หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ
“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ
“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้
“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”
“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้า
ใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้าแผนกของเธอ
“จ้า”
ก่อนที่ปอลินจะเจอกับใบเฟิร์นในวันนี้ เธอได้ฟังเรื่องราวของใบเฟิร์นมาจากพนักงานคนอื่น ๆ บ้างแล้ว แน่นอนว่าความสวยของใบเฟิร์นก็เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ถูกพูดถึง นอกเหนือจากนั้นยังมีเรื่องที่ปอลินเปิดตำแหน่งใหม่เพื่อรักใบเฟิร์นเข้าทำงานโดยเฉพาะด้วย
ใบเฟิร์นเดินเข้าไปยังห้องของอลิน เพราะโต๊ะทำงานของเธอถูกวางไว้ในห้องนั้น ตอนแรกเธอก็ปฏิเสธ แต่เพราะความเอาแต่ใจของเพื่อนสนิทจึงคะยั้นคะยอให้ใบเฟิร์นนั่งทำงานในห้องนี้จนสำเร็จ
“พี่แหม่มคะ”
“คะน้องเฟิร์น” เธอเงยหน้าจากกองเอกสาร
“ให้เฟิร์นช่วยมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เพราะรู้ว่าใบเฟิร์นเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านาย และดูเหมือนว่าอลินจะหวงมากด้วย เธอเลยไม่อยากรบกวน
แม้ช่วงสองสามวันแรก เรื่องการรับพนักงานเข้าทำงานด้วยตำแหน่งใหม่จะแพร่สะพัดไปทั่วบริษัทอย่างรวดเร็ว บรรดาพนักงานหลาย ๆ คนก็มีท่าทีไม่ค่อยพอใจ เพราะบริษัทแห่งนี้คัดคนเข้าทำงานด้วยมาตรฐานที่สูง แต่ใบเฟิร์นกลับได้เข้าทำงานโดยง่ายและยังได้รับสิทธิพิเศษมากมายอีก หลายคนจึงพยายามพูดใส่หูของเลขาสาวว่าต่อไปตำแหน่งเลขาอาจจะตกเป็นของใบเฟิร์น เตรียมหางานใหม่ได้เลย
แต่เพราะแหม่มทำงานกับอลินมาหลายปี ตั้งแต่เธอเป็นผู้บริหารฝึกหัด แม้ว่าอลินจะเป็นเด็กสาวที่เอาแต่ใจไปบ้าง แต่เธอก็เป็นคนที่มีเหตุมีผล เลขาสาวอย่างแหม่มเลยไม่ได้กังวลเรื่องนั้น
“ให้เฟิร์นช่วยเถอะค่ะ ตอนนี้เฟิร์นไม่มีงานเลย มานั่งเฉย ๆ ทุกวันก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“เอางั้นเหรอ” เมื่อโดนตื้อเยอะ ๆ เธอจึงยอมใจอ่อนแบ่งงานให้ใบเฟิร์นไป
หลายครั้งที่เธอแอบชื่นชมใบเฟิร์น เพราะอลินมอบหมายให้เธอเป็นพี่เลี้ยงของใบเฟิร์นไปด้วย ทำให้เธอมีโอกาสได้สอนงานให้ใบเฟิร์น ทำให้รู้ว่าคำพูดของอลินในวันสัมภาษณ์งานคือเรื่องจริงทั้งหมด ไม่ใช่การยกยอปอปั้นเพื่อให้คนอื่นเห็นด้วย
“ทำอะไรกันอยู่คะ” เสียงเจื้อยแจ้วของคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทและเลขาส่วนตัวกำลังก้มหน้าก้มตาดูเอกสารกันอย่างจริงจัง
“พอดีพี่ให้น้องเฟิร์นช่วยทำเอกสารค่ะ”
“ดีเลยค่ะ เฟิร์นจะได้เรียนรู้ เผื่อได้เป็นเลขาหน้าห้องพี่ชายของลิน”
“คุณอคิณเหรอคะ” เลขาสาวถามขึ้นทันที
“เปล่าค่ะ”
“หรือคุณอเล็กซ์” เธอทายว่าเป็นอเล็กซ์แน่ ๆ เพราะอลินมีพี่ชายแค่สองคน หากไม่ใช่อคิณ แน่นอนว่าต้องเป็นอเล็กซ์
“ลินแค่พูดเผื่อไว้ เพราะช่วงนี้ดูเหมือนว่าพี่อเล็กซ์จะสนใจงานที่บริษัทขึ้นมา”
เมื่อสองวันก่อนขณะที่อลินกำลังนั่งรถเข้ามาในบริษัทหลังออกไปพบลูกค้ากับใบเฟิร์น เธอเห็นรถพี่ชายจอดอยู่หน้าบริษัท ด้วยความสงสัยเธอจึงโทรหาจึงได้รู้ว่าพี่ชายนั่งรออยู่ในห้องทำงาน
“เฟิร์นไปรอที่ห้องประชุมเลยนะ เดี๋ยวลินตามไป” เธอหันไปบอกใบเฟิร์นก่อนจะแยกตัวออกไป
อลินเดินเข้าไปในห้องก็เจอชายหนุ่มร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งผู้ช่วยของเธออยู่
“ไม่มีที่นั่งแล้วเหรอคะ” อลินขมวดคิ้ว
“ทำไม นั่งตรงไหนก็เหมือนกันมั้ย” เขาเลิกคิ้วถาม
“มีธุระอะไรคะ ถึงได้มาถึงที่นี่” ทั้งที่ปกติไม่เคยมาเฉียดเข้ามาด้วยซ้ำ
“ผ่านมา เลยแวะมาเยี่ยม”
“เฮอะ...วันดีคืนดีไม่เคยเห็น อยู่ ๆ วันนี้บอกว่าแวะมาเยี่ยม ถ้าลินเชื่อพี่ก็บ้าแล้ว” เธอสงสัยว่าพี่ชายต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ
“ยังมีตำแหน่งว่างให้พี่บริหารบ้างมั้ย”
“ไปถามพี่คิณสิ มาถามลินทำไม” เธอไม่เข้าใจว่าพี่ชายคนนี้กำลังต้องการอะไร “พี่จะรื้อโต๊ะทำไม”
ขณะนั่ง อเล็กก็เปิดลิ้นชักไปเรื่อย หยิบนั่นหยิบนี่ขึ้นมาดูแล้ววางไว้บนโต๊ะ แม้ของพวกนั้นจะไม่ใช่ของ ๆ เธอ แต่เธอก็ไม่ค่อยชอบใจนัก
“ถึงขนาดเอามาไว้ในห้องเลยเหรอ เธอคนนี้คงจะไม่ธรรมดา” เขาเปิดดูเอกสารที่เจ้าของโต๊ะทำไว้เพื่อเสนอในที่ประชุม
“ก็คนที่ลินบอกพี่ไง” อลินเตือนความจำพี่ชาย เหมือนเธอจะพูดเรื่องนี้กับเขาไปแล้ว
“เพื่อนที่ให้พี่ช่วยหาคนนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ลินให้มาเป็นผู้ช่วย คิดถึงด้วยแหละเลยเอามาไว้ในห้องซะเลย จะได้เมาท์กัน” เธอไม่ได้จริงจังกับการตอบคำถามเท่าไหร่ จะติดไปทางเล่นซะมากกว่า
“สรุปจ้างมาทำงานหรือทำอะไร”
“ทำงานสิคะ เฟิร์นน่ะเป็นผู้หญิงที่เก่งมากเลยนะ ถ้าพี่ได้เจอตัวจริง ลินรับรองว่าพี่ต้องชอบแน่ ๆ” เธอเชื่อแบบนั้น
“หึ...คิดว่าฉันชอบคนที่หน้าตาเหรอ”
“ไม่รู้สิ ก็ลินเห็นสาว ๆ ที่พี่ควงก็ไม่เห็นมีใครขี้เหร่สักคน” เธอยักไหล่เบา ๆ
“แอบสะกดรอยตามฉันเหรอ”
“ไม่ต้องสะกดรอยตามหรอกค่ะ สาว ๆ พวกนั้นต่างก็พยายามมีตัวตนกันทั้งนั้น” เธอเห็นตามสื่อโซเชี่ยลทั่วไปหลายครั้ง
“แล้วเพื่อนเธอไปไหน” เมื่อคุยกันมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเจ้าของโต๊ะขึ้นมาเลยเอ่ยปากถามออกไป
“สนใจขึ้นมาแล้วล่ะสิ” เธอพูดแหย่พี่ชาย “แต่เสียใจด้วยนะคะเธอมีครอบครัวแล้ว”
“...”
“ลูกชายก็หล่อมากด้วย” เธอยิ้มหวานออกมาเมื่อนึกถึงหลานชายคนหล่อ นี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอกัน
“ลูกชาย?”
“ใช่ค่ะ น้องออกัส” เธอหันไปบอกพี่ชาย “ที่หายไปคงจะหายไปแต่งงานแหละ เพราะน้องออกัสก็อายุประมาณสี่ขวบกว่าได้รุ่นเดียวกับเจ้าอาชิตัวแสบเลย แล้วก็พูดเก่งมาก”
“...” อเล็กซ์นิ่งไป แต่งงานอย่างนั้นเหรอ ก็ดี! อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่สิ เขาไม่เคยรู้สึกผิดต่างหาก เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอ” อลินถามขึ้นเมื่ออยู่ ๆ พี่ชายก็ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องไป
“อือ”
ตอนแรกเขาตั้งใจจะมาดูหน้าผู้ช่วยของน้องสาว เพราะผ่านมาหลายปีใบหน้าที่เอาแต่ร้องไห้ในคืนนั้นค่อย ๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าได้เจอกันอีก เขาจะจำเธอได้หรือเปล่า
ขณะเดินผ่านโต๊ะของเลขาหน้าห้องของอลิน โทรศัพท์ในกระเป๋าของอเล็กซ์ก็สั่น เขาหยุดเดินแล้วล้วงมันออกก้มมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะกดรับสาย
“ครับ”
ขณะที่มองตรงไปด้านหน้าหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินผ่านเขาไป ทำให้อเล็กซ์มองตามหลังจนเธอหายเข้าไปในห้องของอลิน
“อ๋อ...ครับ” เขาขานรับคนในสายที่ดูเหมือนจะพยายามเรียกเขาอยู่หลายครั้ง “เจอกันครับ”
อเล็กซ์หันมองอีกครั้ง ภาพหญิงสาวในชุดทำงานสีกรมตัดกับผิวขาวอมชมพู ผมที่รวบตึงปล่อยหางม้ามาถึงกลางหลัง ความสง่างามที่เพิ่งผ่านเขาไป จะใช่คน ๆ เดียวกับเธอคนนั้นได้อย่างไร
อเล็กซ์ส่ายหน้าไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนั้น เพราะมีใครคนหนึ่งรอเขาอยู่ เขาเลยต้องรีบไป
ทุก ๆ วันหากไม่ติดประชุมหลังเลิกงานใบเฟิร์นก็จะรีบเก็บของเพื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียน เธอไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ได้เจอได้คุยกันแค่ตอนทำงานเท่านั้นบนถนนที่ทอดยาว เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานการจราจรบนท้องถนนจึงหนาแน่นไปด้วยรถและผู้คน บนรถโดยสารก็เช่นกันเพราะมีคนขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยไม่มีที่ว่างให้เธอได้นั่ง เธอมองไปรอบ ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องดิ้นรน“หม่าม๊าฮะ” ทันทีที่เห็นใบเฟิร์นออกัสก็รีบวิ่งไปหา“สวัสดีครับคุณน้า” อาชิก็วิ่งตามหลังออกัสมาติด ๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าแล้วทักทายใบเฟิร์น“สวัสดีค่ะน้องอาชิ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของอาชิเบา ๆ “วันนี้ใครมารับคะ”“ไม่รู้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่อาจจะเป็นคุณอาครับ” เพราะตอนเช้า พ่อกับแม่บอกเขาไว้ว่าตอนเลิกเรียนไม่ได้มารับ จะให้คนอื่นมารับแทน แต่อาชิก็ไม่รู้ว่าเป็นใครระหว่างอลินกับอเล็กซ์“ให้น้าอยู่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”“ไม่เป็นไรครับ คุณอามาพอดีเลย” เพราะอาชิหันไปเห็นรถของอเล็กซ์ที่กำลังมจอกกเทียบฟุตบาทพอดี“อ๋อ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นน้าพาออกัสกลับบ้านก่อนนะ” เมื่อได้ย
ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียวอคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู“กัส”“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง“หิวยังครับ” “หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีกทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบ
หลังออกจากบริษัทของน้องสาว เขาเดินทางออกไปนอกจังหวัด ขณะนั่งรถไปใกล้ถึงจุดนัดหมายโทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็สั่นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏเป็นชื่อพี่ชายบนหน้าจอ “ครับ” ‘อเล็กซ์ วันนี้แกว่างมั้ย’ อคิณเอ่ยถามน้องชายทางโทรศัพท์“ทำไมครับ” ‘ไปรับอาชิที่โรงเรียนให้ฉันหน่อย’ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับเอง” ‘ฉันติดประชุม ไม่ว่าง อลินก็ไม่ว่างฉันโทรไปแล้ว มีแต่มาเฟียอย่างแกที่ว่าง’ คนฟังรับรู้ได้ถึงคำพูดประชดประชันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากับพี่ชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต “ก็ได้” ‘ไปรับด้วยตัวเองนะ ห้ามสั่งให้ลูกน้องไปแทนเด็ดขาด’ คนปลายสายย้ำ เพราะรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี “ทำไม” ‘เพราะถ้าคนอื่นไปรับ ลูกฉันก็ไม่ได้กลับ’นั่นคือกฎของโรงเรียน หากไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือคนที่ผู้ปกครองแจ้งทางโรงเรียนไว้ ก็จะไม่มีการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนเด็ดขาด “อือ…” เขารับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก “คิงส์” “ครับนาย” “เลี้ยวกลับ” “ห
หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้าใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นานใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่าความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์
หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งอุ้มลูกชายที่กำลังหลับลงจากรถโดยสารที่พวกเขานั่งมาเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง หลังลงจากรถเธอมองไปรอบ ๆ สำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย นานเกือบ 6 ปีแล้วที่เธอไม่มาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจจากไปเธอก็ไม่คิดที่จะกลับมาอีกเลยแต่ตอนนี้มีเหตุจำเป็นบางอย่างที่เธอตัดสินใจกลับมา เธอจะหนีไม่ได้อีก เวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมาใครคนนั้นคงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเธอสามารถกลับมาใช้ชีวิตในเมืองนี้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเขาก็เลือนลางไปจากความทรงจำของเธอแล้วเช่นกันบริษัทที่เธอสมัครงานไว้มีสาขาใหญ่อยู่ที่นี่ เธอจึงถูกเรียกให้มาสัมภาษณ์ และนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เธอจะได้สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว เธอเลยไม่ลังเลที่จะมาที่นี่ใบเฟิร์น สาวสวยวัย 25 ปี เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพราะเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วลงเรียนปีหนึ่งใหม่ในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีค่าเทอมไม่แพงมากนัก ชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้ราบเรียบ ยิ่งเธอมีลูกน้อยตั้งแต่ยังเรียนอยู่ยิ่งต้องขยันเพิ่มขึ้นปึก!!“ขอโทษค่ะ”ขณะที่ใบเฟ