ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียว
อคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู
“กัส”
“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง
“หิวยังครับ”
“หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ
“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”
“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง
“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”
ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีก
ทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น
“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบบนี้บ้างมั้ย”
“ไม่เคย” เธอตอบออกไปตรง ๆ
“ว่าแล้ว ทำไมออกัสดูตื่นเต้น” เธอไม่แปลกใจเลย “แถวที่เฟิร์นอยู่ไม่มีห้างเหรอ”
“เปล่า” ใบเฟิร์นหลุบตาต่ำลง “เราแค่ไม่มีเวลา”
“แล้วพ่อของเขาล่ะ”
“...” ใบเฟิร์นนิ่งไป ไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงดี
“ลินไม่เคยได้ยินออกัสถามถึงพ่อเลยนะ” ไม่ใช่แค่ออกัสไม่ถามถึง แต่ใบเฟิร์นไม่เคยพูดถึงเลยสักครั้ง ไม่มีสายเข้าจากใครในเวลางาน หรือตอนที่พวกเธอออกไปไหนมาไหนด้วยกัน
“กัสไม่มีพ่อหรอก”
“หมายความว่าไง” อลินตกใจมาก ในหัวของเธอตอนนี้ตีความมั่วไปหมด เพราะการที่เพื่อนของเธอบอกว่าออกัสไม่มีพ่อนั้นมีความเป็นไปได้หลายอย่าง
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
“เขาเป็นใคร แล้วเกิดอะไรขึ้น”
“เราบอกได้แค่ว่า เราท้องไม่มีพ่อ” ใบเฟิร์นพูดออกไปตรง ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เธอหายไปก่อนที่จะท้องซะอีก แต่นี่ก็เป็นเหตุผลอย่างดีที่จะทำให้เพื่อนของเธอคลายความสงสัย “ที่หายไปเพราะเราอายเพื่อน ๆ น่ะ”
“ทำไมไม่เคยบอกลิน” เธอคิดว่าว่าใบเฟิร์นท้องขณะที่กำลังเรียนอยู่
“ไม่อยากรบกวนใคร เราไม่ระวังตัวเองแหละ” เธอไม่อยากโทษคนอื่น นอกจากผู้ชายคนนั้น
อลินไม่อยากจะเชื่อ เพราะเรียนด้วยกันเพื่อนของเธอไม่มีแฟน มีคนมาจีบก็จริงแต่ใบเฟิร์นยังไม่ได้คบใครเป็นแฟน หรือมีเรื่องที่เธอไม่รู้ ใบเฟิร์นแอบคบใครที่เธอไม่รู้
“ตอนแรกลินเข้าใจว่าพ่อของออกัสทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดซะอีก”
“ไม่หรอก”
“ขอถามอีกเรื่องนะ”
“อืม”
“ก่อนหน้านี้หายไปอยู่ที่ไหนมา”
“ตอนนั้นเรากลับไปจังหวัดบ้านเกิดของแม่ หาบ้านเช่าเล็ก ๆ อยู่ เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย”
โชคดีที่เธอมีเงินติดตัวไปด้วยก้อนหนึ่ง ทำให้พอมีเงินสำหรับจ่ายค่าเทอมและเลี้ยงดูทารกน้อยให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
“แล้วออกัสล่ะ”
“เลี้ยงเอง บางครั้งก็มีป้าที่อยู่ข้างบ้านมาเอาไปช่วยเลี้ยงตอนที่เราไปสอบ” เธอไม่มีวันลืมบุญคุณของป้าข้างบ้านเด็ดขาด วันหนึ่งหากเธอมีโอกาสเธอจะกลับไปตอบแทน
“คงเหนื่อยมากเลยสินะ”
“ยอมรับว่าเหนื่อย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้”
“เพื่อนลินเก่งอยู่แล้ว” อลินดึงใบเฟิร์นเข้ามากอด “เอาเถอะ จากนี้ไปฉันจะดูแลเฟิร์นกับลูกเอง”
“ขอบใจนะ”
อลินไปส่งสองแม่ลูกหลังจากที่ออกัสเล่นจนเหนื่อยแล้วหลับไป เป็นครั้งแรกที่ใบเฟิร์นยอมให้อลินมาส่งถึงบ้าน ปกติเธอจะปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่ครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
“ย้ายไปอยู่กับลินเถอะนะ”
นี่คือเหตุผลที่ใบเฟิร์นไม่อยากให้อลินมาส่ง เพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอเป็นยังไง
“ไม่เอาหรอก เรากับลูกอยู่กันได้” ใบเฟิร์นปฏิเสธ
“แต่ฉันสงสารหลาน”
“ลิน...เธอไม่ต้องห่วงพวกเรานะ ก่อนหน้านี้เรากับลูกลำบากกว่านี้อีก”
“โถ่เฟิร์น” เธอเป็นคนที่ดื้อก็จริง แต่ความดื้อของเธอยังไม่ได้ครึ่งของใบเฟิร์น เพราะเมื่อไหร่ที่เธอยืนยันว่าไม่ นั่นหมายความว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจเธอได้
“ไม่เป็นไร เชื่อเรานะ” ใบเฟิร์นอยากให้อลินสบายใจ
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกเรานะ”
“อือ จะบอกลินคนแรกเลย”
“งั้นลินกลับก่อน”
“ขอบใจมากนะ ขับรถดี ๆ ล่ะ”
หลังจากที่อลินกลับไป ใบเฟิร์นก็ปลุกลูกชายขึ้นมาอาบน้ำแล้วพาเข้านอนอีกครั้ง เธอนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ย้อนนึกถึงเรื่องนั้นที่มันยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำ แต่ที่เลือนลางหายไปกลับเป็นใบหน้าของเขา
ณ.ผับหรูในย่านธุรกิจ ชายหนุ่มนั่งพิงพนักโซฟาอยู่ในห้องวีไอพี มีหญิงสาวคลอเคลียอยู่ข้างกายไม่ห่าง เขาไม่ได้สนใจมากนักว่าคนข้าง ๆ จะทำอะไร วางมือไว้ตรงไหน สิ่งที่สนใจตอนนี้คือภาพที่อยู่ในมือ
“คืนนี้เตรียมรถให้พร้อม” เขาหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่
“ครับนาย”
อยู่ ๆ อเล็กซ์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ
“จะไปไหนคะ”
“...” ไม่มีคำตอบใด ๆ แต่เขากลับตวัดสายตามองไปยังหญิงสาวจนเธอต้องรีบก้มหน้าลง
เขาก้าวเท้ายาว ๆ ออกไปจากห้องแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของผับ สายตาก็ไม่ได้ละจากภาพที่อยู่ในมือ หลังจากนั่งลงบนโต๊ะมือหนาก็ขย้ำภาพนั้นแล้วทิ้งลงถังขยะทันที
อเล็กซ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วค่อย ๆ หลับตาลง
‘มินต้องแต่งงานกับคนที่พ่อหาให้’
‘แล้วฉันล่ะ’ อเล็กซ์ขมวดคิ้ว
‘รอมินได้มั้ย’
‘เธอหมายความว่าไง’
‘มินจะรีบหย่าแล้วกลับมาคุณ’
‘ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ’
‘มินจำเป็นต้องทำ’
‘เพื่ออะไร’ ความจำเป็นของเธอคืออะไรกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยปากว่าจะช่วย แต่เธอก็นิ่งเฉย
‘ธุรกิจของพ่อ’
‘มันสำคัญจนยอมเลิกกับฉันอย่างนั้นเหรอ’
‘ถึงมินจะแต่งงานแล้วเราก็คบกันต่อได้ ถ้าคุณไม่ถือ’
‘ทุเรศ’
‘เราแอบคบกันได้นะ’ เธอจับแขนของเขาแล้วมองอย่างมีความหวัง
‘ว่าไงนะ’ เขาบีบคางเธอแน่น ‘จะให้ฉันเป็นชู้กับเธออย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง’
‘ถึงมินจะแต่งกับเขา แต่มินก็ยังรักคุณนะ’
อเล็กซ์ลืมตาขึ้น พลางกำหมัดแน่น ภาพในวันนั้นยังคงชัดเจน เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่เขาคิดจะสร้างครอบครัวด้วย แต่เธอกลับทำให้เขาต้องผิดหวัง แม้ว่าเธอจะบอกกับเขาว่าแต่งเพื่อธุรกิจก็ตาม เขาพร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่เธอกลับปฏิเสธเขา หลังจากวันนั้นเขาก็เดินออกมาจากชีวิตของเธอโดยไม่คิดที่จะหวนกลับไปอีก
‘ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ’
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งยังคงดังก้องอยู่ในหู ชายหนุ่มยังจำเสียงนั้นได้ดี
“คิงส์” เขาตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านนอกเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ครับนาย”
“พรุ่งนี้นายไปรับนาฬิกาให้ฉันหน่อย” เมื่อหลายเดือนก่อนเขาได้รับการติดต่อกลับมาจากร้านรับจำนำ บอกว่าให้ไปรับนาฬิกา ตอนแรกเขาก็แปลกใจว่านาฬิกาอะไร พอเจ้าหน้าที่บอกลักษณะของนาฬิกาให้ฟังเขาก็นึกออก เลยตอบกลับไปว่าให้เก็บไว้ก่อน สะดวกเมื่อไหร่ค่อยเข้าไปรับ
“ได้ครับนาย”
ทุก ๆ วันหากไม่ติดประชุมหลังเลิกงานใบเฟิร์นก็จะรีบเก็บของเพื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียน เธอไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ได้เจอได้คุยกันแค่ตอนทำงานเท่านั้นบนถนนที่ทอดยาว เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานการจราจรบนท้องถนนจึงหนาแน่นไปด้วยรถและผู้คน บนรถโดยสารก็เช่นกันเพราะมีคนขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยไม่มีที่ว่างให้เธอได้นั่ง เธอมองไปรอบ ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องดิ้นรน“หม่าม๊าฮะ” ทันทีที่เห็นใบเฟิร์นออกัสก็รีบวิ่งไปหา“สวัสดีครับคุณน้า” อาชิก็วิ่งตามหลังออกัสมาติด ๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าแล้วทักทายใบเฟิร์น“สวัสดีค่ะน้องอาชิ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของอาชิเบา ๆ “วันนี้ใครมารับคะ”“ไม่รู้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่อาจจะเป็นคุณอาครับ” เพราะตอนเช้า พ่อกับแม่บอกเขาไว้ว่าตอนเลิกเรียนไม่ได้มารับ จะให้คนอื่นมารับแทน แต่อาชิก็ไม่รู้ว่าเป็นใครระหว่างอลินกับอเล็กซ์“ให้น้าอยู่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”“ไม่เป็นไรครับ คุณอามาพอดีเลย” เพราะอาชิหันไปเห็นรถของอเล็กซ์ที่กำลังมจอกกเทียบฟุตบาทพอดี“อ๋อ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นน้าพาออกัสกลับบ้านก่อนนะ” เมื่อได้ย
ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียวอคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู“กัส”“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง“หิวยังครับ” “หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีกทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบ
หลังออกจากบริษัทของน้องสาว เขาเดินทางออกไปนอกจังหวัด ขณะนั่งรถไปใกล้ถึงจุดนัดหมายโทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็สั่นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏเป็นชื่อพี่ชายบนหน้าจอ “ครับ” ‘อเล็กซ์ วันนี้แกว่างมั้ย’ อคิณเอ่ยถามน้องชายทางโทรศัพท์“ทำไมครับ” ‘ไปรับอาชิที่โรงเรียนให้ฉันหน่อย’ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับเอง” ‘ฉันติดประชุม ไม่ว่าง อลินก็ไม่ว่างฉันโทรไปแล้ว มีแต่มาเฟียอย่างแกที่ว่าง’ คนฟังรับรู้ได้ถึงคำพูดประชดประชันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากับพี่ชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต “ก็ได้” ‘ไปรับด้วยตัวเองนะ ห้ามสั่งให้ลูกน้องไปแทนเด็ดขาด’ คนปลายสายย้ำ เพราะรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี “ทำไม” ‘เพราะถ้าคนอื่นไปรับ ลูกฉันก็ไม่ได้กลับ’นั่นคือกฎของโรงเรียน หากไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือคนที่ผู้ปกครองแจ้งทางโรงเรียนไว้ ก็จะไม่มีการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนเด็ดขาด “อือ…” เขารับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก “คิงส์” “ครับนาย” “เลี้ยวกลับ” “ห
หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้าใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นานใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่าความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์
หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่กำลังหลับลงจากรถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง หลังลงจากรถเธอมองไปรอบ ๆ สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย นานเกือบ 6 ปีแล้วที่เธอไม่มาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจจากไปเธอก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลยแต่ตอนนี้มีเหตุจำเป็นบางอย่างที่เธอตัดสินใจกลับมา เธอจะหนีไม่ได้อีก เวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาใครคนนั้นคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตในเมืองนี้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเขาก็เลือนลางไปจากความทรงจำของเธอแล้วเช่นกันบริษัทที่เธอสมัครงานไว้มีสาขาใหญ่อยู่ที่นี่ เธอจึงถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์ และนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว เธอเลยไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ใบเฟิร์น สาวสวยวัย 25 ปี เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วลงเรียนปีหนึ่งใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีค่าเทอมไม่แพงมากนัก ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ราบเรียบ ยิ่งเธอมีลูกน้อยตั้งแต่ยังเรียนอยู่ยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นปึก!!“ขอโทษค่ะ”ขณะที่ใบเฟ