Share

บทที่ 6

Author: หออักษร
วันรุ่งขึ้น ณ ท่าเรือขนส่งทางน้ำนอกเมืองหลวง

เรือสินค้าจากขบวนเรือหนานหยางหลายร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่ที่นี่

ระยะห่างระหว่างเรือแต่ละลำมีเพียงหนึ่งจั้ง แทบจะเรียกได้ว่าเบียดชิดติดกัน

จ้าวสี่มองจากระยะไกล ยังกลัวว่าพวกมันจะเผลอไปขูดขีดกันเข้า

“คนเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”

เขาพึมพำพลางเดินเข้าไปข้างหน้า ถือรายการสินค้าของปีนี้ จากนั้นขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

ลูกน้องสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ รีบกล่าวว่า

“ใต้เท้า จำนวนก็ประมาณนี้มาตลอดขอรับ”

“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ข้าจะเจรจาเรื่องราคาสินค้าที่ต้องการกับพวกเขาเอง”

“ขอรับ!”

ขุนนางที่รับผิดชอบการขนส่งทางน้ำชื่อว่าลู่โหย่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วสั่งให้ลูกน้องรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลของกองคาราวานสินค้ามารวมตัวกัน

หลังจากดูรายการราคาสองสามรอบ

ลูกตาของจ้าวสี่ก็กลอกไปมา แผนการหนึ่งผุดขึ้นในใจ เขาจึงเอ่ยถามลู่โหย่ว

“ข้าขอถามเจ้าหน่อย ของสิ่งนี้เคยให้พวกเขาดูแล้วหรือยัง?”

“ยังเลยขอรับ ใต้เท้า”

“เช่นนั้นแล้วรายการพวกนี้ เจ้ามีสำเนาหรือไม่?”

“มีขอรับ พวกเราต้องเก็บสำเนาไว้ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบบัญชี”

จ้าวสี่ลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ต่อหน้าลู่โหย่ว เขายื่นมือออกไปเปลี่ยนราคาผ้าไหมจากสิบเจ็ดตำลึงห้าอีแปะ เป็นสิบเจ็ดตำลึงหกอีแปะ

แล้วใช้วิธีเดียวกัน แก้ไขรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกสองสามแห่ง

ผ้าหนึ่งพับทำกำไรเพิ่มหนึ่งอีแปะ ผ้าสิบพับก็ได้หนึ่งตำลึงแล้ว

การค้าขายขนาดใหญ่ของขบวนเรือหนานหยางเช่นนี้ เพียงแค่หาเศษหาเลยจากทุกอย่างที่ผ่านมือ คราวนี้เขาก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สีหน้าของลู่โหย่วดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย

“ใต้เท้า ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวกับลู่โหย่วด้วยท่าทางผิดหวังในตัวอีกฝ่ายอย่างยิ่งว่า

“ราคาน่ะ ก็ยังคงคิดตามสำเนาของพวกเจ้า ส่วนเงินที่เพิ่มขึ้นมา ถึงเวลาแล้ว จะไม่ขาดส่วนของเจ้าอย่างแน่นอน”

“ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง”

ลู่โหย่วทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของฉินหมิงมาโดยตลอด

ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่โปร่งใสเช่นนี้มาก่อน

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมทำตาม สีหน้าของจ้าวสี่ก็พลันมืดมนลง

“ลู่โหย่ว อย่าให้เกียรติแล้วไม่เห็นคุณค่า!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นความประสงค์ของผู้ใด? เงินก้อนนี้มีเพียงข้าจ้าวสี่คนเดียวที่ได้กินหรือ? สุดท้ายก็ต้องนำไปแสดงความกตัญญูต่อเบื้องบนมิใช่หรือ?”

“สมองอย่างเจ้านี่ มิน่าเล่าถึงได้เป็นแค่คนดูแลการขนส่งทางน้ำมาหลายปี!”

ลู่โหย่วถูกเขาตำหนิจนในใจรู้สึกไม่พอใจ

แต่ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็สามารถกดขี่คนอื่นได้

เขากำหมัดแน่น เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า

“ใต้เท้า ขบวนเรือจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางก็ไม่ใช่คนโง่ หากถูกจับได้จะทำอย่างไรขอรับ?”

“จับได้อะไร? เจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ เรื่องเงินแค่หนึ่งอีแปะ พวกเขาจะพูดอะไรได้?”

จ้าวสี่ผลักเขาไปข้างหนึ่ง

แล้วโบกมือสั่งคนข้างล่างว่า

“พาใต้เท้าลู่ลงไปก่อนเถอะ เขารู้สึกไม่สบาย การเจรจาค้าขายในวันนี้ ข้าจะเป็นคนเจรจาด้วยตัวเอง”

“ขอรับ!”

ลู่โหย่วจึงถูกคุมตัวลงไปเช่นนั้น

ไม่นานนัก กลุ่มทูตจากแคว้นต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกตาก็เดินมาอยู่ต่อหน้าจ้าวสี่

“ทุกท่าน ยินดีต้อนรับการมาเยือนของพวกท่าน!”

จ้าวสี่ยืนขึ้นจากที่นั่งหลัก กางแขนทั้งสองข้างออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

แต่บรรยากาศกลับเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด

ทุกคนต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์

หลังจากรออยู่นาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตนเอง จ้าวสี่ก็หัวเราะแห้ง ๆ

“ทุกท่านฟังภาษาต้าเฉียนของข้าไม่เข้าใจหรือ? ข้าสามารถหาคนที่คุ้นเคยกับภาษาของพวกท่านมาเจรจากับพวกท่านได้”

“ไม่ต้องหรอก ส่งรายการมาเถอะ”

สิ่งที่ทำให้จ้าวสี่ประหลาดใจก็คือ พวกเขากลับฟังเข้าใจ เช่นนั้นแล้วความเงียบเมื่อครู่ก็คือไม่อยากจะสนใจเขาจริง ๆ ...

มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย จ้าวสี่ยื่นรายการในมือออกไปด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ให้พวกเขาเวียนกันดู

ในใจเริ่มจินตนาการถึงเงินก้อนโตที่จะได้มาในคราวนี้แล้ว

อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีสักสามหมื่นตำลึงเงินกระมัง?

...

ภายในจวนอ๋อง

ฉินหมิงนั่งอยู่ในเรือน กำลังคลอเคลียอยู่กับเสี่ยวชุ่ย

เสี่ยวชุ่ยถูกเขากอดให้นั่งอยู่บนตัก ร่างกายพิงอยู่บนตัวเขาเบา ๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของร่างกายหญิงสาว ฉินหมิงก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจวอกแวกไปชั่วขณะ

นี่คือชีวิตหลังเกษียณขององค์รัชทายาทหรือ?

เสี่ยวชุ่ยเป็นหญิงสาวที่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน

มีคำกล่าวที่ดีอยู่ประโยคหนึ่งว่า สาวใช้ที่ไม่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นพระชายา ไม่ใช่สาวใช้ที่ดี

น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทเป็นคนเถรตรงเกินไป

แม้ว่าบางครั้งนางจะเผยให้เห็นน่องขาครึ่งหนึ่ง จัดข้าวของด้วยท่าทางอรชรอ้อนแอ้นอยู่ต่อหน้าเขา

อีกฝ่ายก็ไม่เคยคิดเรื่องไม่ดีเลย

แต่สองสามวันนี้ หลังจากที่องค์รัชทายาทถูกปลดออกจากตำแหน่ง ดูเหมือนว่าเขาจะปลดปล่อยตัวเองออกมา

เริ่มเป็นฝ่ายเข้าหาเสี่ยวชุ่ยมากขึ้น

มีหลายครั้งที่เสี่ยวชุ่ยถึงกับรู้สึกได้ว่าเวลาที่ฉินหมิงมองนาง สายตาของเขาจะไล่ลงไปเรื่อย ๆ

เล็งไปยังที่แปลก ๆ บางแห่ง...

เมื่อสบโอกาส นางกำลังจะใช้ต้นขาของตนถูไถไปที่ท้องน้อยของฉินหมิงต่อ

แต่ทันใดนั้นหูก็พลันขยับ ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“องค์ชาย ดูเหมือนว่าจะมีคนมาเพคะ”

“มาก็มาสิ”

มุมปากของฉินหมิงกระตุก

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เสี่ยวชุ่ยดูเหมือนจะเริ่มเปิดใจแล้ว

ใครจะรู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ กลับมีคนมาขัดจังหวะ

ฉินหมิงหันหน้าไปอย่างโกรธเคือง

ฉางไป๋ซานผลักประตูเรือนเข้ามาอย่างรีบร้อน

“องค์ชาย ขบวนเรือหนานหยางมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่ ข้าคำนวณเวลาไว้แล้ว พวกเขาควรจะมาถึงแล้วจริง ๆ มีอะไรหรือ?”

ฉินหมิงมองฉางไป๋ซานด้วยความสงสัย

ในตอนนั้นเอง ฉางไป๋ซานก็รีบกล่าวกับเขาว่า

“หลังจากที่ท่านจากไป ในราชสำนักก็ไม่มีใครที่สามารถคุมพวกเขาอยู่ ตอนนี้ฝ่าบาทยังทรงแต่งตั้งจ้าวสี่ไปอีก!”

“เขาหรือ?”

ฉินหมิงยิ้มออกมา เขานึกว่าจะเป็นใครเสียอีก

ฮ่องเต้เฉียนช่างไม่มีวิสัยทัศน์แม้แต่น้อยเลยจริง ๆ

ส่งคนที่ห่วยที่สุดไป

“คนทางนั้นล้วนแต่นิสัยดุดัน พูดจาไม่เข้าหูก็พร้อมจะลงไม้ลงมือ”

เหตุผลที่เฉียนไฉไม่ยอมไปในตอนแรก

หนึ่งก็เพราะรู้ว่าตนเองคุมสถานการณ์ไม่อยู่

สองก็เพราะคนเหล่านั้นคบหาด้วยยาก

หากไม่มีความมั่นใจ ก็ไม่ควรไปจะดีที่สุด

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานกล่าวอย่างโกรธแค้น

“ท่านไม่ทราบหรอกว่า ไอ้สารเลวจ้าวสี่นั่น พอไปถึงวันแรกก็แก้ราคา คิดจะใช้ราคาส่วนต่างเพื่อทุจริต”

“คนของขบวนเรือสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยาง เข้ามาในตลาดเมืองหลวงนานแล้ว รู้ราคาสินค้าในแต่ละวันเป็นอย่างดี!”

“เจ้าสารเลวนี่มิใช่สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ!”

ขุนนางคนหนึ่งที่ไม่เคยดูแลเรื่องนี้มาก่อน กลับมาเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนทำการค้าขายกับบรรดาพ่อค้า

ช่างน่าขันสิ้นดี

ฉินหมิงดึงเสี่ยวชุ่ยกลับมานั่งในอ้อมกอดอีกครั้ง แล้วถามต่อว่า

“แล้วอย่างไรต่อ?”

“ตอนนี้ถูกตีจนบาดเจ็บสาหัส ถูกโยนทิ้งไว้ที่ประตูเมืองหลวง เรื่องราวใหญ่โตมากพ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนนี้ฉินหมิงไม่ถามไถ่เรื่องราชการอีกแล้ว รอเพียงแค่การจัดสรรของราชสำนักสิ้นสุดลง ก็จะเดินทางออกจากเมืองหลวง

เรื่องราวในราชสำนัก แน่นอนว่าย่อมรู้ไม่มากนัก

แต่เรื่องราวได้บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ไม่อยากรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้

“กองคาราวานสินค้าพวกนั้นว่าอย่างไร?”

“พวกเขาบอกว่าราชสำนักจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเขา! มิเช่นนั้น ชาตินี้จะไม่เหยียบย่างเข้ามาในแผ่นดินต้าเฉียนอีกแม้แต่ก้าวเดียว!”

ที่ฉางไป๋ซานมาในวันนี้ ก็เพื่อต้องการเกลี้ยกล่อมให้ฉินหมิงยื่นมือเข้าช่วย

“องค์ชาย ท่านออกหน้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถพูดกับพวกเขาได้!”

หลายปีมานี้ มีเพียงฉินหมิงเท่านั้นที่เวลาทำการค้ากับพวกเขา ขั้นตอนทุกอย่างจะเรียบง่าย รวดเร็วอย่างยิ่ง และไม่เคยมีสถานการณ์ขูดรีดเรียกรับสินบนเกิดขึ้นเลย

ดังนั้นในสายตาของคนจากกองคาราวานสินค้าหนานหยางเหล่านี้ เขาจึงเป็นคู่ค้าที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

ต้าเฉียนอันยิ่งใหญ่ กลับมีเพียงคนเดียวที่แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางให้ความไว้วางใจ

ช่างน่าเศร้าจริง ๆ

เมื่อเผชิญกับคำพูดของฉางไป๋ซาน ฉินหมิงกลับยังคงเล่นกับเท้าที่ขาวนวลของเสี่ยวชุ่ย กล่าวอย่างเฉยเมย

“ข้าออกหน้าหรือ? ข้าจะออกหน้าทำพระแสงอะไร!”

“ข้าจะทำให้พวกเขารู้ว่า อะไรที่เรียกว่าส่งเทพออกไปนั้นง่าย แต่เชิญเทพกลับมานั้นยากนัก!”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status