ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นาน
ใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้
“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไป
ใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่า
ความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ
“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”
ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์งาน และหญิงสาวที่กอดเธออยู่คือผู้บริหารระดับสูงของที่นี่
“คิดถึงจังเลย” เธอยังคงแสดงท่าทางดีใจโดยไม่ได้สนใจว่ามีอีกสามชีวิตที่มองมาอย่างส่งสัย
“คุณอลินคะ” ใบเฟิร์นพยายามผลักอลินให้ออกห่างจากตัว เพราะตอนนี้อลินกำลังทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม
“คุณอะไรกัน เรียกลินเฉย ๆ สิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณคือผู้บริหารสูงสุดของที่นี่นะคะ” ใบเฟิร์นพูดเตือนสติเพื่อนของเธอ
“อะไรกัน ยังไงเราก็เพื่อนกัน” เธอไม่ได้ถือตัว และไม่ได้สนสายตาของใครด้วย “คุณแหม่มคะ”
“คะคุณลิน” เลขาสาวรีบขานรับทันทีทันใด
“ลินเอาคนนี้ค่ะ” อลินเปลี่ยนมาเป็นกอดแขนของใบเฟิร์นแทน
“แต่...” เลขาสาวมีท่าทีลังเล
“ไม่มีแต่ค่ะ”
“คุณลินคะ ดิฉันว่าเราปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่ามั้ยคะ” กรรมการสอบสัมภาษณ์อีกคนที่นั่งอยู่ในห้องพูดแย้งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ลินจะเปิดตำแหน่งใหม่ค่ะ ลินต้องการผู้ช่วย” เธอพยายามหาทางเพื่อที่จะรับเพื่อนของเธอเข้าทำงานทันที
“แต่คุณลินมีเลขาส่วนตัวแล้วนะคะ”
“คุณแหม่มก็ยังคงเป็นเลขาของลินเหมือนเดิม แต่เฟิร์นจะมาเป็นผู้ช่วยอีกคนของลิน” เธอยืนยันหนักแน่น “เอาตามนี้นะคะคุณแหม่ม จัดการให้ลินด้วย”
“แต่เรายังไม่เคยมีประสบการณ์เลยนะ” ใบเฟิร์นเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อลินทำ
ทำไมใบเฟิร์นจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้ของเธอเป็นยังไง ตอนที่เรียนด้วยกันอลินใส่ใจเธอเสมอ พยายามยื่นมือมาช่วยทุกครั้ง แม้เธอจะปฎิเสธก็ไม่ยอม ครั้งนี้ก็เช่นกัน ใบเฟิร์นรู้ดีว่าอลินกับลังสนับสนุนเธอ แต่แบบนี้มันไม่ถูกต้องเธอเลยไม่เห็นด้วย
“ลินรู้ว่าเฟิร์นเก่ง เรียนรู้งานไว” เธอมั่นใจในตัวเพื่อนคนนี้เสมอ เพราะตอนที่เรียนด้วยกันใบเฟิร์นเป็นคนที่เรียนเก่งมาก เธอยังแอบเสียดายที่อยู่ ๆ ใบเฟิร์นก็หายไป
“ขอบคุณนะ” ใบเฟิร์นของคุณจากใจ “แต่เรื่องนี้เราว่ามัน...”
“ไม่มีแต่” ไม่ทันที่ใบเฟิร์จะได้พูดจบ อลินก็พูดแทรกขึ้น “เฟิร์นไปรอลินที่ห้องทำงานของลินก่อนนะ สัมภาษณ์เสร็จลินจะไปหา”
“จะดีเหรอ”
“ไม่มีอะไรไม่ดีเลย เพื่อนของลินมาที่หนึ่งเสมอ”
นี่คือนิสัยของอลิน เมื่อเธอให้ใจใครไปแล้วเธอจะเต็มที่กับคน ๆ นั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแฟน
ใบเฟิร์นเองก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรอีก เธอจึงต้องยอมทำตามคำขอของอลิน หลังออกจากห้องเลขาส่วนตัวของอลินก็พาใบเฟิร์นไปยังห้องทำงานของอลินทันที
หลังเสร็จภารกิจสัมภาษณ์งาน อลินก็รีบกลับห้องไปหาใบเฟิร์น เธอพาใบเฟิร์นออกไปนั่งร้านเบเกอร์รี่ที่พวกเธอชอบไปนั่งตอนที่ยังเรียนด้วยกัน
“ดีใจมากเลยนะที่ได้เจอกันอีก” ตั้งแต่เจอกับใบเฟิร์นอลินพูดประโยคนี้จนนับครั้งไม่ถ้วน
“เราก็ดีใจ”
“หายไปไหนมา เล่าให้ฟังได้มั้ย”
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เลยตัดสินใจลาออกแล้วกลับต่างจังหวัด” เธอเลือกที่จะไม่เล่ารายละเอียดทั้งหมดของเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากรื้อฟื้น
“รู้ตัวมั้ยว่าสวยขึ้นมากเลยนะ” เธอจะเอ่ยชมตั้งนานแล้วแต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้
“ลินก็เหมือนกัน เราเกือบจำไม่ได้แน่ะ”
“สวยแบบนี้มีแฟนยังเนี่ย” อลินเอ่ยแซว
“เรามีลูกแล้ว” ใบเฟิร์นเลือกที่จะพูดความจริงออกไป เพราะไม่มีเหตุผลที่เธอจะปิดบังอลิน เธอยังต้องทำงานกับอลินอีกนาน ถึงเธอไม่บอกสักวันอลินก็คงต้องรู้ บอกตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า
“เฮ้ย!! จริงดิ” อารมณ์ของอลินในตอนนี้ทั้งดีใจตกใจและตื่นเต้นปนกันไปหมด
“อือ”
“แล้วตอนนี้อยู่กับใคร อยู่กับพ่อเขาเหรอ”
“ไปโรงเรียนน่ะ” ใบเฟิร์นหลีกเลี่ยงการพูดถึงพ่อของออกัส
“เฮ้ย!! โตขนาดเข้าโรงเรียนแล้วเหรอ”
“อือ”
“อยากเจอหลาน” อลินดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ผู้หญิงผู้ชายอ่ะ”
“ผู้ชาย”
“หล่อมั้ย”
ใบเฟิร์นยิ้มอ่อน ๆ พลางพยักหน้า นั่นยิ่งทำให้ความตื่นเต้นของอลินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ยังไงเธอก็ต้องไปเจอเด็กน้อยให้ได้
ทั้งคู่นั่งคุยกันเรื่องทั่วไป ถึงจะเคยสนิทกันแต่อลินก็ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป เธอยังคงให้เกียรติใบเฟิร์นจะรอให้ใบเฟิร์นเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาเอง ไม่ใช่การตอบคำถามของเธอ
อาทิตย์ต่อมาเนื่องจากโรงเรียนปิด ใบเฟิร์นเลยมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกชายติดสอยห้อยท้ายไปที่ทำงานด้วย ด้วยความเกรงใจเธอจึงโทรไปเอ่ยปากขอกับอลิน ซึ่งเธอก็อนุญาตโดยไมลังเล ดีซะอีกเธอจะได้เจอหลานสักที เพราะวันก่อนที่ตั้งใจจะไปหาก็โดนที่บ้านโทรเรียกให้กลับบ้านด่วน
“สวัดดีคุณน้าแล้วยัง” ใบเฟิร์นหันไปบอกลูกชาย
“สวัสดีฮะ”
“ว้าว” อลินวิ่งไปหาแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาทันที “หล่อจริง ๆ ด้วย”
“...” ออกัสได้แต่มองหน้าของอลินด้วยความแปลกใจ
“ชื่ออะไรจ๊ะ” เธอเริ่มชวนคุย
“ออกัสฮะ”
“ชื่อก็เพราะ คนก็หล่อ” เหมือนอลินจะเริ่มถูกอกถูกใจเด็กน้อยเข้าแล้ว
“วางได้แล้วเดี๋ยวเสื้อเธอก็ยับหมดหรอก” ใบเฟิร์นเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทเอาแต่อุ้มลูกชายของเธอไม่ยอมวาง
“ช่างสิ วันนี้ไม่ได้ออกไปไหน”
สรุปทั้งวันอลินก็อาสาเป็นพี่เลี้ยงให้ออกัส ทั้งคู่สนิทกันไวพอสมควร ระหว่างที่ใบเฟิร์นนั่งทำงาน อลินก็ขนมมาให้ออกัสทานเล่น
ตอนค่ำของวันเดียวกันหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อลินก็เดินตามพี่ชายออกไปด้านนอกเพื่อบอกอะไรบางอย่าง
“พี่อเล็กซ์” เธอเรียกเขาจากด้านหลัง
“หือ” เขาหยุดแล้วหันมามองน้องสาว
“เรื่องที่ลินขอให้พี่ช่วยเมื่อหกปีก่อน”
“...” อเล็กซ์ยังไม่เข้าใจว่าน้องสาวพูดถึงเรื่องอะไร
“ไม่ต้องตามหาแล้วนะ เพื่อนที่ลินให้พี่หาน่ะ ตอนนี้ลินเจอเธอแล้ว”
“เจอที่ไหน” เขารีบถามออกไปทันที เพราะมั่นใจว่าคนที่น้องสาวพูดถึงคือคน ๆ เดียวกันกับหญิงสาวในคืนนั้น
“ที่บริษัทค่ะ” พูดแค่นั้นอลินก็วิ่งกลับเข้าบ้านไปอย่างคนอารมณ์ดี
อเล็กซ์มองตามหลังน้องสาวไปจนสุดสายตา ผู้หญิงในคืนนั้นกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ เพียงแค่ได้ยินทำไมหัวใจของเขาถึงได้กระตุก เพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อเธออย่างนั้นเหรอ
‘ไม่!! ฉันไม่ได้เอาเธอฟรี ๆ ฉันเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่เพื่อที่จะได้นอนกับเธอ แค่นั้นก็ยังไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลย’
ทุก ๆ วันหากไม่ติดประชุมหลังเลิกงานใบเฟิร์นก็จะรีบเก็บของเพื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียน เธอไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ได้เจอได้คุยกันแค่ตอนทำงานเท่านั้นบนถนนที่ทอดยาว เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานการจราจรบนท้องถนนจึงหนาแน่นไปด้วยรถและผู้คน บนรถโดยสารก็เช่นกันเพราะมีคนขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยไม่มีที่ว่างให้เธอได้นั่ง เธอมองไปรอบ ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องดิ้นรน“หม่าม๊าฮะ” ทันทีที่เห็นใบเฟิร์นออกัสก็รีบวิ่งไปหา“สวัสดีครับคุณน้า” อาชิก็วิ่งตามหลังออกัสมาติด ๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าแล้วทักทายใบเฟิร์น“สวัสดีค่ะน้องอาชิ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของอาชิเบา ๆ “วันนี้ใครมารับคะ”“ไม่รู้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่อาจจะเป็นคุณอาครับ” เพราะตอนเช้า พ่อกับแม่บอกเขาไว้ว่าตอนเลิกเรียนไม่ได้มารับ จะให้คนอื่นมารับแทน แต่อาชิก็ไม่รู้ว่าเป็นใครระหว่างอลินกับอเล็กซ์“ให้น้าอยู่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”“ไม่เป็นไรครับ คุณอามาพอดีเลย” เพราะอาชิหันไปเห็นรถของอเล็กซ์ที่กำลังมจอกกเทียบฟุตบาทพอดี“อ๋อ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นน้าพาออกัสกลับบ้านก่อนนะ” เมื่อได้ย
ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียวอคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู“กัส”“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง“หิวยังครับ” “หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีกทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบ
หลังออกจากบริษัทของน้องสาว เขาเดินทางออกไปนอกจังหวัด ขณะนั่งรถไปใกล้ถึงจุดนัดหมายโทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็สั่นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏเป็นชื่อพี่ชายบนหน้าจอ “ครับ” ‘อเล็กซ์ วันนี้แกว่างมั้ย’ อคิณเอ่ยถามน้องชายทางโทรศัพท์“ทำไมครับ” ‘ไปรับอาชิที่โรงเรียนให้ฉันหน่อย’ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับเอง” ‘ฉันติดประชุม ไม่ว่าง อลินก็ไม่ว่างฉันโทรไปแล้ว มีแต่มาเฟียอย่างแกที่ว่าง’ คนฟังรับรู้ได้ถึงคำพูดประชดประชันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากับพี่ชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต “ก็ได้” ‘ไปรับด้วยตัวเองนะ ห้ามสั่งให้ลูกน้องไปแทนเด็ดขาด’ คนปลายสายย้ำ เพราะรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี “ทำไม” ‘เพราะถ้าคนอื่นไปรับ ลูกฉันก็ไม่ได้กลับ’นั่นคือกฎของโรงเรียน หากไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือคนที่ผู้ปกครองแจ้งทางโรงเรียนไว้ ก็จะไม่มีการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนเด็ดขาด “อือ…” เขารับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก “คิงส์” “ครับนาย” “เลี้ยวกลับ” “ห
หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้าใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นานใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่าความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์
หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่กำลังหลับลงจากรถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง หลังลงจากรถเธอมองไปรอบ ๆ สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย นานเกือบ 6 ปีแล้วที่เธอไม่มาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจจากไปเธอก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลยแต่ตอนนี้มีเหตุจำเป็นบางอย่างที่เธอตัดสินใจกลับมา เธอจะหนีไม่ได้อีก เวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาใครคนนั้นคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตในเมืองนี้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเขาก็เลือนลางไปจากความทรงจำของเธอแล้วเช่นกันบริษัทที่เธอสมัครงานไว้มีสาขาใหญ่อยู่ที่นี่ เธอจึงถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์ และนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว เธอเลยไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ใบเฟิร์น สาวสวยวัย 25 ปี เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วลงเรียนปีหนึ่งใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีค่าเทอมไม่แพงมากนัก ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ราบเรียบ ยิ่งเธอมีลูกน้อยตั้งแต่ยังเรียนอยู่ยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นปึก!!“ขอโทษค่ะ”ขณะที่ใบเฟ