เข้าสู่ระบบปารินดา หรือน้องปาลิน อายุครบสองขวบเต็มในวันนี้ เด็กหญิงตัวอ้วนกลม ผิวขาวอมชมพูแก้มแดงเหมือนลูกแอปเปิล กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กลางห้องนั่งเล่น เสียงหัวเราะใสๆ ของหนูน้อยกลายเป็นดนตรีที่ทำให้บ้านทั้งหลังอบอวลไปด้วยความสุข“ปาป๊า! ปาป๊า!” ปาลินวิ่งเตาะแตะเข้ามากอดขาพ่อแน่น ริมฝีปากเล็ก ๆ พูดอ้อแอ้แต่เต็มไปด้วยความรักปรินวัชร์ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มเย็นชาและเด็ดขาดในทุกเรื่อง กลับยืนยิ้มกว้างเหมือนละลายไปกับท่าทีของลูกสาว เขาก้มลงอุ้มปาลินขึ้นแนบอก มือใหญ่ลูบหัวทุยเบาๆ“วันนี้วันเกิดลูกสาวปะป๊าใช่ไหมครับ คนดีอายุสองขวบแล้วนะ” น้ำเสียงของเขานุ่มจนพิมพ์แพรดาวที่ยืนมองอยู่เผลอยิ้มออกมา“อย่าตามใจมากนะคะ เดี๋ยวโตขึ้นจะดื้อ” พิมพ์แพรดาวพูดพร้อมกับเดินเข้ามาวางเค้กเล็กๆ บนโต๊ะ“ใครจะกล้าว่าลูกปะป๊าดื้อล่ะ ห้ามเลยนะ” เขาตอบทันที ทำเอาแพรหลุดหัวเราะออกมา“หวงลูกเกินไปแล้ว”“ก็ลูกสาวน่ารักจะตาย ใครมองแรงจะยิงทิ้งหมด!” เขาพูดจริงจังแต่สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู เด็กหญิงหัวเราะคิกคักก่อนจะจุ๊บแก้มพ่อเสียงดัง“ปาป๊า จุ๊บ!” “เห็นไหมปาลินรักพ่อขนาดนี้ ใครจะมาแย่งไปพ่อไม่ยอมแน่” ปริน
พิมพ์แพรดาวเปิดประตูบ้านเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉียบ ก่อนจะโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาอย่างแรง เธอยังรู้สึกเลือดเดือดพล่านหลังจากรู้ความจริงว่าอาการบาดเจ็บของปรินวัชร์ เป็นเพียงแผนที่เขาใช้หลอกให้เธอเป็นห่วงและกลับมาอยู่ข้างเขา“แพรฟังฉันก่อน” ปรินวัชร์เปิดประตูเข้ามาในสภาพยังไม่ทันถอดสูท “ฟังทำไมคะ? จะให้ฟังคำโกหกของคุณอีกเหรอ แกล้งทำเป็นเจ็บตัวเพื่อให้แพรกลับไปดูแล มันสนุกนักใช่ไหม!” หญิงสาวหันขวับ“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เธอโกรธ” เขาพูดเสียงอ่อน แต่สายตายังจริงจัง “ฉันแค่...”“แพรไม่อยากฟัง” น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ทั้งโกรธทั้งเสียใจ “แพรที่ทำไปเพราะอยากขอเธอแต่งงานอีกครั้ง ในหัวใจของเธอก็รักฉันมากเหมือนกันใช่ไหม” เขาก้าวเข้าไปใกล้ แต่เธอกลับถอยหนี“มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คุณใช้ความเป็นห่วงของแพรเป็นเครื่องมือ!” เธอตะโกนใส่ก่อนหันหลัง “เธอจะเดินหนีฉันไปอีกเหรอ ทั้งที่รู้ว่าฉันรักเธอขนาดนี้” เขายืนนิ่งกำมือแน่น แววตาสำนึกเต็มเปี่ยมแต่ก็เจือด้วยความห่วงใย หญิงสาวหยุดฝีเท้าหันกลับมามอง พิมพ์แพรดาวยืนนิ่งน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าคุกเข่าลงอีกครั้ง เสียงพ
เช้านั้นแสงแดดอ่อนส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในโถงบ้าน พริชเดินลงบันไดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขากำลังจะออกไปทำงาน แต่ทันทีที่หันมาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตยับเล็กน้อย เดินออกมาจากห้องลูกสาวของตัวเองพอดี“สวัสดีตอนเช้าครับคุณพ่อ” ปรินวัชร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มสุภาพ แต่สายตานั้นกลับเจือความเจ้าเล่ห์อยู่ในที“คุณเข้ามาได้ยังไง” น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ “เมื่อคืนผมนอนนี่ครับ” เขายกมือเกาท้ายทอยนิดๆ ก่อนตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาคำตอบนั้นทำให้คนเป็นพ่อถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าแข็งค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมองประตูห้องของแพรที่ยังปิดสนิท“คุณหมายความว่ายังไง” พริชเอ่ยช้าๆ พยายามควบคุมอารมณ์“ก็อย่างที่คุณพ่อได้ยินนั่นแหละครับ ผมแค่มาหาแพร แล้วเผอิญดึกไปหน่อยเลยนอนค้าง” เขายกยิ้มอย่างพอใจ“บ้านของฉันไม่ใช่ที่สาธารณะจะเดินเข้าออกได้อย่างสบายใจ” น้ำเสียงของพ่อเริ่มเข้มขึ้น“ผมรับรองครับว่าผมดูแลลูกสาวคุณพ่อเป็นอย่างดี” เขายังคงไม่สะทกสะท้าน “คุณมัน…!” พริชถึงกับถอนหายใจยาว เขาไม่รู้จะว่ากล่าวยังไงดีในขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงยิ้มบางๆ แล้วโค้งตัวเล็กน้อยเหมือนจะล้อเลียนอย่างม
เขากุมมือเธอไว้แน่นมองใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างห่วงใย ดวงตาที่ไม่เคยอ่อนโยนต่อใครกลับเต็มไปด้วยความกังวล“แพรได้ยินฉันไหม”เปลือกตาของหญิงสาวค่อยๆ ขยับ เธอกะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบห้องสีขาว ก่อนจะเห็นเขานั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าดูอิดโรยแต่ยังพยายามยิ้มให้“คุณปริ้นท์แพรเป็นอะไรไป” เสียงเธอเบาแทบกระซิบ ความทรงจำสุดท้ายคือเวียนศีรษะจากที่มองพลุก่อนจะจำอะไรไม่ได้“เป็นลมน่ะ” เขาตอบเสียงนุ่ม พลางใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือเธอเบาๆ “...” เธอลองขยับตัวแต่รู้สึกเวียนหัวจนต้องเอนกลับไป“ไม่ต้องคิดมาก แค่พักผ่อนก่อนนะ” เขาบอก แต่สายตากลับหลบไปทางอื่น“หมอบอกว่ายังไงบ้างคะ” พิมพ์แพรดาวขมวดคิ้ว“เอ่อ เรื่องนั้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังรวบรวมความกล้าดวงตาคมเข้มสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด“ว่าไงคะ” เธอถามย้ำเสียงยังอ่อนแรงแต่แฝงความสงสัย “ท้อง...” เขาสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วจนแทบเป็นกระซิบ“อะไรนะคะ?” เธอเบิกตากว้าง ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่ “หมอบอกว่าแพรท้อง” เขาพูดช้าๆ แล้วก้มหน้าลงมือที่จับมือเธอไว้แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอชะงักไปทั้งตกใจทั้งสับสน ใจหนึ่งเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ ส
ปรินวัชร์เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยหลังจากเฝ้าไข้พิมพ์แพรดาวทั้งคืน เขาดูอิดโรยแต่แววตายังคงอ่อนโยนเมื่อคิดถึงหญิงสาวในห้องนั้น ชายหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าออกจากทางเดินโรงพยาบาล ทว่ากลับสวนกับฟ้าวันใหม่พอดี“คุณปริ้นท์จะกลับแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงของเธออ่อนลง ต่างจากครั้งก่อนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและถือดี“อืม” เขาตอบสั้นๆ ไม่ได้มองหน้าเธอนานนัก เพียงแค่หยุดยืนเพราะมารยาท“เอ่อ…คุณปริ้นท์คะเรื่องของคุณที่ผ่านมาฟ้า...” “ไม่ต้องพูดหรอก ผมต่างหากที่ควรพูดก่อน” เขาหันกลับมามองหญิงสาว ดวงตาคมแต่สงบนิ่ง“เรื่องของคุณที่ผ่านมาผมขอโทษด้วยนะ ตอนนั้นผมไม่รู้หัวใจตัวเองดีพอ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคนที่ผมรักคือพิมพ์แพรดาว”“งั้นเหรอคะ อย่างน้อยฟ้าก็ดีใจที่คุณรู้ว่าความรักแท้เป็นยังไง” “ขอบคุณที่เข้าใจ” ปรินวัชร์พยักหน้าช้าๆ เขาพูด ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย อาเธอร์มาถึงตามนัดในตอนสายของวันหยุด ร้านกาแฟประจำที่ทั้งคู่มักมานั่งคุยงานกันดูเงียบสงบกว่าทุกครั้งพอเขานั่งลง ปรินวัชร์ก็เปิดประเด็นขึ้นทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนสั่งกาแฟด้วยซ้ำ“ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายแบบไหนวะ” น้ำเสียงของ
เสียงหวีดแหลมของเธอดังก้องเหนือแม่น้ำ ก่อนร่างบางจะร่วงลงจากดาดฟ้าเรือ เสียงน้ำกระเซ็นดังก้องสะท้อนกลางค่ำคืน แสงไฟจากเรือสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับราวกับภาพฝันอันเลือนราง ตู้ม!“แพร!!!” เสียงตะโกนของปรินวัชร์ดังลั่น เขาไม่คิดแม้แต่วินาทีเดียว ร่างสูงพุ่งพรวดไปที่ราวเรือก่อนจะกระโดดลงไปในความมืดของสายน้ำเสียงกระแทกของร่างเขาดังตามมาอีกระลอก น้ำเย็นเฉียบปะทะทั่วตัว แต่เขาไม่สนใจสิ่งใดนอกจากหญิงสาวที่กำลังจมหายไปต่อหน้า“แพร! อยู่ไหน!” เขาตะโกนลั่น พยายามมองหาในความมืด ปรินวัชร์ดำผุดดำว่ายอย่างบ้าคลั่งกลางสายน้ำที่มืดมิดและเชี่ยวกราก สายลมยามค่ำพัดแรงจนคลื่นกระทบตัวเขาไม่หยุด จนเขามองเห็นหญิงสาวไม่รอช้าสักเสียววินาที ลูกน้องที่กระโดดลงมาช่วยต่างพากันไม่กลัวตาย ก่อนจะพาปรินวัชร์และพิมพ์แพรดาวขึ้นเรือได้อย่างปลอดภัย“แพร ลืมตาสิได้ยินไหม!” เขาตะโกนเรียกข้างหูน้ำที่เย็นเฉียบยิ่งทำให้เสียงของเขาสั่นเครือ เธอไม่ตอบร่างเล็กแน่นิ่งในอ้อมแขนปรินวัชร์กัดฟันแน่น“แพร! ได้ยินไหม!” เขาตะโกนอีกครั้ง ขณะตบเบาๆ ที่แก้มเธอน้ำที่ไหลตามเส้นผมของเธอหยดลงบนฝ่ามือเขาอย่างช้าๆ ใบหน้าของ




![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


