Share

บทที่ 2

Author: หออักษร
“ทุกท่านอย่าได้ขัดขวางเลย ขุนเขาและสายน้ำยังมีวันบรรจบกัน วันหน้าย่อมมีโอกาสได้พบกัน ขอให้เป็นไปตามนี้เถิด”

ฉินหมิงหันหลังกลับ ก้าวออกจากพระราชวังไป

เมื่อมองแผ่นหลังที่แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวนี้

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉ รวมถึงกลุ่มขุนนางตงฉินอีกหลายคนต่างเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ขอบตาแดงก่ำ

ส่วนขุนนางบางคน สายตากลับเปล่งประกาย ในใจรู้สึกยินดี

เมื่อองค์รัชทายาทจากไป ในราชสำนักนี้ ก็เท่ากับศัตรูคู่อาฆาตลดลงไปหนึ่งคน

ชีวิตของพวกเขาก็จะสบายขึ้นอีกมาก!

เซียวซูเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้เฉียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่แสดงอาการเสียใจใด ๆ ให้เห็น

ตรงกันข้าม กลับมีความรู้สึกโล่งใจราวกับแผนการอันชั่วร้ายสำเร็จลุล่วง

นางรอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว!

เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย เส้นทางในอนาคตของเจ้าเก้าย่อมราบรื่นไร้อุปสรรค!

“กรมพิธีการ ร่างราชโองการ!”

ฮ่องเต้เฉียนเสด็จกลับมายังท้องพระโรง และมีรับสั่งโดยตรง

“ในเมื่อมิใช่องค์รัชทายาทแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ต้องมีผู้ใดไปส่ง!”

ฉินหมิงเป็นถึงองค์ชาย ตามราชประเพณีแล้ว การเดินทางไปยังที่ดินศักดินาเพื่อรักษาการณ์ชายแดนนั้น จำเป็นต้องมีขุนนางไปส่ง

แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฮ่องเต้เฉียนกำลังพิโรธอย่างหนัก

จึงทรงตัดสินเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ไม่ประสงค์จะมอบเกียรติตามราชประเพณีให้แก่ฉินหมิงอีกต่อไป

โจวหลี่เสนาบดีกรมพิธีการเป็นศัตรูคู่อาฆาตของฉินหมิง ทั้งสองคนบาดหมางกันมานาน

เมื่อได้รับคำสั่ง เขาก็รีบก้าวออกมากล่าวว่า

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

แต่แล้วเขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้

จึงรีบกล่าวต่อ

“จริงสิฝ่าบาท บุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยกำลังจะอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทในเร็ว ๆ นี้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? เรื่องนี้ควรจะจัดการโดยเร็วที่สุดหรือไม่?”

หลิวอวิ๋นปัวรองเสนาบดีกรมกลาโหมเอ่ยขึ้น

“ฝ่าบาท ผู้ที่ท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยได้รับพระราชทานสมรสด้วยคือองค์รัชทายาทของราชวงศ์ แต่บัดนี้องค์ชายมิได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว กระหม่อมเห็นว่า ควรจะยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

แม่ทัพใหญ่อู่เวยเป็นยอดขุนพลของราชวงศ์ต้าเฉียน นามว่ากวนเจิ้นซาน

แต่เขาได้เสียชีวิตในสนามรบขณะปกป้องชายแดนทางเหนือ เพื่อต้านทานการรุกรานของแคว้นเหลียว

เพื่อเป็นการปลอบขวัญครอบครัวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวย

ฮ่องเต้เฉียนจึงโยนภาระดูแลเหล่าเด็กกำพร้าและแม่ม่ายนี้ให้กับฉินหมิง

นี่นับเป็นงานที่ยากลำบากอีกหนึ่งงาน

การแต่งงานของผู้อื่น ล้วนแต่หาตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพล เพื่อจะได้ช่วยสนับสนุนองค์รัชทายาทให้ขึ้นสู่บัลลังก์ได้

พอถึงคราวของฉินหมิง เขากลับต้องมารับผิดชอบภาระของราชวงศ์แทน

บุญคุณครั้งนี้ คือสิ่งที่ฮ่องเต้เฉียนทรงมอบให้ตระกูลกวน

เมื่อราษฎรและเหล่าขุนนางเห็นว่าแม่ทัพใหญ่อู่เวยสละชีพเพื่อชาติ และตระกูลกวนก็ได้รับการจัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเหมาะสม พวกเขาต่างพากันสรรเสริญฮ่องเต้

แต่ผู้ที่ต้องเสียสละคือฉินหมิง

หลายคนรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นองค์รัชทายาท ก็ยิ่งไม่เหมาะสม

แต่ฮ่องเต้เฉียนไม่ได้สนพระทัยมากนัก ภายใต้คำกระซิบกระซาบข้างแท่นบรรทมของเซียวซูเฟย เรื่องนี้จึงถูกผลักดันอย่างรวดเร็ว

เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามวัน ก็จะถึงวันอภิเษกสมรสระหว่างฉินหมิงและบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่อู่เวยแล้ว

“บุตรสาวของตระกูลกวนผู้นั้น...”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้เฉียนก็ขมวดพระขนงเล็กน้อย ราวกับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก

เซียวซูเฟยที่ประทับอยู่ข้าง ๆ กลับแสดงสีหน้ากังวล

เดิมทีการพระราชทานสมรสครั้งนี้ให้ฉินหมิง ก็เพื่อตัดหนทางไม่ให้เขาได้รับการสนับสนุนใด ๆ จากการสมรสนี้

หากปล่อยให้เขามีโอกาสอื่นอีก เจ้าเด็กนี่อาจจะผูกสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่บางตระกูลได้

นั่นย่อมเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อโอรสของนางอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวซูเฟยจึงรีบส่งสายตาให้ขุนนางสองสามคนที่อยู่เบื้องล่าง

จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการซึ่งเป็นคนของเซียวซูเฟย ก้าวออกมากล่าวว่า

“ฝ่าบาท การพระราชทานสมรสเป็นเรื่องใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

“บัดนี้ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างชื่นชมยินดี ราษฎรนับหมื่นต่างยกย่องสรรเสริญฝ่าบาท ชื่นชมที่ท่านทรงเมตตาต่อเหล่าทหารที่บาดเจ็บ และทรงมีพระกรุณาต่อสตรีในตระกูลกวนอย่างยิ่ง!”

“บัดนี้เพียงเพราะฐานะขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป ก็จะยกเลิกการสมรส เช่นนี้จะไม่ทำให้ทั่วหล้าหัวเราะเยาะราชสำนักของพวกเราหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ฟังดังนั้น ฮ่องเต้เฉียนก็พยักพระพักตร์เห็นด้วยทันที

แต่เฉียนไฉเสนาบดีกรมคลังกลับก้าวออกมา กล่าวด้วยความไม่เข้าใจอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายถูกส่งไปรักษาการณ์ชายแดนแล้ว การสมรสครั้งนี้จะนับว่าเป็นจริงได้อย่างไร? หรือจะให้พวกเขาทั้งสองคนแต่งงานกันแล้วต้องแยกจากกันไปคนละทิศคนละทาง?”

“ถึงเวลานั้น เกรงว่าสถานการณ์ของตระกูลกวนก็คงจะไม่ดีนัก แถมยังจะทำให้เกิดคำครหานินทาอีกมากมาย!”

ฮ่องเต้เฉียนเริ่มมีโทสะ

ทรงตบโต๊ะอย่างแรงและตวาดเสียงดังลั่น

“สารเลว จะทำก็ไม่ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้! พวกเจ้าบอกมาสิว่าควรจะทำอย่างไร!?”

เซียวซูเฟยรีบเดินเข้าไป ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ฝ่าบาท ไยต้องลำบากเช่นนี้ด้วยเพคะ ให้ฉินหมิงเป็นคนเลือกเองก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ?”

ฮ่องเต้เฉียนทรงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตบพระหัตถ์แล้วตรัสว่า

“ใช่แล้ว ให้เจ้าลูกทรพีนั่นเลือกเอง!”

“ต่อไปอย่าได้นำเรื่องของเขามารบกวนเราอีก!”

...

ในท้องพระโรง ทุกคนต่างมองไปที่เซียวซูเฟยด้วยความคิดที่แตกต่างกันไป

สตรีใจคอโหดเหี้ยมผู้นี้!

นี่คือการบีบให้ฉินหมิง ต้องเป็นฝ่ายยกเลิกการสมรสกับตระกูลกวนที่เปรียบเสมือนภาระอันไร้ประโยชน์นี้ด้วยตัวเอง!

ใคร ๆ ก็รู้ว่าตระกูลกวนไม่ได้มีประโยชน์อันใดต่อฉินหมิง แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็เสียชีวิตไปแล้ว

อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตระกูลกวนก็จะตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว

จะยังสามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัย

หากยอมรับการแต่งงาน ตำแหน่งภรรยาเอกของฉินหมิงก็จะถูกจับจองไป

หลังจากนั้นหากเขาจะแต่งงานอีก ก็ทำได้เพียงรับอนุภรรยา...

ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลใดยอมให้บุตรสาวผู้สูงศักดิ์ของตน ต้องลดตัวไปเป็นอนุภรรยา

เช่นนั้นแล้ว ฉินหมิงก็จะหมดหนทางที่จะได้รับทรัพยากรสนับสนุนในราชสำนักจากวิธีนี้

แต่หากฉินหมิงปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้

ฮ่องเต้เฉียนก็ยังคงรักษาชื่อเสียงที่ดีงามของพระองค์ไว้ได้

ส่วนคำครหา ก็จะเป็นฉินหมิงที่ต้องแบกรับไว้!

“ช่างเป็นแผนการที่อำมหิตนัก...!”

เฉินซื่อเม่ากำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เฉียนไฉและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เซียวซูเฟยอย่างล้ำลึก

มีสตรีผู้นี้อยู่ข้างกายฮ่องเต้เฉียน การที่องค์รัชทายาทจากไป อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เลวร้ายเสมอไป

หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว

ไม่นานนัก ขุนนางสองสามคนก็เดินทางมายังตระกูลกวนหลังเลิกประชุมราชสำนัก

อันที่จริงกวนเจิ้นซานมีบุตรชายสามคนและบุตรสาวหนึ่งคน

แต่บุตรชายทั้งสามคน ล้วนเสียชีวิตในสนามรบ

ทำให้ภายในจวนตระกูลกวนอันกว้างใหญ่ แทบจะเหลือแต่สตรี

นางเฉินฮูหยินใหญ่ของตระกูลกวน กำลังนั่งอยู่ในเรือน

ทานขนมอยู่กับคุณหนูใหญ่กวนเยว่ และสาวใช้สองสามคน

“ฮูหยิน เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉมาขอรับ”

บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา รายงานเรื่องนี้ให้ทั้งสองคนทราบ

“พวกเขามาทำอะไร?”

กวนเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย บนใบหน้าที่งดงามล่มเมือง พลันเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

นางไม่ชอบการสมรสที่ราชสำนักหยิบยื่นให้ราวกับเป็นการบริจาคให้ทาน

“ให้พวกเขาเข้ามาข้างในก่อนเถิด”

นางเฉินสั่งการช้า ๆ ไม่นานเฉียนไฉและเฉินซื่อเม่าก็เดินเข้ามาในเรือน

“ทั้งสองท่าน แย่แล้ว! เมื่อไม่กี่วันก่อน องค์รัชทายาททรงทำให้ฝ่าบาทพิโรธในท้องพระโรง ถูกลดขั้นให้ไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานขอรับ!”

ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่ทัพใหญ่อู่เวย จึงรีบมาแจ้งข่าวด้วยความหวังดี

“อะไรนะ!?”

นางเฉินลุกขึ้นยืนทันที

ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นั่นคือองค์รัชทายาทเชียวนะ เหตุใดจึงทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้?

กวนเยว่เลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม

“แล้วการแต่งงานของพวกเราเล่า?”

“หลังจากหารือกันในราชสำนักแล้ว การแต่งงานครั้งนี้จะให้องค์ชายเป็นผู้เลือกเอง แต่ข้าเดาว่าบางทีเขาอาจจะ...”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินซื่อเม่าก็ลังเลเล็กน้อย

ใคร ๆ ก็รู้ว่า ตระกูลกวนเป็นตัวถ่วง

เรื่องราวก็ชัดเจนอยู่แล้ว

ตุบ!

กวนเยว่โยนกล่องขนมในมือทิ้งด้วยความโมโห แล้วแค่นเสียงเย็นพลางเอ่ยขึ้น

“ตระกูลกวนของข้าไม่เป็นที่ต้อนรับถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“ไม่ต้องรอให้เขามาถอนหมั้นถึงที่นี่หรอก! ตระกูลกวนทนรับความอัปยศเช่นนี้ไม่ได้!”

“ข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง!”

เฉินซื่อเม่าและเฉียนไฉใจต่างใจหายวาบ รีบส่งสายตาให้นางเฉิน

แต่นางเฉินกลับทำราวกับไม่เห็น ค่อย ๆ เก็บขนมบนโต๊ะอย่างเงียบ ๆ

“ช่างเถิด พวกเราก็ถือเสียว่าการแต่งงานนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ท่านแม่ ตระกูลกวนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจใด ๆ เราสองแม่ลูกก็อยู่รอดได้!”

กวนเยว่ก้าวออกจากประตูจวน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์รัชทายาทด้วยความโกรธเกรี้ยว!

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status