LOGIN
วัตถุสีดำเย็นเฉียบถูกจ่อแนบเข้าที่ขมับของพิมพ์แพรดาว ปลายนิ้วของเขาอยู่บนไกปืนพร้อมจะลั่นได้ทุกเมื่อ สายตาของเขาว่างเปล่ามองหญิงสาวเหมือนไม่ใช่คน
หญิงสาวยืนนิ่งร่างสั่นเทา น้ำตาเอ่อคลอจนไหลพรากไปตามแก้ม เธอหลับตาลงเพราะไม่อาจทนรับแรงกดดันได้อีกต่อไป แต่หัวใจกลับไม่ยอมสั่นคลอน กลัวแต่ไม่ยอมแพ้
“สมใจเธอแล้วใช่ไหมพิมพ์แพรดาว!” เสียงตะโกนของเขาดังก้องสะท้อนในความเงียบงัน ราวกับต้องการฉีกหัวใจของเธอออกเป็นเสี่ยงๆ
“แพรทำอะไรให้พี่ปริ้นท์” เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นน้ำตายังรินไหล แต่แววตานั้นกลับแน่วแน่กว่าเดิม
“ทำอะไร? ไอ้ที่ฉันต้องตกอยู่ในสภาพนี้คืออะไร!”
“แพรไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เธอปากสั่นเทาเพราะกลัวว่าเขาจะลั่นไกจริงๆ
“ฉันเกลียดเธอ!” เสียงตวาดดังลั่น ก่อนที่แหวนหมั้นวงนั้นจะถูกถอดออกจากนิ้วของปรินวัชร์ แล้วปาใส่หน้าเธออย่างแรง
พิมพ์แพรดาวเซไปเล็กน้อย ความเย็นของโลหะกระทบผิวพร้อมกับความปวดร้าวในใจที่ราวจะทะลุอก
“จำไว้นะ คนที่ฉันรักมีแค่ฟ้าวันใหม่คนเดียวเท่านั้น!” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง จนหญิงสาวแทบลมหายใจติดขัด
เธอก้มตัวลงช้าๆ มองแหวนวงเล็กที่กลิ้งอยู่บนพื้น แหวนที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของคำสัญญาและความรักที่เธอเชื่อมั่นสุดหัวใจ
มือบางสั่นเทาเมื่อเอื้อมไปเก็บมันขึ้นมาก่อนจะกำแหวนไว้แน่นในฝ่ามือ ราวกับกลัวว่ามันจะหล่นหายไปอีกเธอไม่พูด ไม่เถียง เพียงมองแหวนที่ถูกปาใส่ด้วยสายตาเศร้าและถนอมมันไว้อย่างดี ความอ่อนโยนของเธอยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“เธอจำไว้นะว่าเราแค่หมั้นกันเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉัน ฉันจะมีใครมันก็เรื่องของฉัน”
เสียงของปรินวัชร์สะท้อนก้องในหัว แต่พิมพ์แพรดาวกลับเงียบงัน ดวงตาเปียกชื้นยังจับจ้องอยู่ที่วงแหวนเล็กในมือสิ่งสุดท้ายที่หลงเหลือ
หลังจากพูดจบปรินวัชร์หมุนตัวเดินออกมาจากห้องทันที เสียงประตูปิดดังตามด้วยความเงียบที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
เขาเดินออกไปทางระเบียง มือสั่นน้อยๆ ขณะจุดไฟแช็ก กลิ่นควันบุหรี่จางๆ ลอยคลุ้งไปทั่วอากาศกลางคืนเปลวไฟสว่างวาบก่อนมอดดับ เหลือเพียงปลายบุหรี่สีส้มแดงที่ส่องแสงอยู่ในเงามืด
เขาสูดควันเข้าปอดลึกๆ พยายามกลืนความโกรธลงไปพร้อมควันนั้น แต่ยิ่งพ่นออกความขมขื่นกลับยิ่งล้นทะลักขึ้นมาในใจ
เขานึกย้อนไปก่อนวันหมั้นเขาไม่น่าเสียรู้ผู้หญิงคนนี้เลย เขาชอบฟ้าวันใหม่ซึ่งเป็นพี่สาวของพิมพ์แพรดาว ตามจีบกันมาหลายเดือน เขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หัวใจของอีกฝ่าย
รับบทเป็นพระเอกแสนดีทั้งๆ ที่จริงตัวตนของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น และสุดท้ายเขาก็แพ้ให้กับผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ฟ้าวันใหม่เลือกลูกน้องคนสนิทของพ่อ แต่ไม่เลือกเขา
มันทำให้เขาเสียหน้าจากที่สวมบทพระเอกก็สวมบทตัวร้ายที่เขาถนัด โดยการลักพาตัวฟ้าวันใหม่เขาไม่ได้จะทำอะไร แต่แค่อยากถามว่าอีกฝ่ายคิดดีแล้วใช่ไหม แต่พิมพ์แพรดาวตามมาเห็นว่าเขาพยายามจะข่มเหงพี่สาวตัวเอง
เขาเห็นพิมพ์แพรดาวทีไรเขายิ่งเกลียดเธอเข้าไปทุกที จนวันที่เขาเมาหนัก และตื่นขึ้นมาพบว่าข้างกายเขามีหญิงสาวนอนอยู่ข้างกาย และความบรรลัยมาเยือนเมื่อผู้ใหญ่เข้ามาเห็นพอดี
ยิ่งกว่าฉากในละครเสียอีกเขาถูกบังคับให้หมั้นหมาย แม่ของเขาเอ็นดูพิมพ์แพรดาวมาก บอกลูกสะใภ้ต้องคนนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้อะไรเขาเลย
“คุณแพรออกไปผับครับ” เสียงรายงานของชาตรีลูกน้องคนสนิทดังขึ้นเบาๆ
ปรินวัชร์ที่เอนหลังอยู่บนโซฟา เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ แววตาแดงคล้ำจากทั้งความเหนื่อยและความขุ่นใจ เขาไม่ได้ตอบทันที เพียงพ่นควันบุหรี่ออกมาทีละน้อย ก่อนพูดเสียงต่ำเย็นชา
“จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะวะ...”
คำพูดนั้นเรียบ แต่เฉือนใจยิ่งกว่ามีดชาตรียืนนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือเอ่ยถามต่อ เขารู้ดีว่าเจ้านายของตนกำลังเดือดทั้งโกรธ แต่ไม่อาจแสดงออกได้
ปรินวัชร์เอนศีรษะพิงพนักโซฟา สูดควันเข้าปอดอีกครั้งราวจะเผาใจตัวเองให้มอดไปพร้อมปลายบุหรี่
เสียงเพลงในผับดังคลอแผ่วๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวพิมพ์แพรดาวนั่งอยู่มุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ มือบางถือแก้วเหล้าแน่น ดวงตาแดงช้ำราวผ่านการร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน
“แพรรักพี่ปริ้นท์นะ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้กับแพร ฮึก” เสียงเธอสั่นพร่าก่อนจะหัวเราะเบาๆ ทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด
เธอยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด รสขมของแอลกอฮอล์ไม่อาจกลบความเจ็บในอกได้เลย ทุกคำพูดของเขายังวนอยู่ในหัว “ฉันเกลียดเธอคนที่ฉันรักมีแค่ฟ้าวันใหม่”
เธอหลับตาแน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าพี่จะรักพี่ฟ้าจริงๆ แพรก็จะไม่ยอมให้เขาได้ไปง่ายๆ หรอก”
เธอก็รักของเธอมาตั้งนานทุกครั้งที่เขามาบ้าน เธอมักจะแอบมองเพราะพ่อสั่งไม่ให้ไปรบกวนแขก แต่ฟ้าวันใหม่กลับได้ไปนั่งอยู่ในนั้น
ตอนที่รู้ว่าเขาตามจีบพี่สาวตัวเอง เธอแทบเป็นบ้าเพราะไม่อยากเห็นเขารักใคร ฟ้าวันใหม่ไปไหนเธอจะไปด้วย และยอมเป็นแม่สื่อให้จิรกานต์เข้ามาจีบฟ้าวันใหม่ หวังจะแยกเขาออกห่าง และเธอก็ทำสำเร็จวันนี้เธอได้ครอบครองเขาแล้ว
ถึงจะเจ็บแค่ไหนแต่เธอไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ต่อให้ต้องตายด้วยน้ำมือของเขา เธอก็ยินยอมขอแค่ได้อยู่ข้างกายเขาก็พอ
พิมพ์แพรดาวเดินออกมาจากผับ เธอถอดรองเท้าส้นสูงทิ้งไว้ข้างทาง เท้าเปล่าแตะบนพื้นเย็นเหน็บ แสงไฟถนนสะท้อนบนผิวเปียกชื้นจากฝนตกเมื่อคืน เธอก้าวไปอย่างไร้จุดหมาย น้ำตายังคงไหลพรากร้องไห้ราวกับคนบ้า
ลมเย็นพัดมากระทบผิวกายจนเธอสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุอก เธอกำลังจะก้าวข้ามถนนไปอีกฝั่ง ใจเต้นรัวและสติแทบไม่อยู่กับตัว
ในพริบตารถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องดังสนั่น ไฟหน้าส่องสว่างพร่าไปหมด แผ่นปูนที่เท้าเธอแตะเย็นเฉียบ น้ำตายังไหลหยดลงพื้นขณะที่ร่างกายของเธอยังไม่ทันตั้งตัว
ร่างของพิมพ์แพรดาวทรุดลงข้างทาง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนแทบไม่มีแรงจะขยับ เธอพยายามฝืนลืมตามองแสงไฟบนท้องถนนที่เริ่มพร่ามัว ในหัวมีเพียงภาพของเขาคนที่เธอรักหมดหัวใจ
“พี่ปริ้นท์...” เสียงเธอสั่นเบา ริมฝีปากแทบขยับไม่ไหว ความทรงจำมากมายผุดขึ้นมาเธออยากเก็บภาพนั้นไว้ให้ได้นานที่สุด
สายลมเย็นพัดผ่าน กลีบดอกไม้แห้งปลิวลงมาแตะข้างแก้มหญิงสาวค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า
“ชาตินี้แพรไม่อยู่แล้วดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
อีกด้านมิ้นท์นอนอยู่บนเตียงสีหน้าซีดขาว แสงแดดยามบ่ายส่องลอดผ้าม่านเข้ามาอ่อนๆ หยาดน้ำตาไหลรินจากหางตา เธอพยายามฝืนมองใบหน้าของแม่ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
ความเจ็บปวดจากโรคร้ายกัดกินร่างกายจนแทบไม่เหลือแรง เธอแค่คนธรรมดาที่เคยอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากทำงาน อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น แต่โชคชะตากลับโหดร้ายเกินไปสำหรับเธอ
“มึงรีบตายๆ ไปเลยตัวภาระ กูหมดเงินรักษามึงไปเยอะแค่ไหนแล้ว”
“แม่หนูรักแม่นะ” เสียงแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ
“มึงเกิดมาทำไมก็ไม่รู้”
“ชาติหน้าหนูขอไม่เกิดแล้ว”
หญิงสาวหลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้ความปวดร้าวค่อยๆ จางหาย เหลือเพียงรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงบ
ปารินดา หรือน้องปาลิน อายุครบสองขวบเต็มในวันนี้ เด็กหญิงตัวอ้วนกลม ผิวขาวอมชมพูแก้มแดงเหมือนลูกแอปเปิล กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กลางห้องนั่งเล่น เสียงหัวเราะใสๆ ของหนูน้อยกลายเป็นดนตรีที่ทำให้บ้านทั้งหลังอบอวลไปด้วยความสุข“ปาป๊า! ปาป๊า!” ปาลินวิ่งเตาะแตะเข้ามากอดขาพ่อแน่น ริมฝีปากเล็ก ๆ พูดอ้อแอ้แต่เต็มไปด้วยความรักปรินวัชร์ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มเย็นชาและเด็ดขาดในทุกเรื่อง กลับยืนยิ้มกว้างเหมือนละลายไปกับท่าทีของลูกสาว เขาก้มลงอุ้มปาลินขึ้นแนบอก มือใหญ่ลูบหัวทุยเบาๆ“วันนี้วันเกิดลูกสาวปะป๊าใช่ไหมครับ คนดีอายุสองขวบแล้วนะ” น้ำเสียงของเขานุ่มจนพิมพ์แพรดาวที่ยืนมองอยู่เผลอยิ้มออกมา“อย่าตามใจมากนะคะ เดี๋ยวโตขึ้นจะดื้อ” พิมพ์แพรดาวพูดพร้อมกับเดินเข้ามาวางเค้กเล็กๆ บนโต๊ะ“ใครจะกล้าว่าลูกปะป๊าดื้อล่ะ ห้ามเลยนะ” เขาตอบทันที ทำเอาแพรหลุดหัวเราะออกมา“หวงลูกเกินไปแล้ว”“ก็ลูกสาวน่ารักจะตาย ใครมองแรงจะยิงทิ้งหมด!” เขาพูดจริงจังแต่สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู เด็กหญิงหัวเราะคิกคักก่อนจะจุ๊บแก้มพ่อเสียงดัง“ปาป๊า จุ๊บ!” “เห็นไหมปาลินรักพ่อขนาดนี้ ใครจะมาแย่งไปพ่อไม่ยอมแน่” ปริน
พิมพ์แพรดาวเปิดประตูบ้านเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉียบ ก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาอย่างแรง เธอยังรู้สึกเลือดเดือดพล่านหลังจากรู้ความจริงว่าอาการบาดเจ็บของปรินวัชร์ เป็นเพียงแผนที่เขาใช้หลอกให้เธอเป็นห่วงและกลับมาอยู่ข้างเขา“แพรฟังฉันก่อน” ปรินวัชร์เปิดประตูเข้ามาในสภาพยังไม่ทันถอดสูท “ฟังทำไมคะ? จะให้ฟังคำโกหกของคุณอีกเหรอ แกล้งทำเป็นเจ็บตัวเพื่อให้แพรกลับไปดูแล มันสนุกนักใช่ไหม!” หญิงสาวหันขวับ“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เธอโกรธ” เขาพูดเสียงอ่อน แต่สายตายังจริงจัง “ฉันแค่...”“แพรไม่อยากฟัง” น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ทั้งโกรธทั้งเสียใจ “แพรที่ทำไปเพราะอยากขอเธอแต่งงานอีกครั้ง ในหัวใจของเธอก็รักฉันมากเหมือนกันใช่ไหม” เขาก้าวเข้าไปใกล้ แต่เธอกลับถอยหนี“มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คุณใช้ความเป็นห่วงของแพรเป็นเครื่องมือ!” เธอตะโกนใส่ก่อนหันหลัง “เธอจะเดินหนีฉันไปอีกเหรอ ทั้งที่รู้ว่าฉันรักเธอขนาดนี้” เขายืนนิ่งกำมือแน่น แววตาสำนึกเต็มเปี่ยมแต่ก็เจือด้วยความห่วงใย หญิงสาวหยุดฝีเท้าหันกลับมามอง พิมพ์แพรดาวยืนนิ่งน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าคุกเข่าลงอีกครั้ง เสียงพ
เช้านั้นแสงแดดอ่อนส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในโถงบ้าน พริชเดินลงบันไดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขากำลังจะออกไปทำงาน แต่ทันทีที่หันมาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตยับเล็กน้อย เดินออกมาจากห้องลูกสาวของตัวเองพอดี“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ” ปรินวัชร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มสุภาพ แต่สายตานั้นกลับเจือความเจ้าเล่ห์อยู่ในที“คุณเข้ามาได้ยังไง” น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ “เมื่อคืนผมนอนนี่ครับ” เขายกมือเกาท้ายทอยนิดๆ ก่อนตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาคำตอบนั้นทำให้คนเป็นพ่อถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมองประตูห้องของแพรที่ยังปิดสนิท“คุณหมายความว่ายังไง” พริชเอ่ยช้าๆ พยายามควบคุมอารมณ์“ก็อย่างที่คุณพ่อได้ยินนั่นแหละครับ ผมแค่มาหาแพร แล้วเผอิญดึกไปหน่อยเลยนอนค้าง” เขายกยิ้มอย่างพอใจ“บ้านของฉันไม่ใช่ที่สาธารณะจะเดินเข้าออกได้อย่างสบายใจ” น้ำเสียงของพ่อเริ่มเข้มขึ้น“ผมรับรองครับว่าผมดูแลลูกสาวคุณพ่อเป็นอย่างดี” เขายังคงไม่สะทกสะท้าน “คุณมัน…!” พริชถึงกับถอนหายใจยาว เขาไม่รู้จะว่ากล่าวยังไงดีในขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงยิ้มบางๆ แล้วโค้งตัวเล็กน้อยเหมือนจะล้อเลียนอย่างม
เขากุมมือเธอไว้แน่นมองใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างห่วงใย ดวงตาที่ไม่เคยอ่อนโยนต่อใครกลับเต็มไปด้วยความกังวล“แพรได้ยินฉันไหม”เปลือกตาของหญิงสาวค่อยๆ ขยับ เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบห้องสีขาว ก่อนจะเห็นเขานั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าดูอิดโรยแต่ยังพยายามยิ้มให้“คุณปริ้นท์แพรเป็นอะไรไป” เสียงเธอเบาแทบกระซิบ ความทรงจำสุดท้ายคือเวียนศีรษะจากที่มองพลุก่อนจะจำอะไรไม่ได้“เป็นลมน่ะ” เขาตอบเสียงนุ่ม พลางใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเธอเบาๆ “...” เธอลองขยับตัวแต่รู้สึกเวียนหัวจนต้องเอนกลับไป“ไม่ต้องคิดมาก แค่พักผ่อนก่อนนะ” เขาบอก แต่สายตากลับหลบไปทางอื่น“หมอบอกว่ายังไงบ้างคะ” พิมพ์แพรดาวขมวดคิ้ว“เอ่อ เรื่องนั้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังรวบรวมความกล้าดวงตาคมเข้มสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด“ว่าไงคะ” เธอถามย้ำเสียงยังอ่อนแรงแต่แฝงความสงสัย “ท้อง...” เขาสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วจนแทบเป็นกระซิบ“อะไรนะคะ?” เธอเบิกตากว้าง ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่ “หมอบอกว่าแพรท้อง” เขาพูดช้าๆ แล้วก้มหน้าลงมือที่จับมือเธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอชะงักไปทั้งตกใจทั้งสับสน ใจหนึ่งเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ ส
ปรินวัชร์เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยหลังจากเฝ้าไข้พิมพ์แพรดาวทั้งคืน เขาดูอิดโรยแต่แววตายังคงอ่อนโยนเมื่อคิดถึงหญิงสาวในห้องนั้น ชายหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าออกจากทางเดินโรงพยาบาล ทว่ากลับสวนกับฟ้าวันใหม่พอดี“คุณปริ้นท์จะกลับแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงของเธออ่อนลง ต่างจากครั้งก่อนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและถือดี“อืม” เขาตอบสั้นๆ ไม่ได้มองหน้าเธอนานนัก เพียงแค่หยุดยืนเพราะมารยาท“เอ่อ…คุณปริ้นท์คะเรื่องของคุณที่ผ่านมาฟ้า...” “ไม่ต้องพูดหรอก ผมต่างหากที่ควรพูดก่อน” เขาหันกลับมามองหญิงสาว ดวงตาคมแต่สงบนิ่ง“เรื่องของคุณที่ผ่านมาผมขอโทษด้วยนะ ตอนนั้นผมไม่รู้หัวใจตัวเองดีพอ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคนที่ผมรักคือพิมพ์แพรดาว”“งั้นเหรอคะ อย่างน้อยฟ้าก็ดีใจที่คุณรู้ว่าความรักแท้เป็นยังไง” “ขอบคุณที่เข้าใจ” ปรินวัชร์พยักหน้าช้าๆ เขาพูด ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย อาเธอร์มาถึงตามนัดในตอนสายของวันหยุด ร้านกาแฟประจำที่ทั้งคู่มักมานั่งคุยงานกันดูเงียบสงบกว่าทุกครั้งพอเขานั่งลง ปรินวัชร์ก็เปิดประเด็นขึ้นทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนสั่งกาแฟด้วยซ้ำ“ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายแบบไหนวะ” น้ำเสียงของ
เสียงหวีดแหลมของเธอดังก้องเหนือแม่น้ำ ก่อนร่างบางจะร่วงลงจากดาดฟ้าเรือ เสียงน้ำกระเซ็นดังก้องสะท้อนกลางค่ำคืน แสงไฟจากเรือสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับราวกับภาพฝันอันเลือนราง ตู้ม!“แพร!!!” เสียงตะโกนของปรินวัชร์ดังลั่น เขาไม่คิดแม้แต่วินาทีเดียว ร่างสูงพุ่งพรวดไปที่ราวเรือก่อนจะกระโดดลงไปในความมืดของสายน้ำเสียงกระแทกของร่างเขาดังตามมาอีกระลอก น้ำเย็นเฉียบปะทะทั่วตัว แต่เขาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากหญิงสาวที่กำลังจมหายไปต่อหน้า“แพร! อยู่ไหน!” เขาตะโกนลั่น พยายามมองหาในความมืด ปรินวัชร์ดำผุดดำว่ายอย่างบ้าคลั่งกลางสายน้ำที่มืดมิดและเชี่ยวกราก สายลมยามค่ำพัดแรงจนคลื่นกระทบตัวเขาไม่หยุด จนเขามองเห็นหญิงสาวไม่รอช้าสักเสียววินาที ลูกน้องที่กระโดดลงมาช่วยต่างพากันไม่กลัวตาย ก่อนจะพาปรินวัชร์และพิมพ์แพรดาวขึ้นเรือได้อย่างปลอดภัย“แพร ลืมตาสิได้ยินไหม!” เขาตะโกนเรียกข้างหูน้ำที่เย็นเฉียบยิ่งทำให้เสียงของเขาสั่นเครือ เธอไม่ตอบร่างเล็กแน่นิ่งในอ้อมแขนปรินวัชร์กัดฟันแน่น“แพร! ได้ยินไหม!” เขาตะโกนอีกครั้ง ขณะตบเบาๆ ที่แก้มเธอน้ำที่ไหลตามเส้นผมของเธอหยดลงบนฝ่ามือเขาอย่างช้าๆ ใบหน้าของ







