออกมาจากประตูมิติ แล้วล้มลงกระแทกจากพื้น

“ยินดีต้อนรับท่านผู้…” อยู่ ๆ เสียงหนึ่งที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดลงอย่างตกใจ เพราะกฤษพุ่งหลุดออกมาจากประตูมิติอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

เด็กหนุ่มคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้นสองสามวินาที ก่อนที่จะยันศอกขึ้น แล้วโก่งตัวอาเจียนเอากาแฟสองแก้วของวันนี้ออกมาจนหมด

“หวา… อะไรกันเนี่ย!” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านขวา

“นี่มันอะไรกัน ตัวแถมงั้นหรอ? หรือผู้กล้าอีกคน?” เสียงอีกคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ กัน

กฤษเงยหน้าขึ้นด้วยอาการมึนงง รอบ ๆ นั้นเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ที่ก่อขึ้นด้วยหินอ่อนอย่างดี มีเสาขนาดใหญ่โตอลังการค้ำเอาไว้ตลอดแนว รอบ ๆ เขามีกลุ่มคนสวมชุดเกราะคล้ายทหารโบราณยืนถือหอก และดาบมองมาอย่างสงสัย ตรงหน้าเขาเป็นชายหนุ่มลูกค้าร้านกาแฟที่ยืนงงไม่แพ้กันมองมาที่เขาอย่างพะอืดพะอม ถัดออกไปเป็นชายวันห้าสิบกว่าหนวดเคราดกหนาได้รับการตัดแต่งอย่างดี ร่างอันอ้วนท้วมนั้นสวมชุดหรูหราในผ้าคลุมสีแดงสด บนศีรษะมีมงกุฎทองคำประดับเพชรสะท้อนแสงแสบตา ไม่ต้องบอกใครเห็นก็รู้ว่าเป็นพระราชา

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ก็มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาพยุงเขาขึ้นมายืน ในขณะที่ทุกคนเริ่มตั้งตัวได้ พระราชาก็พูดขึ้นใหม่อีกครั้ง

“อืม… อะแฮ่ม… ยินดีต้อนรับท่านผู้กล้า… ทั้งสอง?”

ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง ไม่มีผู้ใดตอบรับ กฤษเองยังเวียนหัวเกินกว่าจะโต้ตอบ ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็ยืนงงราวไก่ตาแตก

“เราจะรู้ได้ไงขอรับว่า ทั้งคู่เป็นผู้กล้า หรือคนใดเป็นผู้กล้า คนใดเป็นเพียงตัวแถม” เสียงผู้หนึ่งกล่าวขึ้นแผ่วเบา กระซิบที่ด้านข้างพระราชา แต่ดังพอที่ผู้ถูกอัญเชิญทั้งสองจะได้ยิน

“ผู้กล้าหรอครับ? นี่ไม่ใช่การเล่นมายากล หรือกองถ่ายละครอะไรใช่ไหมครับ ผมรู้สึกว่าอาจจะมาผิดที่ซะแล้ว” ชายหนุ่มลูกค้าร้านกาแฟเอ่ยขึ้น

“นี่มิใช่การเล่นละครตบตาแต่อย่างใด พวกท่านนั้นถูกอัญเชิญมาที่นี่อย่างมีจุดประสงค์ ที่พวกท่านถูกอัญเชิญมานั้นแสดงว่าอาจเป็นผู้กล้าก็เป็นได้” พระราชากล่าวตอบ

“อะ… อัญเชิญ คือยังไงนะครับ?” ชายหนุ่มงุนงงหนัก

“ก็… หมาย อุบ… ความว่า ที่นี่คือต่างโลกยังไงล่ะ” กฤษพูดขึ้น พลางกั้นไม่ให้อาเจียนออกมาอีกรอบ

“ต่างโลก? หมายถึง นี่ไม่ใช่โลกของเราหรอ?” ชายหนุ่มสับสน

กฤษสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง เมื่อรู้สึกดีขึ้นจากอาการเวียนหัว จึงหันกลับไปตอบ “ใช่ ที่นี่ไม่ใช่โลกของเรา และไม่รู้ด้วยว่าจะกลับไปยังไง”

ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่ง พลางครุ่นคิดโดยไม่สนท่าทีไร้มารยาทของกฤษ “ต่างโลกแบบ… เหมือนการ์ตูนที่ดูตอนเด็ก ๆ หรอ? แบบเรื่อง ‘ดิจิตอล มอนสเตอร์’ อะไรแบบนั้นไหม?”

ยกตัวอย่างการ์ตูนโบราณชะมัด กฤษคิด ก่อนจะพยักหน้าทีหนึ่ง “ประมาณนั้น”

พระราชาที่เงียบฟังท่าทีของทั้งสองอยู่นานก็เอ่ยขึ้น “ท่านว่าที่ผู้กล้าทั้งสอง นามของพวกท่านคืออะไรงั้นหรือ? ข้ามีนามว่า ซาริออน พระราชาแห่งเมืองไซออนนี้”

แม้ยังสับสน แต่ชายหนุ่มก็รีบตอบอย่างร้อนรนเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพระราชา “ผมชื่อคิมหันต์ครับ… เอ่อ… ขอรับ?”

“ส่วนชั้น ชื่อกฤษ” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างไม่สนมารยาทใด ๆ “สรุปแล้วพวกเราคือผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญมาใช่ไหม?”

“อาจจะใช่ หรือไม่ใช่” ชายคนหนึ่งในชุดอัศวินกล่าวขึ้น “ปกติแล้วการอัญเชิญมีผู้กล้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“งั้นพวกนายจะพิสูจน์ยังไงว่าใครคือผู้กล้า” กฤษเอ่ยขึ้น จากที่เขาเคยอ่านการ์ตูนมา คนที่ถูกอัญเชิญมามักจะต้องเป็นผู้กล้า หรืออย่างน้อยก็ต้องได้พลังโกงอะไรสักอย่างชดเชย วิธีพิสูจน์คงจะมีคนที่อ่านค่าพลังสเตตัส หรือมีวิธีเปิดหน้าต่างสเตตัสอะไรขึ้นมาได้ และเขามั่นใจว่า หากเขาไม่ใช่ผู้กล้า เขาก็ต้องมีพลังพิเศษโกง ๆ บางอย่างอยู่แน่ ๆ “พวกเราทั้งสองคนอาจเป็นผู้กล้าก็ได้”

พระราชาได้ยินดังนั้นก็เหยียดยิ้ม แล้วกล่าวขึ้น “เรื่องนั้นมิต้องกังวล”

จากนั้นจึงหันไปหาชายหนุ่มในชุดอัศวินข้างตัว “เจ้าไปเอาดาบเล่มนั้นมา”

“ขอรับ” อัศวินผู้นั้นโค้งตอบรับ แล้วเดินออกจากโถงนั้นไป

ดาบงั้นหรอ? กฤษงุนงง แนวดาบคัดสรรค์อะไรแบบนั้นหรอ?

เพียงอึดใจหนึ่ง อัศวินผู้นั้นก็กลับมาพร้อมดาบใหญ่เล่มหนึ่ง เนื้อดาบสีเงินวาว แค่มองดูก็รู้ว่ามันคมขนาดไหน ตรงโกร่งดาบนั้นเป็นลวดลายวิจิตร มีอัญมณีสีชมพูประดับอยู่ตรงกลาง ด้ามจับนั้นก็ถูกพันไว้ด้วยผ้าเนื้อดีดูสัมผัสนุ่มนวล

พระราชาซาริออนหันไปมองอัศวินแล้วพยักหน้าทีหนึ่ง เขาก้าวเข้ามาใกล้ชายหนุ่มที่ชื่อคิมหันต์ แล้วยื่นดาบเล่มนั้นให้

คิมหันต์รับดาบไว้ แล้วพลิกดูอย่างสนใจด้วยความง่ายดาย ราวกับว่าดาบเล่มนั้นเบาโหวงขัดแย้งกับรูปลักษณ์ที่ดูหนาหนัก

ทันใดนั้น อัญมณีบนโกร่งดาบก็ส่องประกายวูบไหว ดาบทั้งเล่มพลันเรืองแสงตอบรับราวกับพบเจ้าของที่แท้จริง

“โอ้ ท่านคีมหาน ท่านคือผู้กล้าจริง ๆ” พระราชาเอ่ยขึ้นด้วยความปิติ ก่อนจะหันมาทางกฤษด้วยสีหน้าเย็นชา “ทีนี้ถึงคราวท่านบ้างแล้วว่าที่ผู้กล้ากิด”

เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด ถ้าหมอนั่นเป็นผู้กล้า แล้วเขาไม่ใช่ล่ะก็ คงหน้าแตกท่ามกลางคนหมู่มากแน่ กฤษรับดาบต่อจากคิมหันต์ จากท่าทีถือดาบเบาสบายของคิมหันต์ เมื่อกฤษรับดาบไว้ มันหนักอึ้งจนเขาเกือบทำมันหลุดมือ

หนักชะมัด! เด็กหนุ่มตกตะลึง แล้วใช้สองมือยกดาบขึ้นอย่างยากลำบาก ทว่าถืออยู่นานก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร

“นั่นสินะ แม้แต่ทำให้ดาบเรืองแสงอ่อน ๆ ก็ยังทำไม่ได้ คงจะมีพลังเวทย์ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเกินไปกระมัง…” พระราชาซาริออนกล่าวขึ้นอย่างเหยียดหยาม “ทีนี้เจ้าคงรู้แล้วว่า เจ้าเป็นเพียงตัวแถมที่ไร้พลัง และไร้ประโยชน์ เช่นนั้นแล้ว จงอย่าทำตัวทัดเทียมผู้กล้าอีกเลย”

กฤษตัวชาดิก เขาไม่อยากจะเชื่อว่า แม้แต่พลังที่จะควบคุมดาบเล่มนั้นเขาก็ไม่มีอย่างนั้นหรอ? พลังเวทย์ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนั้นเลยหรอ? นี่เขาคือตัวแถมจริง ๆ งั้นหรอ?

ยังไม่ทันคิดจบ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็กระชากไหล่ และใช้ปลายหอกกระแทกเข้าที่ข้อพับขาจนเขาทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น “จงรู้สถานะตัวเองด้วย อยู่ต่อหน้าพระราชา หากมิใช่ผู้กล้า สามัญชนเช่นเจ้าต้องคุกเข่า”

เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเขาไม่มีพลังวิเศษอะไรแม้แต่น้อยเลยงั้นหรอ ทำไมถึงต้องมาถูกดูถูกเหยียดหยามถึงขนาดนี้ หากเขามีพลังวิเศษอะไรสักหน่อย เขาคงสามารถพิสูจน์ตัวเอง ให้คนพวกนี้ยอมรับได้อย่างน้อยก็ในภายหลัง เหมือนพระเอกการ์ตูนต่างโลกเรื่องอื่น ๆ ก็ยังดี…

ถ้างั้น การที่เขากระโดดเข้าประตูมิติตามมาด้วยนี้ ก็เรียกว่ารนหาที่เองงั้นหรอ?

อยู่บ้านนั่งวาดการ์ตูนต่อก็ดีแล้วแท้ ๆ กฤษคิด เขาไม่น่าคิดว่าตัวเองพิเศษเหนือใครเลย

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น พระราชาก็เอ่ยขึ้น

“เพื่อไม่ให้เจ้าตัวแถมผู้ไร้ค่านี้ไปอวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้กล้าอีก…” สายตาของพระราชาเลื่อนมองลงมาที่ตัวเขาซึ่งคุกเข่าอยู่โดยไม่แม้แต่ก้มหน้าด้วยซ้ำ กฤษเงยหน้ามองอย่างโกรธแค้น

“จงนำมันไปขังคุกเสีย!”

________________________________

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ตัวแถมของผู้กล้าอย่างผม จะอยู่รอดยังไงในต่างโลกเนี่ย!?   ตอนที่ 1 : ผู้กล้า และตัวแถมของเขา

    “จงนำมันไปขังคุกเสีย!”“ขอรับ!!” เหล่าทหารตอบรับคำของพระราชา ฉุดกระชากฤษผู้ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ให้ลุกขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับฟ้าถล่ม สมองของกฤษว่างเปล่า เขาไม่เคยคิดว่าการมาต่างโลก จะทำให้เขาตกต่ำถึงเพียงนี้ นี่เขายังไม่ทันรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย แม้แต่พลังของตัวเองก็ยังไม่รู้ แต่กลับต้องถูกขังคุกตั้งแต่ไก่โห่เช่นนี้ ช่างน่าอัปยศยิ่งกว่าการ์ตูนต่างโลกเรื่องไหน ๆ เลยไม่ใช่หรอแต่ก่อนที่เขาจะถูกลากออกไปนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อนครับ!” คิมหันต์ผู้กลายเป็นผู้กล้าหมาด ๆ กล่าวขึ้น “สรุปว่าผมคือผู้กล้าของพวกท่านสินะขอรับ”เมื่อพระราชาเห็นผู้กล้าหันมาถาม เขาจึงพยักหน้า “ใช่แล้ว”“ถ้าเช่นนั้น รบกวนปล่อยเด็กคนนั้นเถอะขอรับ เขามากับผมขอรับ” ผู้กล้าหนุ่มหันไปมองที่กฤษ “ผมจะเป็นผู้ดูแลเขาเอง ที่เขาถูกอัญเชิญมาเพราะเป็นผู้ช่วยของผมขอรับ”มาแนวใสซื่อใจดีหรอกหรอ!! กฤษคิด พลางหันไปทางพระราชาว่าจะเอาอย่างไรกับตนราชาซาริออนนิ่งไปครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด คิ้วของเขาขมวดอย่างรู้สึกขัดใจ สิ่งที่ผู้กล้าพูดทำให้เขาจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย ก่อนจะหันไปหาคิมหันต์แล้วถามขึ้น “ท่านแน

  • ตัวแถมของผู้กล้าอย่างผม จะอยู่รอดยังไงในต่างโลกเนี่ย!?   บทนำ : เมื่อลูกค้าร้านกาแฟถูกอัญเชิญไปต่างโลก

    บทนำ : เมื่อลูกค้าร้านกาแฟถูกอัญเชิญไปต่างโลกฝึด ๆ ๆ ฟืดดดดด… ฝึด ๆ ๆเสียงดินสอจรดลากเขียนไปบนกระดาษดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รูปภาพการ์ตูนถูกสเก็ตลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงความชำนาญในทักษะการวาดของเด็กหนุ่มผู้ซึ่งถือดินสอร่างภาพการ์ตูนอยู่บนโต๊ะตัวในสุดของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์วาดภาพ สมุดสเก็ต และแท็ปเลตวางอยู่ ภายในร้านกาแฟนั้นตกแต่งสไตล์มินิมอลสีขาวสะอาดตา ตัดกับโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มจำนวนสี่โต๊ะตามแนวผนัง ฝั่งตรงข้ามเป็นหน้าต่างบานใหญ่รับแสง ด้านนอกเป็นสวนเล็ก ๆ โรยด้วยหินกรวดแม่น้ำกลมมนสีขาว มีแผ่นหินกลมสีอิฐปูเอาไว้เป็นก้าว ตรงเข้ามาที่ประตู หากมีลูกค้าเดินเข้ามาจะผ่านสวนนั้นก่อน และเมื่อเปิดประตูเข้ามา ก็จะพบเคาท์เตอร์กาแฟรอต้อนรับอยู่ แต่ว่าเวลานี้กลับไม่มีลูกค้า มีเพียงเด็กหนุ่มนั่งวาดรูปอยู่คนเดียวที่มุมในของร้านเด็กหนุ่มสะบัดปลายดินสอลงกระดาษได้อีกสองทีก็หยุดกึก ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหาวหวอดใหญ่ แล้วหันไปทางเคาท์เตอร์กาแฟ “เจ้ ขอกาแฟแก้วนึงดิ”สาวสวยเจ้าของร้านผู้ถูกเรียกว่า ‘เจ้’ ยืนท้าวเอว แล้วหันมาบ่นใส่น้องชายตัวเองด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status