Share

บทที่ 12

Author: หออักษร
การที่ฉินหมิงบุกรุกเข้าพระราชวังโดยพลการ เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก

ความเร็วในการแพร่กระจายข่าวสารในวังนั้นรวดเร็วมาก

ฉินหมิงเพิ่งจะเข้าสู่พระราชวัง

ขันทีหวังเป่าก็ได้รับข่าวแล้ว รีบเดินเข้าไปในตำหนักไท่เหอ

ที่นี่คือสถานที่ที่เซียวซูเฟยเตรียมตัวก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยง

ขณะนี้ นางกำลังให้สาวใช้สองสามคนช่วยสวมเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผม เตรียมจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้พร้อมกับฮ่องเต้เฉียน

“พระสนม ฉินหมิงก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยเพคะ”

“เจ้าเด็กคนนี้ช่างเหมือนวิญญาณตามหลอกหลอนไม่เลิกจริง ๆ !”

เซียวซูเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย

เรื่องวุ่นวายที่ฉินหมิงก่อขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ นางได้ยินมาบ้างแล้ว

หลังจากที่ได้ทราบว่าฉินหมิงได้ค่ายทหารอู่เวยไปแล้ว ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“ไปแจ้งจางหมิง อย่าให้ฉินหมิงเข้ามา”

“เพคะ!”

จางหมิงเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์อวี่หลิน มีลูกน้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาไม่น้อย

เนื่องจากประจำการอยู่ในวังตลอดทั้งปี แน่นอนว่าเขาก็ต้องหาที่พึ่งพิง

ผู้อยู่เบื้องหลังที่เขาหาก็คือเซียวซูเฟย

หลายปีมานี้ที่ทำงานให้เซียวซูเฟย เขาก็ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย

หลังจากที่คำสั่งของเซียวซูเฟยถูกถ่ายทอดลงไป

ไม่นานนักฉินหมิงก็ถูกขวางไว้ที่ใต้กำแพงวัง

“องค์ชายโปรดหยุดก่อน!”

จางหมิงปรากฏตัวขึ้นที่หน้ารถม้าของฉินหมิง

“จางหมิง?”

ฉางไป๋ซานขมวดคิ้วเล็กน้อย ในอดีตจางหมิงเคยเป็นลูกน้องของเขา

เพียงแต่ภายหลังไปช่วยงานเซียวซูเฟย ก็ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจากเขาไป

“แม่ทัพฉาง ไม่ได้พบกันเสียนาน”

จางหมิงโค้งตัวเล็กน้อย ประสานมือคารวะ ท่าทีเช่นนี้ไม่มีความเคารพต่อฉางไป๋ซานเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองลูกน้องที่ค่อย ๆ ห่างเหินไปจากตนเองผู้นี้ ฉางไป๋ซานก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเรามาเข้าร่วมงานเลี้ยง เจ้ามาขวางรถไว้ทำไม”

“ตำแหน่งในงานเลี้ยงมีจำนวนจำกัด มีเพียงโต๊ะไม่กี่ตัวนั้น พวกท่านได้รับคำเชิญแล้วหรือ?”

“การค้ากับกองคาราวานสินค้าหนานหยางครั้งนี้ องค์ชายเป็นผู้เจรจาสำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็สมควรที่จะให้องค์ชายเข้าไป”

ฉางไป๋ซานโต้เถียงอย่างมีเหตุผล

จางหมิงกลับทำหน้าดูถูก กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์ชายได้ออกจากราชสำนักไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะหน้าด้านกลับมาขอเข้าร่วมงานเลี้ยงอีก ไม่กลัวคนอื่นจะนินทาเอาหรือ?”

“บังอาจ!”

ฉางไป๋ซานตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล กำลังจะพุ่งลงไปโจมตีเขา

แต่ทหารโดยรอบได้พุ่งเข้ามาแล้ว ล้อมรถม้าของฉินหมิงไว้อย่างแน่นหนา

จางหมิงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน กล่าวด้วยท่าทีที่เหนือกว่า

“แม่ทัพฉาง ท่านและองค์ชายต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตา ข้าก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวมันดูน่าเกลียดเกินไป”

“พวกท่านไปเองเถิด ข้าก็จะถือว่าทั้งสองท่านไม่เคยมาที่นี่เลย ดีหรือไม่?”

ฉางไป๋ซานถูกล้อมไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง เขาก็กัดฟันแล้วกล่าวว่า

“จางหมิง เจ้าช่างเป็นคนเนรคุณจริง ๆ !”

“ก็แค่ต่างคนต่างรับใช้นายของตน ท่านพูดเช่นนี้ก็ใจแคบเกินไปแล้ว”

จางหมิงไม่รู้สึกว่านี่มีปัญหาอะไร ตรงกันข้าม กลับทำหน้าเย้ยหยันแล้วสั่งสอนฉางไป๋ซาน

ฉางไป๋ซานโมโหอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้ข้างกายของเขามีองครักษ์ชุดเกราะยืนอยู่หลายสิบคน

ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“จางหมิง เจ้าช่างเป็นสุนัขรับใช้ที่ดีจริง ๆ เซียวซูเฟยคงจะให้ผลประโยชน์แก่เจ้าไม่น้อยเลยกระมัง?”

ในตอนนี้ เสียงหนึ่งก็พลันดังมาจากในรถม้า

ฉินหมิงเปิดม่านรถม้า แล้วกระโดดลงมา

จางหมิงถูกด่าต่อหน้าลูกน้องมากมายขนาดนี้ ใบหน้าก็พลันเขียวทีขาวที

บรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

“องค์ชาย พวกเราเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในวัง”

จางหมิงกัดฟันพูด ในใจเริ่มคำนวณแล้วว่าอีกสักครู่หลังจากที่ขับไล่ฉินหมิงไปแล้ว จะหัวเราะเยาะเขาอย่างไรดี

“ปฏิบัติตามคำสั่งหรือ?”

มุมปากของฉินหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูแคลน

“วันนี้ข้าจะเข้าไปให้ได้ แล้วจะทำอย่างไรเล่า?”

“หากท่านอยากจะให้เรื่องไปถึงฝ่าบาท จางหมิงไม่มีความสามารถอื่นใด แต่พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน”

“ไป!”

ฉินหมิงกวักมือเรียก นำฉางไป๋ซานเดินเข้าไปในพระราชวังต่อไป

ท่าทียั่วยุเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทะเลาะกับจางหมิงจนเรื่องไปถึงท้องพระโรง

จางหมิงแค่นเสียงเย็น ในใจแอบหัวเราะเยาะฉินหมิงที่ไม่รู้จักสถานการณ์

ฮ่องเต้เฉียนมีทัศนคติต่อฉินหมิงอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว

เขายังจะกล้าให้เรื่องไปถึงฮ่องเต้เฉียนอีกหรือ?

ขอเพียงแค่ไปถึงแล้ว ไม่ใช่แค่จางหมิงกับฮ่องเต้เฉียนเท่านั้น

เซียวซูเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย

รับรองได้เลยว่าจะทำให้เขาไม่ได้อยู่ดี ๆ แน่!

“ท่านแม่ทัพ พวกเรา...”

ลูกน้องสองสามคนเดินเข้ามาอย่างลังเล ถามจางหมิงว่าควรจะลงมือหรือไม่

จางหมิงโบกมือแล้วเอ่ยขึ้น

“เอาละ ไม่ต้องสนใจ ในเมื่อเขาอยากจะก่อเรื่อง พวกเราก็อยู่เป็นเพื่อนเขาก่อเรื่อง ทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตขึ้นจะดีที่สุด!”

เช่นนี้แล้ว ฉินหมิงภายใต้การ “คุ้มกัน” ของจางหมิง ก็เดินทางมาถึงนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

เซียวซูเฟย ฮ่องเต้เฉียน และเหล่าขุนนางต่างรอคอยการเข้ามาของกองคาราวานสินค้าหนานหยางอยู่ที่นี่นานแล้ว

แต่กองคาราวานสินค้าหนานหยางยังไม่มา ก็ได้เห็นเงาของฉินหมิงเสียก่อน

ฮ่องเต้เฉียนขมวดพระขนง

“ใครให้เขาเข้ามา?”

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉต่างก็ประหลาดใจอยู่บ้าง

เซียวซูเฟยจ้องมองจางหมิงด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ดูเหมือนกำลังตำหนิเขาว่าทำงานไม่ได้เรื่อง

จางหมิงรีบเดินเข้าไปข้างหน้า กล่าวเสียงเบาว่า

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทยืนกรานจะเข้ามาให้ได้ กระหม่อมได้ขัดขวางหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่ก็ขวางไว้ไม่อยู่...”

เซียวซูเฟยเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเจตนาของจางหมิง

นางรีบส่งสายตาให้บัณฑิตไท่ฉางชิวปิงอวิ๋นทันที

ชิวปิงอวิ๋นก้าวออกมาข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท การที่ฉินอ๋องจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ กระหม่อมเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงคิดเช่นนั้น

“ฉินหมิง เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

เหล่าขุนนางต่างก็มองฉินหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากฟังว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร

ฉินหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย

“เสด็จพ่อ การค้าขายของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็เป็นลูกที่เจรจาได้สำเร็จ เหตุใดเมื่อจัดงานเลี้ยง กลับไม่มีใครเรียกลูกเลย?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

เรื่องเช่นนี้ยังจะต้องพูดออกมาให้ชัดเจนอีกหรือ?

ฉินหมิงมิใช่องค์รัชทายาทแล้ว เรื่องของกองคาราวานสินค้าหนานหยางก็ได้ให้ผลประโยชน์แก่เขาเพียงพอแล้ว

ตามหลักแล้วราชสำนักกับเขาก็ไม่ติดค้างอะไรกัน

ในตอนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ หรือว่าเขาต้องการจะมาทวงบุญคุณต่อ?

เช่นนั้นแล้วการกระทำนี้ก็ช่างไร้ซึ่งมารยาทเสียจริง

เซียวซูเฟยเอ่ยปาก

“ฉินอ๋องกล่าวล้อเล่นแล้วเพคะ วันนี้ราชสำนักจัดเลี้ยงกองคาราวานสินค้าหนานหยาง และขุนนางที่เกี่ยวข้อง”

“ท่านกำลังจะเดินทางไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนาน ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ การมาร่วมงานเลี้ยงอีก เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”

ฉินหมิงพยักหน้า

“ท่านพูดถูกแล้ว ครั้งนี้ข้าก็มิได้มาเพราะราชสำนักจริง ๆ ”

“ว่ากระไรนะ?”

ทุกคนต่างมองเขาด้วยความสงสัย

ในตอนนี้เอง ตัวแทนหลายร้อยคนจากกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว

พวกเขาเอ่ยปาก

“ฝ่าบาทแห่งต้าเฉียน ฉินอ๋องเป็นคนที่พวกเราเชิญมาด้วยกัน”

“การประชันบทกวีและประลองยุทธ์ในวันนี้ พวกเราได้เชิญฉินอ๋องมาช่วยสักหน่อย คงจะไม่มีปัญหากระมัง?”

...

ฮ่องเต้เฉียนและเซียวซูเฟยต่างก็เงียบไป

จางหมิงที่เมื่อครู่ยังโหวกเหวกโวยวายจะให้เรื่องไปถึงฮ่องเต้เฉียน ในตอนนี้สีหน้าก็ดูย่ำแย่อย่างยิ่ง

เขาคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย

แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า วันนี้ฉินหมิงจะเข้ามาในฐานะตัวแทนของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง

อันที่จริงนี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก

คนของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง เดิมทีก็มีความไม่พอใจต่อราชสำนักต้าเฉียนอยู่หลายประการ

และฉินหมิงก็มีบารมีสูงส่งอย่างยิ่งในหมู่พวกเขา

จึงยืมตัวฉินหมิง เพื่อแสดงความไม่พอใจในการค้าขายครั้งนี้ของพวกเขา

“ดี ดี... ในเมื่อเป็นที่นั่งของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง เช่นนั้นก็เชิญนั่งเถิด”

ฮ่องเต้เฉียนจ้องมองฉินหมิงอย่างเย็นชา ในดวงตาเต็มไปด้วยความพิโรธ

วันนี้ฉินหมิงต่อให้ต้องอาศัยที่นั่งของกองคาราวานสินค้าหนานหยาง ก็จะต้องเข้ามาในตำหนักให้ได้

เห็นได้ชัดว่ามีแผนการบางอย่าง

ขุนนางไม่น้อยในที่นั้น ต่างได้กลิ่นที่ไม่ปกติบางอย่างแล้ว

ดูเหมือนว่างานเลี้ยงในวันนี้ คงจะต้องวุ่นวายขึ้นมาอีกแล้ว...
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status