Home / รักโบราณ / ตำนานรักองค์ชายจอมโจร / ตอนที่ 5 ภาพวาดโบราณ 1.2

Share

ตอนที่ 5 ภาพวาดโบราณ 1.2

last update Last Updated: 2025-07-10 16:13:13

ถนนหวังฝู่จิ่ง

           หวังฝูจิ่งหรือถนนคนเดินแห่งเมืองปักกิ่ง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่น่าตื่นตาตื่นใจคู่กับเมืองนี้มาอย่างช้านาน ซึ่งนอกจากจะเป็นถนนที่รวบรวมเอาสินค้าอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ เสื้อผ้า ยังมีอาหารที่มีทั้งของขึ้นชื่อยอดนิยมของชาวจีน ไปจนถึงอาหารแปลกตาที่หารับประทานไม่ได้จากที่อื่น จึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์และสีสันอันคึกคักของถนนหวังฝูจิ่งเป็นยิ่งนัก

          ถนนหวังฝูจิ่งในปัจจุบันมีทั้งห้างร้านและร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของทางตะวันตกเปิดบริการตั้งเรียงราย แต่ร้านอาหารและของทานเล่นจีนในแบบดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ช่วยแต่งแต้มสีสันและบรรยากาศอันคึกคัก 

 ทำให้ถนนหวังฝูจิ่งได้ชื่อว่าเป็นถนนย่านแห่งการท่องเที่ยวและเป็นสตรีทฟู้ด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ถนนช็องเซลีเซ่ของเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศสหรือกินซ่าของเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงนิวยอร์คฟิบฟ์ แห่งเมืองนิวยอร์คประเทศสหรัฐอเมริกา

           สองสาวเพื่อนคู่ซี้ต่างพากันเดินเตร็ดเตร่บนถนนเส้นดังกล่าวอย่างเพลิดเพลิน ของกินมากมายถือไว้เต็มทั้งสองมือ ก่อนจะมาสะดุดหยุดลงเมื่อเดินมาถึงร้านตรงหัวมุมถนน พร้อมเสียงของหยู่เยี่ยนดังขึ้นมาทันใด

           “เฮ้ยเสี่ยวชวน!!!”เสียงร้องเรียกชื่อดังแทรกขึ้นมาทันที ในขณะที่คนถูกเรียกยังก้มหน้าก้มตากินของที่ซื้อมาอยู่เต็มสองมือในขณะนั้นอย่างเพลิดเพลิน

           “เรียกทำไมกำลังกินอยู่”หญิงสาวตอบเพื่อนกลับไป

           พรืดดด!!! ไม้ปลายแหลมถูกหยู่เยี่ยนดึงออกจากมือของเธอทันที ก่อนจะถูกลากให้เดินตามกันมา

           “เฮ้ยไปไหนเสี่ยวเยี่ยน! นี่แกกำลังจะพาฉันไปไหน”เสี่ยวชวนร้องถามเพื่อนด้วยความงุนงง

           “แกมานี่เลยเสี่ยวชวน! แล้วก็ดูซะ!”หยู่เยี่ยนตอบกลับไป

           ทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้านตรงหัวมุมถนนฝู่จิ่ง สองมือจับใบหน้าของเพื่อนให้หันกลับไปมองร้านที่เปิดขายสินค้าย้อนยุคและมีวัตถุโบราณสิ่งเป็นของส่วนตัวนำมาฝากขายที่ร้านดังกล่าวจนแน่นขนัดและดูมีสีสันตระการตาอย่างยิ่งยวด 

           และทันทีที่ฉิงชวนถูกเพื่อนสนิทจับใบหน้าให้หันกลับมามองร้านซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันทีครั้นเห็นสิ่งที่ปรากฏภายใต้กระจกใสขวางกั้นในขณะนี้

           “อะไรกันนี่! ภาพวาดโบราณไม่ใช่เหรอ”ฉิงชวนพูดออกมาทันทีพร้อมเสียงของหยู่เยี่ยนดังแทรกขึ้น

           “ภาพวาดที่พนักงานในร้านบอกว่าเหมือนกับแกอย่างไงเล่า ตอนแรกที่ฟังก็คิดว่าพี่แกคงจะมองเห็นเป็นพวกหน้าเหมือนแต่ที่ไหนได้นี่มันตัวแกชัดๆ เลยนะเว้ยเสี่ยวชวน! ถามจริงเหอะ...ไปนั่งให้จิตรกรวาดภาพโบราณแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยวะแก”หยู่เยี่ยนรบเร้าถามเพื่อนจะเอาคำตอบให้ได้

           ในขณะที่ฉิงชวนยังคงยืนนิ่งงัน ดวงตาเบิกค้างอยู่เช่นนั้นเมื่อเห็นภาพวาดของสตรีที่อยู่ในชุดโบราณสูงค่าพรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับมากมาย บ่งบอกฐานะได้เป็นอย่างดี

           “แกถามฉันแบบนี้คิดว่าจะตอบได้อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อคนในภาพไม่ใช่ฉัน!”ฉิงชวนตอบกลับไปตามความเป็นจริง

           “ห๊ะ! ไม่ใช่แกอย่างนั้นเหรอเสี่ยวชวน”หยู่เยี่ยนอุทานออกมาด้วยความแปลกใจครั้นได้ยินเช่นนั้นพร้อมหันกลับไปมองภาพวาดโบราณที่วางตั้งโชว์เอาไว้หน้าร้านอีกครั้ง

           “อย่าบอกนะว่าแกมีฝาแฝดเสี่ยวชวน”หยู่เยี่ยนถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ

           “แฝดบ้าอะไร! ฉันไม่เคยมี! ยืนอยู่ตรงนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากจะเข้าไปถามให้มันรู้เรื่องไปเลย”ฉิงชวนบอกเพื่อนพร้อมเดินตรงไปยังทางเข้าของประตูร้านอย่างรวดเร็ว

           “เฮ้ย!รอด้วยเสี่ยวชวน...ไปด้วย!!!”หยู่เยี่ยนตะโกนไล่หลังเพื่อนพร้อมรีบก้าวตามไปติดๆ

           ในขณะเดียวกัน ภายในร้านดังกล่าวมีสินค้าโบราณมากมายหลายรายการที่มีเจ้าของวัตถุโบราณนำมาฝากขายไว้ที่ร้านมากมาย รวมไปถึงสินค้าที่ทำลอกเลียนแบบนำมาจำหน่ายในรูปของที่ระลึกต่างๆ

 ฉิงชวนเดินสำรวจไปทั่วบริเวณร้านอย่างละเอียด ซึ่งนอกจากภาพวาดแล้วยังมีวัตถุโบราณอีกนับไม่ถ้วน มิรู้ว่าชิ้นไหนจริงและชิ้นไหนเป็นของลอกเลียนแบบจัดแสดงพร้อมจำหน่ายไปในคราเดียวกัน 

 สองเท้าเดินตรงดิ่งไปทางหน้ากระจกซึ่งตั้งภาพวาดแบบแขวน ขึงด้วยลวดสลิงทั้งสี่ด้านให้ภาพดังกล่าวตึง เพื่อใช้ภาพนั้นดึงสายตาจากภายนอกเข้ามาอยู่ที่ภาพดังกล่าวทั้งหมดรวมไปถึงดวงตาของเธอด้วยเช่นกัน

 ดวงตาคู่งามจ้องภาพวาดของสตรีซึ่งถอดแบบมาจากหวังฉิงชวนเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ดุจดั่งฝาแฝดก็ว่าได้

 “คุณผู้หญิงต้องการอะไรแจ้งความประสงค์กับทางร้านได้นะครับ”เสียงของผู้ชายในวัยประมาณ 50 ปีตอนปลายเอ่ยขึ้นอยู่ทางด้านหลังของสองสาว

 เฮือก!!! หวังฉิงชวนและจางหยู่เยี่ยนต่างหันกลับมามองด้านหลังของเธอทันทีที่ได้ยินเสียง

 “โอ๊ยตกใจหมดเลย...มาเงียบๆ”หยู่เยี่ยนพูดพลางยกมือตบลงบนหน้าอกของเธอติดต่อกัน

           ในขณะที่ชายคนดังกล่าวมองหน้าฉิงชวนไปอยู่ชั่วอึดใจสลับมองภาพวาดดังกล่าวไปในคราเดียวกัน ด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด ก่อนจะได้ยินเสียงของหญิงสาวดังขึ้น

           “เออ..คุณลุงคะคือหนูอยากรู้ว่า ภาพวาดที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านใครมานั่งเป็นแบบวาดให้อย่างนั้นหรือคะ”ฉิงชวนถามกลับไปด้วยความอยากรู้

           และนั่นทำให้คิ้วขาวของชายคนดังกล่าวขมวดเข้าหากันทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “เออ..”เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจดังอยู่ในลำคอของชายที่เป็นเจ้าของร้านนั้นขึ้นมาทันที

           ฉิงชวนยืนมองด้วยความสงสัยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

           “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณลุง ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญไม่สามารถบอกได้ หนูไม่ละลาบละล้วงถามแล้วค่ะ”หญิงสาวพูดออกไปจากความรู้สึกนึกคิดของเธอ

           “ม..มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไรหรอก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าอย่างไงมากกว่า บอกตามตรงว่าเห็นหน้าแม่หนูเมื่อครู่ยังคิดว่าเป็นคนเดียวกันกับในภาพวาด ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าภาพนี้วาดโดยจิตรกรในสมัยราชวังถัง ซึ่งวาดตามต้นแบบมาอีกทอดหนึ่งจากภาพวาดในยุคสมัยจ้านกว๋อ และแม่นางคนที่อยู่ในภาพนี้แหละเคยมีชีวิตอยู่จริงในยุคนั้น”

           ห๊ะ! สองสาวเพื่อนคู่ซี้ต่างส่งเสียงอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น

           “ผู้หญิงในภาพวาดนี้เหรอคะ คือคนที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคของจ้านกว๋อ”ฉิงชวนถามกลับไปด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ล่วงรู้อยู่ในขณะนี้

           แทนการตอบรับชายคนดังกล่าวพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น

           “ภาพนี้มีอายุประมาณสองพันกว่าปีแล้ว เป็นสมบัติเก่าแก่ตกทอดมาจากเมืองฝูเจี๋ยน ถ้าในสมัยยุคจ้านกว๋อก็คือเมืองอูเจี๋ยน ติดกับแคว้นหมิ่นเยว่ ถ้าในสมัยราชวงศ์ฉินคือแคว้นหมิ่นจง พอมาถึงสมัยราชวงศ์ถังคือแคว้นฝูเจี๋ยน ว่ากันว่ามีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงท่านหญิงลูกสาวเจ้าเมืองเลยเชียวนะ”เจ้าของร้านพูดพลางจ้องหน้าฉิงชวนเขม็ง จนหญิงสาวรู้สึกผิดสังเกต

           “คุณลุงมองหนูแบบนั้นทำไมคะ แต่ถ้าจะถามว่ามีอะไรเกี่ยวพันสืบทอดต่อมาอะไรหรือเปล่า เรื่องนี้หนูก็ไม่ทราบค่ะ เพราะพื้นเพของแม่หนูเป็นชาวปักกิ่ง มาจากสกุลเจิ้ง คงจะเป็นเรื่องบังเอิญที่หนูดันไปมีหน้าตาเหมือนกับคนในภาพวาดเสียมากกว่า”ฉิงชวนอธิบายกลับไป

           และคำพูดของเธอก็ยิ่งทำให้คิ้วขาวขมวดมุ่นเข้าหากันมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

           “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งน่าแปลก เป็นไปได้อย่างไงที่คนในยุคปัจจุบันจะไปมีหน้าตาเหมือนคนในยุคโบราณที่เคยมีชีวิตอยู่จริงเมื่อสองพันกว่าปีก่อนแบบนั้น...แปลกมาก...แปลกมากจริงๆ”เจ้าของร้านรำพึงมิรู้วาย

           ฉิงชวนได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ กลับไป ก่อนจะเหลือบสายตามองตรงไปที่ภาพสตรีสาวจากยุคจ้านกว๋อ ไม่ว่าจะเพ่งพิศมองตรงไหน เหมือนเธอดุจพิมพ์เดียวกันไม่เว้นแม้กระทั่งขี้แมลงวันที่อยู่เหนือริมฝีปากด้านซ้ายยังมีตรงกันอีก

           “อะไรจะเหมือนกันจนถึงขี้แมลงวันยังอยู่ในตำแหน่งเดียวกันเลย”เสียงของหยู่เยี่ยนดังแทรกขึ้น ในขณะที่เพื่อนสาวหันกลับมามองหน้า

           “นี่แกก็เห็นด้วยเหรอ”ฉิงชวนถามกลับไป

           “ก็ตาไม่ได้บอดนี่หว่าทำไมจะไม่เห็น เล่นเหมือนกันทุกจุดไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งของขี้แมลงวันยังตรงกันเลย”หยู่เยี่ยน บอกเพื่อนกลับไป

 ฉิงชวนยืนอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเพื่อนบอกกลับมาเช่นนั้น เธอหันกลับไปสำรวจภาพวาดตรงหน้าอีกครา ก่อนจะเหลือบไปเห็นตัวอักษรจีนโบราณเขียนข้อความทิ้งไว้บนภาพดังกล่าว

 “คุณลุงคะในภาพวาดมีตัวอักษรจีนโบราณด้วย อ่านว่าอะไรเหรอคะ”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้

 “อ่อ...เห็นบอกว่าเป็นชื่อแม่นางในภาพนี้นะ รู้สึกว่าจะชื่อเฉียนเฉียน”เจ้าของร้านตอบกลับไป

           “เฉียนเฉียน”ฉิงชวนรำพึงเรียกชื่อดังกล่าวออกมา ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

           “โอโห่! นี่ขนาดชื่อก็ยังเหมือนกันด้วยเหรอแปลกจังเลย”หยู่เยี่ยนพูดแทรกขึ้นมาทันที ในขณะที่ฉิงชวนยืนงงมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

           “อ้าว! แม่หนูคนนี้ก็ชื่อเฉียนเฉียนเหมือนกันด้วยเหรอ”เจ้าของร้านเอ่ยถามกลับมาด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน

           “ชื่อเล่นของหนูค่ะ”ฉิงชวนตอบกลับไป

           ใบหน้าที่ผ่านประสบการณ์มาพอสมควรพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “อ่อ..บังเอิญอย่างน่าแปลกประหลาดมาก ที่หนูกับแม่นางในภาพวาดนอกจากจะมีหน้าตาเหมือนกันแล้วยังมีชื่อที่ตรงกันอีก และคิดว่าชื่อที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดนี้คงจะเป็นชื่อรองหรือชื่อเล่นเหมือนกัน เพราะสตรีในสมัยโบราณถ้ายังไม่ถึงวัยปักปิ่น ชื่อจริงจะยังไม่มีจนกว่าจะเข้าพิธีปักปิ่นเรียบร้อยแล้ว จึงจะได้ชื่อจริงอย่างเป็นทางการ”

           ทั้งฉิงชวนและหยูเยี่ยนต่างหันกลับมามองหน้ากันด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเธอทั้งสองได้ยินเมื่อครู่

           “หมายความว่าอย่างไงเหรอคะคุณลุง หนูไม่เข้าใจ”ฉิงชวนเป็นฝ่ายถามกลับไป

           และนั่นทำให้เจ้าของร้านสูงวัยต้องขยับแว่นสายตาขึ้นลง

           “ถ้าใครชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชนชาติจะเข้าใจได้ทันที แต่เอาเถอะลุงจะอธิบายให้พอได้เข้าใจง่ายๆ ก็แล้วกัน พิธีปักปิ่นเป็นประเพณีในสมัยโบราณที่มีขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว กำหนดให้เด็กหญิงที่มีอายุครบ 15 ปีเข้ารับการปักปิ่นเพื่อประกาศว่าได้พ้นจากวัยเยาว์ ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และพร้อมออกเรือนแล้ว และจะได้รับชื่อจริงจากพ่อและแม่หรือจากนักปราชญ์ผู้มีชื่อเสียงในกรณีที่ครอบครัวมาจากตระกูลสูงในวันนั้นอย่างเป็นทางการ”

           ใบหน้าสวยของสองสาวต่างพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น

           “อ่อ..ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง คนโบราณมีพิธีการเยอะจังเลย”ฉิงชวนพูดออกมาเบาๆ เธอหันกลับไปมองภาพวาดดังกล่าวอีกครั้ง และต้องแปลกใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม นั่นก็คือไม่มีราคาตั้งขายแต่อย่างใด

           “ภาพนี้ไม่มีราคาขายเหรอคะคุณลุง”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย

           แว่นสายตากระดกขึ้นลงติดต่อกัน ครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “อ่อ...ภาพวาดผืนนี้เป็นชิ้นเดียวภายในร้านที่ไม่ขาย เพราะว่าเจ้าของภาพวาดเขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนที่ลงทุนร่วมกันเปิดร้านนี้ ให้ลุงนำมาแขวนประดับภายในร้านชั่วคราว ถึงกำหนดก็ต้องนำกลับไปคืนตามเดิม ถ้าภาพวาดนี้ตั้งราคาขายบอกเลยว่า ถูกขายออกไปตั้งแต่วันแรกที่ลุงเปิดร้านแล้วละ เคยมีคนให้ราคาสูงถึง 5 ล้านหยวน เจ้าของภาพเขายังไม่ขายเลยแม่หนู”เจ้าของร้านอธิบายกลับไป

           ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวฉายแววผิดหวังเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นกลับมา

           “แสดงว่าเจ้าของภาพคงจะรักภาพนี้มากจึงไม่ยอมขายออกไป ห้าล้านหยวนเป็นเงินก้อนมหาศาลมากเลยนะ แกเองไม่มีปัญญาซื้อหรอกเสี่ยวชวน เผลอๆ ถ้าตีอายุของภาพวาดจริงๆ ราคาอาจจะสูงมากกว่านี้หรือประเมินค่าไม่ได้เลยนะหากรัฐบาลประกาศให้เป็นสมบัติของชาติ”หยู่เยี่ยนพูดแทรกขึ้นระหว่างกลาง ก่อนจะได้ยินเสียงเจ้าของร้านตอบกลับมา

           “ภาพวาดชิ้นนี้เป็นมรดกตกทอดนับตั้งแต่ยุคจ้านกว๋อ สิ่งใดที่เป็นของตกทอดต่อๆ กันมาของตระกูลเก่าแก่ในจีน รัฐบาลจะไม่ประกาศให้เป็นสมบัติของชาติเพราะว่าสกุลนั้นเขาประกาศความเป็นเจ้าของแล้วนับตั้งแต่โบราณ จริงๆ แล้วภาพนี้ไม่ใช่ต้นแบบ ของจริงเล่ากันว่าฝังไปพร้อมกับหลุมศพ”

           เอิ่มมม..เสียงฮึมฮำดังอยู่ภายในลำคอของสาวน้อยวัยแรกรุ่นทั้งสองขึ้นมาทันที

           “รู้สึกว่าจะได้กลิ่นตุตุอย่างไงก็ไม่รู้ ในความสวยมีความนัยแอบแฝง”หยู่เยี่ยนพูดเปรยออกมา

 และนั่นทำให้ปรากฏรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าจากเจ้าของร้านทันใด

 “แม่หนูคนนี้พูดถูก เห็นสวยๆ แบบนี้ ตามเรื่องเล่าที่ได้ยินมา นางมีจิตใจที่เหี้ยมโหดมากเลยนะ ฆ่าน้องสาวต่างแม่เพื่อทำให้ตัวเองได้แต่งงานกับคนที่เข้าใจว่าจะได้เป็นรัชทายาทในยุคนั้น โดยไม่รู้ว่าคนที่แต่งด้วยกลับเป็นโจรสลัด”

           “ห๊ะ! โจรสลัด!!!”สองสาวอุทานออกมาพร้อมกันครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “ยุคนั้นมีโจรสลัดด้วยเหรอคะคุณลุง”ฉิงชวนถามกลับทันใดด้วยความอยากรู้อย่างยิ่งยวด

 และคำว่าโจรสลัดทำให้เธอนึกถึงโจทก์ในการเขียนบทละครขึ้นมาทันทีทันใด  ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ออกจากชายสูงวัยตรงหน้าเธอ

           “เอ้า! ทำไมจะไม่มีละแม่หนู ขึ้นชื่อว่าโจรมีทุกยุคทุกสมัยนั้นแหละ มีทั้งโจรป่า โจรบนดอยหรือที่เรียกว่าโจรภูเขาและโจรที่อยู่ตามท้องทะเล พวกที่อยู่ตามท้องทะเลเรียกว่าโจรสลัด และในยุคจ้านกว๋อแคว้นหมิ่นเยว่หรือเมืองฝูเจี๋ยนในยุคปัจจุบันของเราที่ต่างก็รู้จักกันดีในอดีตกาล คือเมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางทะเล เปรียบเหมือนทางสายไหมซึ่งเป็นการค้าขายทางทะเล เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก และเป็นยุคที่มีโจรสลัดเลื่องชื่อมากด้วยเช่นกัน”เจ้าของร้านอธิบายกลับมาพร้อมส่ายหน้าไปมาติดๆ กัน

           “เด็กสมัยนี้คงจะไม่ได้ค่อยได้อ่านประวัติศาสตร์ของชาติเสียเท่าไร ก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย”เจ้าของร้านพึมพำเบาๆ

           ในขณะที่จางหยู่เยี่ยน ซึ่งเป็นชาวมณฑลฝูเจี๋ยนในยุคปัจจุบันตั้งแต่กำเนิดยังต้องยืนอ้าปากค้างครั้นได้ยินเช่นนั้น

           “ขนาดฉันลืมตาขึ้นมาดูโลก เป็นคนมาจากมณฑลฝูเจี๋ยนตั้งแต่เกิดแท้ๆ ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ว่าเมืองที่ตัวเองอยู่จะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความสำคัญมากขนาดนี้”หยู่เยี่ยนรำพึงรำพันออกมาโดยมิทันสังเกตเพื่อนสาวที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงครั้นได้ยินคำอธิบายจากเจ้าของร้านเช่นนั้น

           “ฉันรู้แล้ว! ฉันรู้แล้ว!”ฉิงชวนพูดซ้ำไปซ้ำมาแต่ประโยคเดิม

           และนั่นทำให้หยู่เยี่ยนต้องหันกลับไปเอื้อมมือเขย่าไหล่เพื่อนสาวของเธอ

           “เสี่ยวชวนแกเป็นอะไร! รู้อะไรอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามเพื่อนรักกลับมา

           ดวงตาคู่สวยหันหน้ากลับไปมองเพื่อนสนิทของเธอพร้อมเอ่ยขึ้น

           “ฉันรู้แล้วว่าจะเขียนบทละคร 40 ตอนจบนี้ได้อย่างไงเสี่ยวเยี่ยน!!!”ฉิงชวนบอกเพื่อนด้วยความดีใจ

           ในขณะที่คนเป็นเพื่อนยังยืนงงๆ กับคำพูดของเพื่อนสนิทของเธอมิรู้คลาย

           “เฮ้ย! แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ..แกคิดพล็อตเรื่องมาจากไหนกันเสี่ยวชวน”หยู่ยี่ยนถามกลับไปทันที

           “จากที่นี่แหละ! ไปเถอะแก! กลับกันได้แล้ว ไป! ไป! ไป!”หญิงสาวพูดพร้อมคว้าข้อมือของหยู่เยี่ยนรีบเดินจำอ้าวออกไปจากร้านทันที โดยเพื่อนที่กำลังถูกลากให้เดินตามหลังไปติดๆ นั้น ต้องหันกลับมาพูดกับเจ้าของร้านดังกล่าว

           “ขอบคุณนะคะคุณลุง เอาไว้โอกาสหน้าจะแวะมาอุดหนุนที่ร้านนะคะ ถ้าพวกหนูมีเงินพอจะซื้อของในร้านได้!!!”หยู่เยี่ยนตะโกนบอกกลับไป

           ท่ามกลางสายตาของชายสูงวัยที่กำลังมองตามเด็กสาวทั้งสองเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

           “ไปเสียแล้ว! ยังไม่ได้ถามเลยว่ามีชื่อแซ่มาจากสกุลไหน หน้าตาเหมือนแม่นางในภาพวาดแบบนั้น ถ้าเจ้าของภาพล่วงรู้ต้องอยากเห็นตัวจริงแม่หนูคนนั้นแน่ๆ”เจ้าของร้านได้แต่ยืนพึมพำ 

 พร้อมเหลือบสายตามองไปที่ภาพวาดโบราณซึ่งมีอายุสองพันกว่าปี แต่กลับมีสาวน้อยในยุคปัจจุบันที่มีใบหน้าเหมือนในภาพวาดทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งของขี้แมลงวัน!!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 85 สัญญารักมั่นสองเรา 1.3 (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตหอเทพธิดาเมืองอูเจี๋ยนยามนี้ภายในหอเทพธิดาเพิ่งเสร็จสิ้นพิธีบูชาไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม กลิ่นกำยานหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นดอกไม้นานาพรรณหอมตลบอบอวล ด้วยเทพธิดาโปรดปรานดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดและตรงหน้าแท่นทำพิธีปรากฏบุรุษสูงใหญ่อาภรณ์ขาว เกศานิลกาฬรับกับดวงเนตรคู่สวย กำลังนั่งคุกเข่าขอพรจากเทพธิดาอูเจี๋ยนด้วยความรักและคิดถึงคนที่อยู่ในหัวใจอยู่ทุกค่ำคืน คำอ้อนวอนจากหัวใจกำลังพรั่งพรูออกจากปากบุรุษคนดังกล่าว“ข้าน้อยเฉินคัง ขออ้อนวอนเทพธิดาอูเจี๋ยน ฝากคำรักมั่นและสัญญาของหัวใจไปถึงฉิงชวนฮูหยินของข้าที่สถิตอยู่สวรรค์เบื้องบน คำรักมั่นที่สัญญาไว้จะมิวันแปรเปลี่ยนไปจากหัวใจของข้าน้อย ขอเทพธิดาได้โปรดนำคำรักของข้านี้มอบให้แก่นางได้ล่วงรู้ หากแม้นเทพธิดาและสวรรค์เบื้องบนเมตตา ขอให้ข้าน้อยได้พบดวงวิญญาณของนางสักเพียงครั้งด้วยเถิด”คำอธิษฐานเพียรเฝ้าอ้อนวอนอยู่ในห้วงคำนึงขององค์ชายหนุ่มรูปงามดวงเนตรสีนิลกาฬทอดสายตาจับจ้องอยู่แต่ภาพวาดตรงหน้า ซึ่งเป็นผู้ลงมือวาดกับมือด้วยความโหยหาและอาลัยรักเป็นยิ่งนัก ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็ม

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 84 สัญญารักมั่นสองเรา 1.2

    9 เดือนผ่านไปมณฑลฝูเจี๋ยนมณฑลฝูเจี้ยนหรือ มณฑลฮกเกี้ยนเป็นมณฑลชายฝั่งทะเลที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน อาณาเขตทางภาคเหนือติดกับมณฑลเจ้อเจียง ภาคใต้ติดกับมณฑลกวางตุ้ง ภาคตะวันออกติดกับช่องแคบไต้หวัน ฝูเจี้ยนมาจากอักษรนำหน้าชื่อเมืองสองเมืองรวมกันคือฝูโจวและเจี้ยนโอว ชื่อนี้ได้รับการตั้งในสมัยราชวงศ์ถังในยุคสมัยจ้านกว๋อซึ่งเจ็ดแคว้นใหญ่เรืองอำนาจอยู่ในขณะนั้น มณฑลฝูเจี๋ยนก็คือแคว้นหมิ่นเย่ว ซึ่งรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในยุคโบราณจวบจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังรุ่งเรืองเปลี่ยนผันไปตามยุคสมัยที่ผ่านไปภายใต้เรืองร่างงามระหงของหวังฉิงชวน ที่กำลังยืนอยู่บริเวณท่าเทียบเรือฉวนโจว อันเมืองท่าเก่าแก่มีอายุพันกว่าปีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมทางทะเลในยุคโบราณ ดวงตาคู่สวยกำลังเหม่อมองน้ำทะเลสีครามอยู่ตรงเบื้องหน้าภาพในความฝันที่มิอาจลืมเลือนไปจากความทรงจำและจากหัวใจของฉิงชวนไปได้เลย บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ขาว เส้นผมสีดำสนิทยาวจนถึงกลางหลังยืนถือตำราอยู่บนเรือ กำลังสอนหนังสือให้แก่สตรีสาวแสนงามและน้องชายตัวน้อยบนเรือซึ่งเป็นของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 83 สัญญารักมั่นสองเรา 1.1

    “เฉียนเฉียน! เฉียนเฉียนลืมตาขึ้นมาสิเจ้า! เจ้าจะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้นะ! เฉียนเฉียน! เฉียนเฉียน!!!!!”แปะ! หยาดน้ำตาหลั่งรินออกจากขอบหางตาของใบหน้าสวยของหญิงสาว“เฉียนเฉียน!เฉียนเฉียน!”เสียงเรียกที่ค้นหูเป็นอย่างดียังคงดังขึ้นอยู่ชิดริมหูไม่คลาดคราเปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ กลอกกลิ้งไปมา พร้อมขนตางอนยาวเริ่มกะพริบขึ้นติดต่อกัน ก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพอันพร่าเลือนค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นพร้อมเพดานเบื้องบนปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตจับอยู่ที่หลอดไฟสีนวลอ่อนๆ กระจายไปทั่วทั้งเพดานครั้นมองไปทางด้านข้างเสาเหล็กสำหรับแขวนขวดยารักษาอาการของคนป่วยพร้อมสายระโยงระยางต่อตรงเข้ากับท่อนแขนขาวผ่องซึ่งอยู่ในชุดของคนไข้ในโรงพยาบาลของกรุงปักกิ่งดวงตากลมโตดั่งตากวางมองไปทั่วห้องก่อนจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมายตั้งตระหง่านอยู่นอกประตูกระจก“นะ..นี่..นี่..ฉัน..ฉันกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไง! ทะ...ทำไม!...”ฉิงชวนนอนพึมพำอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความรู้สึกสับสนจน

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 82 เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว 1.4

    พร้อมเสียงของเฉินคังดังก้องขึ้นมาทันที“รีบพาออกไปจากที่นี่! สกัดพิษเอาไว้อย่าให้แพร่กระจาย”สิ้นเสียงของเฉินคังเสิ่นข่ายรีบอุ้มร่างไร้วิญญาณออกจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ติดตามด้วยองครักษ์คนอื่นๆ รีบประคองร่างของคนที่เหลือออกไปตามคำสั่ง คงเหลือเพียงฉิงชวนและเฉินคังเท่านั้นที่อยู่ภายในบริเวณนั้น “เฉินจิ้น! ปล่อยเฉียนเฉียนของข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงตวาดดังกระหึ่ม ดวงเนตรเข็งกร้าวลุกโชนอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่มิอาจทำอะไรได้ไปมากกว่านี้ ด้วยเพราะเป็นห่วงฮูหยินของตนเป็นยิ่งนักในขณะที่ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน ครั้นเห็นบุรุษสองคนที่มีหน้าตาประดุจพิมพ์เดียวกันจนแยกไม่ออกเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉิงชวนได้แต่มองหน้าของคนทั้งสองสลับไปสลับมาอยู่เช่นนั้น“นะ...นี่...มันอะไรกันรัชทายาทของหมิ่นเย่วเหตุใดจึงมีสองพระองค์”ฉิงชวนเอ่ยออกมาด้วยความงุนงง พร้อมเสียงหัวเราะกึกก้องของเฉินจิ้นดังขึ้นด้วยความขบขัน“เจ้ากล้ามากนักนะ!ที่บุกเข้ามาในวังของข้า อุตสาห์รอดตายมาจากโรคระบาดที่อู

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 81 เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว 1.3

    กำแพงวังทิศเหนือทิศเหนือของพระราชวังหมิ่นเย่วหันหน้าออกสู่ทะเล ระยะทางจากประตูวังทางทิศเหนือเดินทางไปยังเรือของเฉินคังที่จอดรอรับอยู่ภายในบริเวณนั้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เดินทางถึงจุดหมาย ร่นระยะเวลาได้สั้นที่สุดและรวดเร็วบริเวณด้านข้างของกำแพงวังทางทิศใต้เป็นแม่น้ำซึ่งเชื่อมต่อกับทะเล และเบื้องล่างเต็มไปด้วยกองทหารของเฉินคังที่ปลอมตนเป็นทหารรักษาวังปะปนอยู่ภายในวังหลวงมีจำนวนด้วยกันถึงห้าพันนายเลยทีเดียวซึ่งเป็นกำลังพลของเฉินคังสามพันนาย และกองทหารจากตระกูลมู่ของเสิ่นข่ายอีกสองพันนาย ผนึกกำลังล้อมวังกำจัดเฉินจิ้นให้จงได้ ท่ามกลางกระแสลมแรงที่พัดมาจากทะเล พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายเฉินคัง ฉลองพระองค์สีขาวสูงค่า ประดับกวานสัญลักษณ์ขององค์รัชทายาทซึ่งเป็นฉลองพระองค์ของพระเชษฐษา ที่เสิ่นข่ายนำออกมาให้พระองค์ทรงสวมเพื่อปลอมตนเป็นองค์ชายเฉินจิ้นวรกายสูงสง่า องอาจและผึ่งผาย ยืนอยู่ทางเดินบนกำแพงของวังหลวงทอดพระเนตรเรือใหญ่ของพระองค์เตรียมพร้อมรอรับเสด็จกลับเกาะเผิงหู่พร้อมหยางเฉียนเฉียน พระชายาคนงามที่ยังไม่ล่วงรู้จะมีเหตุการณ์ให

  • ตำนานรักองค์ชายจอมโจร   ตอนที่ 80 เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว 1.2

    ในขณะเดียวกันพระตำหนักคร่ำครวญร่างระหงของหยางเสวี่ยเหยาในชุดนักโทษคุมขัง ไร้อาภรณ์สูงค่าห่อหุ้มกาย ไร้เครื่องประดับล้ำค่าประดับกายที่บ่งบอกฐานันดรศักดิ์อันสูงส่งของนาง เส้นผมดำขลับยาวถึงเอวปล่อยลงมิได้เกล้าอย่างสวยงาม รองรับเครื่องประดับของพระชายาซึ่งมีพระสวามีเป็นถึงองค์รัชทายาท เจ้าผู้ครองแคว้นที่จะขึ้นปกครองในเบื้องหน้าร่างงามถูกนำตัวออกมาจากตำหนักเดียวดายเพื่อฟังโทษทัณฑ์ของตน“หยางเสวี่ยเหยามีพระบรมราชโองการ!”เสียงของผู้ถือราชโองการดังขึ้นพร้อมร่างของสตรีสาวที่เคยสูงศักดิ์ถูกกดลงให้นั่งคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อรับราชโองการ“คุกเข่าลง! คุกเข่า!!!”เสียงเจ้าหน้าที่กรมอาญาตวาดดุดันก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่ข้อพับทั้งสองข้างตุบ! ร่างระหงทรุดฮวบลงกับพื้นทันทีเพื่อฟังราชโองการ“พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก หาญกล้ากระทำการอันไร้มารยาทเยี่ยงนี้กับข้า ข้ามิใช่นักโทษแต่อย่างใดเหตุไฉนต้องกระทำกับข้าเช่นนี้ด้วย เพียงเพราะถูกกล่าวหายังมิได้เข้ารับการสอบสวนจากองค์ไทจื่อพระสวามีของข้าแต่อย่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status