Masuk“หนูรู้หรอกน่าว่าพี่ไม่ได้อยากพาหนูไปหาหมอจริงๆ หรอก ถ้าเลือกได้พี่ก็คงอยากไปกับสาวๆ ของพี่มากกว่า”
“แสนรู้” พี่ชายว่าพลางขยี้หัวน้องแรงๆ
“นี่ หนูไม่ใช่หมานะ” ลู่อวี๋ว่าพลางย่นจมูกให้
“แน่นอนแกไม่ใช่หมา แต่แกเป็นปลาต่างหาก ไม่งั้นพ่อจะตั้งชื่อแกว่าลู่อวี๋เหรอ เฮ้ย! หยกนี่ตรงกับชื่อแกเลยนี่ ลู่อวี๋ ที่แปลว่าหยกรูปปลา อย่าบอกนะว่าที่พ่อทุ่มสุดตัวเพื่อหยกเล็กๆ นี่เป็นเพราะแก” ลู่เมิ่งชี้ไปที่จี้หยกในมือน้องสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กระทั่งเจ้าของชื่อเองก็ตกใจไม่ใช่น้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างยิ่งยวด
“ก็แค่เรื่องบังเอิญหรอก อวี๋มีตั้งหลายความหมาย ไม่ได้เจาะจงแค่ปลาสักหน่อย”
“กับคนอื่นอาจใช่ แต่กับแกที่มีพ่อเป็นโรคคลั่งปลาขึ้นสมอง ยังไงก็ปลาแน่ๆ อะ…ในเมื่อพ่ออุตส่าห์ลงทุนเพื่อแกขนาดนี้ แกก็คงต้องรักษาเจ้าหยกนี่เท่าชีวิตแล้วล่ะ มานี่พี่ใส่ให้” พี่ชายว่าพลางดึงสร้อยจากมือน้องสาว แล้วนำมาสวมให้เธอแทน
“ทำไมมันดูลงตัวจังวะ อย่างกับแกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยว่ะ เอ๊ะ! หรือว่าสิ่งนี้มันเกิดมาเพื่อแกวะ” ลู่เมิ่งขมวดคิ้วขณะมองสร้อยที่มีจี้ปลาห้อยอยู่บนคอน้องสาว
“เวอร์แล้ว กะอีแค่จะผลักภาระมาให้หนู ไม่ต้องอวยกันขนาดนี้ก็ได้ รู้หรอกว่ามีนัดกับสาวต่อ เชิญเถอะค่ะคุณชาย หน้าที่ดูแลสร้อยนี่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่นางทาสคนนี้เอง เอาเป็นว่าหนูกลับเองได้ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ไปนะ อยากพักเต็มทีแล้ว” ลู่อวี๋โบกมือให้แล้วเดินออกไปอีกทาง โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองพี่ชายที่ยังคงยืนขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“ในที่สุดสร้อยเส้นนี้มันก็ได้เจอเจ้าของสักที” เสียงของชายชราคนหนึ่งที่เธอเจอในงานดังก้องขึ้นมาในโสตประสาทอีกครั้ง หลังจากที่เธอมานั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ที่ข้างบ่อปลาบ่อใหญ่กลางบ้าน
“เจ้าของเหรอ คงหมายถึงเจ้าของคนใหม่สินะ ว่าแต่แกเป็นปลาอะไรนะ หรือว่าพันธุ์เดียวกับในบ่อนี่” ลู่อวี๋ดึงสร้อยที่คอมาดู ก่อนจะชะโงกหน้าไปดูในบ่อด้วย พลันเสียงเธอก็ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นหลังเห็นปลาตัวหนึ่งกำลังว่ายตรงมาหา
“เฮ้ย! พวกเดียวกันปะเนี่ย เหมือน…ว้าย!” เธอชะโงกหน้าลงไปดูใกล้ๆ แล้วก็ต้องร้องเสียงหลง ก่อนเสียหลักพลัดตกลงไป
ราวกับถูกฉุดให้ดำดิ่งลงไปจนลึกสุดใจ ลึกจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปลายทางไปสิ้นสุดที่ตรงไหน อย่างเดียวที่ทำได้ คือพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมาให้เร็วที่สุด กระทั่งเฮือกสุดท้ายก่อนหมดลมเธอก็กระเสือกกระสนพาตัวเองขึ้นมาเกยอยู่บนโขดหินได้สำเร็จ แต่เดี๋ยวนะ…บ้านเธอมีโขดหินแบบนี้ด้วยเหรอ พลันเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“กรี๊ด…!” เธอกำลังกรีดร้องสุดเสียง แต่มันกลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ไม่ๆๆ ก็แค่ความฝัน มันต้องไม่ใช่เรื่องจริงสิ กรี๊ด…! มือฉัน” อีกครั้งที่เสียงกรีดร้องของเธอเพียงดังก้องอยู่ในโสตประสาท เพราะขณะที่กำลังจะยื่นมือไปหยิกแขนตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าทั้งหมดก็แค่ความฝัน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็ดันเกิดขึ้น เมื่อแขนเธอมันดันกลายเป็นครีบ ใช่! ฟังไม่ผิดหรอก มันคือครีบ และเธอก็เป็นแค่ปลาตัวหนึ่งเท่านั้น
ยังไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ก็มีปลาฝูงหนึ่งว่ายตรงมา สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เธอรีบว่ายหนีออกไปอีกทางด้วยความตกใจ
“ไอ้พวกบ้า จะตามมาทำบ้าอะไร คิดเหรอว่าฉันจะยอมให้แอ้มง่ายๆ ไอ้พวกหื่นกามเอ๊ย อย่าตามมานะเว้ย รอให้ฉันกลับไปเป็นคนได้ก่อนเถอะ แม่จะจับไปทอดกินซะให้หมดเลยคอยดู” ด้วยสัญชาตญาณทำให้เธอรู้ว่าเป้าหมายของปลาฝูงนั้นคืออะไร และนั่นก็ทำให้เธอพยายามหนีสุดชีวิต
“ฮือๆๆ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย กลายเป็นปลาไม่พอ ยังเกือบโดนปลาทั้งฝูงรุมข่มขืนอีก ฮือ…พ่อ พี่ใหญ่ พี่รองช่วยหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน” หลังจากหนีพ้นจากปลาฝูงนั้น เธอก็ร่ำไห้ด้วยความรันทดในโชคชะตา แต่ยังไม่ทันไร ตาเธอก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ หลังเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมาอีก และจากข้าวของที่อยู่ในมือคนพวกนั้น เธอก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกไม่นานเกินรอ เธอต้องโดนคนกลุ่มนี้จับกินแน่ๆ ทันใดนั้นสัญชาตญาณก็สั่งให้เธอรีบว่ายหนีอีกครั้ง
คนที่ว่ายน้ำไม่แข็ง แต่ตอนนี้กลับว่ายเร็วยิ่งกว่าปลา อ้อ! ลืมไปเธอเป็นปลา แต่ถึงจะเป็นปลา เธอก็เป็นแค่ปลาฝึกหัด แน่นอนว่าย่อมต้องเหนื่อยต้องล้าเป็นธรรมดา และความเหนื่อยความล้าที่แทรกมาด้วยความท้อแท้ สิ้นหวัง แล้วก็ตามมาด้วยความโกรธ ทำให้เธอหยุดชะงักและตะโกนออกมา
“โธ่เว้ย! ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยวะ ชาติก่อนฉันไปทำกรรมกับปลาไว้รึไง ชาตินี้ฉันถึงต้องมารับกรรมกลายเป็นปลาแบบนี้ แต่วิธีชดใช้กรรมก็มีต้องร้อยแปดพันเก้า ทำไมต้องให้เป็นปลาด้วย อยากเห็นฉันถูกจับกินก่อนใช่ไหมถึงจะพอใจ” เธอตะโกนโทษฟ้าโทษสวรรค์ด้วยความเดือดดาล ถึงจะเป็นการตะโกนที่ไร้เสียงก็ตาม
“แน่จริงก็เอาชีวิตฉันไปเลยสิ ฮือๆๆ ให้ฉันเป็นปลา สู้ให้ฉันตายไปซะยังดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาทนทรมานแบบนี้” ขณะที่กำลังฟูมฟาย จู่ๆ เธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ตาย? เออใช่ ถ้าเราตาย ก็เท่ากับว่าเราไม่ต้องทรมาน แล้วเราก็อาจจะได้กลับบ้านด้วย ใช่ ฉันอยากกลับบ้าน อยากกลับไปเป็นคน ฉันอยากตาย…แล้วจะตายยังไงดีวะ” หลังจากคิดสะระตะถึงวิธีการหลุดพ้น เธอก็หันซ้ายแลขวาเพื่อจะพบว่ารอบตัวนั้นมีแต่ความอ้างว้าง แม้แต่ปลาสักตัวก็ไม่มี ด้วยก่อนหน้านั้นดันว่ายหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต แล้วก็ไม่รู้ทิศรู้ทางเลยด้วย
“บทจะตาย ก็ดันไม่มีใครมาฆ่าซะงั้น เออ! ไม่มีใครฆ่า ฆ่าเองก็ได้วะ” ว่าแล้วเธอก็หันไปมองคันดินเบื้องหน้า ตั้งใจจะพุ่งชนเพื่อให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ แต่ทันทีที่พุ่งตัวออกไป ความคิดบางอย่างพลันแวบขึ้นมา ทำให้ต้อเบรกจนหัวแทบทิ่ม
“เฮ้ย! ขืนชนเข้าไปหน้าฉันก็บุบบู้บี้ กลายเป็นปลาดุกชนเขื่อนน่ะสิ แล้วถ้าเกิดมันบุบไปจนถึงเบ้าหน้าจริงๆ ด้วยล่ะ โอวไม่! ถ้าฉันต้องกลับไปเป็นคนในสภาพหน้าหักๆ แบบนั้น ฉันจะทำยังไง ไม่…เราจะตายในสภาพหน้าหักไม่ได้” ในขณะที่เธอเปลี่ยนใจและขยับถอยออกมาด้วยความสยดสยอง ก็ดันเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งกำลังเดินตรงมา ด้วยความดีใจเธอจึงรีบว่ายตรงไปหา “ปลาอะไรช่างงามนัก ดูเหมือนจะเชื่องด้วยนี่” ฝูฟาหยางนั่งลงข้างลำธารพลางยื่นมือลงไปวักน้ำเบาๆ อย่างหยอกเย้าเจ้าปลาตัวน้อย “ใช่ ฉันสวย แล้วฉันก็น่ากินมากด้วย เนี่ยๆๆ เนื้อแน่นขนาดนี้ อวบอัดขนาดนี้ จับฉันสิ กินฉันเลยสิ เนื้อฉันหวานนะ” เธอว่ายวนไปรอบๆ มือเขาอย่างพยายามจะยั่วยวน “เบื่อแล้วเป็นเสือ อยากเป็นเหยื่อให้เธอขย้ำ ขย้ำเลยสิ ตรงนี้ ตรงนี้ หรือจะตรงนี้ก็ได้” เธอพยายามอวดโฉมด้วยการหมุนตัวซ้ำๆ “ฮ่าๆๆ ปลาอะไรช่างแสนรู้นัก โชคดีที่เจ้าว่ายหลงมาอยู่ในที่ของข้า หาไม่แล้วปลาที่ไม่กลัวมนุษย์เช่นเจ้า คงไม่แคล้วต้องกลายเป็นอาหารของชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่” ฝูฟาหยางมองปลาที่ว่ายวนไปมาด้วยความเอ็นดู
“หนูรู้หรอกน่าว่าพี่ไม่ได้อยากพาหนูไปหาหมอจริงๆ หรอก ถ้าเลือกได้พี่ก็คงอยากไปกับสาวๆ ของพี่มากกว่า” “แสนรู้” พี่ชายว่าพลางขยี้หัวน้องแรงๆ “นี่ หนูไม่ใช่หมานะ” ลู่อวี๋ว่าพลางย่นจมูกให้ “แน่นอนแกไม่ใช่หมา แต่แกเป็นปลาต่างหาก ไม่งั้นพ่อจะตั้งชื่อแกว่าลู่อวี๋เหรอ เฮ้ย! หยกนี่ตรงกับชื่อแกเลยนี่ ลู่อวี๋ ที่แปลว่าหยกรูปปลา อย่าบอกนะว่าที่พ่อทุ่มสุดตัวเพื่อหยกเล็กๆ นี่เป็นเพราะแก” ลู่เมิ่งชี้ไปที่จี้หยกในมือน้องสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กระทั่งเจ้าของชื่อเองก็ตกใจไม่ใช่น้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างยิ่งยวด “ก็แค่เรื่องบังเอิญหรอก อวี๋มีตั้งหลายความหมาย ไม่ได้เจาะจงแค่ปลาสักหน่อย” “กับคนอื่นอาจใช่ แต่กับแกที่มีพ่อเป็นโรคคลั่งปลาขึ้นสมอง ยังไงก็ปลาแน่ๆ อะ…ในเมื่อพ่ออุตส่าห์ลงทุนเพื่อแกขนาดนี้ แกก็คงต้องรักษาเจ้าหยกนี่เท่าชีวิตแล้วล่ะ มานี่พี่ใส่ให้” พี่ชายว่าพลางดึงสร้อยจากมือน้องสาว แล้วนำมาสวมให้เธอแทน “ทำไมมันดูลงตัวจังวะ อย่างกับแกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยว่ะ เอ๊ะ! หรือว่าสิ่งนี้มันเกิดมาเพื่อแกวะ” ลู่เมิ่งข
“ไม่…เดี๋ยว” เธอตะโกนขณะที่ผวาลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว “ฝันอีกแล้วเหรอเนี่ย” ลูกหยี ลูกครึ่งสาวไทยจีนพึมพำพลางปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามขมับ จากที่เคยไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศ ครั้นพอแม่เสียไป เธอจึงย้ายมาอยู่กับพ่อและพี่ชายที่แดนมังกรแห่งนี้เป็นการถาวร นี่ก็ไม่ใช่คืนแรกที่เธอฝันเช่นนี้ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เด่นชัดเท่าครั้งนี้มาก่อน ชัดจนเธอรู้สึกราวกับว่ามันไม่ใช่แค่ความฝัน โดยเฉพาะเมื่อเธอก้มมองตัวเอง “เฮ้ย!” เธอร้องอุทานพลางเอามือปิดปากด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเดียว “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ฝันลามกไม่พอ ยังละเมอลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าอีก แต่ทำไมมันถึง…” เธอครางพลางลูบไล้ไปที่เนื้อตัวเบาๆ ใช่! เธอยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อุ่นซ่านนั่น มันอุ่นแล้วมันก็… “ไม่ๆๆ เลิกคิดเดี๋ยวนี้ลูกหยี แกก็แค่ดูซีรีส์เยอะจนเก็บเอาไปฝัน ว่าแต่พระเอกจากเรื่องไหนวะ ทำไมมันถึงได้หล่อล่ำแล้วก็…ลามกขนาดนี้วะเนี่ย โอ๊ย! หล่อจนต้องเปลื้องผ้าพลีกาย บ้าชะมัด! เล่นเอาเกือบเสียตัวในฝัน” เธอบ่นพึมพำพลางหยิบชุดนอนที่ตกอ
กลางดึกที่เงียบสงัด เงียบจนทำให้เสียงบางอย่างดังเข้ามาในโสตประสาท ใช่! มันเป็นเสียงลมหายใจที่ดังสลับกับเสียงริมฝีปากที่กำลังดูดเม้มโรมรันเนินเนื้ออิสตรีเป็นเสียงจ๊วบๆ “……” ริมฝีปากที่กำลังดูดเม้ม อีกทั้งเรียวลิ้นที่กำลังตวัดเลียใจกลางความงามแห่งอิสตรี ทำเจ้าของร่างงามถึงกับแทบดีดดิ้น ส่งเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ กลับยิ่งกระตุ้นให้เรียวลิ้นสัมผัสหนักหน่วงมากเท่านั้น ราวกับจะปลุกปั่นให้เจ้าของเนินทรมานจนต้องบิดกายเร่าๆ จะว่าไปมันก็คงเป็นความทรมานที่แสนหวาน เพราะยิ่งทรมานมากเท่าไหร่ สองขาเรียวก็ยิ่งถ่างอ้าโดยไม่รู้ตัว และนั่นก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกระหน่ำโรมรันลึกซึ้งมากขึ้น “อ๊ะ…อื้อ…” เสียงหวานครางสะท้าน เมื่อไม่ใช่แค่ลิ้นที่กำลังคลุกเคล้าละเลียดชิมเนินเนื้อนั้น แต่ยังมีนิ้วเรียวที่ถูกส่งพรวดเข้าไปยังความนุ่มลึกภายใน กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นหน้าคนที่กำลังรุกล้ำความสาวของตัวเอง ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงคนผู้นั้นด้วยซ้ำ มีเพียงเสียงจ๊วบๆ จากเรียวลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกระหวัดเลียเนินสาวที่หยาดเยิ้มไปด้วยน







