Masukซูฉิงใช้เวลาช่วงบ่ายอย่างมีความสุขกับการปรับปรุงพื้นที่ปลูกสมุนไพรของเธอ ซึ่งบัดนี้ถูกขนานนามในใจว่า “ฟาร์มสมุนไพรหยางอันเร่าร้อน” เธอขุดดิน พลิกหน้าดิน และเตรียมแปลงอย่างพิถีพิถัน สมุนไพรชุดแรกที่เธอปลูกลงไปคือสมุนไพรที่ใช้สำหรับการทดลองรักษาตัวเอง โดยเธอได้เปลี่ยนชื่อให้ดูบริสุทธิ์ตามคำสั่งของอวี้เหยียนแล้ว
'หญ้าดับไฟราคะ' ถูกเรียกว่า 'หญ้าสงบจิต'
'รากเหง้าพยับแดดเย็นใจ' ถูกเรียกว่า 'รากเย็นศิลา'
เธอพยายามยับยั้งอาการกำเริบของตัวเองตลอดช่วงบ่าย เมื่อต้องเรียกชื่อสมุนไพรเหล่านี้ เธอต้องสูดหายใจลึกๆ และท่อง กฎเหล็กข้อที่ 1 วาจาสุภาพ ไว้ในใจซ้ำๆ
‘หึ ท่านหมอคิดว่ากฎเหล็กจะหยุดข้าได้หรือ ท่านคิดผิดแล้ว นี่เป็นการฝึกการควบคุมตนเองขั้นสูงสุดต่างหาก และเมื่อข้าบรรลุ... ท่านหมอจะต้องตกเป็นเหยื่อข้าแน่นอน’
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า อวี้เหยียนเดินออกมาจากห้องทำงานส่วนตัวของเขา เขาสวมชุดผ้าแพรสีน้ำเงินเข้มแสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจตรวจคนไข้และงานเอกสารทั้งหมดแล้ว สีหน้าของเขาดูอ่อนล้าและเย็นชาเหมือนเดิม แต่ก็มีความตึงเครียดบางอย่างปรากฏอยู่
ซูฉิงแอบมองพระเอกอย่างพิจารณา เธอรู้ว่าการต่อสู้ทางคารมกับเธอตลอดทั้งวันคงทำให้ท่านหมอเทวดาผู้เคร่งครัด หมดพลังงาน ไปไม่น้อย
‘น่าสงสารจัง ท่านหมอหน้าเหมือนศพแช่แข็งเลย ถ้าปล่อยให้ท่านเป็นแบบนี้ต่อไป ท่านจะไม่ทันได้สัมผัสความสุข ในชีวิตหรอกข้าต้องช่วยบำรุงท่านหน่อยแล้ว’
ทันใดนั้น อาการปากไวใจทะลึ่งก็กำเริบขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนล้าของชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ซูฉิงลืมเรื่องกฎเหล็กไปชั่วขณะ
เธอรีบเดินเข้าไปในครัวของโรงหมออย่างเงียบเชียบ เธอพบสมุนไพรที่หาได้ง่ายๆ เช่น ขิง โสมเกาหลี (ของหายากที่อวี้เหยียนเก็บไว้) และดอกคำฝอย เธอใช้ความรู้สมัยใหม่ในการชงชาบำรุงหัวใจและประสาทสูตรพิเศษ
ซูฉิงเดินกลับมาที่หน้าห้องทำงานของอวี้เหยียน เขาเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง โดยมีถ้วยชาเย็นชืดวางอยู่ข้างๆ
ซูฉิงวางถ้วยชาใหม่ที่ยังอุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นของโสมลงตรงหน้าเขา
อวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เขาจ้องมองถ้วยชาด้วยความระแวง
“นี่คือ... อันใด” เขาถาม
“ ท่านหมอเจ้าคะ นี่คือ ชาบำรุงไต บำรุงกำลัง ที่ข้าทำพิเศษให้ท่านเลยนะเจ้าคะ” ซูฉิงยิ้มหวานที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่คำพูดที่ออกมากลับไม่บริสุทธิ์ใจเลยแม้แต่น้อย
อวี้เหยียนขมวดคิ้วแน่น เขายกมือขึ้นห้ามอย่างรวดเร็ว
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ต้องการการบำรุงกำลังอันใดของเจ้า ข้าแค่เหนื่อยจากการตรวจคนไข้เท่านั้น”
“โถ่ ท่านหมออย่าปฏิเสธเลยเจ้าคะ ข้าดูออกนะว่าท่านอ่อนเพลียเกินไป ชานี้มันช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในจุดที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของท่านเลยนะเจ้าคะ” ซูฉิงพยายามอธิบายตามหลักการแพทย์ แต่คำพูดของเธอมันชวนให้คิดลึกไปถึงเรื่องอื่นอยู่ดี
อวี้เหยียนรู้สึกว่าใบหน้าของเขากำลังร้อนผ่าวอีกครั้ง เขาพยายามรวบรวมสติและระลึกถึง กฎเหล็กข้อที่ 3 โรงหมอคือเขตศักดิ์สิทธิ์ ที่ห้ามพูดถึงเรื่องส่วนตัว
“ซูฉิง เจ้ากำลังละเมิดกฎเหล็กอีกครั้ง จงหยุดพูดจาเหลวไหลแล้วกลับไปพักผ่อน”
“ไม่เหลวไหลเลยเจ้าค่ะ ชานี้มันสุดยอดจริงๆ นะเจ้าคะ ข้าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจล้วนๆ เลยเจ้าค่ะ”
เธอโน้มตัวลงไปที่โต๊ะทำงานของเขาอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายที่เต็มไปด้วย ความซุกซน จ้องมองไปที่ริมฝีปากที่กำลังเม้มแน่นของอวี้เหยียน
“ข้าว่า ถ้าข้าป้อนท่านด้วยปากน่าจะได้ผล เพราะสารออกฤทธิ์มันจะซึมซับเข้าสู่ร่างกายท่านหมอได้รวดเร็วที่สุด”
อวี้เหยียนถึงกับสำลักอากาศ
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากสีซีดเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็วราวกับถูกไฟเผา เขาพยายามรวบรวมลมหายใจและสติที่ ใกล้จะแตกสลาย
“ซู... ซูฉิง เจ้า... เจ้า” เขาพยายามหาคำที่เหมาะสมที่สุดในการดุด่าเธอ แต่คำเหล่านั้นหายไปจากสมองเมื่อเห็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์แต่ร้ายกาจ
ซูฉิงรู้ว่าถ้าปล่อยให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่านี้ เธออาจจะถูกไล่ออกทันทีตาม กฎเหล็กข้อที่ 5 ที่มีกำหนดไว้ว่าห้ามละเมิดเกินสามครั้ง
เธอรีบถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ข้า... ข้าขออภัยเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าแค่เป็นห่วงสุขภาพ ของท่านจริงๆ ข้าสัญญาว่าจะกลับไปทบทวนกฎเหล็กของท่านอีกครั้งนะเจ้าคะ”
เธอกลับเข้าสู่โหมด 'สตรีผู้ใสซื่อ' อย่างรวดเร็ว ทำให้ความโกรธของอวี้เหยียนสลายไปครึ่งหนึ่งและแทนที่ด้วยความสับสน
อวี้เหยียนกุมขมับ เขาหยิบใบสัญญาที่มีลายเซ็นของซูฉิงและกฎเหล็กห้าข้อขึ้นมาอ่านทวนอีกครั้ง
“ซูฉิง” อวี้เหยียนเรียกชื่อเธอเสียงแข็ง “โปรดรักษา มารยาทด้วย และนี่... ถือเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง หากมีครั้งที่สอง... ข้าจะเริ่มแผนการรักษาโรคปากไวใจทะลึ่ง ของเจ้าอย่างจริงจัง”
ซูฉิงทำตาโต เธอแสร้งทำเป็นตกใจอย่างสุดขีด ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ท่านหมอเทวดาเห็นรอยยิ้มที่ เต็มไปด้วยชัยชนะ บนใบหน้า
‘ท่านหมอเอ๊ย ท่านเพิ่งใช้สิทธิ์ในการเตือนไปหนึ่งครั้งแล้ว นั่นแปลว่าข้ายังมีโอกาส ป่วนท่านอีกสองครั้ง สินะ และถ้าการรักษาอย่างจริงจังของท่านคือการใช้เวลาอยู่กับข้ามากขึ้นล่ะก็... ข้าก็ยอมเป็น คนทะลึ่งตลอดไปเลยเจ้าค่ะ’
ซูฉิงกลับไปที่โรงปลูกสมุนไพรของเธอ เธอชั่งน้ำหนักส่วนผสมของหญ้าสงบจิตด้วยความตื่นเต้น
ภารกิจนี้ไม่ได้มีแค่การปลูกผัก แต่คือการบำบัดความหื่นของตัวเองและความเย็นชาของท่านหมอเทวดานี่แหละ
และเธอมั่นใจว่า... เธอจะสำเร็จภารกิจหลังนี้ก่อนภารกิจแรกอย่างแน่นอน
ความทะลึ่งในใจของซูฉิงเริ่มถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจอย่างแท้จริง เธอตระหนักว่าอวี้เหยียนไม่ได้เป็นแค่เป้าหมายในการปั่นป่วนของเธอเท่านั้น แต่เขาคือบุรุษหนุ่มที่แบกรับภาระของการเป็นหมอเทวดาผู้เคร่งครัดไว้บนบ่า เธอเห็นอวี้เหยียนยกมือขึ้นนวดขมับอย่างช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวหลายครั้ง ท่าทางของเขาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ “ท่านหมอ...” ซูฉิงพึมพำเบาๆ “ท่านต้องการการดูแลที่มากกว่าแค่ชาบำรุงของข้าแล้วนะเจ้าคะ...”ขณะที่ซูฉิงกำลังมองอวี้เหยียนด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน ทันใดนั้น... เหตุการณ์ที่ทำให้ซูฉิงต้องประหลาดใจที่สุดก็เกิดขึ้น อวี้เหยียนหันซ้ายหันขวาอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมาจากหีบไม้จันทน์ที่เพิ่งเก็บไปเมื่อครู่ มันคือ ตำราว่าด้วยการบำรุงแก่นแท้ของชีวิต เล่มนั้นอวี้เหยียนเปิดตำราเล่มนั้นอย่างเงียบๆ และเริ่มจ้องมองไปยังภาพวาดระบบสืบพันธุ์และอวัยวะภายในที่ซูฉิงเพิ่งเปิดดูเมื่อไม่นานมานี้ เขาจ้องมองภาพวาดนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด แต่สนใจอย่างชัดเจน ไม่ใช่ด้วยความโกรธหรือความอับอาย แต่เป็นด้วยความอยากรู้อยากเห
ซูฉิงเห็นท่าทีของอวี้เหยียนแล้วก็รู้ว่าเธอต้องใช้วิชาการเป็นเกราะป้องกัน เธอชี้ไปที่ภาพวาดในตำราอย่างกล้าหาญ “ท่านหมอ โปรดฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ข้ากำลังวิเคราะห์เนื้อหาในตำราต่างหาก ตำรานี้อธิบายถึงการสืบพันธุ์และการสร้างชีวิตอย่างตรงไปตรงมา นี่คือวิชาการชั้นสูงที่ท่านหมอไม่ควรห้ามนะเจ้าคะ”อวี้เหยียนแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ เขาไม่สามารถโต้แย้งเรื่องวิชาการได้ แต่เขาก็รับไม่ได้กับคำพูดของซูฉิง “การสืบพันธุ์นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติและจารีต ไม่ใช่สิ่งที่สตรีควรจะนำมาพูดถึงอย่างเปิดเผย เจ้าพยายามใช้คำพูดเหล่านี้ยั่วยวนข้าใช่หรือไม่ เจ้าละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 1 อย่างชัดเจนอีกครั้ง”“ยั่วยวนอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ซูฉิงทำเสียงตกใจเกินจริง เธอรีบยื่นกระดาษโน้ตของอวี้เหยียนไปตรงหน้าเขา “ท่านหมอ ท่านต่างหากที่สนใจเรื่องเหล่านี้ ข้าเพิ่งพบบันทึกส่วนตัวของท่านที่เขียนว่า ‘สมุนไพรว่านบำรุงในตำรานี้ มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างชีวิตจริงหรือไม่ ข้าควรจะทำการทดลองอย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุป’”อวี้เหยียนถึงกับหน้าซีดเผือด เขาไม่คิดว่าซูฉิงจะค้นพบบันทึกส่วนตัวที่เขาเขียนไว้เมื่อหลายปีก่อน “นี
“ท่านหมอ ท่านหมอโบราณท่านนี้... ท่านช่างเป็นผู้ที่กล้าหาญในการวาดภาพจริงๆ” ซูฉิงพึมพำกับตัวเอง อาการกำเริบของเธอทำให้เธอไม่สามารถควบคุม ความคิดทะลึ่ง ที่แล่นเข้ามาในหัวได้อย่างทันท่วงทีซูฉิงรีบเอามือปิดปากแน่น เธอท่องกฎเหล็กข้อที่ 1 วาจาสุภาพ ซ้ำๆ อยู่ในใจ ราวกับคาถาป้องกันตนเอง “สงบสติไว้ซูฉิง มันคือวิชาการ มันคือความรู้ มันคือชีววิทยาที่ต้องได้รับการเคารพ ห้ามคิดถึงท่านหมอ ห้ามคิดถึงมุกตลก ห้ามคิดถึงการละเมิดกฎเหล็กครั้งสุดท้าย” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงเบาที่สุดแต่ยิ่งเธอพยายามควบคุม อาการกำเริบก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ภาพวาดในตำราเริ่มถูกตีความในหัวของเธอด้วยศัพท์เฉพาะทางที่แฝงความทะลึ่ง “ท่านหมอโบราณท่านนี้ลืมพูดถึงความสำคัญของโครโมโซม X และ Y ในการกำหนดเพศของบุตรไปได้อย่างไร ท่านมัวแต่เน้นเรื่องการผสานหยินหยางเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่องค์ประกอบทางพันธุกรรมนี่แหละคือกุญแจสำคัญในการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์” ซูฉิงพึมพำเธอพยายามอธิบายภาพวาดระบบสืบพันธุ์ด้วยคำศัพท์ที่ไม่ทะลึ่ง แต่ก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ถ้าข้าพูดว่าอวัยวะสืบพันธุ์มันจะผิดกฎไหมนะ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องใช้ศัพท์ที่ดูหรูหรากว่านี้ซูฉิงพลิ
ความวุ่นวายที่ซูฉิงสร้างไว้ในโรงหมอทำให้ท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนตระหนักว่า การปล่อยให้ซูฉิงอยู่ใกล้ชิดกับศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนนั้น เป็นการติดเชื้อความทะลึ่งที่รุนแรงและรวดเร็วกว่าที่เขาคาดไว้อวี้เหยียนตัดสินใจใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการดึงซูฉิงออกจากแปลงสมุนไพรและห่างจากเถียนเถียนให้มากที่สุด และสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซูฉิงก็คือ... การขลุกอยู่กับตำราเก่าๆเช้าวันหนึ่ง อวี้เหยียนเรียกซูฉิงเข้าไปในห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเคย แต่ดวงตาของเขามีความระแวงแฝงอยู่ “ซูฉิง ข้ามีงานสำคัญที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถของเจ้าโดยเฉพาะ และเป็นงานที่ไม่ต้องการคำพูดที่ไม่เหมาะสมหรือการสัมผัสที่ไม่จำเป็นใดๆ ทั้งสิ้น”ซูฉิงพยักหน้าอย่างตั้งใจ เธอกำลังรอคอยว่าเขาจะมอบหมายภารกิจอะไรให้เธอทำลายความเย็นชาของเขาเป็นครั้งที่ 3“งานของเจ้าคือการจัดเรียงและทำความสะอาดตำราสมุนไพรทั้งหมดในห้องสมุดส่วนตัวของข้า” อวี้เหยียนชี้ไปที่ประตูบานเล็กๆ ด้านในสุดของห้องทำงาน “เจ้าต้องใช้ความรู้เรื่องการจัดหมวดหมู่สมัยใหม่ของเจ้า เพื่อให้ข้าสามารถค้นคว้าสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ”ซูฉิงเบิกตา
“พอแล้ว ซูฉิง ข้า... ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าบ้าผู้ชาย ข้าแค่หมายความว่า... เจ้าควรจะรักษาจรรยาบรรณ” อวี้เหยียนกล่าวอย่างตะกุกตะกัก“จรรยาบรรณของข้าคือการรักษาคนไข้ให้หายขาดเจ้าค่ะ” ซูฉิงยืนยันอย่างหนักแน่น “และการรักษาอาการเคร่งเครียดของท่าน... ก็คือภารกิจสำคัญที่สุดของข้าในโรงหมอแห่งนี้”เถียนเถียนเดินเข้าไปกอดซูฉิงทันที “ศิษย์พี่ซูฉิง ท่านช่างกล้าหาญที่สุดเลยเจ้าค่ะ ท่านยอมรับข้อกล่าวหาอันน่าอับอายนี้เพื่อปกป้องความรู้ทางการแพทย์”อวี้เหยียนมองภาพศิษย์น้องของเขากำลังกอดสตรีที่เพิ่งละเมิดกฎเหล็กอย่างชัดเจน แล้วก็รู้สึกว่าโลกของเขากำลังพังทลายลง ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับยึดครองโรงหมอของเขาด้วยความทะลึ่ง และความเข้าใจผิดอวี้เหยียนตัดสินใจยอมจำนนในสถานการณ์นี้อย่างสิ้นเชิง “พอแล้ว พวกเจ้าจงกลับไปทำงานของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” อวี้เหยยียนสั่งเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองซูฉิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ “ซูฉิง... ข้า... ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าในครั้งนี้ เพราะ... ข้ายังต้องการความรู้ของเจ้าอยู่ แต่จงจำไว้ เจ้าเหลือโอกาสสุดท้ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จงใช้มันอย่างมีสติ”ซูฉิงโค
อวี้เหยียนตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยถูกสตรีสัมผัสด้วยความใกล้ชิดถึงเพียงนี้ และการสัมผัสมันก็รุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้ “เถียนเถียน หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ากำลังทำอะไร” อวี้เหยียนสั่งเสียงเครียด“ท่านหมอเจ้าคะ ข้ากำลังช่วยให้พลังชี่ของท่าน ไหลเวียนอย่างสมบูรณ์ ศิษย์พี่ซูฉิงสอนว่าการสัมผัสที่ถูกจุดจะช่วยให้ท่านผ่อนคลาย และปลดปล่อยความเครียดได้อย่างถึงแก่นเจ้าค่ะ” เถียนเถียนยังคงนวดต่อไปด้วยความบริสุทธิ์ใจอวี้เหยียนรีบจับมือของเถียนเถียนออกทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย นี่มัน... นี่มันคือการละเมิดกฎเหล็กข้อที่ 2 อย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ถูกสอนมาจากซูฉิงชัดๆ อวี้เหยียนรู้แล้วว่า ซูฉิงไม่ได้ถูกควบคุมเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังใช้ศิษย์น้องผู้ใสซื่ออย่างเถียนเถียนเป็นเครื่องมือในการปั่นป่วนเขาต่างหากเหตุการณ์ 'นวดคลึงหัวไหล่' โดยศิษย์น้องเถียนเถียนสร้างความตึงเครียดให้กับท่านหมอเทวดาอวี้เหยียนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาไม่สามารถลงโทษเถียนเถียนได้เพราะความบริสุทธิ์ใจของเธอ แต่เขาโกรธซูฉิงจนแทบจะระเบิดเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้เหยียนเรียกซูฉิงมายังห้องทำงานทันที โดยไม่สนเรื่องการรัก







