“อ้าขากว้าง ๆ ฉันบอกให้อ้าไง”
“พอแล้ว ฉันขอร้อง” เธอหนีบขาสองข้างของตัวเองไว้และพยายามต่อต้านเขา
“อย่ามาทำเป็นเล่นตัว ในเมื่อเลือกที่จะขายตัวก็สนองให้คุ้มกับเงินที่ฉันจ่ายไปหน่อย” เขาไม่ได้สนใจคำขอร้องนั้น แต่กลับจับขาสองข้างของเธอแยกออกจากกันสอดใส่เอ็นร้อนแล้วดันเข้าไปจนสุดในคราวเดียว “ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมด แค่เห็นเงินก็พร้อมยอมพลีกายแล้ว”
“ฉะ...ฉันเจ็บ” เธอเอามือดันอกเขาไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนให้เขาอ่อนโยนกับเธอหน่อย แต่แววตาที่มองกลับมามีแต่ความเย็นชา
“...”
“อ๊ะ...คะ...คุณกำลังเข้าใจฉันผิด” นี่คือคำที่เธอพยายามพูดกับเขามาตลอด “ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ”
“ไม่!!”
“ฉันต้องไปสอบ...ขอร้องล่ะเชื่อฉันเถอะนะ” เธอพยายามอ้อนวอนเขา น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนวลสองข้างไม่สามารถทำให้เขาใจอ่อนได้เลย
แม้เธอจะมีท่าทางต่อต้านแต่เนื้อนุ่มภายในกลับตอดรัดเอ็นร้อนขนาดใหญ่ของเขาราวกับดีใจที่ได้สัมผัสกัน หญิงสาวรู้สึกเกลียดตัวเองที่ร่างกายของเธอกลับไม่รักดี
ความคับแน่นภายในทำให้ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาสนุกกำลังสนุกกับการได้เชยชมเรือนร่างนี้ ยิ่งเธอต่อต้านยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
“พอเถอะ ฮึก ฉันไม่อยากทำแล้ว”
สายตาเย็นชาของคนบนร่างที่มองมายิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกกลัวและเจ็บปวด เขาทำกับเธอราวกับว่าเธอเคยไปทำอะไรให้เขาโกรธแค้นมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เธอจำได้ว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา
“จิ๊!!...อย่าพูดมากได้มั้ย”
“อ๊ะ ๆ ๆ” แรงกระแทกที่ส่งไปครั้งแล้วทำให้เธอปวดระบมไปทั้งตัว ร่างกายของเธอแทบจะรับมันไม่ไหวแล้ว “อ๊า...”
“อ่าส์...” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างสุขสม หลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปเป็นรอบที่สอง
เขาก้มมองคนที่นอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของเขา
“ฮึก ๆ”
“เงียบ!!” เสียงตะคอกของเขาทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว มือหนาข้างหนึ่งบีบแก้มของเธอไว้จนเธอรับรู้ถึงความเจ็บปวด “น่ารำคาญจริง ๆ”
เป็นวันที่สามแล้วที่เธอติดแหง็กอยู่ที่นี่ เพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงขายตัว เธอเลยถูกเขาซื้อมาแต่เขากลับติดใจ เมื่อมารู้ภายหลังว่าเขาโชคดีที่ได้สาวบริสุทธิ์มาเชยชม เขาเลยยอมจ่ายเงินเพิ่มให้เธอเพื่อสนุกกับเรือนร่างของเธอต่อ แม้หญิงสาวจะพยายามอธิบายยังไงเขาก็ไม่ฟัง
“นายครับ” ลูกน้องวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเจ้านายที่เพิ่งลงจากรถ
“ว่าไง” ชายหนุ่มหันไปถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“หาเธอไม่เจอครับ”
“ผู้หญิงคนเดียว พวกแกหาไม่เจออย่างนั้นเหรอ เป็นแบบนี้ฉันจะกล้าไว้ใจให้พวกแกทำงานใหญ่ได้ยังไงวะ” ท่าทางฉุนเฉียวของเจ้านายทำให้ลูกน้องรีบก้มหน้าลงเพราะความกลัว
เมื่อคืนตอนที่เขาเดินทางไปต่างจังหวัด ลูกน้องได้โทรไปแจ้งกับเขาว่าหญิงสาวที่เขาซื้อมาเมื่อสามวันก่อนหนีออกจากคอนโดของเขาไปแล้ว เขาจึงสั่งให้ลูกน้องออกตามหาและนำตัวของเธอกลับมาให้ได้ แต่พอได้ยินว่าหาเธอไม่เจอก็ยิ่งทำให้เขาโกรธ
“ขอโทษครับนาย แต่เธอหายไปโดยไร้ร่องรอยเลยนะครับ”
“ไปขอดูกล้องวงจรปิดของคอนโดเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่ง
“คะ...ครับนาย”
“ส่วนแก ไปตระเวนดูตามสถานีตำรวจ” เขาหันไปหาลูกน้องอีกคน
“ครับนาย”
“เธอหนีฉันไปไม่พ้นหรอก” เขากำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ เงินที่เขาจ่ายให้เธอจำนวนมหาศาล เขายังตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธอไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเลย
สามวันต่อมาบนโต๊ะกินข้าวในบ้านหลังใหญ่ ตอนนี้มีสมาชิกทั้งหมด 6 ชีวิตกำลังร่วมรับประทานอาหารกัน ไม่บ่อยนักที่ลูกชายคนกลางจะกลับมาบ้าน บนโต๊ะอาหารวันนี้จึงมีเมนูหลากหลายกว่าปกติ
“ฉันว่าแกวางมือเถอะ” อคิณพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยขึ้น “มาช่วยกันดูแลบริษัทดีกว่า”
“ธุรกิจของผมก็มากมาย ผมไม่มีเวลามาช่วยพี่ดูแลบริษัทหรอก”
“ธุรกิจสีเท่าพวกนั้นนะเหรอ” เขามีน้ำเสียงเย้ยหยั่น เพราะไม่ชอบใจนักที่น้องชายเดินทางสายนี้ “ไม่รู้จะถูกสั่งปิดเมื่อไหร่”
“ทุกวันนี้ผมก็ไม่เห็นมีใครกล้าเข้ามายุ่งกับธุรกิจของผมนี่ครับ” เขาพูดด้วยท่าทางมั่นใจ เพราะเชื่อว่าบารมีของเขาในตอนนี้ไม่มีใครทำอะไรเขาได้
“ฉันเตือนแกครั้งสุดท้าย วันหนึ่งที่แกเห็นคนที่แกรักต้องตกอยู่ในอันตราย ตอนนั้นมันจะทำให้แกทุกข์ทรมานที่สุด”
เพราะเขาเคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ด้วยความที่เป็นลูกคนโตเขาเลยต้องรับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเขามีคนรัก เขากลับคิดที่จะวางมือเพราะไม่อยากให้คนรักต้องอยู่ในอันตราย ทุกอย่างเลยตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของ อเล็กซ์ ลูกชายคนกลางของบ้าน
“ผมไม่เถียงพี่หรอกนะ แต่นี่ก็ชีวิตผมผมดูแลตัวเองได้”
อเล็กซ์เป็นหนุ่มหล่อร่างสูง เขาเป็นคนที่มั่นคงในความรักคนหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตจึงทำให้เขากลายเป็นหนุ่มเพลย์บอย มองผู้หญิงเป็นเพียงที่รองรับอารมณ์ ใช้เงินซื้อพวกเธอมาเพื่อบำเรอความไคล่ของเขาเท่านั้น
“พี่อเล็กซ์” เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยเรียกพี่ชาย
“มีอะไร”
“ทานข้าวเสร็จมีเรื่องจะคุยกับพี่หน่อย”
เพราะเรื่องที่เธอจะคุยเป็นเรื่องที่เธอกังวลมาหลายวันแล้ว เพราะพี่ชายเป็นมาเฟียเธอเชื่อว่าเขาจะช่วยเธอได้
“ว่าไง” อเล็กซ์ที่เดินตามน้องสาวออกมาถามขึ้น
“ช่วยอะไรหนูหน่อยได้มั้ย”
“อะไร”
“ช่วยตามหาเพื่อนหนูให้หน่อย” เพื่อนของเธอหายไปหลายวันอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน ไปหาที่ห้องเช่าก็ไม่เจอ
“ทำไมต้องหา แล้วเพื่อนหายไปไหน”
“ไม่รู้สิ วันก่อนมันบอกหนูว่าทำพาร์ทไทม์เสร็จจะรีบกลับ พอถึงวันสอบมันก็หายไป หนูพยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้เลย”
“มีรูปมั้ย”
“เดี๋ยวนะ” หญิงสาวว่าพลางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเปิดภาพของเพื่อนสนิทแล้วส่งให้พี่ชายของเธอดู
ชายหนุ่มนิ่งไปเขารู้สึกชาไปทั้งตัว คนในภาพคือคน ๆ เดียวกันกับที่เขาตามหาอยู่เหมือนกัน แสดงว่าคืนนั้นที่เธอพยายามบอกเขาคือเรื่องจริง...
รถสปอร์ตสีเงินที่กำลังจอดอยู่ตรงฟุตบาทใกล้ประตูทางเข้าโรงเรียน เจ้าของรถยังคงนั่งอยู่ในรถ วันนี้เขาไม่ได้มารับหลานแต่ตั้งใจมาทำอย่างอื่นเพียงเห็นเป้าหมายออกจากโรงเรียนไป เขาก็ขับรถตามออกไปช้า ๆ จนรถมาจอดตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะใบเฟิร์นนั่งอุ้มลูกน้อยที่กำลังหลับอยู่บนตัก เธอค่อย ๆ หลับตาลงสูดดมกลิ่นอายของอากาศยามเย็น ทุกครั้งที่อยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบเธอกลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูกอยู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอเงยหน้ามองเขา ถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเจอผู้ชายคนนี้เมื่อหลายวันก่อน เธอเห็นเขาผ่าน ๆ ในบริษัทของเพื่อนสนิท แต่ทำไมครั้งนี้เธอกลับคุ้นหน้าเขาเหมือนเคยเจอมามากกว่าหนึ่งครั้ง“มองอะไร”“ปะ...เปล่าค่ะ” ใบเฟิร์นรีบก้มหน้าลงทันที“ขยับไปหน่อย”แม้จะแปลกใจแต่น้ำเสียงดุดันนั้นก็ทำให้เธอไม่กล้าถาม และยอมขยับตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายชายหนุ่มนั่งลงเมื่อหญิงสาวขยับให้ ก่อนจะยกมือพาดไปตรงพนักพิงแล้วไขว่ห้าง เขาหันมองเธอจากด้านข้าง จมูกเล็กที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ทำเขาเผลอมอง“ไม่เจอกันนานเลยนะ” อเล็กซ์พูดขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นเธอหันไปจ้อ
ทุก ๆ วันหากไม่ติดประชุมหลังเลิกงานใบเฟิร์นก็จะรีบเก็บของเพื่อไปรับลูกชายที่โรงเรียน เธอไม่มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ได้เจอได้คุยกันแค่ตอนทำงานเท่านั้นบนถนนที่ทอดยาว เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานการจราจรบนท้องถนนจึงหนาแน่นไปด้วยรถและผู้คน บนรถโดยสารก็เช่นกันเพราะมีคนขึ้นเยอะ ตอนนี้เลยไม่มีที่ว่างให้เธอได้นั่ง เธอมองไปรอบ ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่มีความรู้สึกไม่ต่างจากเธอ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องดิ้นรน“หม่าม๊าฮะ” ทันทีที่เห็นใบเฟิร์นออกัสก็รีบวิ่งไปหา“สวัสดีครับคุณน้า” อาชิก็วิ่งตามหลังออกัสมาติด ๆ ก่อนจะหยุดตรงหน้าแล้วทักทายใบเฟิร์น“สวัสดีค่ะน้องอาชิ” เธอเอื้อมมือไปจับแก้มของอาชิเบา ๆ “วันนี้ใครมารับคะ”“ไม่รู้ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่อาจจะเป็นคุณอาครับ” เพราะตอนเช้า พ่อกับแม่บอกเขาไว้ว่าตอนเลิกเรียนไม่ได้มารับ จะให้คนอื่นมารับแทน แต่อาชิก็ไม่รู้ว่าเป็นใครระหว่างอลินกับอเล็กซ์“ให้น้าอยู่รอเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ”“ไม่เป็นไรครับ คุณอามาพอดีเลย” เพราะอาชิหันไปเห็นรถของอเล็กซ์ที่กำลังมจอกกเทียบฟุตบาทพอดี“อ๋อ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นน้าพาออกัสกลับบ้านก่อนนะ” เมื่อได้ย
ภายในห้องผู้บริหารมีสาวสวยสองคนกำลังนั่งทำงานกันอยู่ โดยมีเด็กน้อยที่พี่ชายคนโตของอลินอาสาไปรับมาส่งให้ เขานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาคนเดียวอคิณเพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าออกัสเป็นลูกชายของใบเฟิร์น เขารู้จักออกัสเพราะลูกชายตัวแสบมักจะพูดให้ฟังอยู่เสมอ และตอนเย็นที่ไปรับก็มีโอกาสได้เจอกันบ้าง ออกัสเลยได้ผู้ใหญ่ใจอีกอีกคนที่คอยเอ็นดู“กัส”“ฮะน้าลิน” ออกัสเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง“หิวยังครับ” “หิวแล้วฮะ” เพราะเป็นเด็กเลยพูดออกไปตรง ๆ“ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันเถอะ”“แต่งานยังไม่เสร็จนะ” ใบเฟิร์นทักท้วง“ค่อยทำต่อก็ได้ ไม่ได้รีบร้อนอะไร” อลินพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ “หลานฉันหิวแล้ว”ใบเฟิร์นจำใจเก็บของแล้วลุกขึ้นตามออกไป เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริง ๆ แล้วออกัสเป็นลูกของเธอหรือว่าอลินกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าอลินจะเอาอกเอาใจออกัสยิ่งกว่าเธออีกทั้งสามมาอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ใบเฟิร์นนั่งมองน้ากับหลานพากันเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอดีใจที่ลูกมีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่เรียนและทำงานจนไม่มีเวลาไปพาลูกไปเที่ยวเล่น“ฉันถามจริง เฟิร์นได้พาลูกเล่นของแบ
หลังออกจากบริษัทของน้องสาว เขาเดินทางออกไปนอกจังหวัด ขณะนั่งรถไปใกล้ถึงจุดนัดหมายโทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็สั่นอีกครั้ง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏเป็นชื่อพี่ชายบนหน้าจอ “ครับ” ‘อเล็กซ์ วันนี้แกว่างมั้ย’ อคิณเอ่ยถามน้องชายทางโทรศัพท์“ทำไมครับ” ‘ไปรับอาชิที่โรงเรียนให้ฉันหน่อย’ “แล้วทำไมพี่ไม่ไปรับเอง” ‘ฉันติดประชุม ไม่ว่าง อลินก็ไม่ว่างฉันโทรไปแล้ว มีแต่มาเฟียอย่างแกที่ว่าง’ คนฟังรับรู้ได้ถึงคำพูดประชดประชันนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากับพี่ชายก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต “ก็ได้” ‘ไปรับด้วยตัวเองนะ ห้ามสั่งให้ลูกน้องไปแทนเด็ดขาด’ คนปลายสายย้ำ เพราะรู้จักนิสัยของน้องชายเป็นอย่างดี “ทำไม” ‘เพราะถ้าคนอื่นไปรับ ลูกฉันก็ไม่ได้กลับ’นั่นคือกฎของโรงเรียน หากไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือคนที่ผู้ปกครองแจ้งทางโรงเรียนไว้ ก็จะไม่มีการปล่อยนักเรียนออกจากโรงเรียนเด็ดขาด “อือ…” เขารับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจมากนัก “คิงส์” “ครับนาย” “เลี้ยวกลับ” “ห
หน้าบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงาน เวลานี้พวกเขาพากันเร่งฝีเท้าเพื่อไปรอขึ้นลิฟต์ เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง กฏระเบียบจึงเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนให้ความสำคัญ“สวัสดีค่ะ พี่ใช่พนักงานใหม่ใช่มั้ยคะ” สาวสวยคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยทักขึ้น เมื่อใบเฟิร์นมาหยุดยืนอยู่ในลิฟต์ข้าง ๆ เธอ“ใช่ค่ะ” ใบเฟิร์นหันไปตอบพลางยิ้มหวานให้“ก็ว่าอยู่ หนูมาฝึกงานที่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นพี่” เพราะเธอรู้สึกสะดุดตากับความสวยของใบเฟิร์น แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันเธอยังรู้สึกชื่นชม “หนูชื่อปอลินนะคะ”“พี่ชื่อใบเฟิร์นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ขอหนูจับมือหน่อยได้มั้ยคะพี่ใบเฟิร์น” เธอยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำใจกล้าใบเฟิร์นเองก็ไม่ใช่คนเย่อหยิ่งอะไร เธอยื่นมือออกไปให้ปอลินจับแต่โดยดี ซึ่งใบเฟิร์นก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของนักศึกษาฝึกงาน เธอมองใบหน้าของปอลินอีกครั้งก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เพราะความเอ็นดู แม้ว่าอายุของทั้งคู่จะห่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เธอกลับมองว่าปอลินเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“หนูต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกใบเฟิร์นขณะลิฟต์จอดที่หน้
ถึงวันสัมภาษณ์งาน ใบเฟิร์นแวะส่งลูกชายที่โรงเรียนก่อนจะเดินทางไปยังบริษัท เธอมีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่แบบนี้ จากข้อมูลคร่าว ๆ ที่เธอพอจะทราบมาบ้าง ถึงบริษัทแห่งนี้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึง 5 ปี แต่ก็สามารถพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางภายในเวลาไม่นานใบเฟิร์นเดินเข้าไปในบริษัท ขณะเดินผ่านป้ายทำเนียบผู้บริหาร เธอนิ่งไปเพราะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทแห่งนี้คือหญิงสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจำใบหน้าหวานนั้นได้ดี ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้“ขอเชิญคนต่อไปค่ะ” ใบเฟิร์นหันมองตามเสียงก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วตามพนักงานคนดังกล่าวเข้าไปใบเฟิร์นเดินไปหยุดอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าเป็นหญิงสาวที่เธอเห็นตรงป้ายทำเนียบผู้บริหาร ‘คิดถึง’ คำนี้ลอยเข้ามาในหัวของเธอ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าจะจำกันได้หรือเปล่าความสงสัยของใบเฟิร์นได้สิ้นสุดลงเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาหาเธอ“เฟิร์น” ทันทีที่เข้าใกล้เธอก็โผเข้ากอดใบเฟิร์นจนแน่น “ดีใจจังเลยที่ได้เจอ”ด้วยความตกใจ ใบเฟิร์นเองก็ทำตัวไม่ถูก วันนี้เธอมาสัมภาษณ์