6 เดือนผ่านไป
เคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่า ความฝันที่มักจะเห็นอยู่ทุกค่ำคืนบางครั้งคือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นในอดีต แม้ว่าจะดื่มน้ำแกงลืมเลือนก่อนจะกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ตาม แต่บางครั้งคนที่สูญเสียและเฝ้ารอคอยกลับกระตุ้นให้คนที่ลืมเลือนความทรงจำเหล่านั้นไปแล้ว สามารถจดจำขึ้นมาได้อีก แม้ว่าสิ่งนั้นจะปรากฏให้เห็นผ่านทางความฝัน หากแต่ฝันนั้นคือเรื่องราวในครั้งอดีตถูกส่งมาเพื่อให้ล่วงรู้ว่า ยังมีคนเฝ้ารอคอยในการกลับมา แม้ว่าการรอคอยนั้นจะต้องผ่านกาลเวลาอันยาวนานนับหลายพันปีก็ตาม ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ดั่งดวงใจแทบขาดรอน เมื่อขบวนแห่ศพเริ่มเคลื่อนออกจากจวนเจ้าเมือง ทั่วทั้งบริเวณจวนถูกประดับประดาด้วยผ้าขาวสลับดำจนเต็มไปหมด บรรดาบ่าวไพร่ภายในจวนดังกล่าวล้วนสวมชุดไว้ทุกข์ด้วยกันทั้งหมด แต่ละคนนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นภายในจวนเพื่อรอส่งท่านหญิงผู้อาภัพไปยังสุสานฝังศพ โลงศพขนาดใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากห้องตั้งศพภายในจวนของเจ้าเมือง ใบหน้าของคนเป็นพ่อและแม่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจในการจากไปของบุตรสาวเป็น..... พรึ่บ!!! ความมืดมิดแผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบทันทีที่แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะและหน้าจอโน้ตบุ๊กดับลงโดยพลัน ในขณะที่ปลายนิ้วเรียวสวยกำลังเคาะค้างอยู่บนแท่นพิมพ์คีย์บอร์ด “เฮ้ย! ไฟดับยังไม่ได้เซฟงานเลย..พับผ่าสิ!!!”เสียงโวยวายของฉิงชวนดังออกมาทันที พร้อมบานประตูห้องนอนของสาวเจ้าเปิดออกทันใด “ไฟดับเสี่ยวชวน!ไฟดับ! แกเซฟงานหรือยัง ฉันเซฟทันพอดีส่งไฟล์งานไปให้อาจารย์เรียบร้อยแล้วทางอีเมล์ พอส่งเสร็จไฟดับปุ๊บเกือบไปแล้วแก”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อนด้วยความดีใจพลางยกมือทำท่าลูบหน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโล่งใจ ในขณะที่ฉิงชวนหันกลับมามองเพื่อนหน้าหงิก ด้วยเธอยังไม่ทันได้เซฟไฟล์งานที่กำลังเขียนตอนจบของเรื่องอย่างเมามันตั้งแต่เมื่อวานจวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ “แต่ฉันสิเสี่ยวเยี่ยน ยังไม่ได้เซฟไฟล์งานตอนสุดท้ายของเรื่องตำนานรักโจรสลัดของฉันเลย เซฟครั้งสุดท้ายตอนเขียนไปได้ห้าหน้าหลังจากนั้นก็ยังไม่ทันได้เซฟ งานใกล้จะจบแล้วด้วย..ไอ้ไฟบ้าเอ๊ย! ทำไมต้องมาดับเอาตอนนี้ด้วยห๊ะ!!”หญิงสาวบ่นพึมพำเป็นการใหญ่ “แย่แล้วเสี่ยวชวน”หยู่เยี่ยนร้องเรียกชื่อเพื่อนรัก “มีอะไรเหรอแก”ฉิงชวนหันกลับไปถามเพื่อนรักเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทเอ่ยออกมาเช่นนั้น “ฉันลืมไปว่าวันนี้ทางอพาร์เมนท์จะดับไฟเพื่อเดินสายปรับปรุงภายในอาคาร กว่าไฟจะมาก็โน้นแหละแกประมาณห้าโมงเย็น”เสี่ยวเยี่ยนบอกเพื่อนกลับไป “อะไรนะ!”ฉิงชวนร้องเสียงหลงออกมาทันที ครั้นได้ยินเช่นนั้น “กำหนดส่งงานเดทไลน์วันนี้ไม่เกินห้าโมงเย็น แล้วแบบนี้ฉันจะทำทันได้อย่างไง ไม่ได้การแล้วต้องหิ้วเครื่องโน้ตบุ๊กไปหาพิมพ์งานที่อื่น ฉันสู้อุตสาห์คิดพล็อตเรื่องนี้ได้ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะทำได้ด้วยซ้ำไปผลงานเขียนบทละครชิ้นนี้จะต้องทำให้ฉันเรียนจบแน่นอน! เพราะฉะนั้นต้องส่งงานให้ทัน... ต้องให้ทัน!!!” ฉิงชวนพูดพลางรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งทำงานตรงดิ่งคว้ากระเป๋าโน้ตบุ๊กทันที ท่ามกลางสายตาของหยู่เยี่ยน “แล้วนี่แกจะไปทำที่ไหนอย่าลืมนะว่าวันนี้แกต้องเข้าไปทำงานครบกำหนดลางานแล้วนะ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เข้าไปทำงาน ป่านนี้แฟ้มคีย์ข้อมูลของแกคงสูงกองท่วมภูเขาแล้วกระมัง”เพื่อนรักพูดเตือนสติ และนั่นทำให้ฉิงชวนฉุกคิดขึ้นมาได้ทันทีเมื่อเธอล่วงรู้แล้วว่าจะนั่งเขียนบทละครต่อได้ที่ไหน “จริงด้วย! ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่ามีห้องทำงานส่วนตัวนี่หว่า หอบบทละครไปเขียนที่นั่นก็ได้แถมได้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรีด้วย”หญิงสาวพูดพลางรีบเก็บข้าวของอย่างเร่งด่วนพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว “นี่แกอย่าบอกนะว่าเอางานเขียนบทละครไปทำต่อในที่ทำงาน”เสี่ยวเยี่ยนถามดักคอกลับไป “เออใช่!”ฉิงชวนตะโกนตอบกลับมาในขณะที่กำลังสวมกางเกงยีน “โอโห่ ! นี่กระมังที่เรียกว่าจับปลาสองมือ ได้ทำทั้งงานและได้ทำเขียนบทละครจนจบ ท่าทางตำนานรักโจรสลัดของแกที่อุตสาห์ปล้ำเขียนมาร่วมครึ่งปีก็จะเสร็จสมบูรณ์เสียที นี่ถ้าแม่นางในภาพวาดที่บังเอิญแกมีหน้าตาไปเหมือนเขารู้ว่าเอาเกล็ดเรื่องราวของคุณเธอมาเขียนซะเป็นนางร้ายที่แสนร้ายกาจแบบนั้น คงอยากฆ่าแกให้ตายแน่ๆ”เสี่ยวเยี่ยนแซวเพื่อนกลับไป “แต่ฉันก็อ้างอิงจากเค้าโครงเดิมมานะเว้ยที่บอกว่า แม่นางเฉียนเฉียน ที่มีหน้าตาสวยงามดุจนางฟ้าแต่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ที่เขาเล่าต่อๆ กันมา ไม่ได้เพิ่มเติมเสริมแต่งอะไรไปมากกว่านี้เลยนะ”ฉิงชวนแย้งเพื่อนกลับไป “แหม...จะไม่ให้คิดได้ไงวะแก พอเปิดเรื่องมาก็ให้แม่นางเฉียนเฉียน กดหัวฆ่าเสวี่ยเหยาเพื่อที่ตัวเองจะได้ถูกเลือกเข้าไปแต่งงานกับรัชทายาทแทน สร้างพล็อตเรื่องจนกลายเป็นตำนานรักโจรสลัด แถมมาคิดพล็อตเรื่องพระชายาปลูกผักให้ฉันด้วยโคตรเจ๋งเลยวะแก”หยู่เยี่ยนพูดชื่นชมเพื่อนสนิทไม่ขาดปาก “ขอบใจที่ชม.. ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกันวะแก ต้องขอบใจแม่นางเฉียนเฉียนในภาพวาดที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้สามารถคิดพล็อตตำนานรักโจรสลัดขึ้นมาได้...ฉันก็มีฝีมือในการเขียนบทกับคนอื่นเหมือนกัน..เข้าท่า”หญิงสาวพูดชมเข้าข้างตัวเองอย่างภาคภูมิใจ “ยะ..แม่คนเก่ง! ว่าแต่ขอไปด้วยคนดิ...จะให้ฉันอยู่คนเดียวแบบนี้ในห้องได้ลงคอเหรอ มืดก็มืด ไฟก็ไม่มีใช้ นี่เพิ่งจะหกโมงเช้าเองกว่าไฟจะมาตั้งห้าโมงเย็นบางทีอาจเรทไปถึง 6 โมงเย็นเลยใครจะรู้อะนะ”หยู่เยี่ยนร้องขอตามเพื่อนรักไปทันที “แล้วฉันห้ามแกตั้งแต่เมื่อไร อยากมาด้วยกันก็รีบแต่งตัวเร็วๆ เข้าสิยะ”หญิงสาวบอกเพื่อนกลับไป “อร้ายย!!!! ฉันรักแกที่สุดเลยเสี่ยวชวน ขอเวลาห้านาทีออกมา สวย เฉี่ยว เรียบร้อย”หยู่เยี่ยนบอกกลับไป “ไม่ต้องแต่งอะไรให้มันเวอร์วังแม่คุณ ไม่ได้ไปเที่ยวฉันไปทำงานรับจ๊อบเสริม”หญิงสาวบอกเพื่อน “ได้ๆ เปลี่ยนเป็นสวยน่ารักแทนก็แล้วกัน ฮิฮิฮิ”หยู่เยี่ยนพูดพลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ ในขณะที่ฉิงชวนได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับหยู่เยี่ยนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว นับตั้งแต่เจิ้งซูเย่วพาบินกลับจากอังกฤษมาปักหลักอยู่ที่ปักกิ่ง และมีโอกาสได้เรียนด้วยกันตั้งแต่ในระดับมัธยมปลาย ครั้นเรียนจบแล้วยังมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน และสามารถสอบเข้าเรียนในสถาบันเดียวกันอีกซึ่งมีเพียงสองคนเท่านั้นจากทุกห้องเรียนในระดับชั้นมัธยม 6 ของโรงเรียน ศูนย์วิจัยโบราณคดี แผนกบันทึกข้อมูล แฟ้มเอกสารงานวิจัยถูกวางกองตั้งสูงนับได้เกือบ 50แฟ้มวางไว้บนโต๊ะตามวันที่จะต้องบันทึกคีย์ลงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหญิงสาวไม่ได้เข้ามาทำงาน เป็นงานในส่วนความรับผิดชอบของหวังฉิงชวน ในฐานะเป็นพนักงานคีย์ข้อมูลชั่วคราวให้กับทางศูนย์วิจัยด้วยค่าจ้างชั่วโมงละ 25 หยวน ทำงานตั้งแต่ 8.30 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน มีเวลาพักกลางวัน 3 ชั่วโมงและช่วงเย็นอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยฉิงชวนจะเข้ามาทำทุกวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ถึงวันศุกร์จะเรียนหนังสือ และถ้าเป็นช่วงปิดเทอมหวังฉิงชวนจะนั่งทำงานเป็นพนักงานคีย์ข้อมูลให้กับทางศูนย์วิจัยทุกวันโดยไม่มีวันหยุด เพื่อสมทบหาค่าเทอมและค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วยตัวเอง ไม่ไปขอเงินแม่เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระ หรือบางทีหากมีงานอื่นทางวงการบันเทิงหญิงสาวก็จะรับทั้งหมดไม่มีเกี่ยง ทั้งบทตัวประกอบหรือทำงานในกองถ่ายแม้ว่าแม่ของเธอจะไม่ยอมให้ลูกสาวทำงานพิเศษก็ตาม แต่ฉิงชวนก็ยังยืนกรานที่จะทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองให้ได้ อีกทั้งค่าเทอมของสถาบันดังกล่าวในระดับหลักสูตรปริญญาตรีตลอด 4 ปีสูงถึง 140,000 หยวนตกเทอมละ 70,000 หยวนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเจิ้งซุนเย่วจะมีมรดกของสามีชาวอังกฤษที่ได้รับมาจากพินัยกรรม แต่มิได้ครอบครองสมบัติไว้ทั้งหมด เพราะสามีชาวอังกฤษมีครอบครัวมาก่อนหน้านี้แล้วและยังมีลูกชาวอังกฤษถึง 4 คนซึ่งแต่ละคนได้รับสมบัติตามพินัยกรรมอย่างเท่าเทียมกันทุกคน สามารถมีเงินจุนเจือให้อยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิตอย่างไม่เดือดร้อน มีเพียงฉิงชวนเท่านั้นที่ไม่ได้รับอะไรเพราะเป็นลูกติด และหญิงสาวก็มิได้นำมาใส่ใจเพราะล่วงรู้ดีว่าเธอมีฐานะเป็นเพียงลูกติดเท่านั้น สมเหตุสมผลแล้วที่จะมิได้รับอะไรจากพินัยกรรมดังกล่าว “โอโห่...งานเข้าแล้วเสี่ยวชวน งานคีย์ข้อมูลของแกทำไมมันถึงได้เยอะแบบนี้”หยู่เยี่ยนยืนตาค้างเมื่อเห็นงานจ๊อบของเพื่อนรักเพื่อนเลิฟกองสูงท่วมยิ่งกว่าภูเขาเสียอีก ในขณะที่ฉิงชวนเข่าอ่อนแทบจะทรุดเสียให้ได้ เมื่อเห็นงานกองสูงมากขนาดนั้น “ตายแน่แกเสี่ยวเยี่ยน ฉันส่งบทไม่ทันแน่ๆ เลย”ฉิงชวนยืนพึมพำพูดกับเพื่อนอย่างหมดแรง ในขณะที่หยู่เยี่ยนหันกลับมามองหน้าเพื่อนรักของเธอทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “แกยังมีฉันอยู่นะเว้ยเสี่ยวชวน เอาแบบนี้ห้องคีย์ข้อมูลที่นี่แยกเป็นส่วนตัวใช่ไหม ฉันจะคีย์ข้อมูลลงงานแทนแกเอง ส่วนแกรีบทำตอนจบตำนานรักโจรสลัดส่งไฟล์บทละครไปให้ทันภายในห้าโมงเย็นเท่านั้นก็พอ”หยู่เยี่ยนรีบขันอาสาทำงานแทนเพื่อนเล่นเอาฉิงชวนซึ้งใจในการกระทำของเพื่อนเป็นการใหญ่ “ฉันรักแกมากที่สุดเลยวะ ขอบใจมากเสี่ยวเยี่ยนที่ช่วย”หญิงสาวขอบคุณจากใจ “อย่าเพิ่งเล่นบทกินม่าม่าแถวนี้ ขืนชักช้าได้มีดราม่าน้ำตานองหน้าใครบางคนเพราะเรียนไม่จบเกิดขึ้นอยู่แถวนี้แน่ๆ รีบไปกันเถอะ อย่าชักช้าอยู่เลยใกล้จะแปดโมงครึ่งถึงเวลาเข้างานของเธอแล้วเสี่ยวชวน..เหวอออ”หยู่เยี่ยนบอกเพื่อนรักก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเมื่อถูกฉิงชวนลากเข้าห้องทำงานของเธออย่างรวดเร็วยุคอดีตหอเทพธิดาเมืองอูเจี๋ยนยามนี้ภายในหอเทพธิดาเพิ่งเสร็จสิ้นพิธีบูชาไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม กลิ่นกำยานหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นดอกไม้นานาพรรณหอมตลบอบอวล ด้วยเทพธิดาโปรดปรานดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดและตรงหน้าแท่นทำพิธีปรากฏบุรุษสูงใหญ่อาภรณ์ขาว เกศานิลกาฬรับกับดวงเนตรคู่สวย กำลังนั่งคุกเข่าขอพรจากเทพธิดาอูเจี๋ยนด้วยความรักและคิดถึงคนที่อยู่ในหัวใจอยู่ทุกค่ำคืน คำอ้อนวอนจากหัวใจกำลังพรั่งพรูออกจากปากบุรุษคนดังกล่าว“ข้าน้อยเฉินคัง ขออ้อนวอนเทพธิดาอูเจี๋ยน ฝากคำรักมั่นและสัญญาของหัวใจไปถึงฉิงชวนฮูหยินของข้าที่สถิตอยู่สวรรค์เบื้องบน คำรักมั่นที่สัญญาไว้จะมิวันแปรเปลี่ยนไปจากหัวใจของข้าน้อย ขอเทพธิดาได้โปรดนำคำรักของข้านี้มอบให้แก่นางได้ล่วงรู้ หากแม้นเทพธิดาและสวรรค์เบื้องบนเมตตา ขอให้ข้าน้อยได้พบดวงวิญญาณของนางสักเพียงครั้งด้วยเถิด”คำอธิษฐานเพียรเฝ้าอ้อนวอนอยู่ในห้วงคำนึงขององค์ชายหนุ่มรูปงามดวงเนตรสีนิลกาฬทอดสายตาจับจ้องอยู่แต่ภาพวาดตรงหน้า ซึ่งเป็นผู้ลงมือวาดกับมือด้วยความโหยหาและอาลัยรักเป็นยิ่งนัก ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็ม
9 เดือนผ่านไปมณฑลฝูเจี๋ยนมณฑลฝูเจี้ยนหรือ มณฑลฮกเกี้ยนเป็นมณฑลชายฝั่งทะเลที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน อาณาเขตทางภาคเหนือติดกับมณฑลเจ้อเจียง ภาคใต้ติดกับมณฑลกวางตุ้ง ภาคตะวันออกติดกับช่องแคบไต้หวัน ฝูเจี้ยนมาจากอักษรนำหน้าชื่อเมืองสองเมืองรวมกันคือฝูโจวและเจี้ยนโอว ชื่อนี้ได้รับการตั้งในสมัยราชวงศ์ถังในยุคสมัยจ้านกว๋อซึ่งเจ็ดแคว้นใหญ่เรืองอำนาจอยู่ในขณะนั้น มณฑลฝูเจี๋ยนก็คือแคว้นหมิ่นเย่ว ซึ่งรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในยุคโบราณจวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังรุ่งเรืองเปลี่ยนผันไปตามยุคสมัยที่ผ่านไปภายใต้เรืองร่างงามระหงของหวังฉิงชวน ที่กำลังยืนอยู่บริเวณท่าเทียบเรือฉวนโจว อันเมืองท่าเก่าแก่มีอายุพันกว่าปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางทะเลในยุคโบราณ ดวงตาคู่สวยกำลังเหม่อมองน้ำทะเลสีครามอยู่ตรงเบื้องหน้าภาพในความฝันที่มิอาจลืมเลือนไปจากความทรงจำและจากหัวใจของฉิงชวนไปได้เลย บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ขาว เส้นผมสีดำสนิทยาวจนถึงกลางหลังยืนถือตำราอยู่บนเรือ กำลังสอนหนังสือให้แก่สตรีสาวแสนงามและน้องชายตัวน้อยบนเรือซึ่งเป็นของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน
“เฉียนเฉียน! เฉียนเฉียนลืมตาขึ้นมาสิเจ้า! เจ้าจะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ! เฉียนเฉียน! เฉียนเฉียน!!!!!”แปะ! หยาดน้ำตาหลั่งรินออกจากขอบหางตาของใบหน้าสวยของหญิงสาว“เฉียนเฉียน!เฉียนเฉียน!”เสียงเรียกที่ค้นหูเป็นอย่างดียังคงดังขึ้นอยู่ชิดริมหูไม่คลาดคราเปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ กลอกกลิ้งไปมา พร้อมขนตางอนยาวเริ่มกะพริบขึ้นติดต่อกัน ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพอันพร่าเลือนค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นพร้อมเพดานเบื้องบนปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตจับอยู่ที่หลอดไฟสีนวลอ่อนๆ กระจายไปทั่วทั้งเพดานครั้นมองไปทางด้านข้างเสาเหล็กสำหรับแขวนขวดยารักษาอาการของคนป่วยพร้อมสายระโยงระยางต่อตรงเข้ากับท่อนแขนขาวผ่องซึ่งอยู่ในชุดของคนไข้ในโรงพยาบาลของกรุงปักกิ่งดวงตากลมโตดั่งตากวางมองไปทั่วห้องก่อนจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมายตั้งตระหง่านอยู่นอกประตูกระจก“นะ..นี่..นี่..ฉัน..ฉันกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไง! ทะ...ทำไม!...”ฉิงชวนนอนพึมพำอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความรู้สึกสับสนจน
พร้อมเสียงของเฉินคังดังก้องขึ้นมาทันที“รีบพาออกไปจากที่นี่! สกัดพิษเอาไว้อย่าให้แพร่กระจาย”สิ้นเสียงของเฉินคังเสิ่นข่ายรีบอุ้มร่างไร้วิญญาณออกจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยองครักษ์คนอื่นๆ รีบประคองร่างของคนที่เหลือออกไปตามคำสั่ง คงเหลือเพียงฉิงชวนและเฉินคังเท่านั้นที่อยู่ภายในบริเวณนั้น “เฉินจิ้น! ปล่อยเฉียนเฉียนของข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงตวาดดังกระหึ่ม ดวงเนตรเข็งกร้าวลุกโชนอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่มิอาจทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ ด้วยเพราะเป็นห่วงฮูหยินของตนเป็นยิ่งนักในขณะที่ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน ครั้นเห็นบุรุษสองคนที่มีหน้าตาประดุจพิมพ์เดียวกันจนแยกไม่ออกเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉิงชวนได้แต่มองหน้าของคนทั้งสองสลับไปสลับมาอยู่เช่นนั้น“นะ...นี่...มันอะไรกันรัชทายาทของหมิ่นเย่วเหตุใดจึงมีสองพระองค์”ฉิงชวนเอ่ยออกมาด้วยความงุนงง พร้อมเสียงหัวเราะกึกก้องของเฉินจิ้นดังขึ้นด้วยความขบขัน“เจ้ากล้ามากนักนะ!ที่บุกเข้ามาในวังของข้า อุตสาห์รอดตายมาจากโรคระบาดที่อู
กำแพงวังทิศเหนือทิศเหนือของพระราชวังหมิ่นเย่วหันหน้าออกสู่ทะเล ระยะทางจากประตูวังทางทิศเหนือเดินทางไปยังเรือของเฉินคังที่จอดรอรับอยู่ภายในบริเวณนั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เดินทางถึงจุดหมาย ร่นระยะเวลาได้สั้นที่สุดและรวดเร็วบริเวณด้านข้างของกำแพงวังทางทิศใต้เป็นแม่น้ำซึ่งเชื่อมต่อกับทะเล และเบื้องล่างเต็มไปด้วยกองทหารของเฉินคังที่ปลอมตนเป็นทหารรักษาวังปะปนอยู่ภายในวังหลวงมีจำนวนด้วยกันถึงห้าพันนายเลยทีเดียวซึ่งเป็นกำลังพลของเฉินคังสามพันนาย และกองทหารจากตระกูลมู่ของเสิ่นข่ายอีกสองพันนาย ผนึกกำลังล้อมวังกำจัดเฉินจิ้นให้จงได้ ท่ามกลางกระแสลมแรงที่พัดมาจากทะเล พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายเฉินคัง ฉลองพระองค์สีขาวสูงค่า ประดับกวานสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทซึ่งเป็นฉลองพระองค์ของพระเชษฐษา ที่เสิ่นข่ายนำออกมาให้พระองค์ทรงสวมเพื่อปลอมตนเป็นองค์ชายเฉินจิ้นวรกายสูงสง่า องอาจและผึ่งผาย ยืนอยู่ทางเดินบนกำแพงของวังหลวงทอดพระเนตรเรือใหญ่ของพระองค์เตรียมพร้อมรอรับเสด็จกลับเกาะเผิงหู่พร้อมหยางเฉียนเฉียน พระชายาคนงามที่ยังไม่ล่วงรู้จะมีเหตุการณ์ให
ในขณะเดียวกันพระตำหนักคร่ำครวญร่างระหงของหยางเสวี่ยเหยาในชุดนักโทษคุมขัง ไร้อาภรณ์สูงค่าห่อหุ้มกาย ไร้เครื่องประดับล้ำค่าประดับกายที่บ่งบอกฐานันดรศักดิ์อันสูงส่งของนาง เส้นผมดำขลับยาวถึงเอวปล่อยลงมิได้เกล้าอย่างสวยงาม รองรับเครื่องประดับของพระชายาซึ่งมีพระสวามีเป็นถึงองค์รัชทายาท เจ้าผู้ครองแคว้นที่จะขึ้นปกครองในเบื้องหน้าร่างงามถูกนำตัวออกมาจากตำหนักเดียวดายเพื่อฟังโทษทัณฑ์ของตน“หยางเสวี่ยเหยามีพระบรมราชโองการ!”เสียงของผู้ถือราชโองการดังขึ้นพร้อมร่างของสตรีสาวที่เคยสูงศักดิ์ถูกกดลงให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อรับราชโองการ“คุกเข่าลง! คุกเข่า!!!”เสียงเจ้าหน้าที่กรมอาญาตวาดดุดันก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่ข้อพับทั้งสองข้างตุบ! ร่างระหงทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีเพื่อฟังราชโองการ“พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก หาญกล้ากระทำการอันไร้มารยาทเยี่ยงนี้กับข้า ข้ามิใช่นักโทษแต่อย่างใดเหตุไฉนต้องกระทำกับข้าเช่นนี้ด้วย เพียงเพราะถูกกล่าวหายังมิได้เข้ารับการสอบสวนจากองค์ไทจื่อพระสวามีของข้าแต่อย่