Share

บทที่ 6

Author: หออักษร
วันรุ่งขึ้น ณ ท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวง

เรือสินค้าจากขบวนเรือหนานหยางหลายร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่ที่นี่

ระยะห่างระหว่างเรือแต่ละลำมีเพียงหนึ่งจั้ง แทบจะเรียกได้ว่าเบียดชิดติดกัน

จ้าวสี่มองจากระยะไกล ยังกลัวว่าพวกมันจะเผลอไปขูดขีดกันเข้า

“คนเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขาพึมพำพลางเดินเข้าไปข้างหน้า ถือรายการสินค้าของปีนี้ จากนั้นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

ลูกน้องสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ รีบกล่าวว่า

“ใต้เท้า จำนวนก็ประมาณนี้มาตลอดขอรับ”

“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ข้าจะเจรจาเรื่องราคาสินค้าที่ต้องการกับพวกเขาเอง”

“ขอรับ!”

ขุนนางที่รับผิดชอบการขนส่งทางน้ำชื่อว่าลู่โหย่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วสั่งให้ลูกน้องรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลของกองคาราวานสินค้ามารวมตัวกัน

หลังจากดูรายการราคาสองสามรอบ

ลูกตาของจ้าวสี่ก็กลอกไปมา แผนการหนึ่งผุดขึ้นในใจ เขาจึงเอ่ยถามลู่โหย่ว

“ข้าขอถามเจ้าหน่อย ของสิ่งนี้เคยให้พวกเขาดูแล้วหรือยัง?”

“ยังเลยขอรับ ใต้เท้า”

“เช่นนั้นแล้วรายการพวกนี้ เจ้ามีสำเนาหรือไม่?”

“มีขอรับ พวกเราต้องเก็บสำเนาไว้ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบบัญชี”

จ้าวสี่ลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ต่อหน้าลู่โหย่ว เขายื่นมือออกไปเปลี่ยนราคาผ้าไหมจากสิบเจ็ดตำลึงห้าอีแปะ เป็นสิบเจ็ดตำลึงหกอีแปะ

แล้วใช้วิธีเดียวกัน แก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกสองสามแห่ง

ผ้าหนึ่งพับทำกำไรเพิ่มหนึ่งอีแปะ ผ้าสิบพับก็ได้หนึ่งตำลึงแล้ว

การค้าขายขนาดใหญ่ของขบวนเรือหนานหยางเช่นนี้ เพียงแค่หาเศษหาเลยจากทุกอย่างที่ผ่านมือ คราวนี้เขาก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สีหน้าของลู่โหย่วดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย

“ใต้เท้า ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวกับลู่โหย่วด้วยท่าทางผิดหวังในตัวอีกฝ่ายอย่างยิ่งว่า

“ราคาน่ะ ก็ยังคงคิดตามสำเนาของพวกเจ้า ส่วนเงินที่เพิ่มขึ้นมา ถึงเวลาแล้ว จะไม่ขาดส่วนของเจ้าอย่างแน่นอน”

“ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง”

ลู่โหย่วทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของฉินหมิงมาโดยตลอด

ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่โปร่งใสเช่นนี้มาก่อน

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำตาม สีหน้าของจ้าวสี่ก็พลันมืดมนลง

“ลู่โหย่ว อย่าให้เกียรติแล้วไม่เห็นคุณค่า!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นความประสงค์ของผู้ใด? เงินก้อนนี้มีเพียงข้าจ้าวสี่คนเดียวที่ได้กินหรือ? สุดท้ายก็ต้องนำไปแสดงความกตัญญูต่อเบื้องบนมิใช่หรือ?”

“สมองอย่างเจ้านี่ มิน่าเล่าถึงได้เป็นแค่คนดูแลการขนส่งทางน้ำมาหลายปี!”

ลู่โหย่วถูกเขาตำหนิจนในใจรู้สึกไม่พอใจ

แต่ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็สามารถกดขี่คนอื่นได้

เขากำหมัดแน่น เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า

“ใต้เท้า ขบวนเรือจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางก็ไม่ใช่คนโง่ หากถูกจับได้จะทำอย่างไรขอรับ?”

“จับได้อะไร? เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ เรื่องเงินแค่หนึ่งอีแปะ พวกเขาจะพูดอะไรได้?”

จ้าวสี่ผลักเขาไปข้างหนึ่ง

แล้วโบกมือสั่งคนข้างล่างว่า

“พาใต้เท้าลู่ลงไปก่อนเถอะ เขารู้สึกไม่สบาย การเจรจาค้าขายในวันนี้ ข้าจะเป็นคนเจรจาด้วยตัวเอง”

“ขอรับ!”

ลู่โหย่วจึงถูกคุมตัวลงไปเช่นนั้น

ไม่นานนัก กลุ่มทูตจากแคว้นต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกตาก็เดินมาอยู่ต่อหน้าจ้าวสี่

“ทุกท่าน ยินดีต้อนรับการมาเยือนของพวกท่าน!”

จ้าวสี่ยืนขึ้นจากที่นั่งหลัก กางแขนทั้งสองข้างออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

แต่บรรยากาศกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด

ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์

หลังจากรออยู่นาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตนเอง จ้าวสี่ก็หัวเราะแห้ง ๆ

“ทุกท่านฟังภาษาต้าเฉียนของข้าไม่เข้าใจหรือ? ข้าสามารถหาคนที่คุ้นเคยกับภาษาของพวกท่านมาเจรจากับพวกท่านได้”

“ไม่ต้องหรอก ส่งรายการมาเถอะ”

สิ่งที่ทำให้จ้าวสี่ประหลาดใจก็คือ พวกเขากลับฟังเข้าใจ เช่นนั้นแล้วความเงียบเมื่อครู่ก็คือไม่อยากจะสนใจเขาจริง ๆ ...

มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย จ้าวสี่ยื่นรายการในมือออกไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ให้พวกเขาเวียนกันดู

ในใจเริ่มจินตนาการถึงเงินก้อนโตที่จะได้มาในคราวนี้แล้ว

อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีสักสามหมื่นตำลึงเงินกระมัง?

...

ภายในจวนอ๋อง

ฉินหมิงนั่งอยู่ในเรือน กำลังคลอเคลียอยู่กับเสี่ยวชุ่ย

เสี่ยวชุ่ยถูกเขากอดให้นั่งอยู่บนตัก ร่างกายพิงอยู่บนตัวเขาเบา ๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของร่างกายหญิงสาว ฉินหมิงก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจวอกแวกไปชั่วขณะ

นี่คือชีวิตหลังเกษียณขององค์รัชทายาทหรือ?

เสี่ยวชุ่ยเป็นหญิงสาวที่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน

มีคำกล่าวที่ดีอยู่ประโยคหนึ่งว่า สาวใช้ที่ไม่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นพระชายา ไม่ใช่สาวใช้ที่ดี

น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทเป็นคนเถรตรงเกินไป

แม้ว่าบางครั้งนางจะเผยให้เห็นน่องขาครึ่งหนึ่ง จัดข้าวของด้วยท่าทางอรชรอ้อนแอ้นอยู่ต่อหน้าเขา

อีกฝ่ายก็ไม่เคยคิดเรื่องไม่ดีเลย

แต่สองสามวันนี้ หลังจากที่องค์รัชทายาทถูกปลดออกจากตำแหน่ง ดูเหมือนว่าเขาจะปลดปล่อยตัวเองออกมา

เริ่มเป็นฝ่ายเข้าหาเสี่ยวชุ่ยมากขึ้น

มีหลายครั้งที่เสี่ยวชุ่ยถึงกับรู้สึกได้ว่าเวลาที่ฉินหมิงมองนาง สายตาของเขาจะไล่ลงไปเรื่อย ๆ

เล็งไปยังที่แปลก ๆ บางแห่ง...

เมื่อสบโอกาส นางกำลังจะใช้ต้นขาของตนถูไถไปที่ท้องน้อยของฉินหมิงต่อ

แต่ทันใดนั้นหูก็พลันขยับ ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“องค์ชาย ดูเหมือนว่าจะมีคนมาเพคะ”

“มาก็มาสิ”

มุมปากของฉินหมิงกระตุก

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เสี่ยวชุ่ยดูเหมือนจะเริ่มเปิดใจแล้ว

ใครจะรู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ กลับมีคนมาขัดจังหวะ

ฉินหมิงหันหน้าไปอย่างโกรธเคือง

ฉางไป๋ซานผลักประตูเรือนเข้ามาอย่างรีบร้อน

“องค์ชาย ขบวนเรือหนานหยางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าคำนวณเวลาไว้แล้ว พวกเขาควรจะมาถึงแล้วจริง ๆ มีอะไรหรือ?”

ฉินหมิงมองฉางไป๋ซานด้วยความสงสัย

ในตอนนั้นเอง ฉางไป๋ซานก็รีบกล่าวกับเขาว่า

“หลังจากที่ท่านจากไป ในราชสำนักก็ไม่มีใครที่สามารถคุมพวกเขาอยู่ ตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแต่งตั้งจ้าวสี่ไปอีก!”

“เขาหรือ?”

ฉินหมิงยิ้มออกมา เขานึกว่าจะเป็นใครเสียอีก

ฮ่องเต้เฉียนช่างไม่มีวิสัยทัศน์แม้แต่น้อยเลยจริง ๆ

ส่งคนที่ห่วยที่สุดไป

“คนทางนั้นล้วนแต่นิสัยดุดัน พูดจาไม่เข้าหูก็พร้อมจะลงไม้ลงมือ”

เหตุผลที่เฉียนไฉไม่ยอมไปในตอนแรก

หนึ่งก็เพราะรู้ว่าตนเองคุมสถานการณ์ไม่อยู่

สองก็เพราะคนเหล่านั้นคบหาด้วยยาก

หากไม่มีความมั่นใจ ก็ไม่ควรไปจะดีที่สุด

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานกล่าวอย่างโกรธแค้น

“ท่านไม่ทราบหรอกว่า ไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น พอไปถึงวันแรกก็แก้ราคา คิดจะใช้ราคาส่วนต่างเพื่อทุจริต”

“คนของขบวนเรือสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยาง เข้ามาในตลาดเมืองหลวงนานแล้ว รู้ราคาสินค้าในแต่ละวันเป็นอย่างดี!”

“เจ้าสารเลวนี่มิใช่สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ!”

ขุนนางคนหนึ่งที่ไม่เคยดูแลเรื่องนี้มาก่อน กลับมาเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนทำการค้าขายกับบรรดาพ่อค้า

ช่างน่าขันสิ้นดี

ฉินหมิงดึงเสี่ยวชุ่ยกลับมานั่งในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วถามต่อว่า

“แล้วอย่างไรต่อ?”

“ตอนนี้ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส ถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูเมืองหลวง เรื่องราวใหญ่โตมากพ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ถามไถ่เรื่องราชการอีกแล้ว รอเพียงแค่การจัดสรรของราชสำนักสิ้นสุดลง ก็จะเดินทางออกจากเมืองหลวง

เรื่องราวในราชสำนัก แน่นอนว่าย่อมรู้ไม่มากนัก

แต่เรื่องราวได้บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ไม่อยากรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้

“กองคาราวานสินค้าพวกนั้นว่าอย่างไร?”

“พวกเขาบอกว่าราชสำนักจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเขา! มิเช่นนั้น ชาตินี้จะไม่เหยียบย่างเข้ามาในแผ่นดินต้าเฉียนอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

ที่ฉางไป๋ซานมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการเกลี้ยกล่อมให้ฉินหมิงยื่นมือเข้าช่วย

“องค์ชาย ท่านออกหน้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถพูดกับพวกเขาได้!”

หลายปีมานี้ มีเพียงฉินหมิงเท่านั้นที่เวลาทำการค้ากับพวกเขา ขั้นตอนทุกอย่างจะเรียบง่าย รวดเร็วอย่างยิ่ง และไม่เคยมีสถานการณ์ขูดรีดเรียกรับสินบนเกิดขึ้นเลย

ดังนั้นในสายตาของคนจากกองคาราวานสินค้าหนานหยางเหล่านี้ เขาจึงเป็นคู่ค้าที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

ต้าเฉียนอันยิ่งใหญ่ กลับมีเพียงคนเดียวที่แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางให้ความไว้วางใจ

ช่างน่าเศร้าจริง ๆ

เมื่อเผชิญกับคำพูดของฉางไป๋ซาน ฉินหมิงกลับยังคงเล่นกับเท้าที่ขาวนวลของเสี่ยวชุ่ย กล่าวอย่างเฉยเมย

“ข้าออกหน้าหรือ? ข้าจะออกหน้าทำพระแสงอะไร!”

“ข้าจะทำให้พวกเขารู้ว่า อะไรที่เรียกว่าส่งเทพออกไปนั้นง่าย แต่เชิญเทพกลับมานั้นยากนัก!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status