Share

บทที่ 6

Author: หออักษร
วันรุ่งขึ้น ณ ท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวง

เรือสินค้าจากขบวนเรือหนานหยางหลายร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่ที่นี่

ระยะห่างระหว่างเรือแต่ละลำมีเพียงหนึ่งจั้ง แทบจะเรียกได้ว่าเบียดชิดติดกัน

จ้าวสี่มองจากระยะไกล ยังกลัวว่าพวกมันจะเผลอไปขูดขีดกันเข้า

“คนเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขาพึมพำพลางเดินเข้าไปข้างหน้า ถือรายการสินค้าของปีนี้ จากนั้นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

ลูกน้องสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ รีบกล่าวว่า

“ใต้เท้า จำนวนก็ประมาณนี้มาตลอดขอรับ”

“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ข้าจะเจรจาเรื่องราคาสินค้าที่ต้องการกับพวกเขาเอง”

“ขอรับ!”

ขุนนางที่รับผิดชอบการขนส่งทางน้ำชื่อว่าลู่โหย่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วสั่งให้ลูกน้องรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลของกองคาราวานสินค้ามารวมตัวกัน

หลังจากดูรายการราคาสองสามรอบ

ลูกตาของจ้าวสี่ก็กลอกไปมา แผนการหนึ่งผุดขึ้นในใจ เขาจึงเอ่ยถามลู่โหย่ว

“ข้าขอถามเจ้าหน่อย ของสิ่งนี้เคยให้พวกเขาดูแล้วหรือยัง?”

“ยังเลยขอรับ ใต้เท้า”

“เช่นนั้นแล้วรายการพวกนี้ เจ้ามีสำเนาหรือไม่?”

“มีขอรับ พวกเราต้องเก็บสำเนาไว้ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบบัญชี”

จ้าวสี่ลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ต่อหน้าลู่โหย่ว เขายื่นมือออกไปเปลี่ยนราคาผ้าไหมจากสิบเจ็ดตำลึงห้าอีแปะ เป็นสิบเจ็ดตำลึงหกอีแปะ

แล้วใช้วิธีเดียวกัน แก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกสองสามแห่ง

ผ้าหนึ่งพับทำกำไรเพิ่มหนึ่งอีแปะ ผ้าสิบพับก็ได้หนึ่งตำลึงแล้ว

การค้าขายขนาดใหญ่ของขบวนเรือหนานหยางเช่นนี้ เพียงแค่หาเศษหาเลยจากทุกอย่างที่ผ่านมือ คราวนี้เขาก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สีหน้าของลู่โหย่วดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย

“ใต้เท้า ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวกับลู่โหย่วด้วยท่าทางผิดหวังในตัวอีกฝ่ายอย่างยิ่งว่า

“ราคาน่ะ ก็ยังคงคิดตามสำเนาของพวกเจ้า ส่วนเงินที่เพิ่มขึ้นมา ถึงเวลาแล้ว จะไม่ขาดส่วนของเจ้าอย่างแน่นอน”

“ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง”

ลู่โหย่วทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของฉินหมิงมาโดยตลอด

ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่โปร่งใสเช่นนี้มาก่อน

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำตาม สีหน้าของจ้าวสี่ก็พลันมืดมนลง

“ลู่โหย่ว อย่าให้เกียรติแล้วไม่เห็นคุณค่า!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นความประสงค์ของผู้ใด? เงินก้อนนี้มีเพียงข้าจ้าวสี่คนเดียวที่ได้กินหรือ? สุดท้ายก็ต้องนำไปแสดงความกตัญญูต่อเบื้องบนมิใช่หรือ?”

“สมองอย่างเจ้านี่ มิน่าเล่าถึงได้เป็นแค่คนดูแลการขนส่งทางน้ำมาหลายปี!”

ลู่โหย่วถูกเขาตำหนิจนในใจรู้สึกไม่พอใจ

แต่ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็สามารถกดขี่คนอื่นได้

เขากำหมัดแน่น เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า

“ใต้เท้า ขบวนเรือจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางก็ไม่ใช่คนโง่ หากถูกจับได้จะทำอย่างไรขอรับ?”

“จับได้อะไร? เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ เรื่องเงินแค่หนึ่งอีแปะ พวกเขาจะพูดอะไรได้?”

จ้าวสี่ผลักเขาไปข้างหนึ่ง

แล้วโบกมือสั่งคนข้างล่างว่า

“พาใต้เท้าลู่ลงไปก่อนเถอะ เขารู้สึกไม่สบาย การเจรจาค้าขายในวันนี้ ข้าจะเป็นคนเจรจาด้วยตัวเอง”

“ขอรับ!”

ลู่โหย่วจึงถูกคุมตัวลงไปเช่นนั้น

ไม่นานนัก กลุ่มทูตจากแคว้นต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกตาก็เดินมาอยู่ต่อหน้าจ้าวสี่

“ทุกท่าน ยินดีต้อนรับการมาเยือนของพวกท่าน!”

จ้าวสี่ยืนขึ้นจากที่นั่งหลัก กางแขนทั้งสองข้างออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

แต่บรรยากาศกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด

ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์

หลังจากรออยู่นาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตนเอง จ้าวสี่ก็หัวเราะแห้ง ๆ

“ทุกท่านฟังภาษาต้าเฉียนของข้าไม่เข้าใจหรือ? ข้าสามารถหาคนที่คุ้นเคยกับภาษาของพวกท่านมาเจรจากับพวกท่านได้”

“ไม่ต้องหรอก ส่งรายการมาเถอะ”

สิ่งที่ทำให้จ้าวสี่ประหลาดใจก็คือ พวกเขากลับฟังเข้าใจ เช่นนั้นแล้วความเงียบเมื่อครู่ก็คือไม่อยากจะสนใจเขาจริง ๆ ...

มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย จ้าวสี่ยื่นรายการในมือออกไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ให้พวกเขาเวียนกันดู

ในใจเริ่มจินตนาการถึงเงินก้อนโตที่จะได้มาในคราวนี้แล้ว

อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีสักสามหมื่นตำลึงเงินกระมัง?

...

ภายในจวนอ๋อง

ฉินหมิงนั่งอยู่ในเรือน กำลังคลอเคลียอยู่กับเสี่ยวชุ่ย

เสี่ยวชุ่ยถูกเขากอดให้นั่งอยู่บนตัก ร่างกายพิงอยู่บนตัวเขาเบา ๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของร่างกายหญิงสาว ฉินหมิงก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจวอกแวกไปชั่วขณะ

นี่คือชีวิตหลังเกษียณขององค์รัชทายาทหรือ?

เสี่ยวชุ่ยเป็นหญิงสาวที่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน

มีคำกล่าวที่ดีอยู่ประโยคหนึ่งว่า สาวใช้ที่ไม่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นพระชายา ไม่ใช่สาวใช้ที่ดี

น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทเป็นคนเถรตรงเกินไป

แม้ว่าบางครั้งนางจะเผยให้เห็นน่องขาครึ่งหนึ่ง จัดข้าวของด้วยท่าทางอรชรอ้อนแอ้นอยู่ต่อหน้าเขา

อีกฝ่ายก็ไม่เคยคิดเรื่องไม่ดีเลย

แต่สองสามวันนี้ หลังจากที่องค์รัชทายาทถูกปลดออกจากตำแหน่ง ดูเหมือนว่าเขาจะปลดปล่อยตัวเองออกมา

เริ่มเป็นฝ่ายเข้าหาเสี่ยวชุ่ยมากขึ้น

มีหลายครั้งที่เสี่ยวชุ่ยถึงกับรู้สึกได้ว่าเวลาที่ฉินหมิงมองนาง สายตาของเขาจะไล่ลงไปเรื่อย ๆ

เล็งไปยังที่แปลก ๆ บางแห่ง...

เมื่อสบโอกาส นางกำลังจะใช้ต้นขาของตนถูไถไปที่ท้องน้อยของฉินหมิงต่อ

แต่ทันใดนั้นหูก็พลันขยับ ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“องค์ชาย ดูเหมือนว่าจะมีคนมาเพคะ”

“มาก็มาสิ”

มุมปากของฉินหมิงกระตุก

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เสี่ยวชุ่ยดูเหมือนจะเริ่มเปิดใจแล้ว

ใครจะรู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ กลับมีคนมาขัดจังหวะ

ฉินหมิงหันหน้าไปอย่างโกรธเคือง

ฉางไป๋ซานผลักประตูเรือนเข้ามาอย่างรีบร้อน

“องค์ชาย ขบวนเรือหนานหยางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าคำนวณเวลาไว้แล้ว พวกเขาควรจะมาถึงแล้วจริง ๆ มีอะไรหรือ?”

ฉินหมิงมองฉางไป๋ซานด้วยความสงสัย

ในตอนนั้นเอง ฉางไป๋ซานก็รีบกล่าวกับเขาว่า

“หลังจากที่ท่านจากไป ในราชสำนักก็ไม่มีใครที่สามารถคุมพวกเขาอยู่ ตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแต่งตั้งจ้าวสี่ไปอีก!”

“เขาหรือ?”

ฉินหมิงยิ้มออกมา เขานึกว่าจะเป็นใครเสียอีก

ฮ่องเต้เฉียนช่างไม่มีวิสัยทัศน์แม้แต่น้อยเลยจริง ๆ

ส่งคนที่ห่วยที่สุดไป

“คนทางนั้นล้วนแต่นิสัยดุดัน พูดจาไม่เข้าหูก็พร้อมจะลงไม้ลงมือ”

เหตุผลที่เฉียนไฉไม่ยอมไปในตอนแรก

หนึ่งก็เพราะรู้ว่าตนเองคุมสถานการณ์ไม่อยู่

สองก็เพราะคนเหล่านั้นคบหาด้วยยาก

หากไม่มีความมั่นใจ ก็ไม่ควรไปจะดีที่สุด

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานกล่าวอย่างโกรธแค้น

“ท่านไม่ทราบหรอกว่า ไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น พอไปถึงวันแรกก็แก้ราคา คิดจะใช้ราคาส่วนต่างเพื่อทุจริต”

“คนของขบวนเรือสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยาง เข้ามาในตลาดเมืองหลวงนานแล้ว รู้ราคาสินค้าในแต่ละวันเป็นอย่างดี!”

“เจ้าสารเลวนี่มิใช่สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ!”

ขุนนางคนหนึ่งที่ไม่เคยดูแลเรื่องนี้มาก่อน กลับมาเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนทำการค้าขายกับบรรดาพ่อค้า

ช่างน่าขันสิ้นดี

ฉินหมิงดึงเสี่ยวชุ่ยกลับมานั่งในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วถามต่อว่า

“แล้วอย่างไรต่อ?”

“ตอนนี้ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส ถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูเมืองหลวง เรื่องราวใหญ่โตมากพ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ถามไถ่เรื่องราชการอีกแล้ว รอเพียงแค่การจัดสรรของราชสำนักสิ้นสุดลง ก็จะเดินทางออกจากเมืองหลวง

เรื่องราวในราชสำนัก แน่นอนว่าย่อมรู้ไม่มากนัก

แต่เรื่องราวได้บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ไม่อยากรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้

“กองคาราวานสินค้าพวกนั้นว่าอย่างไร?”

“พวกเขาบอกว่าราชสำนักจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเขา! มิเช่นนั้น ชาตินี้จะไม่เหยียบย่างเข้ามาในแผ่นดินต้าเฉียนอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

ที่ฉางไป๋ซานมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการเกลี้ยกล่อมให้ฉินหมิงยื่นมือเข้าช่วย

“องค์ชาย ท่านออกหน้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถพูดกับพวกเขาได้!”

หลายปีมานี้ มีเพียงฉินหมิงเท่านั้นที่เวลาทำการค้ากับพวกเขา ขั้นตอนทุกอย่างจะเรียบง่าย รวดเร็วอย่างยิ่ง และไม่เคยมีสถานการณ์ขูดรีดเรียกรับสินบนเกิดขึ้นเลย

ดังนั้นในสายตาของคนจากกองคาราวานสินค้าหนานหยางเหล่านี้ เขาจึงเป็นคู่ค้าที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

ต้าเฉียนอันยิ่งใหญ่ กลับมีเพียงคนเดียวที่แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางให้ความไว้วางใจ

ช่างน่าเศร้าจริง ๆ

เมื่อเผชิญกับคำพูดของฉางไป๋ซาน ฉินหมิงกลับยังคงเล่นกับเท้าที่ขาวนวลของเสี่ยวชุ่ย กล่าวอย่างเฉยเมย

“ข้าออกหน้าหรือ? ข้าจะออกหน้าทำพระแสงอะไร!”

“ข้าจะทำให้พวกเขารู้ว่า อะไรที่เรียกว่าส่งเทพออกไปนั้นง่าย แต่เชิญเทพกลับมานั้นยากนัก!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status