Share

บทที่ 12

Author: หออักษร
การที่ฉินหมิงบุกรุกเข้าพระราชวังโดยพลการ เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก

ความเร็วในการแพร่กระจายข่าวสารในวังนั้นรวดเร็วมาก

ฉินหมิงเพิ่งจะเข้าสู่พระราชวัง

ขันทีหวังเป่าก็ได้รับข่าวแล้ว รีบเดินเข้าไปในตำหนักไท่เหอ

ที่นี่คือสถานที่ที่เซียวซูเฟยเตรียมตัวก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยง

ขณะนี้ นางกำลังให้สาวใช้สองสามคนช่วยสวมเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผม เตรียมจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้พร้อมกับฮ่องเต้เฉียน

“พระสนม ฉินหมิงก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยเพคะ”

“เจ้าเด็กคนนี้ช่างเหมือนวิญญาณตามหลอกหลอนไม่เลิกจริง ๆ !”

เซียวซูเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย

เรื่องวุ่นวายที่ฉินหมิงก่อขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ นางได้ยินมาบ้างแล้ว

หลังจากที่ได้ทราบว่าฉินหมิงได้ค่ายทหารอู่เวยไปแล้ว ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“ไปแจ้งจางหมิง อย่าให้ฉินหมิงเข้ามา”

“เพคะ!”

จางหมิงเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์อวี่หลิน มีลูกน้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาไม่น้อย

เนื่องจากประจำการอยู่ในวังตลอดทั้งปี แน่นอนว่าเขาก็ต้องหาที่พึ่งพิง

ผู้อยู่เบื้องหลังที่เขาหาก็คือเซียวซูเฟย

หลายปีมานี้ที่ทำงานให้เซียวซูเฟย เขาก็ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย

หลังจากที่คำสั่งของเซียวซูเฟยถูกถ่ายทอดลงไป

ไม่นานนักฉินหมิงก็ถูกขวางไว้ที่ใต้กำแพงวัง

“องค์ชายโปรดหยุดก่อน!”

จางหมิงปรากฏตัวขึ้นที่หน้ารถม้าของฉินหมิง

“จางหมิง?”

ฉางไป๋ซานขมวดคิ้วเล็กน้อย ในอดีตจางหมิงเคยเป็นลูกน้องของเขา

เพียงแต่ภายหลังไปช่วยงานเซียวซูเฟย ก็ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากเขาไป

“แม่ทัพฉาง ไม่ได้พบกันเสียนาน”

จางหมิงโค้งตัวเล็กน้อย ประสานมือคารวะ ท่าทีเช่นนี้ไม่มีความเคารพต่อฉางไป๋ซานเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองลูกน้องที่ค่อย ๆ ห่างเหินไปจากตนเองผู้นี้ ฉางไป๋ซานก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเรามาเข้าร่วมงานเลี้ยง เจ้ามาขวางรถไว้ทำไม”

“ตำแหน่งในงานเลี้ยงมีจำนวนจำกัด มีเพียงโต๊ะไม่กี่ตัวนั้น พวกท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือ?”

“การค้ากับกองคาราวานสินค้าหนานหยางครั้งนี้ องค์ชายเป็นผู้เจรจาสำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็สมควรที่จะให้องค์ชายเข้าไป”

ฉางไป๋ซานโต้เถียงอย่างมีเหตุผล

จางหมิงกลับทำหน้าดูถูก กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์ชายได้ออกจากราชสำนักไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะหน้าด้านกลับมาขอเข้าร่วมงานเลี้ยงอีก ไม่กลัวคนอื่นจะนินทาเอาหรือ?”

“บังอาจ!”

ฉางไป๋ซานตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล กำลังจะพุ่งลงไปโจมตีเขา

แต่ทหารโดยรอบได้พุ่งเข้ามาแล้ว ล้อมรถม้าของฉินหมิงไว้อย่างแน่นหนา

จางหมิงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน กล่าวด้วยท่าทีที่เหนือกว่า

“แม่ทัพฉาง ท่านและองค์ชายต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตา ข้าก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวมันดูน่าเกลียดเกินไป”

“พวกท่านไปเองเถิด ข้าก็จะถือว่าทั้งสองท่านไม่เคยมาที่นี่เลย ดีหรือไม่?”

ฉางไป๋ซานถูกล้อมไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง เขาก็กัดฟันแล้วกล่าวว่า

“จางหมิง เจ้าช่างเป็นคนเนรคุณจริง ๆ !”

“ก็แค่ต่างคนต่างรับใช้นายของตน ท่านพูดเช่นนี้ก็ใจแคบเกินไปแล้ว”

จางหมิงไม่รู้สึกว่านี่มีปัญหาอะไร ตรงกันข้าม กลับทำหน้าเย้ยหยันแล้วสั่งสอนฉางไป๋ซาน

ฉางไป๋ซานโมโหอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้ข้างกายของเขามีองครักษ์ชุดเกราะยืนอยู่หลายสิบคน

ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“จางหมิง เจ้าช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่ดีจริง ๆ เซียวซูเฟยคงจะให้ผลประโยชน์แก่เจ้าไม่น้อยเลยกระมัง?”

ในตอนนี้ เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากในรถม้า

ฉินหมิงเปิดม่านรถม้า แล้วกระโดดลงมา

จางหมิงถูกด่าต่อหน้าลูกน้องมากมายขนาดนี้ ใบหน้าก็พลันเขียวทีขาวที

บรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

“องค์ชาย พวกเราเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในวัง”

จางหมิงกัดฟันพูด ในใจเริ่มคำนวณแล้วว่าอีกสักครู่หลังจากที่ขับไล่ฉินหมิงไปแล้ว จะหัวเราะเยาะเขาอย่างไรดี

“ปฏิบัติตามคำสั่งหรือ?”

มุมปากของฉินหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูแคลน

“วันนี้ข้าจะเข้าไปให้ได้ แล้วจะทำอย่างไรเล่า?”

“หากท่านอยากจะให้เรื่องไปถึงฝ่าบาท จางหมิงไม่มีความสามารถอื่นใด แต่พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน”

“ไป!”

ฉินหมิงกวักมือเรียก นำฉางไป๋ซานเดินเข้าไปในพระราชวังต่อไป

ท่าทียั่วยุเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทะเลาะกับจางหมิงจนเรื่องไปถึงท้องพระโรง

จางหมิงแค่นเสียงเย็น ในใจแอบหัวเราะเยาะฉินหมิงที่ไม่รู้จักสถานการณ์

ฮ่องเต้เฉียนมีทัศนคติต่อฉินหมิงอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว

เขายังจะกล้าให้เรื่องไปถึงฮ่องเต้เฉียนอีกหรือ?

ขอเพียงแค่ไปถึงแล้ว ไม่ใช่แค่จางหมิงกับฮ่องเต้เฉียนเท่านั้น

เซียวซูเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย

รับรองได้เลยว่าจะทำให้เขาไม่ได้อยู่ดี ๆ แน่!

“ท่านแม่ทัพ พวกเรา...”

ลูกน้องสองสามคนเดินเข้ามาอย่างลังเล ถามจางหมิงว่าควรจะลงมือหรือไม่

จางหมิงโบกมือแล้วเอ่ยขึ้น

“เอาละ ไม่ต้องสนใจ ในเมื่อเขาอยากจะก่อเรื่อง พวกเราก็อยู่เป็นเพื่อนเขาก่อเรื่อง ทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตขึ้นจะดีที่สุด!”

เช่นนี้แล้ว ฉินหมิงภายใต้การ “คุ้มกัน” ของจางหมิง ก็เดินทางมาถึงนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

เซียวซูเฟย ฮ่องเต้เฉียน และเหล่าขุนนางต่างรอคอยการเข้ามาของกองคาราวานสินค้าหนานหยางอยู่ที่นี่นานแล้ว

แต่กองคาราวานสินค้าหนานหยางยังไม่มา ก็ได้เห็นเงาของฉินหมิงเสียก่อน

ฮ่องเต้เฉียนขมวดพระขนง

“ใครให้เขาเข้ามา?”

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉต่างก็ประหลาดใจอยู่บ้าง

เซียวซูเฟยจ้องมองจางหมิงด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ดูเหมือนกำลังตำหนิเขาว่าทำงานไม่ได้เรื่อง

จางหมิงรีบเดินเข้าไปข้างหน้า กล่าวเสียงเบาว่า

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทยืนกรานจะเข้ามาให้ได้ กระหม่อมได้ขัดขวางหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่ก็ขวางไว้ไม่อยู่...”

เซียวซูเฟยเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเจตนาของจางหมิง

นางรีบส่งสายตาให้บัณฑิตไท่ฉางชิวปิงอวิ๋นทันที

ชิวปิงอวิ๋นก้าวออกมาข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท การที่ฉินอ๋องจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ กระหม่อมเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงคิดเช่นนั้น

“ฉินหมิง เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

เหล่าขุนนางต่างก็มองฉินหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากฟังว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร

ฉินหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย

“เสด็จพ่อ การค้าขายของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็เป็นลูกที่เจรจาได้สำเร็จ เหตุใดเมื่อจัดงานเลี้ยง กลับไม่มีใครเรียกลูกเลย?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

เรื่องเช่นนี้ยังจะต้องพูดออกมาให้ชัดเจนอีกหรือ?

ฉินหมิงมิใช่องค์รัชทายาทแล้ว เรื่องของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ได้ให้ผลประโยชน์แก่เขาเพียงพอแล้ว

ตามหลักแล้วราชสำนักกับเขาก็ไม่ติดค้างอะไรกัน

ในตอนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ หรือว่าเขาต้องการจะมาทวงบุญคุณต่อ?

เช่นนั้นแล้วการกระทำนี้ก็ช่างไร้ซึ่งมารยาทเสียจริง

เซียวซูเฟยเอ่ยปาก

“ฉินอ๋องกล่าวล้อเล่นแล้วเพคะ วันนี้ราชสำนักจัดเลี้ยงกองคาราวานสินค้าหนานหยาง และขุนนางที่เกี่ยวข้อง”

“ท่านกำลังจะเดินทางไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนาน ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ การมาร่วมงานเลี้ยงอีก เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”

ฉินหมิงพยักหน้า

“ท่านพูดถูกแล้ว ครั้งนี้ข้าก็มิได้มาเพราะราชสำนักจริง ๆ ”

“ว่ากระไรนะ?”

ทุกคนต่างมองเขาด้วยความสงสัย

ในตอนนี้เอง ตัวแทนหลายร้อยคนจากกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว

พวกเขาเอ่ยปาก

“ฝ่าบาทแห่งต้าเฉียน ฉินอ๋องเป็นคนที่พวกเราเชิญมาด้วยกัน”

“การประชันบทกวีและประลองยุทธ์ในวันนี้ พวกเราได้เชิญฉินอ๋องมาช่วยสักหน่อย คงจะไม่มีปัญหากระมัง?”

...

ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยต่างก็เงียบไป

จางหมิงที่เมื่อครู่ยังโหวกเหวกโวยวายจะให้เรื่องไปถึงฮ่องเต้เฉียน ในตอนนี้สีหน้าก็ดูย่ำแย่อย่างยิ่ง

เขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย

แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้ฉินหมิงจะเข้ามาในฐานะตัวแทนของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง

อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก

คนของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง เดิมทีก็มีความไม่พอใจต่อราชสำนักต้าเฉียนอยู่หลายประการ

และฉินหมิงก็มีบารมีสูงส่งอย่างยิ่งในหมู่พวกเขา

จึงยืมตัวฉินหมิง เพื่อแสดงความไม่พอใจในการค้าขายครั้งนี้ของพวกเขา

“ดี ดี... ในเมื่อเป็นที่นั่งของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง เช่นนั้นก็เชิญนั่งเถิด”

ฮ่องเต้เฉียนจ้องมองฉินหมิงอย่างเย็นชา ในดวงตาเต็มไปด้วยความพิโรธ

วันนี้ฉินหมิงต่อให้ต้องอาศัยที่นั่งของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ก็จะต้องเข้ามาในตำหนักให้ได้

เห็นได้ชัดว่ามีแผนการบางอย่าง

ขุนนางไม่น้อยในที่นั้น ต่างได้กลิ่นที่ไม่ปกติบางอย่างแล้ว

ดูเหมือนว่างานเลี้ยงในวันนี้ คงจะต้องวุ่นวายขึ้นมาอีกแล้ว...
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status