บทที่ 4 แล้วนั่นแผ่นอกหรือกำแพงกันแน่พ่อคุณ ตอนปลาย
ครั้นเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตของเสวี่ยหนิง สบเข้ากับดวงตาคู่คมทรงอำนาจ ของผู้เป็นเจ้าของแผ่นอกที่นางเดินชน เสวี่ยหนิงลอบอุทานในใจว่า ‘ไอหยา! นี่ถ้าอยู่แถวชนบทคงคิดว่ากำลังเจอกับหัวหน้าโจรเป็นแน่ แล้วนั่นแผ่นอกหรือกำแพงกันแน่พ่อคุณ ถึงได้แข็งขนาดนี้ หนุ่มๆทหารหน่วยซีลกล้ามอกยังไม่แข็งขนาดนี้เลย‘ “แม่นางเจ็บตรงไหนรึเปล่า” สุ้มเสียงทุ้มต่ำจากเจ้าของแผ่นอกแข็งปึ้กเอ่ยถาม “มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ต้องขอโทษท่านด้วย เป็นข้าที่เดินไม่ระวังเอง” ดูท่าว่าวันนี้นางคงก้าวขาออกจากบ้านผิดข้าง ถึงได้มีแต่เรื่องวิ่งเข้ามา เห็นทีต้องไปขอน้ำมนต์จากวัดมาอาบล้างซวยเสียหน่อยแล้ว แต่จะว่าไปตั้งแต่มาเกิดใหม่ นางยังไม่ได้ไปไหว้พระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่เลยนี่นา… ซูลี่และซูฮวาที่เพิ่งจ่ายเงินเสร็จ รีบรุดเข้ามาประคองนายหญิงอย่างร้อนรน บุรุษตรงหน้าตัวสูงใหญ่กำยำ หนวดเครารกครึ้มอย่างกับโจร มองอย่างไรก็ไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด เพียงแค่เห็นก็ขาแข้งอ่อน “นายหญิง ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ” “ข้าไม่เป็นไร” ตอบสาวใช้เสร็จก็หันไปขอโทษขอโพยบุรุษหัวหน้าโจรอีกรอบ “ข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆเจ้าค่ะ หวังว่าท่านจะไม่ถือสา” หญิงสาวยอบกายขออภัยคนตัวโต ก่อนหลบไปยืนด้านข้างเพื่อเปิดทางให้เขาเดินผ่าน ทว่ากลับเป็นฝ่ายชายที่ผายมือเปิดทางให้นางเสียเอง “เชิญแม่นาง” ร่างสูงหมุนตัวกลับไปมองแผ่นหลังบอบบาง ที่วันนี้อยู่ในชุดบุรุษจนลับสายตา ดวงตาคู่คมสงบนิ่งล้ำลึกยากคาดเดา “เชียนเสวี่ยหนิง สตรีร้ายกาจชื่อดังของเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือน” “ท่านอ๋องรู้จักนางด้วยหรือพะย่ะค่ะ” เผิงกั๋วกงเอ่ยถามสหายสูงศักดิ์เสียงเบา เว่ยลี่หยางเพียงปรายตามองสหาย หากแต่มิได้รับสั่งคำใด ก่อนก้าวขาตรงไปยังบันไดทางขึ้นชั้นสอง จวนอันตงป๋อ จวนสกุลเหริน ทันทีที่กลับถึงจวนช่วงยามเซิน (15:00-16:59) พ่อบ้านเหอจิ้นก็มาเชิญเสวี่ยหนิงไปพบเหรินหมิงที่ห้องหนังสือ “พ่อบ้านเหอไม่ได้ฟังผิดแน่นะ นายท่านให้มาเชิญฮูหยินน้อยไปพบอย่างนั้นหรือ” ซูลี่เอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “นายท่านให้มาเชิญจริงๆ ข้าจะกล้าหลอกลวงได้อย่างไร” “เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน หากนายท่านให้มาตาม ข้าย่อมต้องไปพบตามคำสั่ง เชิญพ่อบ้านนำทางเถิด” เสวี่ยหนิงเหยียดแผ่นหลังก้าวขาตามพ่อบ้านเหอจิ้นไปแต่โดยดี และไม่คิดจะแซงขึ้นหน้า นางยึดถือคำกล่าวที่ว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด หากมีอะไรลอยออกมาจากห้องหนังสือ จะได้อาศัยพ่อบ้านเหอเป็นเกราะกำบัง ระหว่างทางเสวี่ยหนิงก็สอดส่องสายตา มองหาทางหนีทีไล่ไปในตัว นางไม่รู้ว่าเหรินหมิงจะมาไม้ไหน กันไว้ดีกว่าแก้ “ถึงแล้วขอรับฮูหยินน้อย” พ่อบ้านเหอค้อมเอวส่งก่อนผละไป องครักษ์หน้าตาถมึงทึงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องเบี่ยงกายหลบหญิงสาว นี่เป็นครั้งที่เชียนเสวี่ยหนิงหรือก็คือเสวี่ยหนิงในเวลานี้ได้เคยมาเหยียบที่นี่ครั้งแรก กลิ่นเฉพาะตัวของหมึกลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ บรรยากาศภายในห้องดูเคร่งขรึมและภูมิฐาน เครื่องเรือนถูกจัดไว้อย่างเป็นระบบระเบียบ สมกับตำแหน่งรองเจ้ากรมโยธา เหรินหมิงที่เปลี่ยนมาใส่ชุดเสื้อคอเฉียงสีฟ้าอ่อนดูสบายตา เอนกายพิงหมอนอิงอ่านหนังสืออยู่บนตั่ง ชายหนุ่มรูปงามสะดุดตา ทว่ามิอาจดึงดูดความสนใจของเสวี่ยหนิง สเปคของนางต้อง หยางหยาง เท่านั้น ระบายยิ้มทีโลกทั้งใบสว่างไสวขึ้นมาทันที นึกถึงขึ้นมาแล้วก็เศร้า ต่อไปนางคงไม่ได้เห็นหยางหยางในซีรีย์อีกแล้ว… เสวี่ยหนิงสลัดความคิดเรื่องของหยางหยางออกจากหัว ก้าวขามายืนทางซ้ายมือของตั่ง ยอบกายแช่มช้อยขณะเอ่ยทักเหรินหมิง “เสวี่ยหนิงคาราวะนายท่าน ไม่ทราบว่าเรียกข้ามาพบ มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เงียบ…ผ่านไปหลายอึดใจ ทว่าดวงตาของเหรินหมิงยังคงจดจ้องอยู่ที่หนังสือ ” … “เสวี่ยหนิงกลอกตามองบน แอบบ่นในใจว่า ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุรุษที่ท่านเรียก แล้วจะเรียกข้ามาทำไมมิทราบ! เรียกมาดูท่านนั่งเก๊กอ่านหนังสือหรืออย่างไร ในเมื่อไม่ยอมพูด เช่นนั้นข้าพูดเอง!’ ร่างบางขยับเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว เปล่งวาจากับชายหนุ่มชัดถ้อยชัดคำ “ท่านพี่เจ้าคะ หากเรียกข้ามาแล้วไม่มีสิ่งใดจะกล่าว เช่นนั้นข้าขอกล่าวในสิ่งที่ตัวข้าไตร่ตรองและแน่ใจมาพักนึงแล้ว ว่านี่เป็นหนทางที่ดีสำหรับตัวท่านและข้า” ดวงตาของเสวี่ยหนิงทอประกายแน่วแน่ เอ่ยในสิ่งที่ปรารถนาออกมา “พวกเราหย่ากันเถอะเจ้าค่ะ” ************บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนปลาย ซูลี่กับซูฮวาหัวเราะคิกอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินชื่อของคนงานหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ “ในเมื่อแนะนำตัวกับข้าเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปทำงานของพี่ชายต่อเถอะ” เสวี่ยหนิงพยักหน้ารับทราบต่อการมารายงานตัวของหยางหยาง “งานของข้า คือการมาปลูกผักใกล้ๆนายหญิงขอรับ หัวหน้าคนงานกลัวว่านายหญิงจะหักโหมจนลมจับ ล้มหน้าคะมำอยู่กลางแปลงผัก เลยส่งข้ามาคอยดูแลท่านขอรับ” เว่ยลี่หยางรายงานหน้าที่ของตนกับหญิงสาวเสียงเข้ม มือก็หยิบต้นกล้าคะน้ามาลงดินอย่างชำนาญ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น หากแต่… กร๊ากกก!! อุ๊บ! ทั้งสาวใช้สองซู ทั้งพานข่ายหลุดขำ ยกมืออุดปากกันแทบไม่ทัน (*_*‘) เสวี่ยหนิงมุมปากกระตุกยิกๆ พ่อล่ำบึ้กหยางหยางนี่กวนใช้ได้เลยนะ! “หึ หึ! รอข้าไปถามท่านลุงต้าเชินก่อนเถอะพ่อหยางหยาง หากไม่จริงเจ้าโดนไล่ออกแน่!!” เสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยเสียงลอดไรฟันกลับมา รู้สึกอยากกลายร่างเป็นจระเข้ตะหงิดๆ เว่ยลี่หยางกระตุกยิ้มมุมปากรวดเร็วก่อนจางหายไปจนไม่มีใครทันสังเกตเห็น ช่วงพักเที่ยง บรรดาเกษตรกรของสวนอรุณรัก ต่างมานั่งกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแปลงผั
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนต้น จวนสกุลเชียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง อยู่ห่างจากประตูทางออกทิศเหนือราวสิบลี้ ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังหมู่บ้านหว่านเซินของเสวี่ยหนิง นางจึงตัดสินใจกลับมาพักอยู่กับมารดาระหว่างรอบ้านของนางสร้างเสร็จ ระหว่างนี้จึงเริ่มวางแผนจ้างคนงานสำหรับเรือกสวนไร่นาของนางอย่างจริงจัง ในขณะที่กำลังเขียนป้ายประกาศรับคนงานอยู่นั้น เย่หลินก็ถือจานขนมเข้ามาให้พอดี “หนิงเอ๋อร์ เจ้าต้องการคนงานเริ่มต้นจำนวนเท่าไหร่หรือ หากไม่มากเกินยี่สิบคน เจ้าพาพวกเด็กๆ ของแม่ไปช่วยงานก่อนได้นะ แม่ได้คนมาใหม่จำนวนหนึ่ง ดัดนิสัยแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเด็กๆ พวกนั้นจะดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง” (0.0!) สุดยอด!!! เสวี่ยหนิงแอบอุทานในใจ หันไปกอดเอวมารดาอย่างออดอ้อน “ยังคงเป็นท่านแม่ที่ดีกับข้าและรักข้าที่สุด” “เด็กโง่ ถ้าแม่ไม่รักเจ้า แล้วจะให้แม่รักใครที่ไหน” เย่หลินลูบหัวทุยของบุตรีอย่างรักใคร่ ตั้งแต่หนิงเอ๋อร์ของนางฟื้นขึ้นมาจากการวิ่งเอาหัวโหม่งเสาครานั้นก็เปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้นางค่อยวางใจหน่อย “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเราพาเด็กๆ ของท่านแม่ของเดิ
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนปลาย “โฮ นายหญิงใหญ่ อาอวี่สำนึกผิดแล้วขอรับ นายหญิงใหญ่ตีข้าเถิด แต่อย่าส่งข้ากลับไปตลาดค้าทาสเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มที่ชื่ออาอวี่ ปรี่เข้ามากอดขาของเย่หลินร้องไห้คร่ำครวญสำนึกผิด เขาไม่อยากกลับไปที่ตลาดค้าทาสอีก “สำนึกผิดแล้วแน่นะ” เย่หลินถามเสียงเย็น “ฮึก สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอรับ” อาอวี่พยักหน้ารัวเป็นไก่จิกข้าวสารทั้งน้ำตา “ดี ถ้าเช่นนั้นไปขอโทษอาเฟิงเสีย แล้วต่อไปห้ามล้อเลียนเรื่องความชอบส่วนตัวของผู้อื่นอีกเข้าใจหรือไม่” เย่หลินหรี่ตามองลูกหมาตัวน้อย ที่เกาะแข้งเกาะขานางร้องห่มร้องไห้ด้วยแววตาคมปลาบ “ขอรับนายหญิงใหญ่” หลังจากรับปากเย่หลินเป็นมั่นเหมาะ ชายหนุ่มจึงหันไปขอโทษสหายทันที “อาเฟิงข้าขอโทษ อย่าโกรธข้าเลยนะ” ครั้นเรื่องราวยุติลงได้ด้วยดี เย่หลินจึงหันมาถามอาเฟิงบ้าง “อาเฟิง เจ้าบอกข้ามาที ไฉนอาอวี่ถึงมาล้อเจ้าเรื่องนี้ได้” “เรียนนายหญิงใหญ่ เพราะข้าชอบปลูกและดูแลไม้ดอกขอรับ” อาเฟิงบอกความชอบของตนออกมาอย่างไม่ปิดบัง การได้ปลูกและดูแลไม้ดอกช่วยให้จิตใจของเขาสงบและผ่อนคลาย เย่หลินยกยิ้มอย่างพอใจ ดูท่าว่านางหาคนงานที่ดีให้บุต
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนต้น หลังหย่าร้าง เสวี่ยหนิงยังคงพักอยู่ในจวนอันตงป๋ออีกหลายวัน เพื่อรอให้หน้าหายบวม ระหว่างนี้นางได้ส่งซูลี่ไปแจ้ง เย่หลิน มารดาของเชียนเสวี่ยหนิงเรื่องที่นางหย่าร้างกับเหรินหมิงแล้ว เย่หลินประหลาดใจไม่น้อยที่บุตรีตัดสินใจหย่าหลังแต่งงานได้ไม่ถึงปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเคยท้วงติงว่าเหรินหมิงพึงใจซ่งเจียวเจียวอยู่ ทว่าเชียนเสวี่ยหนิงกลับดื้อรั้น วางแผนตกน้ำในงานเลี้ยงน้ำชาของจวนสกุลโกว จนเหรินซื่อจื่อที่ลงไปช่วยเหลือต้องแต่งบุตรีของนางเข้าจวนอย่างจำใจ สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดจนได้ “เฮ้อ! สิ่งที่ข้ากังวลเกิดขึ้นจริงๆสินะ ซูลี่ แล้วคุณหนูของเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อนางได้บอกเจ้าหรือไม่” “นายหญิงกำลังสร้างบ้านอยู่บนที่ดินในหมู่บ้านหว่านเซิน ตั้งใจจะทำสวนปลูกผักรูปแบบผสมผสาน พร้อมสร้างมินิรีสอร์ทที่นั่นเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่” พรวดดด! แค่กๆๆ เย่หลินสำลักน้ำชายามได้ยินว่าบุตรีจะไปทำสวน หนิงเอ๋อร์ของนางไม่เคยจับแม้กระทั่งไม้กวาด แล้วจะไปทำสวนปลูกผักเนี่ยนะ! หลังหายจากอาการสำลัก จึงถามไถ่ซูลี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “หนิงเอ๋อร์ของข้าจะไปทำสวน แล้วจ