“เฮียยยยยย” เสียงเรียกยาวเหยียดทำให้เฟรญ่าที่เพิ่งลงจากรถพร้อมกับศิราชหันไปมองตามเสียงพร้อมกัน เธอยิ้มเขินเมื่อลูกค้าในร้านบางส่วนหันมามอง ขยับตัวเดินเข้าไปใกล้ศิราช
“เขินอะไร”
“คุณไอชิเรียกเสียงดัง > < “
“ฮึ ชินได้แล้ว” จูงมือคนตัวเล็กเดินไปที่โต๊ะ เสียงของไอชิก็ดังขึ้นอีกรอบ ผายมือเชิญไปยังเก้าอี้ที่ว่างสองตัว ถูกเว้นไว้ให้เฮียใหญ่กับเฟรญ่าโดยเฉพาะ
“ไมเฮียมาช้าอะ” ระยะทางไม่ไกลไม่น่าขับรถนานขนาดนี้ พวกเขาที่มาถึงก่อนจึงต้องสั่งชุดหมูกระทะโดยไม่ได้รอ “หรือว่าแวะที่ไหนกัน..” เลื่อนสายตามองโรตีในมือน้องเฟรญ่า ก่อนจะร้องอ๋อออในใจ
“ศิราชแวะซื้อโรตีให้เฟรญ่าค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง น้องเฟรญ่าอยากกินโรตี เฮียเลยแวะซื้อให้” พยักหน้าเข้าใจ ส่งสายตาล้อเลียนให้ศิราช “นั่งครับๆ ผมเริ่มเอาของสดลงเตาให้แล้ว”
เฟรญ่านั่งลงบนเก้าอี้ ใช้ไม้จิ้มโรตีเข้าปากและหันไปป้อนคนด้านข้างด้วย ชายหนุ่มอ้าปากรับ ก่อนจะยกมือเรียกพนักงาน
“ขอเตาเพิ่มอีกหนึ่งชุด”
“ทำไมอะเฮีย กินรวมกับพวกผมได้นะ” ไอชิมองเตาที่เริ่มใส่หมูใส่กุ้งสลับกับเฮียใหญ่ ดูเหวอไม่น้อยที่อยู่ๆ เฮียใหญ่จะกินแยก กิมเล้งกับก๊วนเองก็ได้แต่นั่งมองเงียบๆ “ปกติเฮียก็กินกับพวกผมอะ ทำไมครั้งนี้…”
“เฟรญ่าแพ้อาหารทะเล”
“…”
“ยังมีปัญหาเรื่องที่กูจะแยกเตาอีกไหม?”
“ครับผม ไม่มีแล้วครับ” ยิ้มแห้งส่งให้เฮียใหญ่ เฮียก๊วนใช้ตะเกียบคีบหมูที่สุกออกจากเตาป้อนเขา ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปาก อ้าปากออกมาเพื่อคลายความร้อน ท่าทางการกินเรียกได้ว่าทุเรศ เพราะหมูที่เพิ่งเข้าปากไปร้อนมาก ลวกปากได้เลย
“กินไป จะได้เลิกพูดมาก”
“โคตรใจร้ายเลยเฮียก๊วน มันร้อน!” เขาก็ถามแทนทุกคน ไม่พูดไม่ได้หมายความว่าไม่อยากรู้
เตาหมูกระทะถูกวางลงไม่ไกลกัน ศิราชคีบหมูวางลงบนเตา ฉีกผักใส่น้ำซุป ใส่วุ้นเส้น ใส่ทุกอย่างที่เฟรญ่ากินได้ ระหว่างรอหมูสุก ก็หันไปคีบหมูอีกเตาขึ้นกิน และคีบหมูอีกชิ้นไปย่างเพื่อทดแทนที่กินไป
“น้องเฟรญ่าอดกินของอร่อยเลยอะ พี่บอกเลยว่ากินกุ้งแล้วฟินมาก” ยิ้มขำกับท่าทางของคุณกิมเล้งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามศิราช ท่าทางการใช้ตะเกียบคีบกุ้งจิ้มน้ำจิ้มและส่งเข้าปากตัวเอง เพื่อยียวนความอยากกินของเธอ แต่เฟรญ่ากลับนึกขำมากกว่าอยากกิน เพราะมันเป็นอาหารที่เธอแพ้ เฟรญ่าจึงนึกหวาดกลัวมากกว่าอยากกินละมัง
“อร่อยไหมคะ”
“โคตรอร่อย” ไอชิตอบแทน
ยิ้มส่งให้ทั้งสองคน จิ้มโรตีชิ้นสุดท้ายเข้าปาก มองหมูที่สุกแล้วถูกคีบวางลงบนจานให้เธอ รวมถึงวุ้นเส้น ผักที่สุกมากๆ เหมือนคนแก่กินด้วย เฟรญ่าชอบกินผักที่สุกมากแบบที่เละอยู่ในปาก เธอไม่ชอบผักกรอบ และคนที่คีบทุกอย่างใส่จานให้เธอก็เป็นคนที่รู้ใจเธอที่สุด
“ขอบคุณนะคะ” เงยหน้ายิ้มหวานส่งให้เขา
“ฉันรอดูเธอตัวแตกอยู่” หันมาพูดกับเธอช้าๆ อดที่จะทำแก้มป่องใส่เขาไม่ได้ เพราะทันทีที่กินโรตีหมด กระเพาะของเธอก็เหมือนจะเหลือพื้นที่รับหมูกระทะไหวแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ไหนจะโค้กที่เธอเพิ่งกินไปอีก อิ่มเร็วไม่เหมือนอย่างที่โม้ศิราชไว้แน่
“เฮียเอาหน่อยไหม” ไอชิยื่นแก้วเหล้าส่งให้ศิราช เขายื่นมือออกไปรับแต่ไม่ได้ยกขึ้นดื่ม “ไมเฮียไม่กินอ่า”
“กูขับรถ”
“แก้วเดียวไม่เมาหรอก”
“ไม่กิน” พูดแค่นี้ไอชิก็ไม่เร้าหรือต่อ ไม่กินของเฮียใหญ่คือไม่กิน รับไว้เพื่อรักษาน้ำใจเท่านั้น
“ศิราชกินได้นะ เฟรขับรถให้ได้” ชายหนุ่มส่ายหน้าตอบเธอ เฟรญ่าก็ไม่พยายามที่จะเปลี่ยนความตั้งใจของเขา คีบวุ้นเส้นเข้าปาก ก่อนจะคีบตับที่ติดมาใส่จานเธอจ่อที่ปากของศิราช เขามองตับบนตะเกียบเธอเพียงนิด ก่อนจะยอมอ้าปากรับ
“เฟรญ่าไม่ชอบกินตับ” ศิราชพยักหน้ารับ คีบตับที่อยู่บนเตาใส่จานของตัวเอง กินไปได้สักพักหมูที่เพิ่งวางลงบนจานเธอก็ถูกป้อนให้ศิราชกิน ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ มองเธอที่ป้อนหมูให้เขาไม่หยุด
“ไหน ที่บอกว่าจะกินจนตัวแตก?”
“ถ้ากินอีกคำเฟรญ่าต้องตัวแตกจริงแน่เลยค่ะ” ส่ายหน้ามองเธอ อ้าปากรับหมูชิ้นสุดท้าย ก่อนจะเลิกย่างหมูให้เฟรญ่า หันไปกินหมูกระทะอีกเตา เธอไม่เหงาชอบที่ได้ยินศิราชคุยกับทุกคน แม้จะติดหยาบคายแต่ก็ฟังดูตลก เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดี
“เฟรไปตักไอติมนะ” กระซิบบอกคนตัวสูง เขาหันไปมองตู้ไอติมเพียงนิด พยักหน้ารับ เฟรญ่าถึงได้เดินไปที่ตู้ไอติม บางทีเธอเองก็สงสัยว่าการที่ไอติมในร้านหมูกระทะตักยากมาก เป็นเพราะต้องการให้ลูกค้ารู้สึกท้อใจจนไม่อยากตักไอติมกินหรือเปล่า ขยับปากบ่นกับตัวเองเมื่อไอติมในตู้นั้นตักยากเหลือเกิน
“ให้ผมตักให้ไหมครับ” เงยหน้ามองตามต้นเสียง เป็นคนเดียวกันกับที่เธอเจอเมื่อเย็นที่คาเฟ่ เฟรญ่าชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้ารับส่งที่ตักไอติมให้
พยายามตักเองก็ตักไม่ได้ มีแต่จะทำให้คนที่ต่อคิวรอตักเสียเวลาไปด้วย
“เอารสอะไรครับ”
“ช็อกโกแลตกับวานิลลาค่ะ”
“ชอบเหรอครับ” ลำแขนกำยำของคนที่เสนอตัวช่วยเธอสั่นคลอนเพราะไอติมในตู้ตักยากมาก
“ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษค่ะ แค่อยากกิน” ตักเสร็จถึงยื่นให้เธอ
“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ บังเอิญจัง” เธอเพียงยิ้มรับ โคลงศีรษะลงเล็กน้อย กล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเลี่ยงกลับไปที่โต๊ะ
นั่งลงข้างศิราช ใช้ช้อนตักไอติมเข้าปากตัวเองหนึ่งคำ และตักอีกคำจ่อที่ริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยการเบนหน้าหนีเธอ มองกิมเล้งตาขวาง
“ศิราช…” เม้มปากเข้าหากัน เมื่ออยู่ๆ อารมณ์หงุดหงิดก็ปรากฏอยู่บนหน้าเขา หันไปมองกิมเล้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านกับสายตาของศิราชแม้แต่น้อย ยังหันมาส่ายหน้าให้เธออีกด้วย
“ไม่ต้องห่วงครับน้องเฟรญ่า เฮียมองพี่แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าพี่” เฮียใหญ่ก็แค่พักสายตาไว้ที่เขาไม่ให้เผลอตาขวางใส่ใครจนมีเรื่อง ถึงจะพร้อมมีเรื่องมากแต่คงไม่ใช่ตอนที่น้องเฟรญ่านั่งอยู่แบบนี้แน่นอน อารมณ์หึงหวงสำหรับผู้ชายเป็นเรื่องปกติกับผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ
แต่กับเฮียใหญ่คงไม่ใช่แค่ความสนใจแล้วมั้ง
เอนศีรษะพิงต้นแขนใหญ่ของศิราช ตักไอติมเข้าปากเงียบๆ แม้จะงุนงงกับอารมณ์ของเขา เธอก็จะไม่จี้ถามเขา ก็เหมือนกับที่เขาดูไม่พอใจอะไรสักอย่างในตัวเธอ แต่เลือกที่จะเงียบแทนการพูดจาเสียดสี
“ไอติมอร่อยนะคะ”
“เงียบเถอะ"
6 วันถัดมา..เช้าวันใหม่ศิราชวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาวิ่งทว่าเฟรญ่าปั่นจักรยานตาม เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า และเพื่อไปเที่ยวดูสวนทุเรียนของคุณพ่อด้วยคุณพ่อกับคุณแม่เข้าสวนตั้งแต่เช้าไปดูคนตัดทุเรียน เฟรญ่าจึงถือโอกาสออกกำลังกายขาด้วยการปั่นจักรยานเพื่อไปหาท่านขับมาถึงหน้าสวน ตั้งขายั้งกับพื้น เดินเข้าไปในสวนพร้อมกับศิราช เฟรญ่ามาอยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์ เธอยังไม่ได้เข้าสวนทุเรียนสักครั้ง มัวแต่หากิจกรรมทำกับครอบครัว เป็นต้นว่าพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันใกล้ๆ บ้าน ให้คุณพ่อได้ทำความคุ้นเคยกับว่าที่ลูกเขย“เดินดีๆ” มองเฟรญ่าที่เดินเซไปเซมาเพราะพื้นไม่เสมอเรียบเหมือนพื้นปูน “บอกว่าเป็นลูกชาวสวนใครจะเชื่อ” ส่ายหน้ามองเธอ“เฟรญ่าไม่ได้ใส่ผ้าใบมานี่คะ เลยเดินไม่คล่องตัว” ชายหนุ่มจับมือเธอ ตรงเข้าไปหาคุณพ่อ การปรากฏตัวพร้อมกันของทั้งคู่ เหมือนเป็นการประกาศว่าที่ลูกเขยของที่นี่ก็ไม่ปาน“น้องเฟรญ่าของพี่~” เสียงยานเรียกเฟรญ่าดังขึ้นบนต้นทุเรียน “จำพี่ได้ไหมจ๊ะ” บอกตรงจำไม่ได้ แต่เฟรญ่าก็เลือกที่จะอมยิ้มส่งให้ “จำไม่ได้แต่พี่จำน้องเฟรญ่าได้นะจ๊ะ คนสวยของพี่~”
ดินเนอร์มื้อค่ำง่ายๆ เกิดขึ้นหน้าบ้าน ศิราชกับคุณพ่อไม่มีบรรยากาศอึมครึมต่อกัน แถมยังดูเข้ากันง่ายขึ้นเพราะกินเหล้าเหมือนกันชายหนุ่มตักหมูกระเทียมให้เธอเพราะเห็นว่าอยู่ไกลมือ การใส่ใจของศิราชอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งหมด แม้จะมีการดูแลคุณพ่อคุณแม่ของเฟรญ่าเพื่อเรียกคะแนนอยู่บ้าง แต่การดูแลลูกสาวของตนดูออกง่ายมาก ว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติเพราะทำแบบนี้ให้เฟรญ่าบ่อย“เฟรญ่าอยากกินกุ้งหรือเปล่าลูกรัก” คุณพ่อพูดและหันไปมองศิราช “ให้พ่อตักให้ไหม”“เฟรญ่าแพ้กุ้งครับ” ศิราชพูดดักเอาไว้“ฮึ” ยกแก้วเหล้าขึ้นกิน พูดไปงั้นแหละ อยากรู้ว่าเขยจะรู้หรือเปล่าว่าเฟรญ่าแพ้ ดูจากการตอบสนองจากคำถามที่ถามเฟรญ่า สีหน้าก็ออกทันที“ถ้าเฟรญ่ามาอยู่ที่นี่ คงมีหนุ่มจีบตรึม เนื้อหอมมากรู้หรือเปล่า” คุณพ่อพูดกับใครไม่มีใครรู้ เสมือนพูดขึ้นมาลอยๆ“แต่เฟรญ่าชอบศิราชค่ะ” พูดกับคุณพ่อยิ้มๆ ได้รับเสียงหัวเราะจากคุณแม่เป็นการยกใหญ่“คุณก็อย่าแกล้งลูก” คุณแม่หันไปพูดกับคุณพ่อ“แล้วศิราชล่ะชอบลูกสาวพ่อหรือเปล่า ไม่สิรักหรือเปล่า ชอบมันพูดง่ายเกินไป มาเพื่อที่จะขอเฟรญ่าแต่งงานคงไม่ตอบว่าแค่ชอบหรอกใช่ไหม?”เฟรญ่าอมยิ้
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” เดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณพ่อสวมเสื้อแขนยาว เหมือนจะออกไปไหน แถมยังโยนเสื้อแขนยาวอีกตัวให้ศิราชอีกด้วย ชายหนุ่มเองก็รับเอาไว้ได้ทัน“จะเข้าสวน พ่อหนุ่มตามมา จะเป็นลูกเขยของชาวสวน ก็ต้องเก็บทุเรียนให้เป็น”“คุณพ่อ…” เรียกท่านเสียงอ่อน มองตามหลังท่านที่เดินผ่านเธอไป ศิราชเองก็สวมเสื้อและเดินตามท่านไปเช่นกันเฟรญ่ากังวล เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะทดสอบอะไรแผลงๆ ถึงศิราชจะไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าหรูหรา แต่เขาก็ไม่เคยลำบาก แถมตอนนี้แดดยังร้อนจัดอีกด้วย ขนาดเธอเป็นลูกเจ้าของสวน เฟรญ่ายังไม่เคยเก็บทุกเรียนเองเลยมันต้องใช้ความชำนาญ ซึ่งมีคนงานคอยทำหน้าที่นี้อยู่แล้วคุณพ่อนะคุณพ่ออยากเดินตามทั้งสองคนไป แต่คุณแม่จับแขนเธอเอาไว้ พร้อมส่ายหน้า“เราซื้ออะไรมาเยอะแยะจ๊ะ พาแม่ไปดูหน่อยสิ เตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคนนั้นด้วย กลับมาคงเหนื่อยและหิว” มองคุณแม่อ้อนๆ แต่ในเมื่อท่านยังคงส่ายหน้าเฟรญ่าจึงจำยอม เดินตามท่านไปในครัว“ตอนนี้ทำงานอะไร” เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ คุณพ่อของเฟรญ่าใช้รถกระบะขับเข้าไปในสวนที่อยู่ห่างออกไป“เปิดร้านสักครับ มีหุ้นธุรกิจกับเพื่อนอีกนิดหน่อย” ตอบท่านอย่างตรง
สองอาทิตย์ต่อมา..เลื่อนกระเป๋าไปให้ศิราชยกขึ้นท้ายรถ เฟรญ่ายิ้มตั้งแต่ตื่นเช้า เธอทั้งตื่นเต้นมากและยินดีมาก เพราะวันนี้เป็นวันที่ศิราชจะเดินทางไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอท่านเป็นคนต่างจังหวัด และศิราชต้องการขับรถไปเอง แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่มันสะดวกต่อการเดินทาง จะแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทาง และเฟรญ่าชอบนั่งรถมากกว่านั่งเครื่องบิน“ไม่ต้องยก” หันมาพูดกับเธอ “พูดไม่ฟังเดี๋ยวโดน” เฟรญ่าย่นจมูกใส่เขา เธอแค่อยากช่วยเขายกกระเป๋าเอง อีกอย่างมันเป็นใบเล็ก“โดนอะไรคะ”“โดนจับจูบ ถ้าไม่อายเด็กในค่ายก็ลองยกอีกรอบ” เฟรญ่าหันไปมองเด็กในค่ายมวยที่มองตรงมายังเธอ ก่อนจะเบือนหน้าหนี“อายค่ะ ไม่ยกแล้ว” ก้าวขาถอยหลัง แต่เฟรญ่ากลับถูกดึงให้กลับเข้าไปชิดตัวเขา “อื้อออ” ชายหนุ่มจูบหนักๆ บนปากนุ่ม“ยิ้มตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดยิ้ม”“เหมือนคนบ้าไหมคะ” ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น“ไม่เหมือน” ส่ายหน้าตอบ “ไม่มีคนบ้าที่ไหนน่ารักเท่าเธอแล้วเฟรญ่า”“ฮืออออ” วางมือบนแผ่นอกกว้าง ก่อนจะกดหน้าลงเพื่อหลบซ่อนความเขินอายของตัวเองชายหนุ่มปล่อยตัวเธอ ยกกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ก่อนจะจูงมือเฟรญ่าไปขึ้นรถเพื่อออกเดินท
07.40 น.วางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ มองคนตัวโตเดินลงบันไดตรงมาที่โต๊ะทานข้าว วันนี้เฟรญ่าทำข้าวต้มเองในครัว ไม่ได้ออกไปทำที่ร้านเฉกเช่นทุกวันชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะดึงเฟรญ่านั่งลงบนตัก เกยคางบนไหล่บอบบาง “วัดไข้ให้หน่อย” จับมือเล็กวางบนหน้าผากเขา “ยังมีไข้อยู่ไหม”เฟรญ่าอมยิ้ม หอมแก้มของชายหนุ่มเป็นการเอาใจคนป่วย “ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ” เมื่อคืนเธอคาดการณ์ว่าเขาอาจไข้สูง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หลังจากกินยา อาบน้ำ นอนพัก แปะแผ่นเจลลดไข้ ศิราชก็ไม่ไข้อีกเลย “ตัวเย็นมากเลย”“เพราะเพิ่งอาบน้ำมา” เฟรญ่าพยักหน้ารับ เพราะกลิ่นครีมอาบน้ำยังติดตัวเขาอยู่เลย “ป้อนหน่อย” มองข้าวต้มในถ้วย บอกเฟรญ่าชิดริมหูเฟรญ่าอมยิ้มน้อยๆ นานทีเธอจะเจอศิราชโหมดนี้ ใช้ช้อนตักข้าวต้มเป่าป้อนเขา ศิราชก็อ้าปากรับกินจนหมด วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน อยากลุกไปออกกำลังกายตามความเคยชิน แต่ก็โดนเมียตัวน้อยห้ามเอาไว้ แถมยังขู่อีกด้วยว่า หากเขาดื้อ เธอจะขังเขาเอาไว้ในห้องตัวก็แค่นี้ยังมีหน้ามาขู่ ทว่าศิราชก็ยอมทำตาม“วันนี้หยุดทำงานสักวันดีไหมคะ”“เมื่อกี้ฉันมีไข้ไหม” เฟรญ่าส่ายหน้าตอบ “แสดงว่าหายแล้ว”“แต่อาจจะยังไม่
19.00 น.‘มึงอยากให้กูจัดการแบบไหน’ เสียงพูดธิเบศร์ดังผ่านมือถือเข้ามากระทบหูเขา ศิราชถอดถุงมือโยนใส่ถังขยะ เพราะพึ่งสักให้ลูกค้าเสร็จ ทว่ายังไม่เสร็จทั้งหมด ต้องมาทำต่ออีกในวันพรุ่งนี้“แล้วแต่ดุลพินิจ” ตอบเรียบๆ หันไปคว้าเสื้อแขนยาวมาพาดบ่า มองนาฬิกาบนข้อมือเพียงนิด “สองคนนั้นทำร้ายว่าที่น้องสะใภ้มึง”‘…’“น้องสะใภ้คนแรกของมึง”‘เออ’ ตอบรับอย่างหงุดหงิด รู้อยู่หรอกว่าเฟรญ่าเป็นว่าที่น้องสะใภ้ มีใครไม่รู้บ้าง ธิเบศร์เองก็เพิ่งรู้เรื่องว่าพ่อของเขาไปหาว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ไปดูให้เห็นกับตา“จัดการให้เหมาะสมแล้วกัน”‘ไอ้เวร ทำไมมึงไม่จัดการเองวะ’“หรือมึงจะคอยตามเช็ดให้กู?” ศิราชจัดการเองได้ แต่เพราะเขาละเอียดไม่มากพอ เส้นสายไม่เยอะเท่าธิเบศร์ อารมณ์ร้อนดั่งไฟ เผลอพลั้งมือทำอะไรเกินกว่าเหตุคงไม่ใช่เรื่องดี “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูไม่มีปัญหา”‘เฮ้อ เดี๋ยวกูจัดการเอง เก็บเงินเตรียมแต่งน้องสะใภ้กูแล้วกัน’“อย่าห่วง เฟรญ่าพร้อมเมื่อไหร่แต่งเมื่อนั้น”‘เออ กูรอดู’สายถูกตัดไป ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง มองเฟรญ่าที่นั่งกินผัดไทยอยู่บนโซฟา ดวงตาคู่สวยมองซีรีเกาหลีบนหน้าจอไอแพด โดยมีไอชินั่งเล่น