หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่กำลังหลับลงจากรถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง หลังลงจากรถเธอมองไปรอบ ๆ สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย นานเกือบ 6 ปีแล้วที่เธอไม่มาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจจากไปเธอก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลย
แต่ตอนนี้มีเหตุจำเป็นบางอย่างที่เธอตัดสินใจกลับมา เธอจะหนีไม่ได้อีก เวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาใครคนนั้นคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตในเมืองนี้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเขาก็เลือนลางไปจากความทรงจำของเธอแล้วเช่นกัน
บริษัทที่เธอสมัครงานไว้มีสาขาใหญ่อยู่ที่นี่ เธอจึงถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์ และนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว เธอเลยไม่ลังเลที่จะมาที่นี่
ใบเฟิร์น สาวสวยวัย 25 ปี เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วลงเรียนปีหนึ่งใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีค่าเทอมไม่แพงมากนัก ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ราบเรียบ ยิ่งเธอมีลูกน้อยตั้งแต่ยังเรียนอยู่ยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้น
ปึก!!
“ขอโทษค่ะ”
ขณะที่ใบเฟิร์นกำลังจะเดินออกจากตรงนั้น เธอก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนกระเป๋าในมือตกลงไป
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบพลางก้มเก็บกระเป๋าก่อนจะปัดเศษดินออกแล้วส่งให้ใบเฟิร์น
“ขอบคุณนะคะ” เธอรับไปพลางมองหน้าเขา แต่แล้วก็นิ่งไปก่อนจะทำทีหันไปทางอื่น
“ใช่น้องเฟิร์นหรือเปล่า” เขาเองก็จำเธอได้ลาง ๆ จึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่
“เอ่อ...” ใบเฟิร์นเองก็อ้ำอึ้งที่จะตอบ เพราะเธอยังไม่อยากเจอใครในตอนนี้ จริง ๆ แล้ว เธอไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใครมากกว่าว่าเธอหายไปไหน
“จำพี่ได้มั้ย” เขาเอามือทาบอก
“หะ...เอ่อ...จำได้ค่ะ” ในเมื่อมั่นใจว่าชายหนุ่มจำเธอได้ เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“หม่าม๊าฮะ” เด็กน้อยได้ยินเสียงเหมือนแม่ของเขาคุยกับใครจึงค่อย ๆ ลืมตา พยายามหรี่ตามองชายหนุ่มที่กำลังคุยกับแม่ของเขา
“หืม...” เธอขานรับลูกชายเบา ๆ พลางเอามือลูบหลังเบา ๆ หวังให้ลูกชายหลับต่อ
“ละ...ลูกของน้องเฟิร์นเหรอ” เขาถามออกไปทันที
“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นเองก็ตอบโดยไม่ลังเล เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะปิดบัง
“หม่าม๊าฮะ” เด็กน้อยเรียกอีกครั้ง
“ว่าไงคะ”
“กัสหิว ท้องกัสร้องจนปวดไปหมดแล้วฮะ” เด็กน้อยเอามือลูบท้องน้อย ๆ ของตัวเอง จนผู้เป็นแม่มองด้วยความเอ็นดู
ออกัส เด็กน้อยวัยสี่ขวบกว่า เขามีผมสีดำขลับ ใบหน้ากลมผิวขาว ดวงตากลมโตนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ผู้เป็นแม่ไม่ค่อยชอบมอง เพราะทุกครั้งที่มองเข้าไปในดวงตาคู่กลมสีนิลนั้น มันทำให้เธอหวนคิดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่มอบคืนวันอันโหดร้ายให้เธอ
“หม่าม๊าขอโทษนะ เดี๋ยวหม่าม๊าจะหาอะไรอร่อย ๆ ให้ออกัสกินนะครับ” เธอบอกลูกชาย “ขอตัวก่อนนะคะ”
ใบเฟิร์นปลีกตัวออกไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนมองสองแม่ลูกไปจนสุดสายตา แม้เขาจะเป็นรุ่นพี่ที่เคยสนิทกัน แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสนิทกับใครได้
ใบเฟิร์นเดินทางมาถึงก่อนวันสัมภาษณ์หนึ่งอาทิตย์ เธอพาลูกชายมาหาบ้านเช่าที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก พร้อมทั้งหาโรงเรียนให้ลูกชาย เธอวางแผนไว้ว่าตอนเช้าเธอจะแวะส่งลูกชายที่โรงเรียน แล้วก็ไปทำงาน ตอนเย็นก็แวะรับแล้วกลับพร้อมกัน
หลังพาลูกชายไปทานข้าว เธอก็นั่งรถต่อไปหาบ้านเช่าต่อ ใบเฟิร์นได้บ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ตามที่ตั้งใจไว้ ค่าเช่าราคาถูกสามารถช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ระหว่างที่เธอได้เข้าทำงานและมีเงินเดือนเธอค่อยขยับขยายและซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังไว้อยู่กันสองคนแม่ลูก
“หม่าม๊าฮะ” เด็กน้อยวิ่งมากอดแม่ของเขาจากด้านหลัง “ให้กัสช่วยมั้ยฮะ”
“เอาชุดของกัสไปแขวนที่ราวตรงนั้นนะ” เธอพูดพลางชี้ไปทางราวเหล็กที่วางอยู่ไม่ไกลมากนัก
“ฮะ” ออกัสทำตามที่แม่ของเขาบอกทันที
“แขวนผ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวหม่าม๊าพาไปดูโรงเรียนใหม่นะคะ”
“เย้...” ออกัสดีใจที่ได้ยินแม่ของเขาบอกแบบนั้น เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อนจะได้นำผ้าไปแขวนให้หมดไว ๆ
“ออกัส...ออกัส” เธอเอื้อมมือไปจับไหล่ลูกชายที่ยังหลับสนิท “ตื่นได้แล้วลูก หนูต้องไปโรงเรียนนะ”
“กัสง่วงจังเลยฮะ” ออกัสพลิกตัวหนีหนึ่งครั้ง
“ลุกขึ้นอาบน้ำเดี๋ยวก็หายง่วงครับ”
“ฮะ”
เด็กน้อยค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะมองซ้ายมองขวา มือเล็ก ๆ ยกขึ้นมาขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะส่งยิ้มหวานให้แม่
“หลับสบายมั้ยลูกหมา” ด้วยความมันเขี้ยวใบเฟิร์นก็ยกมือขึ้นไปบีบแก้มลูกชาย”
“หลับสบายมากเลยฮะ”
“ไปครับ เดี๋ยวหม่าม๊าอาบน้ำให้”
“ฮะ”
สองแขนชูขึ้นเหมือนทุก ๆ ครั้งเวลาที่อยากให้แม่อุ้ม ใบเฟิร์นอุ้มลูกชายเข้าไปอาบน้ำถูสบู่ให้จนหอมไปทั้งตัว ก่อนจะจัดแจงแต่งตัวในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน วันนี้เป็นวันที่สองที่ออกัสไปโรงเรียน โชคดีที่ลูกชายของเธอไม่ค่อยงอแงเวลาไปส่งที่โรงเรียน ทำให้เธอไม่ค่อยเป็นห่วงสักเท่าไหร่
“อย่าดื้อกับคุณครูนะคะ” ใบเฟิร์นบอกลูกชายขณะที่เธอส่งเขาถึงหน้าประตูโรงเรียน
“ออกัส”
เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นทำให้ใบเฟิร์นหันไปมอง ก็เห็นเด็กน้อยรุ่นราวคราวเดียวกับออกัสกำลังเดินจูงมือมากับหญิงสาวคนหนึ่ง คาดว่าคงจะเป็นแม่ของเขากำลังโบกไม้โบกมือให้ลูกชายของเธอ
ใบเฟิร์นนิ่งไป เธอเข้าใจได้ว่าเด็กน้อยอีกคนคงจะเป็นเพื่อนใหม่ของออกัส แต่ที่ไม่เข้าใจคือ จะมีคนที่หน้าตาคล้ายกันขนาดนี้ได้ยังไง ในเมื่อไม่ได้เป็นญาติกัน
“เพื่อนกัสเหรอ” เธอหันไปถามลูกชายเพื่อความแน่ใจ
“ฮะ...” ออกัสแต่สายตากลับมองไปยังเพื่อนของเขาที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“ไปเล่นกัน” มาถึงเด็กน้อยก็จับมือออกัสแล้วเดินเข้าโรงเรียน ซึ่งออกัสเองก็ไม่ได้อิดออด เดินตามเข้าไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้ใบเฟิร์นได้แต่มองตามหลังอย่างแปลกใจว่าลูกชายมาโรงเรียนแค่วันเดียวแต่ทำไมสนิทกันเร็วขนาดนั้น
ตลอดทางกลับบ้านใบเฟิร์นก็เอาแต่คิดถึงเด็กน้อยสองคนที่จับมือกันเข้าโรงเรียน
“เหมือนกันขนาดนั้นได้ยังไง” เธอพูดออกมาเบา ๆ “เธอไม่มีญาติที่ไหน หลังพ่อกับแม่เลิกกันเธอก็โตมากับแม่ จนแม่ของเธอจากไปตอนที่เธอเรียนอยู่ปีหนึ่ง เธอก็อยู่คนเดียวมาตลอดไม่เคยติดต่อญาติไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกของใครสักคนที่เป็นญาติกับเธอ
“แปลกจริง ๆ นะ”
ทุก ๆ วันหากไม่ติดประชุมหลังเลิกงานใบเฟิร์นก็จะรีบเก็บของเพื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียน เธอไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ได้เจอได้คุยกันแค่ตอนทำงานเท่านั้นบนถนนที่ทอดยาว เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานการจราจรบนท้องถนนจึงหนาแน่นไปด้วยรถและผู้คน บนรถโดยสารก็เช่นกันเพราะมีคนขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยไม่มีที่ว่างให้เธอได้นั่ง เธอมองไปรอบ ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องดิ้นรน“หม่าม๊าฮะ” ทันทีที่เห็นใบเฟิร์นออกัสก็รีบวิ่งไปหา“สวัสดีครับคุณน้า” อาชิก็วิ่งตามหลังออกัสมาติด ๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าแล้วทักทายใบเฟิร์น“สวัสดีค่ะน้องอาชิ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของอาชิเบา ๆ “วันนี้ใครมารับคะ”“ไม่รู้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่อาจจะเป็นคุณอาครับ” เพราะตอนเช้า พ่อกับแม่บอกเขาไว้ว่าตอนเลิกเรียนไม่ได้มารับ จะให้คนอื่นมารับแทน แต่อาชิก็ไม่รู้ว่าเป็นใครระหว่างอลินกับอเล็กซ์“ให้น้าอยู่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”“ไม่เป็นไรครับ คุณอามาพอดีเลย” เพราะอาชิหันไปเห็นรถของอเล็กซ์ที่กำลังมจอกกเทียบฟุตบาทพอดี“อ๋อ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นน้าพาออกัสกลับบ้านก่อนนะ” เมื่อได้ย
ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียวอคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู“กัส”“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง“หิวยังครับ” “หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีกทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบ
หลังออกจากบริษัทของน้องสาว เขาเดินทางออกไปนอกจังหวัด ขณะนั่งรถไปใกล้ถึงจุดนัดหมายโทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็สั่นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏเป็นชื่อพี่ชายบนหน้าจอ “ครับ” ‘อเล็กซ์ วันนี้แกว่างมั้ย’ อคิณเอ่ยถามน้องชายทางโทรศัพท์“ทำไมครับ” ‘ไปรับอาชิที่โรงเรียนให้ฉันหน่อย’ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับเอง” ‘ฉันติดประชุม ไม่ว่าง อลินก็ไม่ว่างฉันโทรไปแล้ว มีแต่มาเฟียอย่างแกที่ว่าง’ คนฟังรับรู้ได้ถึงคำพูดประชดประชันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากับพี่ชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต “ก็ได้” ‘ไปรับด้วยตัวเองนะ ห้ามสั่งให้ลูกน้องไปแทนเด็ดขาด’ คนปลายสายย้ำ เพราะรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี “ทำไม” ‘เพราะถ้าคนอื่นไปรับ ลูกฉันก็ไม่ได้กลับ’นั่นคือกฎของโรงเรียน หากไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือคนที่ผู้ปกครองแจ้งทางโรงเรียนไว้ ก็จะไม่มีการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนเด็ดขาด “อือ…” เขารับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก “คิงส์” “ครับนาย” “เลี้ยวกลับ” “ห
หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้าใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นานใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่าความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์
หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่กำลังหลับลงจากรถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง หลังลงจากรถเธอมองไปรอบ ๆ สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย นานเกือบ 6 ปีแล้วที่เธอไม่มาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจจากไปเธอก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลยแต่ตอนนี้มีเหตุจำเป็นบางอย่างที่เธอตัดสินใจกลับมา เธอจะหนีไม่ได้อีก เวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาใครคนนั้นคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตในเมืองนี้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเขาก็เลือนลางไปจากความทรงจำของเธอแล้วเช่นกันบริษัทที่เธอสมัครงานไว้มีสาขาใหญ่อยู่ที่นี่ เธอจึงถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์ และนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว เธอเลยไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ใบเฟิร์น สาวสวยวัย 25 ปี เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วลงเรียนปีหนึ่งใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีค่าเทอมไม่แพงมากนัก ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ราบเรียบ ยิ่งเธอมีลูกน้อยตั้งแต่ยังเรียนอยู่ยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นปึก!!“ขอโทษค่ะ”ขณะที่ใบเฟ