บทที่ 5 ข้าต้องการหย่ากับท่านเจ้าค่ะ ตอนต้น
ถ้อยคำของเสวี่ยหนิงเรียกความสนใจจากเหรินหมิงตามคาด เขาลดมือที่ถือหนังสือลง ทอดมองสตรีที่ชื่อว่าเป็นภรรยาของตน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูผ่อนคลายก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาเจือความไม่พอใจอยู่ในนั้น “เจ้าพูดว่าอะไรนะเชียนเสวี่ยหนิง” “ข้าต้องการหย่ากับท่านเจ้าค่ะ” เสวี่ยหนิงเอ่ยความประสงค์ของตนออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต จดจ้องดวงตาสีนิลเย็นชาของเหรินหมิงโดยไม่หลบหลีก ในเมื่อได้โอกาสประจวบเหมาะ สี่สมบัติล้ำค่าในห้องหนังสือ* ก็มีอยู่ครบ เพียงแค่ฝนหมึกเพิ่มก็สามารถเขียนหนังสือหย่าได้ทันที ไม่มีที่ไหนเหมาะสมไปกว่าที่นี่อีกแล้ว เหรินหมิงนิ่งอึ้งหลังได้ยินถ้อยคำจากปากหญิงสาว จดจ้องใบหน้างามที่ปราศจากชาดแต่งแต้มเหมือนในสมัยก่อน ด้วยแววตายากคาดเดา จากนั้นจึงยกหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “กลับไปได้แล้ว หากจะใช้วิธีขอหย่าเพื่อเรียกร้องความสนใจจากข้า เจ้าเสียเวลาเปล่าแล้วเชียนเสวี่ยหนิง” “…” เสวี่ยหนิงมุมปากกระตุกยิกๆ เรียกร้องความสนใจกะผีน่ะสิ เจ้าคนแซ่เหริน หลงตัวเองเอ้ย ข้าต้องการหย่าจริงๆ ย่ะไม่ใช่หย่าเล่นๆ แม้นว่าในใจกำลังก่นด่าเขา ทว่ากลับกล่าววาจาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ท่านพี่ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้วเจ้าค่ะ ที่ข้าเพิ่งกล่าวออกมาคือความจริง ข้า ต้อง การ หย่า ไม่ได้ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านแม้แต่น้อย ขอเหรินซื่อจื่อโปรดให้ความร่วมมือ เขียนใบหย่าให้ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะถือว่าเป็นพระคุณอย่างสูง” คราวนี้เหรินหมิงยอมขยับตัวลุกขึ้นจากตั่ง แสยะยิ้มดูยียวนผิดกับท่าทีเย็นชาก่อนหน้านี้ “เชียนเสวี่ยหนิง! สตรีร้ายกาจอย่างเจ้า นึกอยากจะแต่งเข้ามาก็ทำทุกอย่าง กระทั่งทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจจากข้า เฮอะ! พอรู้ตัวว่าเรียกร้องความสนใจจากข้าอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เลยคิดอยากจะหย่าแล้วก็มาขอหย่าง่ายๆ แบบนี้อย่างนั้นรึ เจ้าเห็นสกุลเหรินเป็นอะไร อย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย! ข้าไม่หย่า!” “ท่านพี่เจ้าคะ ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าร้ายกาจ อีกทั้งตัวท่านเองก็หาได้พึงใจข้า เช่นนั้นก็ยอมหย่าให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ท่านจะได้ไปครองรักกับแม่นางซ่งสุดที่รักของท่านสมใจอย่างไรเจ้าคะ ไม่ดีหรือ” วินวินกันทั้งสองฝ่ายเลยนะ “ข้าบอกแล้วอย่างไรว่า ข้า ไม่ หย่า!” เหรินหมิงยืนกรานเสียงแข็ง คนที่มีสิทธิ์อ้าปากขอหย่าได้ต้องเป็นเขาเท่านั้นไม่ใช่นาง!!! อ้าว! พูดอย่างนี้ก็สวยเซ่ ด้ายย!!! เสวี่ยหนิงเริ่มอารมณ์ขึ้น “เพ้ย! จะยอมหย่าให้ข้าดีๆ หรือจะหย่าทั้งน้ำตาเจ้าคะท่านพี่!!” ในเมื่อคุยกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง แบบนี้มันต้องเจอไม้แข็ง! เสวี่ยหนิงเริ่มพับแขนเสื้อขึ้น ก่อนย่างสามขุมเข้าไปหาสามี ด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “จะ เจ้า นั่นเจ้าจะทำอะไร เชียนเสวี่ยหนิง อย่ามาทำกิริยาก้าวร้าวเช่นนี้กับข้า กลับเรือนของเจ้าไปเสีย” เหรินหมิงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยามได้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของหญิงสาว ขยับเท้าก้าวถอยหลัง จนไปชนกับขอบโต๊ะทำงาน เสวี่ยหนิงหมุนข้อมือ ยืดแขน สะบัดคอในท่าอบอุ่นร่างกาย นางไม่ได้ฝึกฝนการต่อสู้มาพักหนึ่งแล้ว ใช้บุรุษตรงหน้าเป็นกระสอบทรายท่าจะดี! “เหรินหมิง ยอมหย่าให้ข้าเสียดีๆ หากไม่อยากเจ็บตัว” ร่างบางเค้นเสียงลอดไรฟัน โน้มตัวตามเหรินหมิงที่กำลังเอนกายไปด้านหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ มือเล็กคว้าข้อมือของชายหนุ่ม ปลายนิ้วสัมผัสชีพจรที่กำลังเต้นระรัวของอีกฝ่าย ใบหน้างามของนางอยู่ห่างใบหน้าของเขาเพียงคืบ กลิ่นหอมละมุนผ่อนคลายจากกายหญิงสาว โชยเข้าจมูกของเหรินหมิง ดวงตาสีนิลสบประสานดวงตาเมล็ดซิ่งกลมโตฉ่ำน้ำ ขนตายาวหนาเป็นแพ ริมฝีปากอิ่มแดงมันวาว ผิวหน้าขาวเนียนละเอียดละออ คิ้วทรงใบหลิวเรียงเส้นสวย ที่ใต้หางซ้ายมีไฝเม็ดเล็กดูเย้ายวน เชียนเสวี่ยหนิงงดงามถึงเพียงนี้เชียวหรือ ไยเขาถึงไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน แต่ก่อนที่เสวี่ยหนิงจะได้ทันอุ่นเครื่อง ระฆังช่วยชีวิตอย่างฮูหยินเฒ่าฝางก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน ขัดจังหวะการข่มขู่สามีเพื่อขอหย่า ****************** *สี่สมบัติล้ำค่าในห้องหนังสือ : ได้แก่ พู่กัน น้ำหมึก จานฝนหมึก และกระดาษบทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนปลาย ซูลี่กับซูฮวาหัวเราะคิกอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินชื่อของคนงานหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ “ในเมื่อแนะนำตัวกับข้าเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปทำงานของพี่ชายต่อเถอะ” เสวี่ยหนิงพยักหน้ารับทราบต่อการมารายงานตัวของหยางหยาง “งานของข้า คือการมาปลูกผักใกล้ๆนายหญิงขอรับ หัวหน้าคนงานกลัวว่านายหญิงจะหักโหมจนลมจับ ล้มหน้าคะมำอยู่กลางแปลงผัก เลยส่งข้ามาคอยดูแลท่านขอรับ” เว่ยลี่หยางรายงานหน้าที่ของตนกับหญิงสาวเสียงเข้ม มือก็หยิบต้นกล้าคะน้ามาลงดินอย่างชำนาญ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น หากแต่… กร๊ากกก!! อุ๊บ! ทั้งสาวใช้สองซู ทั้งพานข่ายหลุดขำ ยกมืออุดปากกันแทบไม่ทัน (*_*‘) เสวี่ยหนิงมุมปากกระตุกยิกๆ พ่อล่ำบึ้กหยางหยางนี่กวนใช้ได้เลยนะ! “หึ หึ! รอข้าไปถามท่านลุงต้าเชินก่อนเถอะพ่อหยางหยาง หากไม่จริงเจ้าโดนไล่ออกแน่!!” เสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยเสียงลอดไรฟันกลับมา รู้สึกอยากกลายร่างเป็นจระเข้ตะหงิดๆ เว่ยลี่หยางกระตุกยิ้มมุมปากรวดเร็วก่อนจางหายไปจนไม่มีใครทันสังเกตเห็น ช่วงพักเที่ยง บรรดาเกษตรกรของสวนอรุณรัก ต่างมานั่งกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแปลงผั
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนต้น จวนสกุลเชียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง อยู่ห่างจากประตูทางออกทิศเหนือราวสิบลี้ ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังหมู่บ้านหว่านเซินของเสวี่ยหนิง นางจึงตัดสินใจกลับมาพักอยู่กับมารดาระหว่างรอบ้านของนางสร้างเสร็จ ระหว่างนี้จึงเริ่มวางแผนจ้างคนงานสำหรับเรือกสวนไร่นาของนางอย่างจริงจัง ในขณะที่กำลังเขียนป้ายประกาศรับคนงานอยู่นั้น เย่หลินก็ถือจานขนมเข้ามาให้พอดี “หนิงเอ๋อร์ เจ้าต้องการคนงานเริ่มต้นจำนวนเท่าไหร่หรือ หากไม่มากเกินยี่สิบคน เจ้าพาพวกเด็กๆ ของแม่ไปช่วยงานก่อนได้นะ แม่ได้คนมาใหม่จำนวนหนึ่ง ดัดนิสัยแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเด็กๆ พวกนั้นจะดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง” (0.0!) สุดยอด!!! เสวี่ยหนิงแอบอุทานในใจ หันไปกอดเอวมารดาอย่างออดอ้อน “ยังคงเป็นท่านแม่ที่ดีกับข้าและรักข้าที่สุด” “เด็กโง่ ถ้าแม่ไม่รักเจ้า แล้วจะให้แม่รักใครที่ไหน” เย่หลินลูบหัวทุยของบุตรีอย่างรักใคร่ ตั้งแต่หนิงเอ๋อร์ของนางฟื้นขึ้นมาจากการวิ่งเอาหัวโหม่งเสาครานั้นก็เปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้นางค่อยวางใจหน่อย “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเราพาเด็กๆ ของท่านแม่ของเดิ
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนปลาย “โฮ นายหญิงใหญ่ อาอวี่สำนึกผิดแล้วขอรับ นายหญิงใหญ่ตีข้าเถิด แต่อย่าส่งข้ากลับไปตลาดค้าทาสเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มที่ชื่ออาอวี่ ปรี่เข้ามากอดขาของเย่หลินร้องไห้คร่ำครวญสำนึกผิด เขาไม่อยากกลับไปที่ตลาดค้าทาสอีก “สำนึกผิดแล้วแน่นะ” เย่หลินถามเสียงเย็น “ฮึก สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอรับ” อาอวี่พยักหน้ารัวเป็นไก่จิกข้าวสารทั้งน้ำตา “ดี ถ้าเช่นนั้นไปขอโทษอาเฟิงเสีย แล้วต่อไปห้ามล้อเลียนเรื่องความชอบส่วนตัวของผู้อื่นอีกเข้าใจหรือไม่” เย่หลินหรี่ตามองลูกหมาตัวน้อย ที่เกาะแข้งเกาะขานางร้องห่มร้องไห้ด้วยแววตาคมปลาบ “ขอรับนายหญิงใหญ่” หลังจากรับปากเย่หลินเป็นมั่นเหมาะ ชายหนุ่มจึงหันไปขอโทษสหายทันที “อาเฟิงข้าขอโทษ อย่าโกรธข้าเลยนะ” ครั้นเรื่องราวยุติลงได้ด้วยดี เย่หลินจึงหันมาถามอาเฟิงบ้าง “อาเฟิง เจ้าบอกข้ามาที ไฉนอาอวี่ถึงมาล้อเจ้าเรื่องนี้ได้” “เรียนนายหญิงใหญ่ เพราะข้าชอบปลูกและดูแลไม้ดอกขอรับ” อาเฟิงบอกความชอบของตนออกมาอย่างไม่ปิดบัง การได้ปลูกและดูแลไม้ดอกช่วยให้จิตใจของเขาสงบและผ่อนคลาย เย่หลินยกยิ้มอย่างพอใจ ดูท่าว่านางหาคนงานที่ดีให้บุต
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนต้น หลังหย่าร้าง เสวี่ยหนิงยังคงพักอยู่ในจวนอันตงป๋ออีกหลายวัน เพื่อรอให้หน้าหายบวม ระหว่างนี้นางได้ส่งซูลี่ไปแจ้ง เย่หลิน มารดาของเชียนเสวี่ยหนิงเรื่องที่นางหย่าร้างกับเหรินหมิงแล้ว เย่หลินประหลาดใจไม่น้อยที่บุตรีตัดสินใจหย่าหลังแต่งงานได้ไม่ถึงปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเคยท้วงติงว่าเหรินหมิงพึงใจซ่งเจียวเจียวอยู่ ทว่าเชียนเสวี่ยหนิงกลับดื้อรั้น วางแผนตกน้ำในงานเลี้ยงน้ำชาของจวนสกุลโกว จนเหรินซื่อจื่อที่ลงไปช่วยเหลือต้องแต่งบุตรีของนางเข้าจวนอย่างจำใจ สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดจนได้ “เฮ้อ! สิ่งที่ข้ากังวลเกิดขึ้นจริงๆสินะ ซูลี่ แล้วคุณหนูของเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อนางได้บอกเจ้าหรือไม่” “นายหญิงกำลังสร้างบ้านอยู่บนที่ดินในหมู่บ้านหว่านเซิน ตั้งใจจะทำสวนปลูกผักรูปแบบผสมผสาน พร้อมสร้างมินิรีสอร์ทที่นั่นเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่” พรวดดด! แค่กๆๆ เย่หลินสำลักน้ำชายามได้ยินว่าบุตรีจะไปทำสวน หนิงเอ๋อร์ของนางไม่เคยจับแม้กระทั่งไม้กวาด แล้วจะไปทำสวนปลูกผักเนี่ยนะ! หลังหายจากอาการสำลัก จึงถามไถ่ซูลี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “หนิงเอ๋อร์ของข้าจะไปทำสวน แล้วจ