เข้าสู่ระบบ13 จัดการนังแพศยา!
ปรเมศเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทอย่างตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้ออกจากปากของอคิราห์ “นี่มึงว่าอะไรนะ” “ดูไม่ออกหรอว่าแม่นี่กำลังอ่อยมึง” “พูดอะไรก็ให้เกียรติพนักงานกูหน่อยสิวะ คุณปรางเขาไม่สบายอยู่นะ” ปรเมศตัดสินใจอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของปรางปรีญาขึ้นแล้วพาเธอกลับไปนั่งประจำที่ อคิราห์มองภาพนั้นอย่างโกรธจัดจนสันกรามหนาขบเข้าหากันแน่น ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าปรางปรีญากำลังอ่อยปรเมศ รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังทำ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ เห็นทีคืนนี้ต้องสั่งสอนให้หลาบจำ “ขะ...ขอโทษค่ะ ปรางรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” “หน้าคุณซีดมากเลยนะ งั้นเดี๋ยวถึงฝั่งแล้วผมจะให้คุณไปพักผ่อนก็แล้วกัน” “ปรางยังไหวค่ะ ไว้ค่อยกลับมาพักทีเดียวก็ได้” หญิงสาวพยักหน้ารับ ฝืนยิ้ม ทั้งๆที่รู้ตัวว่าตอนนี้ร่างกายไม่ไหวแล้ว คนตัวเล็กกลับมานั่งประจำที่ แต่ก็ยังมีอาการพะอืดพะอมอยู่ พยายามกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากอาเจียนบนเรือ อีกเดี๋ยวก็จะถึงเกาะแล้ว สายตาคมกริบประดุจเหยี่ยวจับจ้องอยู่ที่ร่างบางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปรางปรีญารับรู้ได้ทันทีว่ากำลังมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากชายร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เธอก็พยายามไม่สนใจ อย่างน้อยก็ยังมีปรเมศนั่งอยู่ตรงนี้ ยังพอเป็นที่พึ่งให้เธอได้บ้าง อคิราห์เก็บความร้อนรุ่มเอาไว้ในใจ ไว้ถึงฝั่งเมื่อไหร่เขาจะจัดการคนตัวเล็กทันที เห็นหน้าซื่อๆใสๆแบบนี้มารยาสาไถยใช่ย่อย ขนาดปรเมศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายก็ยังไม่เว้น เชื่อแล้วว่าคนบ้านนี้เป็นเหมือนกันหมด ทันทีที่เรือแล่นเข้ามาจอดเทียบท่า ปรางปรีญาก็รีบลงจากเรือวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เสียงอาเจียนดังเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำเหนียวหนืดใสๆ ประจวบกับปรเมศต้องรีบไปตรวจเช็คโครงการพอดี อคิราห์จึงถือโอกาสนี้เดินตามหญิงสาวมาที่ห้องน้ำ เขายืนพิงกรอบประตูรอเธออย่างใจเย็น สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมา ปรางปรีญาซึ่งอยู่ในสภาพหมดเรี่ยวแรงใจหายวาบเมื่อเห็นซาตานร้ายดักรออยู่ที่หน้าห้องน้ำ “คุณ!” “ตกใจทำไมหรอ หรือเพราะฉันไม่ใช่ไอ้ปรเมศ” อคิราห์ยกมือกดอก สายตาคมกริบแสนดุดันจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยซีดเซียว ปรางปรีญาดูตกใจมากที่เห็นเขายืนรออยู่หน้าห้องน้ำ “คุณตามฉันมาทำไม” “ก็ตามมาสั่งสอนนังเพศยาที่พยายามอ่อยเพื่อนฉันไง ปรเมศมันมีแฟนแล้วเธอก็รู้ หรือพวกเธอมันไม่มีจิตสำนึกขนาดนั้นถึงขั้นเอาไม่เลือก” “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับบอส เราสองคนทำงานด้วยกันมานาน คุณศรุตาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เลิกกล่าวหาฉันสักที!” “น้ำหยดลงหิน…หินยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน อย่างวันนี้เธอก็จงใจอ่อยมัน พอเมียเขาเผลอหน่อยก็ออกลายเลยนะ” ปรางปรีญากัดฟันกร๊อดใหญ่ เจ็บแค้นใจที่อีกฝ่ายเอาแต่พูดดูถูกดูแคลนทั้งๆที่เธอไม่ได้คิดอะไรกับปรเมศ อย่างวันนี้ก็เห็นว่าเธอไม่สบายจริงๆ หรืออคติมันบังตาไปหมดแล้ว “ฉันไม่อยากคุยกับคนพาลอย่างคุณ ก็เห็นๆอยู่ว่าฉันอ้วกอยู่ในห้องน้ำ แต่คุณก็ยังคิดว่าฉันเสแสร้ง งั้นก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ เพราะคนอย่างคุณไม่เคยมองฉันในด้านดีๆอยู่แล้ว” “เพราะฉันรู้ความลับของเธอกับน้าสาวร่านๆไง ฉันถึงรู้ว่าพวกเธอมันเป็นคนยังไง” “คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ” คิ้วโก่งดังคันศรย่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้ยอมรับว่ากลัวอคิราห์มาก ยิ่งอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เหมือนมีสัญญาณเตือนว่าเขากำลังจะทำอะไรบางอย่างกับเธออีกรอบ อคิราห์ผลักร่างของปรางปรีญาเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูล็อคกลอนอย่างแน่นหนา “อย่ามาทำเป็นไขสือทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ” “ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณพูดหมายถึงอะไร แต่ฉันไม่เคยทำอะไรลับหลังคุณแน่นอน ตอนนั้นฉัน….มีแค่คุณคนเดียว” เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกประหม่า จู่ๆก็เกิดอาการร้อนวูบวาบ ครั่นเนื้อครั่นตัว กระบอกตาร้อนผ่าว แถมยังปวดตึบๆที่บริเวณขมับ “เธอนี่มันเล่นละครเก่งจังเลยนะปรางปรีญา ฉันรู้หมดแล้วว่าเธอกับรินรดาเข้ามาหาครอบครัวฉันเพื่ออะไร คนอย่างเธอ….มันไม่มีวันได้รับความรักดีๆจากใครหรอก!” “ถ้าเป็นเรื่องที่พ่อฉันโกงบริษัทคุณ ฉันจะใช้คืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แล้วคุณก็เลิกตามจองล้างจองผลาญฉันสักที” “มันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันยังมีอีกเรื่องที่ทำให้ฉันเกลียดเธอจนอยากฆ่าให้ตายคามือ!” ร่างสูงย่างสามขุมเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยแววตาโกรธแค้น คนที่ไม่รู้เรื่องเงยหน้าขึ้นส่งสายตาบ่งบอกว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อ กระทั่งแผ่นหลังเล็กชนกับผนังห้องน้ำ “ถอยออกไปนะคุณอคิราห์ นี่มันห้องน้ำของโรงแรมนะ” “แล้วไง ฉันไม่แคร์หรอก เพราะเธอมันก็แค่อีตัวที่ฉันกำลังจะกินอีกรอบ จืดชืดแบบนี้ฉันกินไม่นานเดี๋ยวก็เบื่อแล้วแหละ” ร่างเล็กอาศัยจังหวะที่อคิราห์เผลอ มุดใต้ท้องแขนแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำ แต่ก็ช้ากว่า อคิราห์กระชากคอเสื้อของเธอกลับมาแล้วเหวี่ยงลงบนพื้นห้องน้ำ ทำให้คนตัวเล็กเจ็บจนจุก ขยับตัวไม่ได้ “โอ้ยย!!” “เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉันจะสั่งสอนให้เธอจำว่าการไปยุ่งกับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว มันต้องเจออะไร!” อคิราห์ดึงเข็มขัดออกแล้วฟาดลงบนพื้นด้วยแววตาแข็งกร้าวพร้อมลงทัณฑ์อีกฝ่าย คนตัวเล็กที่ยังเจ็บอยู่กระเสือกกระสนหนีอสูรร้ายพรางร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเพราะตรงนี้เป็นห้องน้ำหลังโรงแรมไม่ค่อยมีลูกค้ามาใช้ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! อ้ะ!!” “จะไปไหน” มือใหญ่กระชากข้อเท้าเล็กกลับมาแล้วจัดการคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ปรางปรีญายกมือดันแผ่นหน้าอกแกร่ง พยายามฝืนร่างกายสู้แรงอีกฝ่าย “เธอสู้ฉันไม่ได้หรอกปรางปรีญา ร่านนักใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอหายร่านเอง!” “อย่าทำ….ขอร้อง วันนี้ฉันไม่สบาย” ปรางปรีญาขอร้องจากใจด้วยสีหน้าชวนสงสารเพราะรู้สึกปวดเนื้อปวดตัว รวมไปถึงอาการปวดขมับที่กำลังทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำ “ฉันไม่สบายจริงๆนะ ถ้าคุณหิวมากก็ไปหาคุณแพรขวัญสิ” “ฉันไปแน่ แต่ต้องเป็นหลังจากที่ฉันสั่งสอนเธอก่อน” “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับบอส ไม่เคยคิดและก็ไม่มีวันคิด อ้ะ!” “ตอแหล! ฉันไม่เชื่อคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอหรอก ไอ้ปรเมศมันหัวอ่อน ตามเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงไม่ทัน ถ้ามันรู้สักนิดว่าเธอเคยเป็นแฟนเก่าฉัน มันคงขยะแขยงเธอไม่ต่างจากเศษขยะเน่าๆ!” “ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน ฮึก….” น้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อๆเพราะคำพูดพวกนี้กำลังทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆดวงน้อยจนจุกหน่วง แต่อคิราห์ก็ยังไม่ยอมหยุด ตรึงข้อมือของเธอเอาไว้เหนือหัวแล้วใช้เข็มขัดมัดติดกับประตูห้องน้ำ ทำอย่างกับเธอไม่มีหัวจิตหัวใจ “คนเลว…” ปรางปรีญาตัดพ้อทั้งน้ำตา ก่อนที่ดวงตากลมโตคู่นั้นจะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย อคิราห์ก้าวถอยหลังออกมายืนดูผลงานด้วยความภาคภูมิใจที่เห็นคนตัวเล็กถูกมัดให้นอนราบอยู่บนพื้นห้องน้ำ “ถ้าฉันรู้ล่ะก็ว่าเธอจ้องจะแทงข้างหลังศรุตา....เธอได้เจ็บหนักกว่านี้แน่!” ---------------50 รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง@เช้าวันถัดมาปรางปรีญารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบร่างของอคิราห์ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน นี่มันบ้านของเธอนะ เขามีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย เพราะนี่มันไม่ใช่ที่ของเขา“ตื่นแล้วหรอ” อคิราห์ที่ยืนกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าบ้าน เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่กำลังยืนตาจ้องเขม่งอยู่บนบ้านเมื่อวานเห็นว่าเศษใบไม้กองอยู่ที่หน้าบ้านของปรางปรีญาเยอะมาก วันนี้เลยตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำความสะอาดหน้าบ้านให้เธอ เผื่อมีสัตว์มีพิษซุกอยู่ในกองใบไม้ ปรางปรีญาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่สนใจอีกฝ่ายและกำลังจะก้าวลงจากบ้านเพื่อไปเก็บดอกไม้ ด้วยความหวังดี อคิราห์รีบวางไม้กวาดและกำลังจะก้าวเข้าไปประคองร่างเล็กลงมาจากบันได ขันทองที่อยู่ในมือของปรางปรีญาก็ขว้างมาโดนศีรษะของเขาอย่างแรงปึก!“โอ้ยย!! ปรางตีพี่ทำไม”“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!” ปรางปรีญากระแทกเสียงใส่ อคิราห์จำเป็นต้องก้าวหลบออกจากบันไดเพื่อให้หญิงสาวเดินลงได้สะดวก ปรางปรีญาเดินไปก้มเก็บขันที่เพิ่งเขวี้ยงใส่คนหน้าด้านขึ้นมา แล้วเดินหลบไปยังสวนดอกไม้ แต่อคิราห์ก็ยังไม่ลดละความพยายาม เดินตา
49 เธอเปลี่ยนไปอคิราห์รีบหอบเอาร่างอันแสนบอบช้ำกลับมาที่บ้านพัก ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพมีรอยแดงเพราะถูกน้ำร้อนลวก ปรางปรีญาเล่นสาดน้ำร้อนใส่เหมือนเขาเป็นหมาเลย โชคดีที่โดนแค่ท่อนแขน ไม่อย่างนั้นคงเสียโฉมไปแล้ว ปรเมศที่นั่งรออคิราห์อยู่ที่หน้าบ้าน ตกใจเมื่อเห็นพื่อนสนิทกลับมาในสภาพไม่ปกติ“นะ...นั่นมึงไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้กลับมาในสภาพ...เอ่อ...เหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก”“เมียกูเอาน้ำร้อนสาด” เขาตอบสั้นๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายบริเวณหน้าบ้าน กว่าจะพาตัวเองกลับมาได้ ทุลักทุเลพอสมควร ตอนนี้อาการปวดแสบปวดร้อนเริ่มปะทุขึ้น ท่อนแขนบวมแดงคล้ายกำลังจะพุพอง“ไปทำอีท่าไหนเขาถึงสาดน้ำร้อนใส่”“ก็แค่บุกเข้าไปในบ้านเขาเฉยๆ ไม่คิดว่าปรางปรีญาจะกล้าทำขนาดนี้”“โชคดีแค่ไหนแล้วที่น้องเขาไม่สาดใส่หน้ามึง ไม่งั้นคงได้บินไปศัลยกรรมที่เกาหลี แต่จะว่าไป สาดใส่หน้าก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเอาหน้าหล่อๆไปหลอกฟันใครอีก”“พอเถอะ แค่นี้กูก็เจ็บปวดมากพอแล้ว อย่าให้กูต้องเจ็บกับคำพูดของมึงอีกเลยเพื่อน”“มึงรู้อะไรไหม กูโครตสะใจเลยที่มึงโดนซะบ้าง ปากเก่งมาตั้งนาน สุดท้ายเอาตัวไม่รอด” ปรเมศเค้นหัวเราะออกมาเ
48 มาทางไหนกลับไปทางนั้น“นี่มันอะไร” ปรางปรีญามองจดหมายฉบับนั้นด้วยความงุนงง แต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นลายมือของใคร“น้าของปรางเขียนจดหมายฉบับนี้ไว้ก่อนที่ท่านจะเสีย”ปรางปรีญารับจดหมายไปไล่อ่านด้วยความตกใจ เนื้อหาในจดหมายบอกถึงค่ำคืนที่เธอได้ไปขอร้องให้รินรดาเลิกยุ่งกับราเชษ“แสดงว่าคืนนั้นปรางแค่โกหกน้าดาใช่ไหม ปรางไม่ได้หลอกพี่จริงๆใช่ไหม”“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าวันนั้นฉันพูดอะไรกับน้าดา” ปรางปรีญาเงยหน้าถาม“พอพี่รู้เรื่องน้าดากับอาเชษ พี่ตั้งใจขับรถไปหาปรางที่บ้านเพราะอยากไปถามให้แน่ใจ แต่พี่ดันไปได้ยินเรื่องที่ปรางพูดกับน้าดาพอดี”“คืนนั้น…คุณไปหาฉันที่บ้านหรอ” ปรางปรีญาส่งจดหมายกลับ พร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าวันนั้นอคิราห์ไปหาเธอที่บ้าน“ใช่ พี่ตั้งใจไปหาปราง และพี่ก็ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ปรางคุยกับน้าดา ตอนนั้นพี่เสียใจมากที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ พี่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียว ทั้งๆที่พี่ควรจะเดินเข้าไปถามปราง แต่พี่ก็ดันเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พอรู้อะไรแบบนั้นมันก็เริ่มทำให้พี่มองปรางเปลี่ยนไป”“…” ปรางปรีญานิ่ง ยืนฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบไร้ความ
47 ดวงใจดวงเดิมก็อก…ก็อก…เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะการนอนของอคิราห์ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น พลิกตะแคงร่างด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อสักครู่กำลังนอนหลับฝันหวาน…ฝันว่าได้นอนกอดปรางปรีญากับลูกอคิราห์หยัดกายลุกขึ้นนั่ง ถอนหายใจพรืดใหญ่ ยกมือขยี้ผม สีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาไม่อยากเปิดประตูออกไปแล้วเจอภาพของปรเมศกำลังจู๋จี๋กับศรุตา เพราะมันทำให้เขาคิดถึงปรางปรีญามากขึ้นจนไม่อาจทนดูภาพพวกนั้นได้ทำไมถึงไม่มีเมียให้นอนกอดแบบนี้บ้าง เห็นแล้วก็นึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ“อะไร” อคิราห์เปิดประตูออกมา ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ“กูมีข่าวดีจะบอก”“ข่าวอะไรของมึง”“เดี๋ยวให้ตาเป็นคนบอกดีกว่า”“ถ้างั้นพวกมึงก็กลับไปเถอะ ขัดจังหวะการนอนของกูจริงๆ” อคิราห์ปิดประตูใส่ แต่ถูกปรเมศดึงกลับมาเหมือนเดิม “ไหนมึงบอกว่าอยากเจอเมีย”“ก็อยากเจอ แต่มันไม่เจอไง”“แล้วถ้าเจอล่ะ”“มึงว่าอะไรนะ” อคิราห์ถามกลับอย่างรวดเร็ว“วันนี้ตาไปเดินตลาดแล้วบังเอิญเจอปรางปรีญา”“ว่ายังไงนะ ทะ…ที่ไหน!!” อคิราห์ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวไปนานถึงเจ็ดเดือนกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง “ท้ายหมู่บ้าน”อคิราห์เดินทางมาที่บ้า
46 บังเอิญเจอ ปรเมศใช้เวลาขับรถแค่สองชั่วโมงนิดๆ ในที่สุดก็มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี ศรุตาที่ตอนนี้ท้องแก่ใกล้คลอดเดินออกจากบ้านพักตากอากาศเพื่อมารอรับสามีกับเพื่อนสนิทอย่างอคิราห์ อคิราห์ก้าวลงจากรถพร้อมกันกับปรเมศ ศรุตารีบวิ่งเข้ามาสวมกอดสามี ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถทนดูภาพนั้นต่อได้ รีบเบือนหน้าหนีด้วยความเจ็บปวดหัวใจเพราะมันทำให้เขานึกถึงปรางปรีญาทุกทีที่เห็น ศรุตากับปรางปรีญาน่าจะตั้งท้องไล่เลี่ยกัน ป่านนี้ก็คงท้องแก่ใกล้คลอดแล้วไปอยู่ที่ไหนกันนะปรางปรีญา ฉันอยากดูแลเธอกับลูกเหลือเกิน“ลมอะไรหอบโซ่มาถึงที่นี่” ศรุตาเอ่ยแซวเพื่อนสนิท หล่อนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของสามี ไม่คาดคิดว่าคาสโนว่าตัวพ่อจะตกอยู่ในสภาพนี้“ไม่รู้สิ อาจจะลมบ้าหมู” เขาตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ พยายามไม่มองศรุตากับปรเมศที่กำลังยืนจู๋จี๋กัน พวกมันจะรู้หรือเปล่าว่าเขาไม่อยากเห็นภาพนี้ เห็นแล้วเจ็บใจทุกทีเพราะคิดถึงเมีย“ตาคิดว่าโซ่น่าจะเป็นบ้าจริงๆ ดูสภาพโซ่ในตอนนี้สิ ไม่ใช่คุณอคิราห์ที่ตาเคยรู้จักด้วยซ้ำ”“เอาน่า เราอย่าไปตอกย้ำมันเลยนะ” ปรเมศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนสนิท “ผมว่าเราเข้าบ้านกัน
45 มิตรแท้ไม่มีคำว่าปลอบใจ...เจ็ดเดือนต่อมา...“ไงเพื่อน ลมอะไรหอบมึงมาหากูถึงที่นี่” ปรเมศเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน ช่วงนี้เขากับเพื่อนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายงานยุ่ง“ลมคิดถึงเมีย”“เมียคนไหน” ปรเมศชอบแซวแบบนี้เป็นประจำ ใจหนึ่งก็นึกสงสาร อีกใจก็สมน้ำหน้า ทำกับเขาไว้เยอะ ก็ไม่แปลกที่เขาจะไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา“เมียกูมีคนเดียวเว้ย!”“ไม่รู้สิ ตอนนั้นเห็นมึงคบหลายคน”“อย่าเพิ่งกวนประสาทกูไอ้เมศ ตอนนี้กูอารมณ์ไม่ค่อยดี” อคิราห์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับปรเมศ ก่อนจะยกมือก่ายหน้าผากเหมือนคนหมดอาลัยกับชีวิต ปรเมศเห็นภาพนี้จนชินแล้ว บางวันก็เมาหัวราน้ำจนคนในครอบครัวเอื้อมระอา เพราะพักหลังๆอคิราห์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน “กูก็เห็นมึงอารมณ์ไม่ดีทุกวันนั่นแหละเพื่อน”“จะไปอารมณ์ดีได้ยังไง นี่ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว กูยังหาเมียไม่เจอเลย”“แล้วนักสืบที่มึงจ้างวานว่ายังไงบ้าง”“ไม่เจอ ทั้งๆที่เป็นนักสืบฝีมือดีที่สุดของเมืองไทย แต่ทำไมถึงยังหาปรางปรีญาไม่เจอวะ”“กูเคยบอกมึงแล้วไงเพื่อน ถ้าเชื่อกูตั้งแต่ตอนนั้น มึงก็คงไม่เสียปรางปรีญาไปแบบนี้หรอก ตอนมี







