Share

บทที่ 3 ชีวิตใหม่

last update Last Updated: 2025-03-27 13:45:01

บทที่ 3 ชีวิตใหม่

ก่อนที่เธอจะทันตั้งคำถามอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอก หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นนางกำนัลรีบหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาหาเฟยเฟย

“พระสนมเพคะ... ศาลาในตำหนักของพระสนมถูกจุดไฟเพคะ ขันทีกำลังพยายามดับเพลิงอยู่ แต่สถานการณ์ยังไม่สงบดีเพคะ”

เฟยเฟยยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่รู้จัก

“ศาลาของฉัน..ไม่ใช่สิ ของข้าเหรอ” เธอพูดอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ลุกขึ้นตามแรงกระตุ้นภายในใจที่ทำให้หญิงสาวเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความฝัน

นางกำนัลรีบพาเฟยเฟยเดินออกจากห้องไปยังศาลาที่เกิดเหตุ ท่ามกลางความมืดสลัวของค่ำคืน เฟยเฟยสังเกตเห็นว่ารอบ ๆ ตำหนักนี้เงียบสงัดอย่างน่าประหลาด เมื่อเทียบกับความคึกคักที่เธอเคยเห็นในซีรีส์โบราณที่ชอบดู           

เมื่อมาถึงศาลา เฟยเฟยเห็นขันทีคนหนึ่งกำลังใช้ถังไม้ตักน้ำจากสระใกล้ ๆ เพื่อดับไฟที่กำลังมอดลง กลิ่นควันยังคงตลบอบอวล และแสงไฟยังคงสะท้อนในสายตาของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

หญิงสาวเพิ่งรู้ตอนนี้ว่า เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นเป็นของกลุ่มทหารองครักษ์ทุกคนไปช่วยขันทีคนนั้นดับไฟซึ่งมันก็ดับลงอย่างรวดเร็ว

ในความมึนงง เฟยเฟยหันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ดูสง่างามและดูสูงส่ง บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องมีฐานะไม่ธรรมดา อีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลและขันทีของตน ใบหน้าของคนผู้มาใหม่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและความเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด

“กุ้ยเฟย ท่านคงไม่ได้ระวังให้ดีกระมังถึงได้ทำศาลาไหม้เสียหายเช่นนี้ หากตำหนักนี้เกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้นมา มันคงเป็นเรื่องใหญ่ต่อฮ่องเต้แน่ ๆ ...ถ้าไฟลามไปทั่ว” น้ำเสียงเย้ยหยันและแฝงด้วยความหวังดีที่จอมปลอมทำให้เฟยเฟยรู้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังดีและต้องการให้เธอกลายเป็นคนผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้

เฟยเฟยมองไปยังหญิงผู้นั้นด้วยสายตางุนงง

“กุ้ยเฟย...” เฟยเฟยทวนคำและยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าทุกคนดูจะรู้จักเธอ แต่เธอกลับไม่รู้จักพวกเขาเลยแม้แต่นิด ถ้าหากนี่เป็นการย้อนเวลาอะไรอย่างนั้นจริง เธอก็ควรจะได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเก่ามาด้วยไม่ใช่หรือไงแต่นี่กลับว่างเปล่า เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรก็ลองต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าไปสักทีเผื่ออะไรอะไรจะได้ชัดเจนขึ้น

“ทำไมเจ้าถึงกล้ากล่าวหาข้าเช่นนี้” เฟยเฟยพูดเสียงเย็นพลางพยายามเก็บอาการงงงวยที่ซ่อนอยู่ในใจ

“มิได้กล่าวหาก็แค่แสดงความเห็นเท่านั้น ถึงท่านจะเป็นถึงกุ้ยเฟยแต่ปล่อยให้ตำหนักที่ฮ่องเต้พระราชทานเกิดไฟไหม้กลางดึก เช่นนี้ไม่ควรถือว่าท่านขาดความ   รับผิดชอบหรอกหรือ”

เฟยเฟยหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเฉียบคม แม้จะงุนงง แต่ความฉลาดของเธอก็พอจะเห็นช่องว่างของแผนการบางอย่างตรงหน้า

“แล้วเจ้า...” นางกำนัลคนสนิทกระซิบที่ข้างหูว่าคนนี้คือหนิงเฟย จึงทำให้หญิงสาวจัดการขึ้นง่ายไปอีก “หนิงเฟย...เจ้าคงจะเคารพตำแหน่งของเราที่ต่างกันสินะ มาหาข้าในยามดึกเช่นนี้ แต่เจ้าก็แต่งเต็มยศทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ชุลมุน แม้แต่ตัวข้าเองยังออกมาดูเพียงสวมชุดไม่กี่ชิ้น นี่มิใช่เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วหรือ”

คำของเฟยเฟยทำให้หัวหน้ากองทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หันมองอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเหตุการณ์จึงไม่ได้ทันคิด แต่ก็เป็นจริงอย่างกุ้ยเฟยว่า ถึงจะรีบแค่ไหนก็คงไม่มีเวลาให้แต่งตัว แล้วเมื่อเห็นว่ากุ้ยเฟยแต่งกายไม่เรียบร้อยจึงสั่งองครักษ์ทุกคนให้ก้มหน้าไม่ให้มองร่างกายของพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้โดยตรง

“ขออภัยพระสนม หน่วยองครักษ์ของกระหม่อมจะจัดการสืบสวนเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดอีกครั้ง” องครักษ์หนุ่มเอ่ยพลางมองหน้าหนิงเฟยด้วยแววตาที่เริ่มเปลี่ยนไป ก่อนจะออกไปพร้อมกับบรรดาคนของตน ทิ้งเอาไว้เพียงขันทีน้อยที่ต้องเหนื่อยหอบยืนมองศาลาที่ไม่เหลือความงดงามแบบเดิม

เฟยเฟยมองเห็นท่าทางของหนิงเฟยที่เริ่มกังวลด้วยสายตากดดัน “งั้นคงเป็นข้าที่เข้าใจผิดไปเอง เช่นนั้นข้าคงไม่รบกวนพระสนมแล้ว ขอพระสนมพักผ่อนให้เพียงพอ” หนิงเฟยชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปยังตำหนักตน

และถึงแม้คำพูดของหนิงเฟยจะดูไม่มีอะไรแล้ว แต่แววตาของอีกฝ่ายก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจนจนเฟยเฟยถึงกลับย่นหน้าใส่

ค้อนใส่กันขนาดนั้นต่อให้เธอออกกระดาษก็คงไม่ชนะหรอก

เมื่อหนิงเฟยถอยออกไป เฟยเฟยก็หันกลับมาถามนางกำนัลที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ “ข้าคือใคร... และนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

และแม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่แปลกประหลาดแต่จูหลิงก็พร้อมจะตอบทุกอย่างให้กับเจ้านายของตน “พระสนม... ท่านคือกุ้ยเฟย พระสนมเอกของฮ่องเต้ และตำหนักนี้คือตำหนักหลิงอันของท่านในพระราชวัง...”

จูหลิงสาวใช้ที่ติดตามเข้ามาจากตระกูลเก่าได้ เพราะครั้งหนึ่งจางกุ้ยเฟยเคยเป็นพระสนมที่ได้รับการโปรดปรานเล่าทุกอย่างให้กับนายของตนได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาของหญิงสาวที่เป็นเพียงคหบดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่โตอะไร

หรือแม้กระทั่งเหล่าพระสนมที่รวมหัวกันรังเกียจเดียดฉันท์จางกุ้ยเฟยด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน นางกำนัลตัวน้อยก็เล่าบอกมาหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งขันทีเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในตำหนักนี้เพราะความภักดีที่หญิงสาวเคยช่วยชีวิต

ยิ่งได้ฟังเฟยเฟยก็รู้สึกว่าตนเองทั้งโชคดีและโชคร้าย แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแต่ดูเหมือนในตอนนี้หญิงสาวจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แล้ว สาเหตุดูเหมือนจูหลิงจะไม่กล้าเอ่ย ก็ไม่เป็นไรเฟยเฟยคิดว่าตัวเองคงตามหาได้ไม่ยาก

หญิงสาวถอนหายใจ ความรู้สึกตอนนี้ตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ แปลกใจ และยินดี “อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ทำงาน แต่ต้องมาคิดมากเรื่องในวังนี่แทน”

“พระสนมว่าอะไรนะเพคะ” เฟยเฟยส่ายหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอน “พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ก็แล้วกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 30

    บทที่ 30ไม่นานหลังจากนั้น ตัวแทนของบริษัทก็เข้ามาพบเธอ พวกเขาอธิบายถึงเงินชดเชยที่เธอจะได้รับเพื่อไม่ให้ฟ้องร้องบริษัท แม้จะรู้ว่าเป็นหัวหน้างานที่ทำผิด แต่บริษัทก็ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น“เราขอโทษจริง ๆ ครับสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ” ตัวแทนกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ “เราหวังว่าคุณจะยอมรับเงินชดเชยนี้และพักฟื้นอย่างสบายใจ”เฟยเฟยมองเงินก้อนโตที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้ว่าการตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเธอ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับเงินก้อนนั้นไว้เพื่อไม่ให้ฟ้องบริษัท และเพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับตัวเอง “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดออกมาด้วยน้้ำเสียงเด็ดขาดราวกับยังคงอยู่ในยุคโบราณเฟยเฟยใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลพักใหญ่ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะปล่อยให้เธอกลับบ้าน เธอตัดสินใจที่จะไม่กลับไปทำงานที่บริษัทนี้อีก เธออยากเริ่มต้นใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นเธอจะต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้ซะก่อน ในทุกคืนหญิงสาวยังคงฝันถึงชายหนุ่มคนรักที่ห่างกับเธอตอนนี้เป็นร้อยเป็นพันปี เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ กับการจากมาของเธอเฟยเฟยออกไปซื้อด้ายและผ้ามาทำผ้าเช็ดหน้า เธอไม่เคยทำพวกนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับทำม

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 29

    บทที่ 29บั้นปลายชีวิตของหลี่อวิ๋น เขาสละราชบัลลังก์ให้กับน้องชายและใช้ชีวิตอยู่ที่สุสานของฮองเฮาเพียงคนเดียวของเขาสุสานแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวสะอาดตา มีการแกะสลักลวดลายดอกไม้บานสะพรั่งรอบ ๆ เหมือนสวนของพวกเขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความทรงจำ หลี่อวิ๋นเลือกสถานที่นี้เพราะมันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม มีดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่งรอบ ๆ ราวกับว่าดอกไม้เหล่านั้นก็รู้ดีถึงความรักที่เขามีต่อเฟยเฟยจึงผลัดกันบานไม่เคยหยุด “เฟยเฟย...” เสียงที่เคยหนุ่มกลับแหบแห้งและขาดหายแบบคนมีอายุ เขายังคงจดจำรอยยิ้มของนางอันเป็นที่รักได้ “ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน แม้จะไม่อยากรบกวนเจ้าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้”เขานั่งอยู่กับสุสานนานหลายชั่วโมง น้ำตาที่รินไหลลงมาบนแก้ม กลายเป็นน้ำตาที่ซึมซาบลงไปในดินที่รอบ ๆ สุสาน มือที่แห้งเหี่ยวปัดฝุ่นบนจารึกหินอ่อนและยิ้มจาง ๆ “อีกไม่นานข้าก็คงจะตามไปเจอเจ้าแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ตาม” วันนั้นหลี่อวิ๋นไม่ได้กลับออกไปจากสุสาน เขายังคงอยู่ที่สุสานแห่งนี้ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความเจ็บปวดของเขาร่างของอดีตฮ่องเต้ถูกพบหลังจากน

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 28

    บทที่ 28ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้หลี่อวิ๋นและเฟยเฟยเข้าใจว่าแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ แต่หากพวกเขาอยู่เคียงข้างกันก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างมีความสุขโดยไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลายไปได้ถึงเพียงนี้แม้ทุกคนจะรู้ว่ามีการต่อต้านเฟยเฟยอย่างรุนแรง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าความเกลียดชังจะนำไปสู่การทำร้ายถึงชีวิตได้ หลี่อวิ๋นระแวดระวังทุกย่างก้าวของเฟยเฟย เพราะรู้ดีว่ามีภัยซ่อนเร้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ำคืนหนึ่งขณะที่หลี่อวิ๋นทำงานอยู่ในห้องทรงงาน เขาได้ยินเสียงเฟยเฟยเรียกชื่อเขา “หลี่อวิ๋น ช่วยด้วย” เมื่อเขารีบเข้าไปที่ห้องบรรทมก็พบว่าเฟยเฟยนอนหมดสติอยู่ที่พื้นทั้ง ๆ ที่เขาไม่สนอะไรและนำตัวหญิงสาวมาอยู่ตำหนักเดียวกันแล้วแท้ ๆ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด หลี่อวิ๋นตกใจและรีบเข้าไปกอดนางแน่น เขารู้สึกถึงความเย็นและร้อนของร่างกายที่แปลกประหลาด“ตามหมอหลวงเร็ว และปิดตำหนักเดี๋ยวนี้” หลี่อวิ๋นตะโกนเสียงดังเมื่อหมอหลวงมาถึง หลี่อวิ๋นที่แทบจะตั้งสติไม่ได้ก็ทำได้แค่เดินไปมาและจ้องมองหมอหลวงรักษาหญิงสาวที่รักด้วยความกระวนกระวาย “นางต้องฟื้นคืนมา ข้าขอร้อง” เขาพูดเสียงสั่น หมอพยักหน้าแต่สีหน้าก็ไม่มั่นใจ

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 27

    บทที่ 27วันเวลาผ่านไป ภายในพระราชวังยังคงมีเสียงกระซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่อวิ๋นและเฟยเฟยอยู่ แม้ขุนนางส่วนใหญ่เริ่มยอมรับนาง แต่กระแสต่อต้านก็ยังไม่สิ้นสุด ขุนนางบางคนมักบอกว่านางเป็นปีศาจที่ล่อลวงคนพ่อและยังล่อลวงคนลูกอีกด้วย ความไม่พอใจเหล่านี้ทำให้เกิดความตึงเครียดและข่าวลือที่อาจจะทำให้ตำแหน่งของหญิงสาวสั่นคลอนแต่ในช่วงเวลาที่ทั้งสองเหนื่อยล้าจากหน้าที่ พวกเขาก็มักจะมานั่งคุยกันในสวน “หากการรับสนมจะทำให้พวกเขาหยุดพูด...” “ข้าไม่รับใครนอกจากเจ้า” เฟยเฟยยังไม่ทันพูดจบ หลี่อวิ๋นก็ขัด เรื่องในพระราชวังตอนนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นเพราะอยากได้อำนาจ“ข้ารักแต่เจ้าไม่สามารถแสร้งทำเป็นรักคนอื่นได้หรอก” เฟยเฟยมองหลี่อวิ๋นด้วยความรักแล้วหญิงสาวก็แอบแปลกใจว่า วันเวลามันเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร จากคนแปลกหน้าที่ไม่มีวันได้พบ ตอนนี้กลายเป็นคู่ชีวิตที่นางพร้อมจะรับฟังคำของอีกฝ่าย“อย่าได้ห่วงไปเราจะดูแลเจ้าอย่างดี คงต้องเพิ่มคนดูแลเจ้าอีกหน่อย เรื่องพวกนั้นก็คงต้องปล่อยให้พูดไป คนเชื่อจริงไม่มีหรอก แค่อยากรู้เท่านั้นว่าใครยังกล้าถึงเพียงนี้ มิเห็นตระกูลหนิงหรืออย่างไร”“แม้ข้าจะพยายามทำให้

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 26

    บทที่ 26หลี่อวิ๋นฟังคำนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “คิดว่ากำลังจะตัดใจจากเจ้า แต่น่าแปลกเมื่อเห็นเจ้า… ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”เฟยเฟยรู้สึกถึงความร้อนผ่าวในใบหน้า ขณะที่หญิงสาวนึกถึงช่วงเวลานั้น นางจำได้ว่ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้สบตากับเขา “ข้าดีใจที่เราได้เจอกัน” หญิงสาวพูดออกมาจากใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่นำพานางมาที่นี่นางขอบคุณหลี่อวิ๋นกระชับตัวหญิงสาวที่เดินมาข้างกันให้แน่นขึ้นอีก เขาจับมือของนางอย่างเบามือ “ข้าก็ดีใจที่ได้พบกับเจ้า ทันเวลา...” หลี่อวิ๋นรู้ดีว่าตอนนั้นเขาเพียงแค่รู้สึกว่าต้องทำตามสัญญาหลังจากรู้สึกไม่ดีมานานนับปีและอีกฝ่ายก็เลี่ยงที่จะพบเจอเขา สุดท้ายเขาตั้งใจจะจบทุกอย่าง แต่คนที่เคยหลีกเลี่ยงเขาอย่างเฟยเฟยกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ที่จริงวันนั้นเขาคงตัดใจจากเฟยเฟยในยามเด็กที่กลายเป็นสนมของเสด็จพ่อไปได้ แต่กลับตกหลุมรักคนเดิมอีกครั้ง มีหลายครั้งที่เขาสงสัยถึงท่าทางแปลก ๆ และความสามารถที่เคยมีและเคยไม่มี แต่ยามนี้เขาไม่สนแล้ว นางคือเฟยเฟยของเขาหลี่อวิ๋นหันไปสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนแล่นผ่านไปทั่วร่าง สายลมที่พัดผ่านทำให้ดอกไม้รอบตัวไหวเอน เหมือน

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 25

    บทที่ 25หลังจากเรื่องราววุ่นวายผ่านไปไม่นาน เมื่อหลี่อวิ๋นเริ่มจัดการทุกอย่างในพระราชวัง ราชกิจต่าง ๆ ก็เป็นชายหนุ่มที่จัดการ เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางฮ่องเต้ก็หมดห่วงและจากไปในพระราชวังที่เคยมีความรุ่งเรืองและอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ขณะนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เดินผ่านไปทางไหนก็ได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาของการร้องไห้ ทุกซอกทุกมุมของวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าโศกฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว การจากไปของเจ้าชีวิตทิ้งความว่างเปล่าไว้ในใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระสนม ข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ชาวบ้านที่อยู่ภายนอกวังหลวง ทุกคนล้วนแต่รู้สึกเสียใจจากการสูญเสียครั้งใหญ่นี้เฟยเฟยยืนอยู่ที่กลางพระตำหนัก น้ำตาไหลอาบแก้ม ใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อคิดถึงอีกฝ่าย หลังจากเรื่องของนางและหลี่อวิ๋นชัดเจนขึ้นมา หญิงสาวก็ได้เข้าเฝ้าทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาบ่อยครั้ง ทั้งสองเหมือนเป็นคนเติมตะเกียงเพื่อส่องทางให้แสงสว่างในชีวิตที่จะต้องใช้ในวันข้างหน้าของหญิงสาว แม้จะเตรียมใจแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องสูญเสียพระองค์ไปเร็วเช่นนี้ ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของทุกคนในพระราชวังหลี่อวิ๋นประ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status