Share

ตอนที่ 7 แผ่นดินมังกร 1.3

last update Last Updated: 2025-08-04 01:07:13

“ไม่เลยยายหนู มีน้อยมากแต่หนึ่งในนั้นมีตระกูลฟ่าน ของเราที่ยังคงเก็บรักษาของโบราณที่ตกทอดกันมาแต่ครั้งอดีต ในบ้านนี้มีของล้ำค่านับหลายพันปีของตระกูลเก็บรักษาเอาไว้ ตั้งแต่ยุคก่อนแผ่นดินจิ๋นซีฮ่องเต้เสียอีก เพราะตระกูลฟ่านของเราในสมัยอดีตกาลเคยเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฟ่านก่อนจะถูกแคว้นเว่ย ฉี และฉิน ตีเอาแคว้นและแบ่งดินแดนถือครอง”

 “โอ้โห! นี่ตระกูลของคุณพ่อมีประวัติยาวนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนงามกล่าวออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน ก่อนจะรีบเอ่ยถามกลับไปเมื่อนึกถึงโปรเจกต์งานของเธอ

 “เอ่อคุณพ่อคะ แล้วศิลปะการสร้างสมัยนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นหน้าตาพระราชวังของจิ๋นซีฮ่องเต้หรือพระราชวังโบราณในอดีต มีการเก็บรักษาหลงเหลือเอาไว้ไหมคะ” แม่สาวน้อยถามยาวรวดเดียวด้วยความอยากรู้ ก่อนจะได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อตอบกลับมา

 “ไม่มีหรอกยายหนู ถ้าศิลปะโบราณอื่นๆ ก็เข้าไปดูได้ตามมิวเซียม สำหรับซีอานก็ที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ถ้าเป็นพระราชวังโบราณแล้วละก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย นอกจากพระราชวังต้องห้ามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นศิลปะที่พบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากศิลปะสมัยก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้และช่วงราชวงศ์ต้นๆ หลังจากราชวงศ์หมิงเป็นต้นมาศิลปะที่สะท้อนอารยธรรมจะไม่แตกต่างกันมากนัก”

 ใบหน้าสวยพยักหน้าขึ้นลงพลางทำความเข้าใจตามคำอธิบายของท่านเจ้าสัวไปพร้อมๆ กัน

 “แล้วยุคก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้หรือในสมัยของจิ๋นซีไม่มีพระราชวังที่ยิ่ง ใหญ่ทัดเทียมพระราชวังต้าหมิงกงของราชวงศ์ถัง และพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามของราชวงศ์ชิงเลยเหรอคะคุณพ่อ”

 ริณรณีย์ตั้งคำถามที่อยากรู้ละเอียดยิบเลยทีเดียว เป็นเหตุให้ท่านเจ้าสัวมองหน้างดงามของบุตรสาวไปชั่วขณะด้วยความแปลกใจ

 “ยายหนูเข้าใจผิดแล้ว พระราชวังต้องห้ามหรืออีกชื่อคือพระราชวังกู้กงสร้างขึ้นในสมัยช่วงกลางของราชวงศ์หมิงและถูกใช้เป็นพระราชวังหลวงสืบทอดต่อๆ กันมาจนถึงราชวงศ์ชิง ก่อนจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้พระราชวังกู้กงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” ท่านเจ้าสัวอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างละเอียด

 “อ้าว! ริณนึกว่าพระราชวังกู้กงเป็นของราชวงศ์ชิง หมายความว่าเข้าใจผิดมาโดยตลอดเลยเหรอคะ” หญิงสาวพึมพำด้วยความรู้สึกเสียเส้นที่เข้าใจข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยน พร้อมเสียงของท่านเจ้าสัวกล่าวสำทับ

 “ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่นะยายหนู เดี๋ยวจะคุยกับคนอื่นข้อมูลผิดเพี้ยน เพราะคนจีนล่วงรู้ประวัติพระราชวังกู้กงเป็นอย่างดีเลยทีเดียว เออแปลก ปกติไม่เคยสนใจประวัติศาสตร์อะไรเลย จู่ๆ ทำไมถึงเกิดสนใจขึ้นมาล่ะ” ท่านเจ้าสัวอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ

 ใบหน้างามยิ้มแยกเขี้ยวจนเห็นฟันขาวเรียงตัวกันเป็นระเบียบเมื่อคุณพ่อของเธอถามกลับมาเช่นนั้น

 “ก็งานที่ได้รับมอบหมายของหนู เป็นโปรเจกต์ให้ออกแบบสร้างพระราชวังโบราณเสียนหยางเป็นราชธานีในอดีตค่ะคุณพ่อ ก็เลยอยากรู้และความเป็นมาอย่างละเอียดกับผู้รู้เช่นท่านเจ้าสัวไงล่ะคะ” หญิงสาวพูดประจบ

 “แหม... เข้าใจพูดนะเรา เอาเถอะพ่อจะอธิบายคร่าวๆ ให้ฟังแต่ถ้าอยากรู้รายละเอียดจริงๆ ต้องถามกับปู่ฟูหัวที่ดูแลเรือนโบราณทางตะวันออก รายนั้นล่วงรู้รายละเอียดทุกอย่างทั้งที่เป็นตำนานและเรื่องจริงมาจากบรรพบุรุษของตระกูลฟ่านเลยทีเดียว และมีจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรมาตั้งแต่ตระกูลของเราซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นตั้งแต่ยุคชุนชิวจนถึงยุคจ้านกว๋อ ก่อนจะล่มสลายไปเมื่อถูกสามแคว้นใหญ่บุกยึดและแบ่งดินแดนแคว้นฟ่านไปถือครอง”

 “โอ้โห คุณปู่ฟูหัวเป็นญาติของเราฝ่ายไหนเหรอคะคุณพ่อ ทำไมรู้รายละเอียดตั้งแต่บรรพบุรุษของตระกูลฟ่านเลยล่ะคะ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

 “ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ เพราะต้นตระกูลของปู่ฟูหัวเป็นขุนนางคอยถวายการรับใช้เจ้าผู้ครองแค้วนในยุคจ้านกว๋อและสืบทอดต่อๆ กันมาเรื่อยๆ ต้นตระกูลของคุณปู่เป็นขันทีคอยรับใช้ฉินอ๋องพระองค์หนึ่งในอดีตกาล มีประวัติและเรื่องเล่าสั่งลูกหลานรุ่นหลังๆ ให้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะคำสั่งที่คอยรับใช้ตระกูลฟ่านตามคำสั่งเสียของฉินอ๋องในอดีต และนี่คือที่มาชื่อจีนของลูกยังไงล่ะชิงเชียง”

  คำกล่าวของท่านเจ้าสัวทำให้นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวชี้เข้าหาตัวเองทันใด

 “ชื่อจีนของหนูอย่างนั้นเหรอคะ แล้วไปเกี่ยวกันตรงไหนหรือคะคุณพ่อ หนูไม่เข้าใจ” เธอถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจอย่างยิ่งยวด

 “ที่พ่อได้ยินมาเห็นบอกว่า เป็นรับสั่งของฉินอ๋อง พระองค์ตรัสเอาไว้ว่าตระกูลฟ่านจะมีเพียงบุตรชายสืบสายโลหิตนับรุ่นต่อรุ่น หากรุ่นใดให้กำเนิดบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จงให้นางใช้ชื่อว่าชิงเชียง พ่อก็รู้เพียงเท่านี้เพราะรายละเอียดต่อจากนั้นคุณปู่ฟูหัวก็ไม่ยอมเล่าอะไรอีกเลย แต่จะว่าไปมันก็น่าแปลกอยู่นะ” ท่านเจ้าสัวรำพึงออกมาเบาๆ 

 “มีอะไรแปลกอย่างนั้นเหรอคะคุณพ่อ” หญิงสาวถามกลับไปทันที

 ท่านเจ้าสัวหันกลับไปมองหน้าภรรยาคู่ชีวิตพร้อมเอ่ยขึ้น

 “แม่จำวันแรกที่ยายหนูเกิดได้หรือเปล่า”

 คุณวิลาสินีได้ยินสามีเอ่ยถามเช่นนั้นก็ครุ่นคิดถึงวันแรกที่ลูกสาวเกิดขึ้นมาทันที

 “จำได้ว่าวันแรกที่ยายหนูเกิด คุณปู่โทรทางไกลมาจากจีนว่าให้ยายหนูใช้ชื่อว่า ชิงเชียง เออใช่แล้วค่ะพ่อ คุณปู่รู้ได้ยังไงว่ายายหนูของเราเป็นผู้หญิง” คุณวิลาสินีย้อนถามกลับไป

 ท่านเจ้าสัวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน

 “นั่นแหละที่บอกว่าแปลก คุณปู่รู้ได้ยังไงว่ายายหนูเป็นผู้หญิง และคุณปู่ยังบอกว่าขยายพันธุ์ดอกโบตั๋นที่เก็บไว้มานานแสนนานเป็นการต้อนรับที่ชิงเชียงเกิด ดอกโบตั๋นที่เรือนโบราณก็ปลูกขึ้นนับตั้งแต่ยายหนูเกิดตั้งแต่วันแรกเป็นต้นมานั่นแหละลูก”

 ริณรณีย์นั่งฟังอย่างสงบ เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจก่อนจะเอ่ยขึ้น

 “แล้วพระราชวังโบราณล่ะคะ คุณปู่รู้รายละเอียดเรื่องเหล่านี้ด้วยไหม” คนงามถามออกไปทันทีด้วยความอยากรู้

 “ก็น่าจะรู้นะไม่มากก็น้อย คงเป็นประโยชน์กับงานของลูกได้บ้าง เห็นว่ากันว่าในสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงดำริให้สร้างพระราชวังใหม่ขึ้น หลัง จากทรงยึดหกแคว้นใหญ่ได้เป็นผลสำเร็จ ผสมผสานศิลปะของทุกแคว้นเข้าไว้ด้วยกัน พระราชวังต้องห้ามที่ว่าใหญ่โตและกินพื้นที่มากเดินทั้งวันก็ไม่หมด ถ้าเอามาเทียบแล้วใหญ่มากกว่าถึงหกเท่าเลยทีเดียว 

 แต่เพราะความใหญ่โตและกินพื้นที่กว้างขวางมากนี่แหละจึงทำให้หลังจากหมดยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ไปแล้ว พระราชวังโบราณดังกล่าวจึงถูกเผาทำลายไม่เหลือเลย ใช้เวลาเผานานถึงสามเดือนเลยเชียวนะ”

 “หา! สามเดือนเลยเหรอคะ” หญิงสาวอุทานออกมาทันทีด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

 “ใช่แล้วใช้เวลาเผาสามเดือนเต็มๆ กว่าจะเผาพระราชวังหลวงที่ว่านั้นหมด เห็นบอกว่าพระราชวังนั้นพื้นที่ครึ่งหนึ่งก็มาจากพระราชวังที่มีอยู่เดิมสมัยที่ยังเป็นแคว้นฉิน ก่อนยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ บริเวณรัศมียี่สิบกิโลนี้รวมไปถึงบ้านตระกูลฟ่านเคยเป็นพื้นที่ของพระราชวังโบราณในยุคที่ยังเป็นเพียงแคว้นฉิน ก่อนจะกลายมาเป็นพระราชวังโบราณในตำนานที่จิ๋นซีฮ่องเต้มีดำริให้สร้างขึ้นด้วยนะ”

 คำกล่าวของท่านเจ้าสัวทำให้ริณรณีย์นิ่งงันไปทันที ไม่คาดคิดว่าพื้นที่โดยรอบในรัศมีนี้เคยเป็นพระราชวังโบราณในอดีต

 “บ้านของเราก็อยู่ในพื้นที่ของพระราชวังโบราณด้วยเหรอคะคุณพ่อ” หญิงสาวถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

 “อือฮึ! ถูกต้องแล้วยายหนู ทั้งหมดนี้แหละกินรัศมียี่สิบกิโลแต่ถ้าถามว่ามีวัตถุโบราณหลงเหลือหรือเปล่า เมื่อก่อนใช่ แต่ตอนนี้ไม่หลงเหลืออยู่เลย ที่เหลืออยู่ตระกูลฟ่านก็คอยเก็บรักษาเป็นสมบัติของตระกูลสืบทอดต่อๆ กันมา ในเรือนตะวันออกมีของเก่าแก่โบราณอายุหลายพันปีเก็บรักษาไว้ ถ้าอยากเห็นพรุ่งนี้เช้าก็เข้าไปดูสิลูก จะได้รู้ว่าในอดีตตระกูลฟ่านของเรายิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเลยนะ” ท่านเจ้าสัวบอกลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะเอ่ยสำทับขึ้นเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 “อ่อ! มีอีกอย่างที่หลงเหลือมาจากอดีต ก็คือพันธุ์ดอกโบตั๋นที่คุณปู่ฟูหัวปลูกนั่นแหละ เป็นกลิ่นหอมเดียวกันที่ลูกได้สัมผัส ว่ากันว่าพื้นที่ของบ้านเราเป็นสวนดอกไม้เก่ามีแต่ดอกโบตั๋นขึ้นอยู่เต็มไปหมด ต้นตระกูลในยุคราชวงศ์ถังเก็บรักษาพันธุ์เอาไว้และรู้สึกว่าจะมีของบางอย่างหลงเหลืออยู่ด้วยนะแต่เป็นอะไรพ่อก็ลืมแล้ว” ท่านเจ้าสัวกล่าวเพียงแค่นั้นร่างใหญ่ค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้รับแขกพร้อมกล่าวกับภรรยา

 “เข้านอนกันเถอะแม่ พ่อง่วงแล้ว เหนื่อยกับงานมาทั้งวัน” ท่านเจ้าสัวตัดบทสนทนาให้หยุดลงเพียงเท่านั้น

 “เอ้า! คุณพ่อขาหนูยังอยากฟังอยู่เลย รายละเอียดต่างๆ ช่วยงานที่ได้รับมอบหมายมาได้มากเลยนะคะ” หญิงสาวบ่นเป็นหมีกินผึ้งออกมาทันที

 “พรุ่งนี้ลูกก็ไปเดินดูที่เรือนโบราณ มีอะไรก็ถามคุณปู่ฟูหัวก็ได้ยายหนู แกมีหน้าที่คอยดูแลเรือนโบราณของตระกูลฟ่านฝั่งตะวันออก สืบทอดรุ่นต่อรุ่น พ่อเองรู้ไม่มากเท่าปู่เลยนะ” ท่านเจ้าสัวกล่าวพร้อมเดินจูงมือภรรยาออกจากห้องลูกสาวสุดที่รักก่อนจะหันกลับไปบอกอีกครั้ง

 “ลูกเองก็เพิ่งเดินทางมาถึง พักผ่อนได้แล้วนะยายหนู แล้วนี่ต้องเข้าไปพื้นที่เลยหรือเปล่า”

 หญิงสาวส่ายหน้าไปมาติดๆ กัน

 “วันมะรืนค่ะ... พรุ่งนี้ก็ตั้งใจว่าจะลองเดินไปดูที่เรือนโบราณว่ามีอะไรน่าสนใจที่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ในงานได้บ้าง”

 ท่านเจ้าสัวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “เดี๋ยวพ่อจะโทรบอกให้คุณปู่เปิดบ้านฝั่งโน้นเอาไว้ให้... อ่อ แล้วใช้จีนกลางคุยกับคุณปู่นะ มาอยู่ที่จีนก็ต้องแนะนำตัวเองว่าเราชื่ออะไร พ่อกับแม่ก็จะเรียกลูกว่าชิงเชียงเหมือนกัน กว่างานของลูกจะเสร็จคงจะอยู่ที่นี่นานพอดูกระมัง” ท่านเจ้าสัวถามกลับไปด้วยความอยากรู้

 “อืม... ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ถ้าออกแบบเสร็จก็คงบินกลับอังกฤษไปทำงานและเรียนต่อเลย” คนงามตอบบิดากลับไปพลางทำท่าเอียงคอครุ่นคิดตาม

 “แต่ทำไมพ่อรู้สึกว่าลูกจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป” ท่านเจ้าสัวรำพึงออก มาเบาๆ

 “ทำไมพ่อรู้สึกอย่างนั้นล่ะ” คุณวิลาสินีถามออกมาทันทีเมื่อได้ยินสามีกล่าวออกมา

 “ไม่รู้เหมือนกันแม่ คงเพราะไม่อยากให้ลูกบินกลับไปถึงรู้สึกแบบนั้นกระมัง” ท่านเจ้าสัวบอกพร้อมหันกลับไปส่งยิ้มให้ริณรณีย์

 “พ่อกับแม่ไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะลูก พรุ่งนี้เจอกันที่โต๊ะอาหารเจ็ดโมงเช้านะ”

 “รับทราบเจ้าค่ะท่านเจ้าสัวเจ้าขา... กูดไนต์เจ้าค่ะ” หญิงสาวทำเสียงล้อเลียน ทำให้ทั้งพ่อและแม่ต่างส่ายศีรษะไปมาด้วยความเอ็นดูลูกสาวคนเดียวของตน

 “แกร๊ก” ประตูปิดลงพร้อมกดล็อกเป็นที่เรียบร้อย ร่างงามยืนพิงประตูห้องพลางครุ่นคิดถึงพระราชวังโบราณในอดีต

 “พระราชวังในยุคก่อนและในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ที่สร้างขึ้นก่อนถูกเผาทำลายจะมีหน้าตาเป็นยังไงนะ อยากรู้จังเลย แถมบ้านของเราก็อยู่ในพื้นที่ของพระราชวังโบราณในอดีตด้วย อยู่ส่วนไหนของวังหนอ แต่ถ้ามีสวนดอกไม้สงสัยจะเป็นส่วนบริเวณของอุทยานหลวงหรือเปล่าหว่า” คนงามรำพึงรำพันพลางครุ่นคิดตาม ร่างระหงค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปยังเตียงนอนพร้อมทรุดกายลงบนเตียงหนานุ่ม

 “อยากรู้จังว่าเขาคนนั้นอยู่ส่วนไหนของพระราชวังในแคว้นฉิน เป็นอ๋องหรือเป็นองค์ชายกันนะ ตำหนักที่เห็นในฝันสงสัยจะต้องเป็นที่อยู่ของพระสนมแน่ๆ เลย อยากรู้จังว่าองค์ชายมีพระสนมคอยปรนนิบัติพัดวีกี่คนกันน้า ท่าทางคงจะมีเป็นร้อยเหมือนในหนัง” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ พลางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ แต่แล้วเธอต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงหนึ่งพลันดังก้องขึ้น

 “เจ้าถามทำไม!” เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังแทรกขึ้นมาทันทีพร้อมร่างใหญ่ปรากฏกายและกำลังยืนอยู่ข้างเตียงของเธออยู่ในขณะนี้

 “หา!” ริณรณีย์ถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก

 เมื่อเห็นร่างของผู้ชายตัวโตเท่าตึกในชุดจีนโบราณ ช่างงามสง่าทุกท่วงท่าที่มักเห็นในซีรีส์หนังจีนย้อนยุค กำลังทรุดกายลงนอนบนเตียงพลางคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอ พร้อมพลิกตะแคงข้างหันกลับมาคุยกับเธอด้วย และนั่นทำให้คนงามได้เห็นรูปโฉมและหน้าตาของผู้ชายตรงหน้าเต็มสองตาเลยทีเดียว

 “ข้าน่ะหรือจะมีหญิงอื่นใดได้เล่า นอกจากเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นชิงเชียง มิมีหญิงใดอยู่ในหัวใจของข้านอกจากเจ้าเพียงผู้เดียว มานี่สิ ให้ข้าได้กอดเจ้าสมกับความคิดถึงอยู่ทุกทิวาและราตรี มาหาข้า... ชิงเชียง” บุรุษปริศนาคนนั้นไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือออกแรงเพียงน้อยนิดดึงร่างงามเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดโดยที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

 “ว้ายยยย!!!” ริณรณีย์ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอถูกดึงร่างจนตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงบนหน้าผากของเธอจนสามารถสัมผัสได้

 “เฮือก!!!” ร่างระหงสะดุ้งจนสุดตัว จนหลุดจากภวังค์แห่งความฝัน หญิงสาวลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งบนเตียงโดยพลัน ดวงตามองไปทั่วบริเวณห้องนอน

 “นี่เราฝันไปอย่างนั้นเหรอ... ทำไมเหมือนจริงนักล่ะ... เอื๊อก...” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ พลางทบทวนความฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าสวยเริ่มแดงก่ำจนผิวขาวนวลเนียนกลายเป็นสีชมพู

 “นี่ฉันฝันเห็นหน้าตาของเขาคนนั้นแล้วหรือนี่... คนโบราณตั้งหลายพันปีขนาดนั้นทำไมถึงหล่อจัง... งานดีเป็นบ้าเลย อย่างกับพระเอกหนังหลุดออกมาจากซีรีส์จีนย้อนยุค” ริณรณีย์รำพึงรำพันก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ด้วยความรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งยวด ร่างงามเอาแต่บิดไปบิดมาอยู่บนที่นอนของเธอ

 “จะเชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าในหัวใจมีแต่เราเพียงคนเดียว ขึ้นชื่อว่าผู้ชายเชื่อยากไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็เถอะ” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะหยุดลงครั้นคิดขึ้นมาได้

 “เออนี่เราเป็นอะไรไปนี่ กะอีแค่ความฝันยังเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ สงสัยท่าทางจะบ้าไปแล้วเรา... นอนต่อดีกว่า” หญิงสาวทำท่าจะล้มตัวลงนอนดั่งเดิม

 “ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนคนงามหันกลับมามองประตูห้องนอนของเธอ

 “มีอะไรอย่างนั้นเหรอ... ถึงมาเคาะเรียกกันน่ะ” ริณรณีย์บ่นพึมพำพร้อมลุกจากเตียงเดินตรงไปเปิดประตูห้องนอน ก่อนจะเห็นแม่บ้านที่คอยดูแลยืนยิ้มหวานให้กับเธอ

 “มีอะไรเหรอจ๊ะ” หญิงสาวถามออกไปเป็นภาษาจีน

 “นายท่านและคุณนายใหญ่ให้อิฉันมาเชิญคุณชิงเชียงลงไปรับอาหารเช้าเจ้าค่ะ”

 คำกล่าวของแม่บ้านตรงหน้าทำให้ร่างระหงยืนงงไปชั่วขณะจิตเมื่อได้ยินเช่นนั้น 

 “ฮะ! อาหารเช้าเหรอ! นี่กี่โมงแล้ว” คนงามถามออกไปด้วยความรู้สึกงุนงง

 “เจ็ดโมงแล้วเจ้าค่ะ”

 “เจ็ดโมง!!!” ริณรณีย์อุทานเสียงดัง ก่อนจะยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นแม่บ้านตกใจกับท่าทีของเธอ

 “ปะ... ไป... ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าฉันขอเวลายี่สิบนาที” หญิงสาวตอบกลับไปก่อนจะปิดประตูด้วยความมึนงงกับเหตุการณ์และเวลาที่เกิดขึ้น

 “นี่ฉันนอนตอนไหนก็ยังไม่รู้ ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย แถมยังฝันเป็นตุเป็นตะจนไม่รู้ว่าเวลาตื่นคือตอนไหนอีก ตกลงเมื่อคืนเรานอนหรือยังนะ... โอ๊ยยย!!! จะบ้าตาย... นี่มันเกิดอะไรบ้าๆ ขึ้นกับฉันกันเนี่ย สงสัยจะต้องพาสังขารตัวเองไปเช็กประสาทเสียแล้วกระมัง”

 หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับทั้งสองข้างพลางส่ายศีรษะไปมาติดๆ กัน ร่างงามเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวด้วยความรวดเร็ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 7 แผ่นดินมังกร 1.3

    “ไม่เลยยายหนู มีน้อยมากแต่หนึ่งในนั้นมีตระกูลฟ่าน ของเราที่ยังคงเก็บรักษาของโบราณที่ตกทอดกันมาแต่ครั้งอดีต ในบ้านนี้มีของล้ำค่านับหลายพันปีของตระกูลเก็บรักษาเอาไว้ ตั้งแต่ยุคก่อนแผ่นดินจิ๋นซีฮ่องเต้เสียอีก เพราะตระกูลฟ่านของเราในสมัยอดีตกาลเคยเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฟ่านก่อนจะถูกแคว้นเว่ย ฉี และฉิน ตีเอาแคว้นและแบ่งดินแดนถือครอง” “โอ้โห! นี่ตระกูลของคุณพ่อมีประวัติยาวนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนงามกล่าวออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน ก่อนจะรีบเอ่ยถามกลับไปเมื่อนึกถึงโปรเจกต์งานของเธอ “เอ่อคุณพ่อคะ แล้วศิลปะการสร้างสมัยนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นหน้าตาพระราชวังของจิ๋นซีฮ่องเต้หรือพระราชวังโบราณในอดีต มีการเก็บรักษาหลงเหลือเอาไว้ไหมคะ” แม่สาวน้อยถามยาวรวดเดียวด้วยความอยากรู้ ก่อนจะได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อตอบกลับมา “ไม่มีหรอกยายหนู ถ้าศิลปะโบราณอื่นๆ ก็เข้าไปดูได้ตามมิวเซียม สำหรับซีอานก็ที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ถ้าเป็นพระราชวังโบราณแล้วละก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย นอกจากพระราชวังต้องห้ามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นศิลปะที่พบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากศิลปะสมัยก่อนจิ๋นซ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 6 แผ่นดินมังกร 1.2

    ประเทศจีน มณฑลส่านซี ณ เมืองซีอาน ท่าอากาศยานนานาชาติซีอานเสียนหยาง [1] ร่างงามระหงของริณรณีย์หรือฟ่านชิงเชียง กำลังก้าวเดินออกมาจากบริเวณประตูผู้โดยสารขาออกจากสายการบินที่มาจากต่างประเทศ พร้อมด้วยกระเป๋าลากขนาดย่อม ดวงตาคู่สวยกำลังสอดส่ายสายตาคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ในขณะนั้น “ยายหนู!” เสียงที่คุ้นหูมาตั้งแต่เกิดเรียกเธอจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ใบหน้าสวยหันกลับไปยังทิศที่เสียงดังกล่าวเรียกหาเธอทันที พร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “คุณแม่!” หญิงสาวตะโกนร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหาร่างอวบอิ่มที่กำลังยืนรอรับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว แม่สาวน้อยโผเข้าสวมกอดคุณแม่ของเธอพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการใหญ่ “คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ... คุณแม่ขา” คำหวานออดอ้อนออกมาทันที คุณวิลาสินียิ้มแก้มปริเมื่อลูกสาวสุดที่รักหยอดลูกอ้อนทันทีที่มาถึง “จ๋าลูก... รู้แล้วว่ายายหนูของแม่คิดถึง... แหมอะไรกัน คุยโทรศัพท์แทบจะทุกวันยังจะบ่นคิดถึงกันอยู่อีกเหรอ” “ก็ริณคิดถึงนี่คะ... คิดถึง... คิดถึง... ทุกวันทุกคืนเลย” หญิงสาวพร่ำบอกคิดถึงมารดาไม่ขาดปาก ทันใดนั้นเอง “คิดถึง! ข้าคิดถ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 5 แผ่นดินมังกร 1.1

    ในขณะเดียวกัน ยุคอดีตกาล พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายรองฉินเสวี้ยนกงแห่งแคว้นฉิน ทรงยืนทอดพระเนตรดอกโบตั๋นหลากสีมากมายภายในพระตำหนักจันทรา ด้วยพระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสเป็นพิเศษ พระพักตร์คมคายหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเยือนอยู่ตลอดเวลาเมื่อทรงหวนคิดคำนึงถึงความฝันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กลิ่นหอมละมุนจากแก้มเนื้อนวลยังติดอยู่ที่ปลายพระนาสิกอยู่ตลอด เวลา พระเนตรคู่สวยเปล่งประกายระยิบระยับอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะปิดพระเนตรลงด้วยความคิดถึงโฉมงามในหัวใจ “ชิงเชียงจ๋า” สุรเสียงรำพึงออกมาเบาๆ พระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสและพระพักตร์หล่อเหลาที่ปรากฏรอยแย้มสรวลอยู่ตลอดเวลานั้น ทำให้เฮ่าหรานขันทีผู้ใกล้ชิดซึ่งคอยถวายการรับใช้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ อดไม่ได้ที่จะทูลถามเมื่อสังเกตเห็นองค์ชายรองของตนที่วันนี้ทรงมีสีพระพักตร์แจ่มใสเป็นยิ่งนักผิดกับทุกวันที่ผ่านมา “วันนี้องค์ชายทรงแลดูพระเกษมสำราญ ผิดกับทุกๆ วันเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” คำกราบทูลของขันทีคนสนิท ทำให้พระเนตรที่ปิดลงเมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ พระเนตรคู่สวยยังคงเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ตลอดเวลา “เจ้าสังเกตข้าด้วยอย่างนั้นเหรอ” รับสั่งถามโดยมิได้ห

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 4 ในฝัน 1.3

    หกเดือนผ่านไป ร่างระหงกำลังหลับสนิทท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีและอากาศอันหนาวเหน็บ ด้วยภายนอกปรากฏหิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั่วบริเวณมีแต่สีขาวโพลนดาษดื่นเต็มไปหมด ภายในห้องนอนมีเครื่องทำความร้อนเพื่อเพิ่มไออุ่นผ่อนคลายความหนาวเหน็บลงไปได้มากเลยทีเดียว จึงทำให้สาวสวยคนงามหลับสนิทอย่างมีความสุข และเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ในฝันนั้นร่างระหงกำลังก้าวเดินอยู่ในท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้หลากสี กลิ่นหอมโรยรื่นส่งกลิ่นรัญจวนอยู่ตลอดเวลา มือเรียวสวยสัมผัสดอกตูมของดอกไม้งามตรงหน้าด้วยความชื่นชม “หอมจัง!” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ “กลิ่นหอมของดอกไม้ใด ก็ไม่หอมเท่ากลิ่นกายของเจ้าแม้แต่น้อยชิงเชียง” เสียงทุ้มกังวานแทรกดังขึ้น ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ กาย ทว่ากลับมิปรากฏผู้ใดแม้แต่น้อย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีเมื่อมองหาเท่าไรก็ไม่พบต้นตอของเสียง “แปลกจังเลย... ได้ยินแต่เสียงแต่ทำไมไม่เห็นตัวคนนะ” เสียงหวานเอ่ยพึมพำ ร่างระหงก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนตรงหน้าประตูขนาดใหญ่ ศิลปะการออกแบบอยู่ในยุคสมัยโบราณแลดูเหมือนที่พักอาศัยที่มักเห็นในหนังและตามซีรีส์จีนที่เคยดูผ่านทางทีวี

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 3 ในฝัน 1.2

    คริสต์ศักราช 2015ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” เสียงกระดิ่งลมพัดพลิ้วต้องกับกระแสลมแรง พร้อมกลิ่นหอมรัญจวนจิตของหมู่มวลดอกไม้หอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางดอกไม้หลากสี รูปร่างแลให้ชวนมองน่าหลงใหล มองเลยไปปรากฏประตูที่มีลวดลายสะท้อนอารยธรรมของชนชาติจีน ทว่าสถาปัตย-กรรมดังกล่าวกลับมิใช่สมัยใหม่แต่แลดูคล้ายสมัยโบราณเสียนี่กระไร ประตูตรงหน้าปิดสนิทถูกฉาบด้วยสีแดง พร้อมแผ่นป้ายชื่อขนาดใหญ่วางตั้งเหนือไว้บนขอบประตูเบื้องบน เขียนด้วยตัวอักษรจีนโบราณระบุว่า เฉี่ยนเก้อลากุง แปลว่า “ตำหนักจันทรา” “ชิงเชียง! ชิงเชียงจ๋า” เสียงทุ้มละมุนกระซิบแผ่วเพรียกหาเจ้าของนามดังกล่าว ใบหน้าละมุนสวยคมเซ็กซี่รับกับผมสีดำขลับขึ้นเป็นมันเงางดงามประดุจดั่งเช่นชาวเอเชียหากแต่มีเลือดผสมสองชาติคือไทยและจีน ดวงหน้าเริ่มส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงเพรียกหานั้นราวกับว่าเสียงดังกล่าวอยู่แนบชิดริมหูของเธอก็ว่าได้ “จ๋า!” เสียงหวานตอบเสียงเพรียกหาปริศนานั้นกลับไปทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิท “ชิงเชียงจ๋า มาหาข้าเถิด ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนานแล้วรู้หรือไม่” เสียงเพรียกหานั้นยังคงกล่าวกับเธอ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 2 ในฝัน 1.1

    แคว้นฉิน ณ เมืองหลวงเสียนหยาง ตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุง (ตำหนักจันทรา) ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ภายในพระราชวังหลวงกำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนเวรยาม ทหารรักษาการณ์ผลัดใหม่ต่างเริ่มทยอยมาสับเปลี่ยนเวรยามเพื่อคอยถวายอารักขา เจ้าผู้ครองแคว้นและเชื้อพระวงศ์ซึ่งประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงเมืองเสียนหยาง ทหารยามต่างทยอยแยกย้ายไปตามแต่ละตำหนักทั้งด้านนอกและด้านใน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโบตั๋นหลากสีส่งกลิ่นรัญจวนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุงหรือตำหนักจันทรา ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ชายรอง พระนาม ฉินเสวี้ยนกง โอรสองค์ที่สองของฉินมู่กงซึ่งประสูติจากเหยี่ยนฮองเฮา ในยามนี้ทั่วพระตำหนักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นกำลังส่งกลิ่นขจรกระจายไปทั่วบริเวณ ประตูพระตำหนักปิดสนิทด้วยเวลานี้คือยามวิกาล ภายในห้องพระบรรทม องค์ชายรองซึ่งมีพระชันษาก้าวเข้าสู่ปีที่ยี่สิบ กำลังบรรทมอยู่ภายในตำหนักดังกล่าว “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” กระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วไหวไปมาจนเหล่าดอกโบตั๋นเอนไหวลู่ลม และเสียงกระดิ่งลมที่ทำมาจากดินเผาถูกแขวนไว้ตรงหน้าพระตำหนักเพื่อใช้สังเกตทิศทางลมดังก้องกังวานอยู่เป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status