Share

ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว
ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว
Author: หออักษร

บทที่ 1

Author: หออักษร
“เจ้าคอยช่วยงานราชการมาหลายปี แต่กลับผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างไร้ความสามารถเสียจริง!”

“ปีนี้แม้แต่บัญชีของกรมคลังก็ยังขาดดุล ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!”

“หากมอบแผ่นดินนี้ไว้ในมือเจ้า เราจะวางใจได้อย่างไร?”

เสียงตำหนิติเตียนประโยคแล้วประโยคเล่า ดังก้องอยู่ในหู

ฉินหมิงยืนนิ่งอยู่กลางท้องพระโรงจินหลวน

เหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่าง ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

บ้างก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บ้างก็ก้มหน้าถอนหายใจ

ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในหัว เขาทะลุมิติมาแล้ว

ชาติที่แล้ว เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาฟิสิกส์ อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเขียนบทความลงในวารสารชั้นนำ แต่กลับถูกอาจารย์ที่ปรึกษาขโมยผลงานไปเปลี่ยนชื่อผู้เขียน

ยื่นเรื่องร้องเรียนก็ไม่เป็นผล แถมยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด จนอายุสามสิบกว่าแล้วก็ยังเรียนไม่จบ

สุดท้ายก็เก็บความอัดอั้นตันใจไว้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนป่วยตายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

เมื่อมาถึงราชวงศ์ต้าเฉียน ในชาตินี้เขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้

ในฐานะผู้สืบทอดจักรวรรดิในอนาคต ชีวิตของเขาควรจะรุ่งโรจน์โชติช่วงและยิ่งใหญ่เกรียงไกร

แต่องค์รัชทายาทอย่างเขากลับแตกต่างออกไป เพราะมีเสด็จพ่อผู้ลำเอียงอยู่เบื้องบน

นับตั้งแต่ที่มารดาผู้ให้กำเนิดของฉินหมิงซึ่งเป็นฮองเฮาได้สิ้นพระชนม์ไป ฮ่องเต้เฉียนก็มอบความรักใคร่โปรดปรานทั้งหมดให้แก่เซียวซูเฟย

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ็ดปีก่อน

ในตอนนั้น โอรสของเซียวซูเฟย องค์ชายเก้าฉินเยว่ได้ประสูติ

แม้จะยังเยาว์วัย แต่ฮ่องเต้เฉียนกลับมอบทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะมอบให้ได้แก่เขา

ทันทีที่ประสูติ ฉินเยว่ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นจิ้นอ๋อง

ในบรรดาอ๋องทั้งหลาย ฉินและจิ้นถือเป็นบรรดาศักดิ์ที่สูงที่สุด

แม้จะเป็นองค์ชายลำดับที่เก้า แต่กลับได้ตำแหน่งจิ้นอ๋องที่เทียบเท่ากับฉินอ๋อง ซึ่งสามารถเทียบเคียงกับฉินหมิงผู้เป็นองค์รัชทายาทได้ แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่ฮ่องเต้เฉียนมีต่อเขาอย่างชัดเจน

เมื่อเทียบกันแล้ว

สถานการณ์ของฉินหมิงกลับยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ

หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นในสนามรบหรือในราชสำนัก เขาได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมายนับไม่ถ้วน แต่กลับถูกมองข้าม

แถมยังถูกจับผิดไปเสียทุกเรื่อง

หากมีข้อบกพร่องใด ๆ ก็จะถูกฮ่องเต้เฉียนตำหนิว่า เขาไร้คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง!

วันนี้ก็เช่นกัน ฮ่องเต้เฉียนทอดพระเนตรรายงานของกรมคลังปีนี้แล้ว ก็เริ่มตำหนิฉินหมิงทันที

พระองค์ทรงลืมไปแล้วว่าเงินที่ใช้ไปในปีนี้ คือการสร้างคลองเหนือใต้ และจัดตั้งกรมการค้าทางทะเลปั๋วซือ

เงินที่ได้จากการค้าทางทะเลในปีหน้า สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและพัฒนาของต้าเฉียนได้ถึงสามปี!

แต่เสด็จพ่อผู้ลำเอียงคนนี้ กลับมองแค่บัญชีของกรมคลังในปีนี้ แล้วรู้สึกว่าไม่ดีเท่าปีก่อน ๆ

จึงใช้โอกาสนี้ ตำหนิเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย

ดูเหมือนสถานการณ์ของเขาจะไม่สู้ดีนัก

ฉินหมิงเบ้ปาก

ทำไมถึงเป็นบทละครที่ต้องทำงานหนักฟรี ๆ แบบนี้อีกแล้ว?

ถูกเสด็จพ่อแบบนี้กดขี่มาหลายปี แต่ไม่ได้อะไรดี ๆ ตอบแทนสักอย่าง

เจ้าของร่างเดิมกลับยังทนได้

เป็นเต่าหรือไง?

แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว!

ได้เกิดใหม่ทั้งที ใครก็อย่าหวังว่าจะมากดขี่เขาได้อีก!

ทำหน้าบึ้งใส่เขาอย่างนั้นหรือ?

ขอโทษด้วย ข้าจะไม่รับใช้อีกต่อไปแล้ว!

ต่อไปนี้ข้าอยากทำอะไรก็จะทำ ใครจะพอใจหรือไม่พอใจก็ช่าง แค่ข้าพอใจก็พอ!

“ในเมื่อเสด็จพ่อทรงคิดว่าลูกไร้คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ไร้ความสามารถ ลูกเองก็รู้สึกว่ามิอาจแบกรับภาระบ้านเมืองอันใหญ่หลวงนี้ได้ เช่นนั้นก็ขอให้เสด็จพ่อส่งลูกไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ร่างกายของฮ่องเต้เฉียนแข็งทื่อไปชั่วขณะ ราวกับยังประมวลผลคำพูดของฉินหมิงไม่ทัน

แต่หลังจากนั้นก็ทรงกริ้วอย่างยิ่ง ชี้หน้าตำหนิว่า

“เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาท! นึกจะไปก็ไป เจ้าเห็นกฎเกณฑ์ของราชสำนักและกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่!?”

“ตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ? ลูกไม่ต้องการแล้ว!”

หากเป็นองค์รัชทายาทแล้ว ต้องทนกับเรื่องแย่ ๆ แบบนี้ทุกวัน

แล้วจะเป็นไปทำพระแสงอะไรกัน?

ให้องค์ชายเก้าสุดที่รักของท่านมาเป็นเถอะ!

“อะไรนะ!?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา เหล่าขุนนางต่างตกตะลึง!

อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าไม่สนใจธรรมเนียมระหว่างกษัตริย์และขุนนางอีกต่อไป รีบพุ่งไปข้างหน้าดึงฉินหมิงไว้

“องค์รัชทายาท อย่าทำอะไรตามอารมณ์เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉียนไฉเสนาบดีกรมคลังตัวสั่นเทา รีบกล่าวแก้ต่าง

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเพียงแค่พลั้งเผลอไปชั่วขณะ โปรดอย่าถือเป็นจริงเป็นจังเลยพ่ะย่ะค่ะ!”

หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทได้นำกรมคลังสร้างผลงานมามากมาย

ใครจะไปก็ได้ แต่เขาไปไม่ได้!

นอกจากพวกเขาแล้ว ขุนนางอีกหกกรมก็พากันก้าวออกมาขัดขวาง

ฮ่องเต้เฉียนแค่นเสียงเย็น

ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แสดงท่าทีของประมุขในระบอบศักดินา

“ฉินหมิง หากเจ้ากลับไปกักบริเวณสามเดือน สำนึกผิดดี ๆ เราจะถือว่าเมื่อครู่เจ้าเพียงแค่พลั้งปากไป!”

เมื่อเห็นฮ่องเต้เฉียนตรัสเช่นนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ฉินหมิงกลับส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“เสด็จพ่อ ลูกพูดคำไหนคำนั้น องค์รัชทายาทนี้ ลูกไม่เป็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ! คิดว่าเราไม่กล้าปลดเจ้าออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนรู้สึกว่าถูกลบหลู่พระเกียรติ ทรงตบโต๊ะเบื้องหน้าอย่างแรง แล้วตวาดเสียงดังลั่น!

“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยเสด็จพ่อ โปรดออกราชโองการมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินหมิงโค้งคำนับ แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

ทันใดนั้น เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“จริงสิ ตามกฎหมายของต้าเฉียน ผู้ที่ไม่ใช่องค์รัชทายาท ก็ไม่มีสิทธิ์ยืนอยู่ในท้องพระโรงจินหลวนแห่งนี้เพื่อช่วยเหลืองานราชการแล้ว ลูกขอทูลลา”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามอง

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

องค์รัชทายาทผู้ที่เคยซื่อสัตย์ภักดีมาตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้!

ขุนนางจำนวนมากรีบวิ่งออกไปขวางอยู่ที่ประตูท้องพระโรงจินหลวน

“องค์รัชทายาท ท่านไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งในและนอกท้องพระโรงจินหลวนเกิดความโกลาหล

ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนยิ่งทรงกริ้ว ตวาดใส่ฉินหมิงที่ถูกขวางอยู่ที่หน้าประตูไกล ๆ ว่า

“กำเริบเสิบสานนัก! ฉินหมิง เจ้าจะไปก็ได้ แต่ถ้าไปแล้ว ก็อย่าได้กลับมาอีกเลย!”

เสียงตวาดดังลั่น ทำให้ทุกคนใน ณ ทีนี้ตกใจจนเงียบลงในทันที

ฉินหมิงหันกลับมา จ้องมองไปยังเสด็จพ่อผู้ลำเอียงที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า

“ลูกน้อมรับพระบัญชา!”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ทิ้งให้ฮ่องเต้เฉียนผู้ที่กริ้วจนหน้าแดงก่ำประทับอยู่ในท้องพระโรง

เหล่าขุนนางรายล้อมอยู่รอบกายพยายามทัดทานไม่หยุด ถึงขนาดเดินตามเขาออกไปจากท้องพระโรง

ปลายระเบียงทางเดินนอกพระราชวัง ร่างหนึ่งพลันวิ่งมาจากที่ไกล ๆ

ด้านหลังของนาง มีขันทีและนางกำนัลนับสิบคนที่หน้าตาตื่นตระหนกตามมา

“พระสนม...”

เมื่อเหล่าขุนนางเห็นผู้มาเยือน ในใจก็พลันหนักอึ้ง

เซียวซูเฟย!

“องค์รัชทายาท บนบ่าของท่านแบกรับภาระบ้านเมืองเอาไว้ จะไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อเซียวซูเฟยเห็นฉินหมิง ก็รีบขวางเขาไว้ทันที

ภาพนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยอย่างยิ่ง

หลายปีมานี้ใครบ้างจะไม่รู้

ฮ่องเต้เฉียนทรงเข้มงวดกับองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ก็ล้วนเป็นเพราะเซียวซูเฟยและองค์ชายเก้าวัยเจ็ดขวบผู้นั้น

สองแม่ลูกเฝ้าคิดฝันทั้งวันทั้งคืนว่า จะทำอย่างไรจึงจะได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทมาไว้ในมือ

การที่ฉินหมิงสละตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยตนเอง ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดย่อมเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย

เหตุใดตอนนี้จึงยังมาขัดขวาง?

“เสแสร้งได้เหมือนจริงนัก ในเมื่อเป็นการขอโทษ เหตุใดไม่โขกหัวให้ข้าสักทีล่ะ?”

ฉินหมิงบ่นพึมพำในใจ ปากก็ไม่ยอมแพ้ กำลังจะอ้าปากด่าสักสองสามคำเพื่อระบายอารมณ์

แต่ใครจะคาดคิดว่า เกิดเสียงตุบดังขึ้น เซียวซูเฟยคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหมิงจริง ๆ !

“หม่อมฉันรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้ มีเรื่องที่ทำผิดพลาดไปบ้าง แต่นั่นไม่เกี่ยวกับฝ่าบาท องค์รัชทายาทไยต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยเล่า!”

“ถือว่าหม่อมฉันขอร้องเถิดเพคะ ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ระหว่างพ่อลูก จะมีเรื่องบาดหมางกันข้ามคืนได้อย่างไร?”

“พระสนม ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“อ้ายเฟย!”

เหล่าขุนนางรีบวิ่งเข้ามา หมายจะประคองเซียวซูเฟยให้ลุกขึ้น

แม้แต่ฮ่องเต้เฉียนที่ประทับอยู่ในท้องพระโรงจินหลวน ก็ทรงลุกจากบัลลังก์ แล้วรีบวิ่งออกมาจากท้องพระโรง

“จบสิ้นแล้ว”

ท่ามกลางฝูงชน เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉต่างหลับตาด้วยความเจ็บปวด

ในขณะนี้ พวกเขาถึงได้เข้าใจวัตถุประสงค์ที่เซียวซูเฟยมาที่นี่

การคุกเข่าของเซียวซูเฟยครั้งนี้ เป็นการมัดมือชกฉินหมิงอย่างแท้จริง

ต่อให้เขาไม่อยากไป ฮ่องเต้เฉียนก็จะไม่ยอมแล้ว!

สตรีใจคอโหดเหี้ยมผู้นี้!

ฉินหมิงมองเซียวซูเฟยที่กำลังแสดงละครฉากใหญ่อยู่เบื้องหน้า แล้วส่ายศีรษะเบา ๆ

แม้แต่ตอนที่เขาจะออกจากราชสำนักไป นางก็ยังจะใช้ประโยชน์ให้ถึงที่สุด มาแสดงละครฉากนี้ เพื่อแสร้งทำเป็นสตรีที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์อีกหรือ?

ดูเหมือนว่า การตัดสินใจออกจากราชสำนักของเขานั้นถูกต้องแล้ว

ส่วนนางอยากจะคุกเข่า เช่นนั้นก็คุกเข่าอยู่ตรงนี้ต่อไปเถอะ

นางสมควรจะยอมรับผิดกับตนบ้าง

“พอแล้ว ยังจะมาแสดงละครอะไรกับข้าอีก? หรือว่ากำลังรอให้เสด็จพ่อมาพยุงท่านล่ะ?”

ฉินหมิงก้มหน้าลง กระซิบข้างหูเซียวซูเฟยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของนางก็หรี่ลง แล้วเงยหน้าจ้องมองฉินหมิงทันที

เห็นเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อยที่มุมปากของฉินหมิง กำลังจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ

สิ่งนี้ทำให้เซียวซูเฟยรู้สึกระแวงอย่างมาก

นางสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวง!

องค์รัชทายาทที่เคยโอบอ้อมอารีมาตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้พูดจาเชือดเฉือนเช่นนี้?

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“อ้ายเฟย ลุกขึ้นเถิด!”

“เจ้าจะคุกเข่าให้เจ้าลูกทรพีนี่ได้อย่างไร!”

ฮ่องเต้เฉียนเสด็จมาถึงข้างกายเซียวซูเฟย แล้วประคองนางขึ้นมา

จากนั้นก็หันไปมองฉินหมิงด้วยความโกรธ

“เจ้าลูกอกตัญญู! กุ้ยเฟยคุกเข่าต่อหน้าเจ้าแล้ว เจ้ากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย!”

“ดี เราจะทำให้เจ้าสมหวัง!”

“ถ่ายทอดราชโองการของเรา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ถอดถอนตำแหน่งองค์รัชทายาทของฉินอ๋อง และส่งไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนาน!”

“ฝ่าบาท!!”

เฉินซื่อเม่าคุกเข่าลงเสียงดังตุบต่อหน้าฮ่องเต้เฉียนทันที

“องค์รัชทายาทจะไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระองค์จะต้องเสียพระทัย!”

“เราไม่มีวันเสียใจ!”

ฮ่องเต้เฉียนจ้องมองฉินหมิงด้วยความรังเกียจแวบหนึ่ง แล้วก้มลงปลอบโยนเซียวซูเฟย

ท่าทางที่ห่วงใยและทะนุถนอมอย่างยิ่งนั้น ทำให้ในใจของฉินหมิงรู้สึกดูแคลน

ฮ่องเต้เฒ่าไร้สมอง ไม่ช้าก็เร็วคงได้ตายอยู่ใต้กระโปรงสตรี!

ฉินหมิงแค่นเสียงเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกก็ไม่มีวันเสียใจเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status