“คุณจะนอนที่นี่เหรอ”“อืม ง่วง”เจ้าของเตียงนอนกว้างทำตามอย่างว่าง่าย เขมจิราขยับเข้าไปด้านในสุด คนมาขอนอนด้วยก็ตามมาใกล้ ธาดาล้มตัวลงก่อนแล้วโอบเอวคอดให้นอนลงตามเขาไป ไม่มีการพูดคุยไม่มีคำอธิบายใดในการกระทำเหล่านั้นเขมจิราจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีควรจะเป็นจนกว่าสัญญาที่มีให้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจะหมดลง!หลายวันผ่านไปเขมจิราเดินกลับเข้ามาภายในห้อง โดยในมือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยชุดสวยมากมายเธอหยุดอยู่ข้างคนนั่งพิงหัวเตียงที่ส่งยิ้มมาให้“คุณสั่งชุดมาให้ฉันเหรอคะธาม” เธอวางชุดเหล่านั้นลง“อืม”“ทำไมถึงสั่งมาเยอะขนาดนี้”“แล้วไม่ดีหรือไง คุณทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น ต้องใส่หลากหลายไม่ใช่เหรอ” ธาดานั่งตัวตรงแล้วขยับเข้ามาใกล้หญิงสาว“ขอบคุณนะคะ งั้นฉันไปแต่งตัวก็จะออกไปเลย”“อืม”เขมจิราเลือกชุดที่เหมาะกับการทำงานวันแรก ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่มีรสนิยมคนหนึ่ง สามารถเลือกเสื้อผ้าเข้ากับสไตล์การแต่งตัวของเธอได้เป็นอย่างดี“จากวันนี้ไปชาจะเป็นคนดูแลคุณ”คนกำลังเตรียมตัวหยุดมือก่อนจะหันกลับมายังคนพูด“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้”“เป็น!” คำสั่งกลาย ๆ จากน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขมจิราขัดไม่ได้ หากเขาเ
มื้อเย็นของเขมจิราได้กินบนห้องนอนของตนเอง เมื่ออาการร้าวระบมยังคงเล่นงานอย่างหนักจนไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างที่ต้องการทว่าภายในห้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ธาดาหลังจากจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็มาอยู่เป็นเพื่อนเธอ“คุณจะไม่ให้ผมตามหมอจริงนะเหรอ” คำถามเดิมย้ำขึ้นอีกครั้ง“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” คนปากแข็งก็นิ่วหน้าเมื่อขยับตัวมาเฟียหนุ่มนั่งลงข้างเจ้าของเตียงกว้าง คราแรกก็ว่าจะออกไปทำงานพอเห็นอย่างนี้จะให้วางใจได้อย่างไร“แน่ใจนะ ไม่ต้องอายไปหรอก เดี๋ยวก็ป่วยขึ้นมาอีก” เสียงราบเรียบหยิบยกเรื่องเหมือนครั้งก่อนมาอ้างแววตานิ่งสนิทจนยากจะคาดเดา เขมจิรามองไม่ออกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เพราะเป็นห่วงหรือว่ากลัวว่าร่างกายเธอจะไม่พร้อมกันแน่“เป็นหมอคนเดิมใช่ไหม?”“อืม ถึงพศินจะเป็นผู้ชายแต่ในบรรดาหมอทั้งหมด มันเก่งที่สุด คุณไว้ใจได้” ธาดาอธิบายเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของหญิงสาว ฝ่ามืออุ่นก็ลูบไล้บนแก้มเนียนอย่างเบามือ“ต่อไปคุณเป็นคนของผม ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ขอแค่เชื่อฟังไม่มีใครกล้าทำอะไรคุณได้”“ค่ะ ทำตามที่คุณเห็นสมควรแล้วกัน” ดวงตากลมโตหลุบต่ำลง มองเพียงแค่มือของตนเองจะไปหว
“อื้อ!”ความฉ่ำแฉะของน้ำหวานสีใสไม่ได้ช่วยให้การสอดใส่เป็นไปอย่างราบรื่น ตัวตนของมาเฟียหนุ่มมีขนาดใหญ่เกินที่เขมจิราจะรับไหวในครั้งแรกเธอเจ็บแสบจนน้ำตาไหลอย่างไม่อาจกักเก็บมันเอาไว้“พอ...ไม่ต้องกดลงมาแล้ว” ธาดาจับเอวคอดค้างไว้หากฝืนเธอต้องได้เลือดแน่“ฉัน...ขอโทษ” ดวงตาปิดสนิทลืมขึ้น คิดว่าเจ้าหนี้เกิดไม่พอใจถึงได้สั่งให้หยุดเสียงเครียด“ผมไม่ได้ว่าอะไร แค่จะทำเอง” บอกไปแล้วธาดาก็ยกเธอขึ้น สัมผัสของช่องคับแคบทำให้ชายหนุ่มนิ่วหน้ามาเฟียหนุ่มย้ายจากเก้าอี้ตัวใหญ่มาที่โซฟากลางห้อง เขมจิรายืนอยู่บนพื้นพรหม เขาพลิกให้เธอหันหลังให้ ดึงสะโพกงามงอนขึ้นสูง แยกขาเรียวออกกว้างธาดาแทรกตัวเข้าไปยืนตรงกึ่งกลางความสวยงามของดอกไม้บานสะพรั่ง จับแท่งเนื้อจ่อปากทางแดงระเรื่อ สะโพกสอบกดเข้าไปในร่องคับแคบทีละนิด“อ๊ะ” ความเจ็บกลับมาเล่นงานอีกครั้งแม้ว่าสิ่งแปลกปลอมจะค่อย ๆ ขยับเข้ามาก็ตามทีเขมจิรากัดริมฝีปากข่มกลั้นความทรมานนั้นไว้จนสวนนั้นชาหนึบร่องคับแคบของสาวบริสุทธิ์ทำให้เข้าไปภายในได้ยาก ลำแท่งร้อนสอดแทรกได้เพียงครึ่งก็ปวดหนึบจากแรงตอดรัดของโพรงร้อนธาดาไม่ดันทุรังดันเข้าไปอีกครั้งแรกยังไม่อยากใ
เขมจิรารวบรวมความกล้าทั้งหมดพลางหย่อนตัวลงนั่งบนหน้าขาของธาดา ฝ่ามือเล็กยกขึ้นลูบไล้กล้ามเนื้อบึกบึนบริเวณหน้าอกหนาอย่างเบามือ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างมีจริตจะกร้านหัวใจของมาเฟียหนุ่มเต้นแรงพอถูกหญิงสาวยั่วยวน มือใหญ่วางบนสะโพกสวย เขมจิราทำให้เขารู้สึกกระสันจนต้องบีบน้ำหนักลงแก้มก้นงามงอนไปหลายที“คำว่าพอใจของผมมันไม่ได้ตายตัว ถ้าคุณอยากรู้ก็ต้องหาเอง” เสียงทุ้มกล่าวชิดใบหน้าของลูกหนี้สาว ดูก็รู้ว่าเธอไม่ได้เจนจัดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เข้ามาคงเพราะอดรนทนไม่ไหวที่ต้องอยู่แค่ในอาณาบริเวณพื้นที่ของเขา‘หาเองอย่างนั้นเหรอ จะต้องเริ่มหาจากตรงไหน’ คิ้วสวยจรดเข้าหากันอย่างคนคิดหนัก“อยากลองดูไหม แต่ผมไม่ได้บังคับนะ”สีหน้าของเธอทำให้ธาดาอยากสอนคนหัวไวอีกครั้ง ชายหนุ่มกระชับเรือนกายหอมเข้ามาใกล้จนความนุ่มนิ่มสัมผัสร่างกายแนบชิดมือเล็กกำสาบเสื้อราคาแพงเอาไว้แน่น ความประหม่าทำให้เนื้อตัวสั่นเทา มาถึงขั้นนี้แล้ว ‘มีแต่เดินหน้า ไม่มีถอยหลัง!’“ฉันจะลองดู ถ้าทำให้คุณไม่พอใจฉัน...”“สำหรับผม คำนั้นมันไม่ได้สำคัญเท่าคุณตั้งใจทำมันหรือเปล่า”“!!!” “เริ่มเลยไหมหรือจะต้องให้ผมสอน”
คนที่พึ่งฟื้นจากไข้เดินลงมาจากชั้นบน แม้ว่าจะยังรู้สึกปวดหัวและมึนงงอยู่บ้าง แต่การได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกแทนที่จะนอนซมอยู่แค่บนเตียงก็ยังรู้สึกว่าดีกว่ายังเป็นการหลบใครบางคนด้วยเขมจิราเดินตรงไปยังห้องครัวพอเห็นแม่บ้านที่ช่วยเหลือจึงเดินเข้าไปหา“ขอบคุณนะคะเรื่องเมื่อคืน” รอยยิ้มขอบคุณส่งให้อีกฝ่ายด้วยความจริงใจ“ดีขึ้นแล้วเหรอคะ”แม่บ้านวัยกลางคนละมือจากงานที่ทำ ส่งให้แม่บ้านอีกคนทำต่อ“เมื่อคืนคุณไข้ขึ้นสูงมากทำให้พวกเราใจคอไม่ดีไปตาม ๆ กัน แล้วที่ลงมาแต่เช้าแบบนี้ไม่ดีนะคะรู้ไหม” ว่าแล้วก็วางมือบนแขนเรียวพาเขมจิรามานั่งอีกฝั่ง“ดีขึ้นแล้วค่ะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก” สีหน้าของเธอเจือนลง“ไม่เป็นไรเลยค่ะ นายสั่งไว้ว่าให้ดูแลคุณให้ดี นายไม่ได้ลงมาด้วยเหรอคะ”“ไม่ค่ะ เขายังนอนอยู่ฉันก็เลยลงมาก่อน” อันที่จริงก็หนีเขาลงมานั่นแหละ“อ้อ... ก็น่าอยู่หรอกค่ะ พอหมอกลับนายเป็นคนเฝ้าไข้คนเดียว ฉันก็พึ่งเคยเห็นว่านายดูใครอย่างนี้ เอ่อ...คุณจะทานข้าวเลยไหมคะ” พอรู้ตัวว่าตนพูดมากเกินความจำเป็น แม่บ้านใหญ่จึงหยุดคำพูดลงเพียงเท่านั้นก่อนจะยกเรื่องมื้อเช้าขึ้นมาแทนคนป่วยรู้สึกแปลกใจเหมือนกั
“ห๊ะ! ลูกหนี้งั้นเหรอ” พศินหยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันมาถามย้ำกับชัชอีกที“ครับ”เป็นคำตอบที่ทำให้หมอหนุ่มแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง แค่ลูกหนี้คนเดียวทำไมถึงทำให้ธาดาเร่งรีบราวกับว่าเป็นคนสำคัญเสียอย่างนั้น“คุณหมอ รีบขึ้นข้างบนเถอะค่ะนายรออยู่”พศินถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อแม่บ้านใหญ่บอก เขาชักอยากจะเห็นหน้าลูกหนี้คนนี้ของเพื่อนแล้วสิ ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรถึงทำให้ทุกคนภายในบ้านอยู่กันไม่สุขได้ถึงขนาดนี้“ป้านำผมไปเลยครับ”“เชิญค่ะ”พศินเดินตามแม่บ้านวัยกลางคนขึ้นไปชั้นบน โดยมีสายตาของบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองยืนมองไล่หลัง“เกือบไปแล้ว ดีนะที่กูออกไปรับหมอมาทัน ไม่งั้น ฮึ่ย... ไม่อยากจะคิด” ชาปาดเหงื่อออกจากใบหน้าเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดอย่างเจ้านายสั่งมา“มึงไปรับหมอที่ไหน” ชัชเองก็อารมณ์ไม่ต่างจากอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก“คอนโดสิ ถ้าโรงพยาบาลจะมาทันเหรอเวลานี้ โดนสองเด้งเลยกู ทั้งนายทั้งหมอ” ชาเริ่มบ่นกระปอดกระแปด“เออน่า ดีแค่ไหนแค่โดนนายบ่นหรือมึงอยากโดนอย่างอื่น”“.....” ก๊อก ก๊อก ก๊อก“นายคะ หมอมาแล้วค่ะ”“เข้ามา”ทั้งสองสนทนากันข้ามประตูพอคนเป็นนายอนุญาตแม่บ้านใหญ่ก็เปิดให้หมอเข้าไป“ช้าไป