Share

ตอนที่ 6 แผ่นดินมังกร 1.2

last update Last Updated: 2025-08-03 07:14:18

ประเทศจีน

 มณฑลส่านซี ณ เมืองซีอาน

 ท่าอากาศยานนานาชาติซีอานเสียนหยาง [1]

 ร่างงามระหงของริณรณีย์หรือฟ่านชิงเชียง กำลังก้าวเดินออกมาจากบริเวณประตูผู้โดยสารขาออกจากสายการบินที่มาจากต่างประเทศ พร้อมด้วยกระเป๋าลากขนาดย่อม ดวงตาคู่สวยกำลังสอดส่ายสายตาคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ในขณะนั้น

 “ยายหนู!” เสียงที่คุ้นหูมาตั้งแต่เกิดเรียกเธอจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก

 ใบหน้าสวยหันกลับไปยังทิศที่เสียงดังกล่าวเรียกหาเธอทันที พร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

 “คุณแม่!” หญิงสาวตะโกนร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหาร่างอวบอิ่มที่กำลังยืนรอรับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว

 แม่สาวน้อยโผเข้าสวมกอดคุณแม่ของเธอพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการใหญ่

 “คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ... คุณแม่ขา” คำหวานออดอ้อนออกมาทันที

 คุณวิลาสินียิ้มแก้มปริเมื่อลูกสาวสุดที่รักหยอดลูกอ้อนทันทีที่มาถึง

 “จ๋าลูก... รู้แล้วว่ายายหนูของแม่คิดถึง... แหมอะไรกัน คุยโทรศัพท์แทบจะทุกวันยังจะบ่นคิดถึงกันอยู่อีกเหรอ”

 “ก็ริณคิดถึงนี่คะ... คิดถึง... คิดถึง... ทุกวันทุกคืนเลย” หญิงสาวพร่ำบอกคิดถึงมารดาไม่ขาดปาก

 ทันใดนั้นเอง

 “คิดถึง! ข้าคิดถึงเจ้าทุกค่ำคืนรู้หรือไม่ ชิงเชียงจ๋า!” เสียงเพรียกหาที่เธอคุ้นหูและได้ยินจากในความฝันทุกค่ำคืน กระทบเข้าโสตประสาทของเธอ ร่างระหงหยุดชะงักงันทันที

 “จ๋า!” หญิงสาวเผลอตัวหลุดปากตอบเสียงเพรียกหาปริศนาที่ล่องลอยมากับสายลมโดยไม่รู้ตัว ทำให้คุณวิลาสินีที่กำลังยืนกอดลูกสาวอยู่ในขณะนั้นยืนมองด้วยความงงงัน

 “ยายหนู! มีอะไรเหรอลูก... จู่ๆ ก็ยืนนิ่งไปเสียเฉยๆ แล้วนี่หนูคุยกับใครกำลังคุยกับแม่อยู่หรือเปล่าจ๊ะ”

 คำกล่าวของมารดาทำให้ริณรณีย์รู้สึกตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ดวงตากลมโตมองเลิ่กลั่กไปทั่วบริเวณและรอบๆ กายของเธอเพื่อค้นหาต้นเสียง

 “หรือว่าเราจะหูฝาด” สาวเจ้ารำพึงอยู่ภายในใจก่อนจะเอ่ยตอบคุณแม่ของเธอ

 “ริณคงหูฝาดไปค่ะคุณแม่ ในนี้เสียงอื้ออึงไปหมดก็เลยได้ยินอะไรสับสน เราออกไปจากที่นี่ดีกว่านะคะ หิวข้าวมากเลยนั่งเครื่องบินจากลอนดอนมาถึงซีอาน บอกเลยว่าเหนื่อยม้ากมากเลยค่ะ ขนาดนั่งเฉยๆ ยังรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยไปหมด” หญิงสาวบ่นพึมพำท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ ของคุณวิลาสินี

 “จะไม่หิวและไม่เมื่อยได้ยังไงล่ะจ๊ะ ก็นั่งมาเกือบยี่สิบชั่วโมง แม่กับคุณพ่อก็ไม่แตกต่างจากลูกหรอกจ้ะ ไปกันเถอะยายหนู ไปรอคุณพ่อที่บ้านของเรา เดี๋ยวค่ำๆ ก็บินกลับมาจากประชุมที่กว่างโจวแล้ว”

 “โอ้โห! นี่คุณพ่อมีประชุมที่กว่างโจวด้วยอย่างนั้นเหรอคะ ประชุมเช้าที่เซี่ยงไฮ้ ต่อด้วยกว่างโจวอีก ท่านเจ้าสัวของลูกเอาเรี่ยวแรงที่ไหนประชุมได้ทั้งวันคะคุณแม่ โหมงานแบบนี้จะพาลไม่สบายนะคะ” หญิงสาวเอ่ยถึงบิดาด้วยความเป็นห่วง

 “ยังไม่ชินเหรอยายหนู ว่าคุณพ่อท่านบ้างาน แต่สำหรับแม่ชินแล้วละ เหมือนใครก็ไม่รู้บ้าเรียน” คุณวิลาสินีพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

 “อ้าว... วกมาลงที่ริณเฉยเลย” หญิงสาวพูดพร้อมทำท่าทางกระเง้า กระงอด ก่อนจะกอดเอวคุณแม่ของเธอเดินออกไปจากบริเวณดังกล่าว หากแต่ก่อนไปก็มิวายที่จะหันกลับมามองอีกครั้งเพื่อค้นหาต้นตอเสียงเรียกปริศนาที่ได้ยินอยู่ทุกค่ำคืน

 บ้านตระกูลฟ่าน

 ภายในห้องนอน

 ดวงตาคู่สวยกำลังมองผ่านหน้าต่างของตัวบ้านแหงนหน้ามองท้อง ฟ้าในเวลากลางคืนของเมืองซีอาน ดวงดาวมากมายดาษดื่นประดับแผ่นฟ้าละลานตาไปหมด แต่ละดวงกำลังทอแสงระยิบระยับลงสู่เบื้องล่าง

 ซึ่งในอดีตกาลเมืองซีอานนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่ามาแล้วหลายราชวงศ์ นับเวลาต่อเนื่องยาวนานจนถึงสมัยราชวงศ์ถัง จึงย้ายมาที่เมืองหลวงฉางอาน กลิ่นอายในดินแดนโบราณยังคงหลงเหลืออยู่ แม้ว่าความเจริญทางด้านเทคโนโลยีจะพัฒนาเมืองจนเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวหน้าและล้ำยุคเลยทีเดียว

 ร่างงามนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่เบื้องหน้าพร้อมคอมพิว-เตอร์ จากแบรนด์ดังตั้งวางเอาไว้เพื่อให้เธอสามารถทำงานได้ตลอดเวลา บ้านหลังนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมระดับห้าดาวซึ่งตระกูลฟ่านเป็นเจ้าของ 

 แต่ท่านเจ้าสัวฟ่านเต๋อหมิง ชอบที่จะกลับมาพักที่บ้านมากกว่านอนพักในโรงแรม ตระกูลฟ่านมีกิจการมากมายในประเทศจีน ในอนาคตเบื้องหน้าหญิงสาวคือทายาทเพียงคนเดียวที่จะต้องสืบทอดทรัพย์สินของตระกูล และไม่น่าเชื่อเลยว่าที่ตั้งบ้านของเธอและโรงแรมซึ่งฟ่านเต๋อหมิงบริหารอยู่นั้น อยู่ไม่ไกลจากจุดพื้นที่ซึ่งเธอต้องไปทำงานเพียงยี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น

 บ้านตระกูลฟ่านตั้งห่างจากกำแพงเมืองเก่าโดยใช้เวลาเดินเพียงแค่สามนาที และบ้านหลังนี้ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน มีการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อ ค.ศ.1900 ครั้นมาถึงรุ่นเจ้าสัวฟ่านเต๋อหมิงได้มีการปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยคงรูปแบบบ้านซึ่งเป็นศิลปะโบราณตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ถังรวมไปถึงยุคก่อนหน้านั้นเอาไว้เหมือนเดิมทุกประการ และมีการสร้างต่อเติมผสมผสานสไตล์จีนคลาสิกในยุคปัจจุบัน 

 ภายในตัวบ้านโซนศิลปะโบราณล้วนอุดมไปด้วยเครื่องเรือนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยโบราณสะสมตกทอดล้วนอยู่ภายในบ้านของตระกูลฟ่านทั้งสิ้น อาณาบริเวณบ้านกว้างใหญ่มีสวนหย่อมกลางบ้านหลายจุด นับพื้นที่รวมแล้วมีอาณาเขตกว้างถึงสิบห้าไร่เลยทีเดียว ทั้งนี้ตัวบ้านโบราณจะมีคนรับใช้เก่าแก่คอยดูแลทรัพย์สินมีค่ามหาศาลที่ตกทอดต่อๆ กันมาเป็นอย่างดีที่สุด 

 ส่วนโซนบ้านที่ออกแบบผสมผสานเป็นยุคสมัยใหม่นั้น ผู้นำตระกูลและครอบครัวในรุ่นปัจจุบันนั้นก็คือฟ่านเต๋อหมิง ใช้เป็นที่พำนักอาศัยเวลาบินมาดูแลกิจการที่ประเทศจีนสาเหตุที่เจ้าสัวฟ่านไม่พำนักอยู่ที่บ้านพักโซนโบราณเพราะคุณวิลาสินีภรรยาชาวไทยหวาดกลัวกับบรรยากาศที่อึมครึมซึ่งมีแต่ของโบราณเก่าแก่หลายพันปี วางเรียงรายอยู่ในห้องเก็บวัตถุโบราณของตระกูลนั่นเอง

 “ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่หน้าห้องนอน ทำให้ร่างระหงที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ รู้สึกตัวขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เมื่อประตูเปิดออกเผยให้เห็นร่างใหญ่ของท่านเจ้าสัวเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมคุณแม่ของเธอ

 “คุณพ่อขา!” หญิงสาวส่งเสียงเรียกด้วยความดีใจ พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้กระโดดรวดเดียวถึงร่างใหญ่ตรงหน้าทันที

 “โอ๊ยย! เบาๆ ยายหนู กระโดดโลดเต้นเป็นเด็กไปได้ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเรา” ท่านเจ้าสัวกล่าวกับบุตรสาวพลางใช้มือหนาขยี้เส้นผมลูกสาวคนเดียวของตนไปมา

 “ก็ริณคิดถึงคุณพ่อ คิดถึ๊ง คิดถึง คิดถึงจังเลยค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าเขย่งร่างระหงหอมแก้มท่านเจ้าสัวซ้ายขวานัวเนียไปหมดท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของคนเป็นพ่อ

 ทันใดนั้นเอง

 “คิดถึง คิดถึงเจ้าเหลือเกินชิงเชียง” เสียงที่คุ้นหูอยู่ทุกค่ำคืนกระซิบแผ่วอยู่ชิดริมหูของสาวเจ้า กลิ่นหอมรัญจวนของดอกโบตั๋นกระทบเข้าปลายจมูกหอมกรุ่นตลบอบอวลไปหมด

 ร่างงามหยุดชะงักทันที ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างเพราะครั้งนี้เสียงที่เธอได้ยินอยู่ทุกค่ำคืน ดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับว่ากำลังพูดกับเธอชิดริมหูอยู่ในขณะนี้ 

 “สะ... เสียงเขาชัดมาก ทำไมได้ยินเหมือนอยู่ใกล้ๆ เลยนะ” ริณรณีย์รำพึงออกมาเบาๆ โดยมิทันได้ฟังพ่อและแม่กำลังเอ่ยอยู่กับเธอในขณะนั้น

 “สงสัยคืนนี้พ่อคงต้องนอนฝันหวานทั้งคืนแน่ๆ เลยแม่ โดนสาวสวยหอมแก้มซ้ายขวาไม่ยอมหยุดแบบนี้” ท่านเจ้าสัวเอ่ยกับภรรยา

 “นั่นน่ะสิคะ ยายริณเล่นหอมแก้มคุณพ่อแบบนี้ ถ้าอยู่ข้างนอกคนอื่นคงเข้าใจผิดกันแน่เลยนึกว่าท่านเจ้าสัวมีอนุแต่ที่ไหนได้ลูกสาวของท่านเองที่เล่นป่วนเหมือนเด็ก”

 คุณวิลาสินีกล่าวสำทับก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นสามี กำลังมองใบหน้าสวยของลูกสาวด้วยความแปลกใจ ที่จู่ๆ ท่าทีร่าเริงเมื่อครู่พลันเลือนหายไปเสียเฉยๆ

 “ยายหนู! ยายหนู! ชิงเชียง!” ประโยคสุดท้ายท่านเจ้าสัวเรียกชื่อจีนของบุตรสาว

 “เฮือก!!!” ริณรณีย์หลุดออกจากภวังค์ของความคิดทันใดเมื่อได้ยินเสียงเรียกของท่านเจ้าสัว 

“อะ... เอ่อ... เอ่อ” คนงามมองไปรอบๆ ตัวทันทีก่อนจะสะดุดกับสายตาของพ่อและแม่ที่กำลังยืนมองเธอด้วยความแปลกใจระคนสงสัยอย่างยิ่งยวดกับท่าทางแปลกๆ ของบุตรสาว

 “เป็นอะไรเหรอลูก... ท่าทางแปลกๆ ยังไงชอบกล เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง ทำอะไรตกหล่นหายอย่างนั้นเหรอ” ท่านเจ้าสัวเอ่ยถามบุตรสาว

 “นั่นน่ะสิยายหนู! มีอะไรหายอย่างนั้นเหรอลูก” คุณวิลาสินีถามย้ำขึ้นมาอีกคน

 “อะ... เอ่อ...” คนงามเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาทันที 

 ไอ้ครั้นจะเล่าให้พ่อและแม่ฟังท่านอาจจะกังวลคิดว่าไม่สบายจะพาลพาไปหาหมอให้รับการรักษายุ่งยากไปหมด เกิดเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องจะต้องถูกดูแลดั่งไข่ในหิน หากเป็นเช่นนั้นคงอกแตกตายกันพอดี

 “ไม่มีอะไรค่ะ... และก็ไม่มีอะไรหายด้วย... คือเมื่อกี้ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ หอมมากเลยนะคะ ไม่รู้ว่ากลิ่นของดอกไม้อะไรแต่ริณชอบจังเลย ก็เลยทำให้มีอาการอยากรู้เท่านั้นเอง คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้กลิ่นบ้างเหรอ”

 “อ่อ” เสียงของท่านเจ้าสัวและคุณวิลาสินีดังออกมาพร้อมกันและนั่นทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากันทันใดเมื่อเห็นเช่นนั้น

  “คุณพ่อคุณแม่ทราบเหรอคะว่ากลิ่นหอมที่ริณบอกมีต้นตอมาจากไหน”

 แทนการตอบรับทั้งพ่อและแม่พยักหน้าขึ้นลงติดกันๆ พร้อมเสียงของท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้น

 “รู้สิ! ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อกลิ่นหอมนั้นเป็นกลิ่นของดอกโบตั๋น ที่ปลูกอยู่ในสวนดอกไม้ที่เรือนโบราณของบ้านเรานี่เอง” ท่านเจ้าสัวตอบกลับไป

 “กลิ่นดอกโบตั๋นอย่างนั้นเหรอคะ” สาวเจ้าย้ำชื่อของดอกไม้ดังกล่าวออกมาทันที

 “ใช่แล้วลูก... ก็ยายหนูไม่เคยบินมาจีนสักครั้งเลย เรียนหนังสืออยู่ที่อังกฤษตลอดก็เลยไม่รู้และไม่เคยเห็นบ้านตระกูลฟ่านของพ่อที่อยู่ในเมืองซีอานของเราสักที ตอนนี้มีโอกาสมาแล้วก็คงได้รู้ได้เห็นทั้งหมดแล้วนะลูกเพราะต่อไปในภายภาคหน้าทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อต้องตกเป็นของลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นนะ” ท่านเจ้าสัวกล่าวพร้อมโอบไหล่บางของบุตรสาวพร้อมพาร่างระหงเดินตรงมาที่ชุดรับแขกที่ตั้งอยู่ภายในห้องนอน

 “ทรัพย์สินของคุณพ่อมีตั้งมากมายริณจะดูแลและรับช่วงต่อไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะสิคะ” สาวเจ้าตอบบิดากลับไปตรงๆ ตามความรู้สึกของเธอ

 “ถ้าไม่ไหวก็หาคนมาช่วยดูแลสิลูก พ่อมีเพื่อนทั้งในจีนและในประเทศไทย ที่มีพร้อมด้วยชาติตระกูลและมีฐานะทัดเทียมเท่ากันกับเราจะได้มาคอยดูแลยายหนูของพ่อไงล่ะลูก” ท่านเจ้าสัวฟ่านบอกกับลูกสาวหมายใจที่จะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เพื่อความสบายใจของตนเองรวมไปถึงคุณวิลาสินีด้วย

 ริณรณีย์นั่งหน้าตูมขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่รอดพ้นที่จะต้องมีคู่ครอง

 “ท่านเจ้าสัวเจ้าขา ลูกสาวของท่านบินมาทำงานนะเจ้าคะ ไม่ได้มาหาคู่ครอง เป็นแบบนี้อีกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ ริณบอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียวไปสักพัก เรื่องคู่ครองยังไม่คิดจะมีตอนนี้ อีกอย่างลูกได้ทุนเรียนปริญญาโทและเอกของทางบริษัทมาแล้วด้วย ขอเรียนให้จบก่อนนะคะค่อยว่ากันเรื่องนี้อีกที” หญิงสาวโยนลูกไปไกลถึงอนาคตอีกหลายปีเลยทีเดียว

 “กว่าจะเรียนจบยายหนูลูกพ่อก็แก่ไม่มีใครอยากได้แล้วน่ะสิ เฮ้อ! ชาตินี้พ่อกับแม่จะได้อุ้มหลานเหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้... พ่อแก่แล้วนะ อยากอุ้มหลานแล้ว จริงไหมแม่” ประโยคสุดท้ายหันไปกล่าวกับภรรยาซึ่งท่านเจ้าสัวบอกความต้องการของตนออกมาทันที 

 “จริงพ่อ... อยากมีหลานตัวเล็กๆ อุ้มเล่นเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นบ้าง” คุณวิลาสินีกล่าวสนับสนุนสามี เล่นเอาคนเป็นลูกนั่งอึ้งไปชั่วขณะ

 “อยากมีหลานแล้วเกี่ยวอะไรกับหนูล่ะคะ ทำไมคุณพ่อคุณแม่ไม่มีลูกหลายๆ คน มีหนูคนเดียวทำไม แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” หญิงสาวบ่นกระปอด กระแปด

 “ไม่ใช่ไม่อยากมี ก็พยายามแล้วแต่ก็มีริณคนเดียวยังไงล่ะลูก” คุณวิลาสินีตอบลูกสาวกลับไป

 “เอาเถอะค่ะ... ให้ถึงเวลานั้นก่อนเถอะ ถ้าริณมีวาสนาจะได้มีคู่ครอง บางทีไม่ต้องเสียเวลาหาเลย จู่ๆ ก็มาเองใครจะไปรู้ล่ะคะ... ว่าแต่สวนดอกไม้ที่คุณพ่อบอกอยู่ในบ้านของเราอยู่ทางด้านไหนเหรอคะ ทำไมตอนริณมาไม่เห็นมีเลย” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที ดึงเข้าเรื่องที่เธอให้ความสนใจเป็นพิเศษ

 “จะไปเห็นได้ยังไงล่ะลูก สวนดอกโบตั๋นอยู่ทางโซนตะวันออกฝั่งเรือนบ้านโบราณโน่น” ท่านเจ้าสัวเอ่ยตอบกลับไปพลางชี้มือประกอบไปทางทิศที่เรือนโบราณตั้งอยู่

 ดวงตากลมโตคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “อะไรนะคะ! บ้านของเรามีเรือนโบราณด้วยเหรอ แสดงว่าบ้านของตระกูลที่สืบเชื้อสายเก่าแก่จะมีลักษณะแบบนี้ตลอดเลยอย่างนั้นใช่ไหมคะคุณพ่อ” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 7 แผ่นดินมังกร 1.3

    “ไม่เลยยายหนู มีน้อยมากแต่หนึ่งในนั้นมีตระกูลฟ่าน ของเราที่ยังคงเก็บรักษาของโบราณที่ตกทอดกันมาแต่ครั้งอดีต ในบ้านนี้มีของล้ำค่านับหลายพันปีของตระกูลเก็บรักษาเอาไว้ ตั้งแต่ยุคก่อนแผ่นดินจิ๋นซีฮ่องเต้เสียอีก เพราะตระกูลฟ่านของเราในสมัยอดีตกาลเคยเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฟ่านก่อนจะถูกแคว้นเว่ย ฉี และฉิน ตีเอาแคว้นและแบ่งดินแดนถือครอง” “โอ้โห! นี่ตระกูลของคุณพ่อมีประวัติยาวนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนงามกล่าวออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน ก่อนจะรีบเอ่ยถามกลับไปเมื่อนึกถึงโปรเจกต์งานของเธอ “เอ่อคุณพ่อคะ แล้วศิลปะการสร้างสมัยนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นหน้าตาพระราชวังของจิ๋นซีฮ่องเต้หรือพระราชวังโบราณในอดีต มีการเก็บรักษาหลงเหลือเอาไว้ไหมคะ” แม่สาวน้อยถามยาวรวดเดียวด้วยความอยากรู้ ก่อนจะได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อตอบกลับมา “ไม่มีหรอกยายหนู ถ้าศิลปะโบราณอื่นๆ ก็เข้าไปดูได้ตามมิวเซียม สำหรับซีอานก็ที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ถ้าเป็นพระราชวังโบราณแล้วละก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย นอกจากพระราชวังต้องห้ามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นศิลปะที่พบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากศิลปะสมัยก่อนจิ๋นซ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 6 แผ่นดินมังกร 1.2

    ประเทศจีน มณฑลส่านซี ณ เมืองซีอาน ท่าอากาศยานนานาชาติซีอานเสียนหยาง [1] ร่างงามระหงของริณรณีย์หรือฟ่านชิงเชียง กำลังก้าวเดินออกมาจากบริเวณประตูผู้โดยสารขาออกจากสายการบินที่มาจากต่างประเทศ พร้อมด้วยกระเป๋าลากขนาดย่อม ดวงตาคู่สวยกำลังสอดส่ายสายตาคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ในขณะนั้น “ยายหนู!” เสียงที่คุ้นหูมาตั้งแต่เกิดเรียกเธอจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ใบหน้าสวยหันกลับไปยังทิศที่เสียงดังกล่าวเรียกหาเธอทันที พร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “คุณแม่!” หญิงสาวตะโกนร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหาร่างอวบอิ่มที่กำลังยืนรอรับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว แม่สาวน้อยโผเข้าสวมกอดคุณแม่ของเธอพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการใหญ่ “คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ... คุณแม่ขา” คำหวานออดอ้อนออกมาทันที คุณวิลาสินียิ้มแก้มปริเมื่อลูกสาวสุดที่รักหยอดลูกอ้อนทันทีที่มาถึง “จ๋าลูก... รู้แล้วว่ายายหนูของแม่คิดถึง... แหมอะไรกัน คุยโทรศัพท์แทบจะทุกวันยังจะบ่นคิดถึงกันอยู่อีกเหรอ” “ก็ริณคิดถึงนี่คะ... คิดถึง... คิดถึง... ทุกวันทุกคืนเลย” หญิงสาวพร่ำบอกคิดถึงมารดาไม่ขาดปาก ทันใดนั้นเอง “คิดถึง! ข้าคิดถ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 5 แผ่นดินมังกร 1.1

    ในขณะเดียวกัน ยุคอดีตกาล พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายรองฉินเสวี้ยนกงแห่งแคว้นฉิน ทรงยืนทอดพระเนตรดอกโบตั๋นหลากสีมากมายภายในพระตำหนักจันทรา ด้วยพระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสเป็นพิเศษ พระพักตร์คมคายหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเยือนอยู่ตลอดเวลาเมื่อทรงหวนคิดคำนึงถึงความฝันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กลิ่นหอมละมุนจากแก้มเนื้อนวลยังติดอยู่ที่ปลายพระนาสิกอยู่ตลอด เวลา พระเนตรคู่สวยเปล่งประกายระยิบระยับอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะปิดพระเนตรลงด้วยความคิดถึงโฉมงามในหัวใจ “ชิงเชียงจ๋า” สุรเสียงรำพึงออกมาเบาๆ พระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสและพระพักตร์หล่อเหลาที่ปรากฏรอยแย้มสรวลอยู่ตลอดเวลานั้น ทำให้เฮ่าหรานขันทีผู้ใกล้ชิดซึ่งคอยถวายการรับใช้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ อดไม่ได้ที่จะทูลถามเมื่อสังเกตเห็นองค์ชายรองของตนที่วันนี้ทรงมีสีพระพักตร์แจ่มใสเป็นยิ่งนักผิดกับทุกวันที่ผ่านมา “วันนี้องค์ชายทรงแลดูพระเกษมสำราญ ผิดกับทุกๆ วันเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” คำกราบทูลของขันทีคนสนิท ทำให้พระเนตรที่ปิดลงเมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ พระเนตรคู่สวยยังคงเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ตลอดเวลา “เจ้าสังเกตข้าด้วยอย่างนั้นเหรอ” รับสั่งถามโดยมิได้ห

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 4 ในฝัน 1.3

    หกเดือนผ่านไป ร่างระหงกำลังหลับสนิทท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีและอากาศอันหนาวเหน็บ ด้วยภายนอกปรากฏหิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั่วบริเวณมีแต่สีขาวโพลนดาษดื่นเต็มไปหมด ภายในห้องนอนมีเครื่องทำความร้อนเพื่อเพิ่มไออุ่นผ่อนคลายความหนาวเหน็บลงไปได้มากเลยทีเดียว จึงทำให้สาวสวยคนงามหลับสนิทอย่างมีความสุข และเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ในฝันนั้นร่างระหงกำลังก้าวเดินอยู่ในท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้หลากสี กลิ่นหอมโรยรื่นส่งกลิ่นรัญจวนอยู่ตลอดเวลา มือเรียวสวยสัมผัสดอกตูมของดอกไม้งามตรงหน้าด้วยความชื่นชม “หอมจัง!” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ “กลิ่นหอมของดอกไม้ใด ก็ไม่หอมเท่ากลิ่นกายของเจ้าแม้แต่น้อยชิงเชียง” เสียงทุ้มกังวานแทรกดังขึ้น ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ กาย ทว่ากลับมิปรากฏผู้ใดแม้แต่น้อย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีเมื่อมองหาเท่าไรก็ไม่พบต้นตอของเสียง “แปลกจังเลย... ได้ยินแต่เสียงแต่ทำไมไม่เห็นตัวคนนะ” เสียงหวานเอ่ยพึมพำ ร่างระหงก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนตรงหน้าประตูขนาดใหญ่ ศิลปะการออกแบบอยู่ในยุคสมัยโบราณแลดูเหมือนที่พักอาศัยที่มักเห็นในหนังและตามซีรีส์จีนที่เคยดูผ่านทางทีวี

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 3 ในฝัน 1.2

    คริสต์ศักราช 2015ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” เสียงกระดิ่งลมพัดพลิ้วต้องกับกระแสลมแรง พร้อมกลิ่นหอมรัญจวนจิตของหมู่มวลดอกไม้หอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางดอกไม้หลากสี รูปร่างแลให้ชวนมองน่าหลงใหล มองเลยไปปรากฏประตูที่มีลวดลายสะท้อนอารยธรรมของชนชาติจีน ทว่าสถาปัตย-กรรมดังกล่าวกลับมิใช่สมัยใหม่แต่แลดูคล้ายสมัยโบราณเสียนี่กระไร ประตูตรงหน้าปิดสนิทถูกฉาบด้วยสีแดง พร้อมแผ่นป้ายชื่อขนาดใหญ่วางตั้งเหนือไว้บนขอบประตูเบื้องบน เขียนด้วยตัวอักษรจีนโบราณระบุว่า เฉี่ยนเก้อลากุง แปลว่า “ตำหนักจันทรา” “ชิงเชียง! ชิงเชียงจ๋า” เสียงทุ้มละมุนกระซิบแผ่วเพรียกหาเจ้าของนามดังกล่าว ใบหน้าละมุนสวยคมเซ็กซี่รับกับผมสีดำขลับขึ้นเป็นมันเงางดงามประดุจดั่งเช่นชาวเอเชียหากแต่มีเลือดผสมสองชาติคือไทยและจีน ดวงหน้าเริ่มส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงเพรียกหานั้นราวกับว่าเสียงดังกล่าวอยู่แนบชิดริมหูของเธอก็ว่าได้ “จ๋า!” เสียงหวานตอบเสียงเพรียกหาปริศนานั้นกลับไปทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิท “ชิงเชียงจ๋า มาหาข้าเถิด ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนานแล้วรู้หรือไม่” เสียงเพรียกหานั้นยังคงกล่าวกับเธอ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 2 ในฝัน 1.1

    แคว้นฉิน ณ เมืองหลวงเสียนหยาง ตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุง (ตำหนักจันทรา) ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ภายในพระราชวังหลวงกำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนเวรยาม ทหารรักษาการณ์ผลัดใหม่ต่างเริ่มทยอยมาสับเปลี่ยนเวรยามเพื่อคอยถวายอารักขา เจ้าผู้ครองแคว้นและเชื้อพระวงศ์ซึ่งประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงเมืองเสียนหยาง ทหารยามต่างทยอยแยกย้ายไปตามแต่ละตำหนักทั้งด้านนอกและด้านใน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโบตั๋นหลากสีส่งกลิ่นรัญจวนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุงหรือตำหนักจันทรา ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ชายรอง พระนาม ฉินเสวี้ยนกง โอรสองค์ที่สองของฉินมู่กงซึ่งประสูติจากเหยี่ยนฮองเฮา ในยามนี้ทั่วพระตำหนักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นกำลังส่งกลิ่นขจรกระจายไปทั่วบริเวณ ประตูพระตำหนักปิดสนิทด้วยเวลานี้คือยามวิกาล ภายในห้องพระบรรทม องค์ชายรองซึ่งมีพระชันษาก้าวเข้าสู่ปีที่ยี่สิบ กำลังบรรทมอยู่ภายในตำหนักดังกล่าว “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” กระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วไหวไปมาจนเหล่าดอกโบตั๋นเอนไหวลู่ลม และเสียงกระดิ่งลมที่ทำมาจากดินเผาถูกแขวนไว้ตรงหน้าพระตำหนักเพื่อใช้สังเกตทิศทางลมดังก้องกังวานอยู่เป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status