共有

ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว
ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว
作者: หออักษร

บทที่ 1

作者: หออักษร
“เจ้าคอยช่วยงานราชการมาหลายปี แต่กลับผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างไร้ความสามารถเสียจริง!”

“ปีนี้แม้แต่บัญชีของกรมคลังก็ยังขาดดุล ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!”

“หากมอบแผ่นดินนี้ไว้ในมือเจ้า เราจะวางใจได้อย่างไร?”

เสียงตำหนิติเตียนประโยคแล้วประโยคเล่า ดังก้องอยู่ในหู

ฉินหมิงยืนนิ่งอยู่กลางท้องพระโรงจินหลวน

เหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่าง ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

บ้างก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บ้างก็ก้มหน้าถอนหายใจ

ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในหัว เขาทะลุมิติมาแล้ว

ชาติที่แล้ว เขาเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาฟิสิกส์ อุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเขียนบทความลงในวารสารชั้นนำ แต่กลับถูกอาจารย์ที่ปรึกษาขโมยผลงานไปเปลี่ยนชื่อผู้เขียน

ยื่นเรื่องร้องเรียนก็ไม่เป็นผล แถมยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด จนอายุสามสิบกว่าแล้วก็ยังเรียนไม่จบ

สุดท้ายก็เก็บความอัดอั้นตันใจไว้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนป่วยตายอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

เมื่อมาถึงราชวงศ์ต้าเฉียน ในชาตินี้เขาคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้

ในฐานะผู้สืบทอดจักรวรรดิในอนาคต ชีวิตของเขาควรจะรุ่งโรจน์โชติช่วงและยิ่งใหญ่เกรียงไกร

แต่องค์รัชทายาทอย่างเขากลับแตกต่างออกไป เพราะมีเสด็จพ่อผู้ลำเอียงอยู่เบื้องบน

นับตั้งแต่ที่มารดาผู้ให้กำเนิดของฉินหมิงซึ่งเป็นฮองเฮาได้สิ้นพระชนม์ไป ฮ่องเต้เฉียนก็มอบความรักใคร่โปรดปรานทั้งหมดให้แก่เซียวซูเฟย

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ็ดปีก่อน

ในตอนนั้น โอรสของเซียวซูเฟย องค์ชายเก้าฉินเยว่ได้ประสูติ

แม้จะยังเยาว์วัย แต่ฮ่องเต้เฉียนกลับมอบทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะมอบให้ได้แก่เขา

ทันทีที่ประสูติ ฉินเยว่ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นจิ้นอ๋อง

ในบรรดาอ๋องทั้งหลาย ฉินและจิ้นถือเป็นบรรดาศักดิ์ที่สูงที่สุด

แม้จะเป็นองค์ชายลำดับที่เก้า แต่กลับได้ตำแหน่งจิ้นอ๋องที่เทียบเท่ากับฉินอ๋อง ซึ่งสามารถเทียบเคียงกับฉินหมิงผู้เป็นองค์รัชทายาทได้ แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานที่ฮ่องเต้เฉียนมีต่อเขาอย่างชัดเจน

เมื่อเทียบกันแล้ว

สถานการณ์ของฉินหมิงกลับยากลำบากขึ้นเรื่อย ๆ

หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นในสนามรบหรือในราชสำนัก เขาได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมายนับไม่ถ้วน แต่กลับถูกมองข้าม

แถมยังถูกจับผิดไปเสียทุกเรื่อง

หากมีข้อบกพร่องใด ๆ ก็จะถูกฮ่องเต้เฉียนตำหนิว่า เขาไร้คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง!

วันนี้ก็เช่นกัน ฮ่องเต้เฉียนทอดพระเนตรรายงานของกรมคลังปีนี้แล้ว ก็เริ่มตำหนิฉินหมิงทันที

พระองค์ทรงลืมไปแล้วว่าเงินที่ใช้ไปในปีนี้ คือการสร้างคลองเหนือใต้ และจัดตั้งกรมการค้าทางทะเลปั๋วซือ

เงินที่ได้จากการค้าทางทะเลในปีหน้า สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและพัฒนาของต้าเฉียนได้ถึงสามปี!

แต่เสด็จพ่อผู้ลำเอียงคนนี้ กลับมองแค่บัญชีของกรมคลังในปีนี้ แล้วรู้สึกว่าไม่ดีเท่าปีก่อน ๆ

จึงใช้โอกาสนี้ ตำหนิเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย

ดูเหมือนสถานการณ์ของเขาจะไม่สู้ดีนัก

ฉินหมิงเบ้ปาก

ทำไมถึงเป็นบทละครที่ต้องทำงานหนักฟรี ๆ แบบนี้อีกแล้ว?

ถูกเสด็จพ่อแบบนี้กดขี่มาหลายปี แต่ไม่ได้อะไรดี ๆ ตอบแทนสักอย่าง

เจ้าของร่างเดิมกลับยังทนได้

เป็นเต่าหรือไง?

แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว!

ได้เกิดใหม่ทั้งที ใครก็อย่าหวังว่าจะมากดขี่เขาได้อีก!

ทำหน้าบึ้งใส่เขาอย่างนั้นหรือ?

ขอโทษด้วย ข้าจะไม่รับใช้อีกต่อไปแล้ว!

ต่อไปนี้ข้าอยากทำอะไรก็จะทำ ใครจะพอใจหรือไม่พอใจก็ช่าง แค่ข้าพอใจก็พอ!

“ในเมื่อเสด็จพ่อทรงคิดว่าลูกไร้คุณธรรมไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ไร้ความสามารถ ลูกเองก็รู้สึกว่ามิอาจแบกรับภาระบ้านเมืองอันใหญ่หลวงนี้ได้ เช่นนั้นก็ขอให้เสด็จพ่อส่งลูกไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ร่างกายของฮ่องเต้เฉียนแข็งทื่อไปชั่วขณะ ราวกับยังประมวลผลคำพูดของฉินหมิงไม่ทัน

แต่หลังจากนั้นก็ทรงกริ้วอย่างยิ่ง ชี้หน้าตำหนิว่า

“เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาท! นึกจะไปก็ไป เจ้าเห็นกฎเกณฑ์ของราชสำนักและกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่!?”

“ตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ? ลูกไม่ต้องการแล้ว!”

หากเป็นองค์รัชทายาทแล้ว ต้องทนกับเรื่องแย่ ๆ แบบนี้ทุกวัน

แล้วจะเป็นไปทำพระแสงอะไรกัน?

ให้องค์ชายเก้าสุดที่รักของท่านมาเป็นเถอะ!

“อะไรนะ!?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา เหล่าขุนนางต่างตกตะลึง!

อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าไม่สนใจธรรมเนียมระหว่างกษัตริย์และขุนนางอีกต่อไป รีบพุ่งไปข้างหน้าดึงฉินหมิงไว้

“องค์รัชทายาท อย่าทำอะไรตามอารมณ์เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉียนไฉเสนาบดีกรมคลังตัวสั่นเทา รีบกล่าวแก้ต่าง

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเพียงแค่พลั้งเผลอไปชั่วขณะ โปรดอย่าถือเป็นจริงเป็นจังเลยพ่ะย่ะค่ะ!”

หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทได้นำกรมคลังสร้างผลงานมามากมาย

ใครจะไปก็ได้ แต่เขาไปไม่ได้!

นอกจากพวกเขาแล้ว ขุนนางอีกหกกรมก็พากันก้าวออกมาขัดขวาง

ฮ่องเต้เฉียนแค่นเสียงเย็น

ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แสดงท่าทีของประมุขในระบอบศักดินา

“ฉินหมิง หากเจ้ากลับไปกักบริเวณสามเดือน สำนึกผิดดี ๆ เราจะถือว่าเมื่อครู่เจ้าเพียงแค่พลั้งปากไป!”

เมื่อเห็นฮ่องเต้เฉียนตรัสเช่นนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ฉินหมิงกลับส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

“เสด็จพ่อ ลูกพูดคำไหนคำนั้น องค์รัชทายาทนี้ ลูกไม่เป็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ! คิดว่าเราไม่กล้าปลดเจ้าออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทจริง ๆ หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนรู้สึกว่าถูกลบหลู่พระเกียรติ ทรงตบโต๊ะเบื้องหน้าอย่างแรง แล้วตวาดเสียงดังลั่น!

“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยเสด็จพ่อ โปรดออกราชโองการมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินหมิงโค้งคำนับ แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

ทันใดนั้น เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“จริงสิ ตามกฎหมายของต้าเฉียน ผู้ที่ไม่ใช่องค์รัชทายาท ก็ไม่มีสิทธิ์ยืนอยู่ในท้องพระโรงจินหลวนแห่งนี้เพื่อช่วยเหลืองานราชการแล้ว ลูกขอทูลลา”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามอง

ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

องค์รัชทายาทผู้ที่เคยซื่อสัตย์ภักดีมาตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้!

ขุนนางจำนวนมากรีบวิ่งออกไปขวางอยู่ที่ประตูท้องพระโรงจินหลวน

“องค์รัชทายาท ท่านไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งในและนอกท้องพระโรงจินหลวนเกิดความโกลาหล

ในพระทัยของฮ่องเต้เฉียนยิ่งทรงกริ้ว ตวาดใส่ฉินหมิงที่ถูกขวางอยู่ที่หน้าประตูไกล ๆ ว่า

“กำเริบเสิบสานนัก! ฉินหมิง เจ้าจะไปก็ได้ แต่ถ้าไปแล้ว ก็อย่าได้กลับมาอีกเลย!”

เสียงตวาดดังลั่น ทำให้ทุกคนใน ณ ทีนี้ตกใจจนเงียบลงในทันที

ฉินหมิงหันกลับมา จ้องมองไปยังเสด็จพ่อผู้ลำเอียงที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า

“ลูกน้อมรับพระบัญชา!”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ทิ้งให้ฮ่องเต้เฉียนผู้ที่กริ้วจนหน้าแดงก่ำประทับอยู่ในท้องพระโรง

เหล่าขุนนางรายล้อมอยู่รอบกายพยายามทัดทานไม่หยุด ถึงขนาดเดินตามเขาออกไปจากท้องพระโรง

ปลายระเบียงทางเดินนอกพระราชวัง ร่างหนึ่งพลันวิ่งมาจากที่ไกล ๆ

ด้านหลังของนาง มีขันทีและนางกำนัลนับสิบคนที่หน้าตาตื่นตระหนกตามมา

“พระสนม...”

เมื่อเหล่าขุนนางเห็นผู้มาเยือน ในใจก็พลันหนักอึ้ง

เซียวซูเฟย!

“องค์รัชทายาท บนบ่าของท่านแบกรับภาระบ้านเมืองเอาไว้ จะไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?”

เมื่อเซียวซูเฟยเห็นฉินหมิง ก็รีบขวางเขาไว้ทันที

ภาพนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยอย่างยิ่ง

หลายปีมานี้ใครบ้างจะไม่รู้

ฮ่องเต้เฉียนทรงเข้มงวดกับองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ก็ล้วนเป็นเพราะเซียวซูเฟยและองค์ชายเก้าวัยเจ็ดขวบผู้นั้น

สองแม่ลูกเฝ้าคิดฝันทั้งวันทั้งคืนว่า จะทำอย่างไรจึงจะได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทมาไว้ในมือ

การที่ฉินหมิงสละตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยตนเอง ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดย่อมเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย

เหตุใดตอนนี้จึงยังมาขัดขวาง?

“เสแสร้งได้เหมือนจริงนัก ในเมื่อเป็นการขอโทษ เหตุใดไม่โขกหัวให้ข้าสักทีล่ะ?”

ฉินหมิงบ่นพึมพำในใจ ปากก็ไม่ยอมแพ้ กำลังจะอ้าปากด่าสักสองสามคำเพื่อระบายอารมณ์

แต่ใครจะคาดคิดว่า เกิดเสียงตุบดังขึ้น เซียวซูเฟยคุกเข่าลงต่อหน้าฉินหมิงจริง ๆ !

“หม่อมฉันรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้ มีเรื่องที่ทำผิดพลาดไปบ้าง แต่นั่นไม่เกี่ยวกับฝ่าบาท องค์รัชทายาทไยต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยเล่า!”

“ถือว่าหม่อมฉันขอร้องเถิดเพคะ ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ระหว่างพ่อลูก จะมีเรื่องบาดหมางกันข้ามคืนได้อย่างไร?”

“พระสนม ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“อ้ายเฟย!”

เหล่าขุนนางรีบวิ่งเข้ามา หมายจะประคองเซียวซูเฟยให้ลุกขึ้น

แม้แต่ฮ่องเต้เฉียนที่ประทับอยู่ในท้องพระโรงจินหลวน ก็ทรงลุกจากบัลลังก์ แล้วรีบวิ่งออกมาจากท้องพระโรง

“จบสิ้นแล้ว”

ท่ามกลางฝูงชน เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉต่างหลับตาด้วยความเจ็บปวด

ในขณะนี้ พวกเขาถึงได้เข้าใจวัตถุประสงค์ที่เซียวซูเฟยมาที่นี่

การคุกเข่าของเซียวซูเฟยครั้งนี้ เป็นการมัดมือชกฉินหมิงอย่างแท้จริง

ต่อให้เขาไม่อยากไป ฮ่องเต้เฉียนก็จะไม่ยอมแล้ว!

สตรีใจคอโหดเหี้ยมผู้นี้!

ฉินหมิงมองเซียวซูเฟยที่กำลังแสดงละครฉากใหญ่อยู่เบื้องหน้า แล้วส่ายศีรษะเบา ๆ

แม้แต่ตอนที่เขาจะออกจากราชสำนักไป นางก็ยังจะใช้ประโยชน์ให้ถึงที่สุด มาแสดงละครฉากนี้ เพื่อแสร้งทำเป็นสตรีที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์อีกหรือ?

ดูเหมือนว่า การตัดสินใจออกจากราชสำนักของเขานั้นถูกต้องแล้ว

ส่วนนางอยากจะคุกเข่า เช่นนั้นก็คุกเข่าอยู่ตรงนี้ต่อไปเถอะ

นางสมควรจะยอมรับผิดกับตนบ้าง

“พอแล้ว ยังจะมาแสดงละครอะไรกับข้าอีก? หรือว่ากำลังรอให้เสด็จพ่อมาพยุงท่านล่ะ?”

ฉินหมิงก้มหน้าลง กระซิบข้างหูเซียวซูเฟยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของนางก็หรี่ลง แล้วเงยหน้าจ้องมองฉินหมิงทันที

เห็นเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อยที่มุมปากของฉินหมิง กำลังจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ

สิ่งนี้ทำให้เซียวซูเฟยรู้สึกระแวงอย่างมาก

นางสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวง!

องค์รัชทายาทที่เคยโอบอ้อมอารีมาตลอด เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้พูดจาเชือดเฉือนเช่นนี้?

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“อ้ายเฟย ลุกขึ้นเถิด!”

“เจ้าจะคุกเข่าให้เจ้าลูกทรพีนี่ได้อย่างไร!”

ฮ่องเต้เฉียนเสด็จมาถึงข้างกายเซียวซูเฟย แล้วประคองนางขึ้นมา

จากนั้นก็หันไปมองฉินหมิงด้วยความโกรธ

“เจ้าลูกอกตัญญู! กุ้ยเฟยคุกเข่าต่อหน้าเจ้าแล้ว เจ้ากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย!”

“ดี เราจะทำให้เจ้าสมหวัง!”

“ถ่ายทอดราชโองการของเรา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ถอดถอนตำแหน่งองค์รัชทายาทของฉินอ๋อง และส่งไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนาน!”

“ฝ่าบาท!!”

เฉินซื่อเม่าคุกเข่าลงเสียงดังตุบต่อหน้าฮ่องเต้เฉียนทันที

“องค์รัชทายาทจะไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระองค์จะต้องเสียพระทัย!”

“เราไม่มีวันเสียใจ!”

ฮ่องเต้เฉียนจ้องมองฉินหมิงด้วยความรังเกียจแวบหนึ่ง แล้วก้มลงปลอบโยนเซียวซูเฟย

ท่าทางที่ห่วงใยและทะนุถนอมอย่างยิ่งนั้น ทำให้ในใจของฉินหมิงรู้สึกดูแคลน

ฮ่องเต้เฒ่าไร้สมอง ไม่ช้าก็เร็วคงได้ตายอยู่ใต้กระโปรงสตรี!

ฉินหมิงแค่นเสียงเย็น กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ ลูกก็ไม่มีวันเสียใจเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status