Share

บทที่ 2

Author: หออักษร
“ทุกท่านอย่าได้ขัดขวางเลย ขุนเขาและสายน้ำยังมีวันบรรจบกัน วันหน้าย่อมมีโอกาสได้พบกัน ขอให้เป็นไปตามนี้เถิด”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ก้าวออกจากพระราชวังไป

เมื่อมองแผ่นหลังที่แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวนี้

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉ รวมถึงกลุ่มขุนนางตงฉินอีกหลายคนต่างเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ขอบตาแดงก่ำ

ส่วนขุนนางบางคน สายตากลับเปล่งประกาย ในใจรู้สึกยินดี

เมื่อองค์รัชทายาทจากไป ในราชสำนักนี้ ก็เท่ากับศัตรูคู่อาฆาตลดลงไปหนึ่งคน

ชีวิตของพวกเขาก็จะสบายขึ้นอีกมาก!

เซียวซูเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้เฉียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่แสดงอาการเสียใจใด ๆ ให้เห็น

ตรงกันข้าม กลับมีความรู้สึกโล่งใจราวกับแผนการอันชั่วร้ายสำเร็จลุล่วง

นางรอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว!

เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย เส้นทางในอนาคตของเจ้าเก้าย่อมราบรื่นไร้อุปสรรค!

“กรมพิธีการ ร่างราชโองการ!”

ฮ่องเต้เฉียนเสด็จกลับมายังท้องพระโรง และมีรับสั่งโดยตรง

“ในเมื่อมิใช่องค์รัชทายาทแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ต้องมีผู้ใดไปส่ง!”

ฉินหมิงเป็นถึงองค์ชาย ตามราชประเพณีแล้ว การเดินทางไปยังที่ดินศักดินาเพื่อรักษาการณ์ชายแดนนั้น จำเป็นต้องมีขุนนางไปส่ง

แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฮ่องเต้เฉียนกำลังพิโรธอย่างหนัก

จึงทรงตัดสินเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ไม่ประสงค์จะมอบเกียรติตามราชประเพณีให้แก่ฉินหมิงอีกต่อไป

โจวหลี่เสนาบดีกรมพิธีการเป็นศัตรูคู่อาฆาตของฉินหมิง ทั้งสองคนบาดหมางกันมานาน

เมื่อได้รับคำสั่ง เขาก็รีบก้าวออกมากล่าวว่า

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

แต่แล้วเขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

จึงรีบกล่าวต่อ

“จริงสิฝ่าบาท บุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยกำลังจะอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทในเร็ว ๆ นี้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? เรื่องนี้ควรจะจัดการโดยเร็วที่สุดหรือไม่?”

หลิวอวิ๋นปัวรองเสนาบดีกรมกลาโหมเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท ผู้ที่ท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยได้รับพระราชทานสมรสด้วยคือองค์รัชทายาทของราชวงศ์ แต่บัดนี้องค์ชายมิได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว กระหม่อมเห็นว่า ควรจะยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพใหญ่อู่เวยเป็นยอดขุนพลของราชวงศ์ต้าเฉียน นามว่ากวนเจิ้นซาน

แต่เขาได้เสียชีวิตในสนามรบขณะปกป้องชายแดนทางเหนือ เพื่อต้านทานการรุกรานของแคว้นเหลียว

เพื่อเป็นการปลอบขวัญครอบครัวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวย

ฮ่องเต้เฉียนจึงโยนภาระดูแลเหล่าเด็กกำพร้าและแม่ม่ายนี้ให้กับฉินหมิง

นี่นับเป็นงานที่ยากลำบากอีกหนึ่งงาน

การแต่งงานของผู้อื่น ล้วนแต่หาตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพล เพื่อจะได้ช่วยสนับสนุนองค์รัชทายาทให้ขึ้นสู่บัลลังก์ได้

พอถึงคราวของฉินหมิง เขากลับต้องมารับผิดชอบภาระของราชวงศ์แทน

บุญคุณครั้งนี้ คือสิ่งที่ฮ่องเต้เฉียนทรงมอบให้ตระกูลกวน

เมื่อราษฎรและเหล่าขุนนางเห็นว่าแม่ทัพใหญ่อู่เวยสละชีพเพื่อชาติ และตระกูลกวนก็ได้รับการจัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเหมาะสม พวกเขาต่างพากันสรรเสริญฮ่องเต้

แต่ผู้ที่ต้องเสียสละคือฉินหมิง

หลายคนรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นองค์รัชทายาท ก็ยิ่งไม่เหมาะสม

แต่ฮ่องเต้เฉียนไม่ได้สนพระทัยมากนัก ภายใต้คำกระซิบกระซาบข้างแท่นบรรทมของเซียวซูเฟย เรื่องนี้จึงถูกผลักดันอย่างรวดเร็ว

เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามวัน ก็จะถึงวันอภิเษกสมรสระหว่างฉินหมิงและบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยแล้ว

“บุตรสาวของตระกูลกวนผู้นั้น...”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้เฉียนก็ขมวดพระขนงเล็กน้อย ราวกับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก

เซียวซูเฟยที่ประทับอยู่ข้าง ๆ กลับแสดงสีหน้ากังวล

เดิมทีการพระราชทานสมรสครั้งนี้ให้ฉินหมิง ก็เพื่อตัดหนทางไม่ให้เขาได้รับการสนับสนุนใด ๆ จากการสมรสนี้

หากปล่อยให้เขามีโอกาสอื่นอีก เจ้าเด็กนี่อาจจะผูกสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่บางตระกูลได้

นั่นย่อมเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อโอรสของนางอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวซูเฟยจึงรีบส่งสายตาให้ขุนนางสองสามคนที่อยู่เบื้องล่าง

จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการซึ่งเป็นคนของเซียวซูเฟย ก้าวออกมากล่าวว่า

“ฝ่าบาท การพระราชทานสมรสเป็นเรื่องใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

“บัดนี้ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างชื่นชมยินดี ราษฎรนับหมื่นต่างยกย่องสรรเสริญฝ่าบาท ชื่นชมที่ท่านทรงเมตตาต่อเหล่าทหารที่บาดเจ็บ และทรงมีพระกรุณาต่อสตรีในตระกูลกวนอย่างยิ่ง!”

“บัดนี้เพียงเพราะฐานะขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป ก็จะยกเลิกการสมรส เช่นนี้จะไม่ทำให้ทั่วหล้าหัวเราะเยาะราชสำนักของพวกเราหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ฟังดังนั้น ฮ่องเต้เฉียนก็พยักพระพักตร์เห็นด้วยทันที

แต่เฉียนไฉเสนาบดีกรมคลังกลับก้าวออกมา กล่าวด้วยความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายถูกส่งไปรักษาการณ์ชายแดนแล้ว การสมรสครั้งนี้จะนับว่าเป็นจริงได้อย่างไร? หรือจะให้พวกเขาทั้งสองคนแต่งงานกันแล้วต้องแยกจากกันไปคนละทิศคนละทาง?”

“ถึงเวลานั้น เกรงว่าสถานการณ์ของตระกูลกวนก็คงจะไม่ดีนัก แถมยังจะทำให้เกิดคำครหานินทาอีกมากมาย!”

ฮ่องเต้เฉียนเริ่มมีโทสะ

ทรงตบโต๊ะอย่างแรงและตวาดเสียงดังลั่น

“สารเลว จะทำก็ไม่ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้! พวกเจ้าบอกมาสิว่าควรจะทำอย่างไร!?”

เซียวซูเฟยรีบเดินเข้าไป ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ฝ่าบาท ไยต้องลำบากเช่นนี้ด้วยเพคะ ให้ฉินหมิงเป็นคนเลือกเองก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนทรงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตบพระหัตถ์แล้วตรัสว่า

“ใช่แล้ว ให้เจ้าลูกทรพีนั่นเลือกเอง!”

“ต่อไปอย่าได้นำเรื่องของเขามารบกวนเราอีก!”

...

ในท้องพระโรง ทุกคนต่างมองไปที่เซียวซูเฟยด้วยความคิดที่แตกต่างกันไป

สตรีใจคอโหดเหี้ยมผู้นี้!

นี่คือการบีบให้ฉินหมิง ต้องเป็นฝ่ายยกเลิกการสมรสกับตระกูลกวนที่เปรียบเสมือนภาระอันไร้ประโยชน์นี้ด้วยตัวเอง!

ใคร ๆ ก็รู้ว่าตระกูลกวนไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อฉินหมิง แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็เสียชีวิตไปแล้ว

อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตระกูลกวนก็จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว

จะยังสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัย

หากยอมรับการแต่งงาน ตำแหน่งภรรยาเอกของฉินหมิงก็จะถูกจับจองไป

หลังจากนั้นหากเขาจะแต่งงานอีก ก็ทำได้เพียงรับอนุภรรยา...

ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลใดยอมให้บุตรสาวผู้สูงศักดิ์ของตน ต้องลดตัวไปเป็นอนุภรรยา

เช่นนั้นแล้ว ฉินหมิงก็จะหมดหนทางที่จะได้รับทรัพยากรสนับสนุนในราชสำนักจากวิธีนี้

แต่หากฉินหมิงปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้

ฮ่องเต้เฉียนก็ยังคงรักษาชื่อเสียงที่ดีงามของพระองค์ไว้ได้

ส่วนคำครหา ก็จะเป็นฉินหมิงที่ต้องแบกรับไว้!

“ช่างเป็นแผนการที่อำมหิตนัก...!”

เฉินซื่อเม่ากำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เฉียนไฉและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เซียวซูเฟยอย่างล้ำลึก

มีสตรีผู้นี้อยู่ข้างกายฮ่องเต้เฉียน การที่องค์รัชทายาทจากไป อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเสมอไป

หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว

ไม่นานนัก ขุนนางสองสามคนก็เดินทางมายังตระกูลกวนหลังเลิกประชุมราชสำนัก

อันที่จริงกวนเจิ้นซานมีบุตรชายสามคนและบุตรสาวหนึ่งคน

แต่บุตรชายทั้งสามคน ล้วนเสียชีวิตในสนามรบ

ทำให้ภายในจวนตระกูลกวนอันกว้างใหญ่ แทบจะเหลือแต่สตรี

นางเฉินฮูหยินใหญ่ของตระกูลกวน กำลังนั่งอยู่ในเรือน

ทานขนมอยู่กับคุณหนูใหญ่กวนเยว่ และสาวใช้สองสามคน

“ฮูหยิน เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉมาขอรับ”

บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา รายงานเรื่องนี้ให้ทั้งสองคนทราบ

“พวกเขามาทำอะไร?”

กวนเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย บนใบหน้าที่งดงามล่มเมือง พลันเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

นางไม่ชอบการสมรสที่ราชสำนักหยิบยื่นให้ราวกับเป็นการบริจาคให้ทาน

“ให้พวกเขาเข้ามาข้างในก่อนเถิด”

นางเฉินสั่งการช้า ๆ ไม่นานเฉียนไฉและเฉินซื่อเม่าก็เดินเข้ามาในเรือน

“ทั้งสองท่าน แย่แล้ว! เมื่อไม่กี่วันก่อน องค์รัชทายาททรงทำให้ฝ่าบาทพิโรธในท้องพระโรง ถูกลดขั้นให้ไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานขอรับ!”

ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่ทัพใหญ่อู่เวย จึงรีบมาแจ้งข่าวด้วยความหวังดี

“อะไรนะ!?”

นางเฉินลุกขึ้นยืนทันที

ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นั่นคือองค์รัชทายาทเชียวนะ เหตุใดจึงทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้?

กวนเยว่เลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม

“แล้วการแต่งงานของพวกเราเล่า?”

“หลังจากหารือกันในราชสำนักแล้ว การแต่งงานครั้งนี้จะให้องค์ชายเป็นผู้เลือกเอง แต่ข้าเดาว่าบางทีเขาอาจจะ...”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินซื่อเม่าก็ลังเลเล็กน้อย

ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตระกูลกวนเป็นตัวถ่วง

เรื่องราวก็ชัดเจนอยู่แล้ว

ตุบ!

กวนเยว่โยนกล่องขนมในมือทิ้งด้วยความโมโห แล้วแค่นเสียงเย็นพลางเอ่ยขึ้น

“ตระกูลกวนของข้าไม่เป็นที่ต้อนรับถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“ไม่ต้องรอให้เขามาถอนหมั้นถึงที่นี่หรอก! ตระกูลกวนทนรับความอัปยศเช่นนี้ไม่ได้!”

“ข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง!”

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉใจต่างใจหายวาบ รีบส่งสายตาให้นางเฉิน

แต่นางเฉินกลับทำราวกับไม่เห็น ค่อย ๆ เก็บขนมบนโต๊ะอย่างเงียบ ๆ

“ช่างเถิด พวกเราก็ถือเสียว่าการแต่งงานนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ท่านแม่ ตระกูลกวนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจใด ๆ เราสองแม่ลูกก็อยู่รอดได้!”

กวนเยว่ก้าวออกจากประตูจวน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์รัชทายาทด้วยความโกรธเกรี้ยว!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status