บทที่ 5 ข้าต้องการหย่ากับท่านเจ้าค่ะ ตอนปลาย
“พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ!” หญิงชราเอ่ยเสียงเข้ม ยามเห็นว่าเชียนเสวี่ยหนิงอยู่ในท่าทางล่อแหลมกับบุตรชาย เสวี่ยหนิงแค่นเสียงขึ้นจมูก กระตุกยิ้มร้ายให้เหรินหมิง ขยับปากเอ่ยกับเขาความว่า “หึ! ดวงแข็งใช้ได้เหมือนกันนะเจ้าคะ แต่หากไม่อยากถูกข้าจับหักแขน แล้วบังคับให้ลงชื่อในหนังสือหย่าทั้งน้ำตา ท่านควรให้ความร่วมมือกับข้าแต่โดยดี” ร่างบางย้ายตัวเองออกมา หมุนตัวกลับมายอบกายแสดงความเคารพหญิงชราอย่างนอบน้อม “คาราวะฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ สบายดีนะเจ้าคะ ข้าเสร็จธุระกับท่านพี่แล้ว ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ “จากนั้นก็ผละไป ทิ้งเหรินหมิงที่หน้าแดง จังหวะหัวใจเต้นไม่เป็นระส่ำไว้กับโต๊ะทำงาน ฮูหยินผู้เฒ่าฝางก้าวมาบุตรชายที่สีหน้าดูไม่ปกตินัก “นางมาที่นี่ได้อย่างไร มิใช่ว่าเจ้าสั่งห้ามไม่ให้นางมาเหยียบที่เรือนของเจ้าหรอกรึ “ เหรินหมิงขยับตัวออกจากโต๊ะทำงาน ประคองมารดาไปนั่งที่ตั่ง เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าฝางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่บุตรชายของนางไม่ยอมหย่าให้เชียนเสวี่ยหนิง “อาหมิง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ในเมื่อเจ้าไม่พึงใจนาง ออกจะรังเกียจนางด้วยซ้ำ ไยไม่หย่าให้นางไปเสีย แม่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าจะรั้งนางไว้ทำไม” เหรินหมิงมิเอ่ยคำใดตอบมารดา ทว่าสายตากลับจดจ้องไปยังกระบอกใส่ภาพวาดที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแทน เวลานี้ผู้ที่เป็นหัวข้อสนทนากำลังสั่งให้สาวใช้ไปขนสินเดิมของตนมาไว้ที่เรือนทั้งหมด เพราะดูจากสภาพการณ์ในวันนี้ เห็นทีว่าเหรินหมิง คงไม่ยอมให้ความร่วมมือง่ายๆ เหมือนอย่างที่นางคิด ซึ่งนางเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด ในเมื่อไม่รักกันก็เลิกกันไปเสียดีกว่า มาผูกมัดกันไว้ก็ทรมานทั้งคู่ ตรรกะง่ายๆ ทำให้กลายเป็นยากเสียอย่างนั้น ผู้ชายเนี่ยนะ เข้าใจยากจริงๆ เช้าวันรุ่งขึ้น ซูลี่ที่ได้รับคำสั่งจากนายหญิงให้ไปบอกพานข่ายเตรียมรถม้า กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินกลับรายงานเจ้านายที่เรือนหน้าตาตื่น “นายหญิง แฮ่กๆๆ นายหญิงเจ้าคะ กะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ นายท่านเจ้าค่ะ นายท่านสั่งคนเฝ้าประตูไว้ว่า ห้าม แฮ่กๆ ห้ามไม่ให้นายหญิงออกไปนอกจวน หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายท่านเจ้าค่ะ” ซูลี่เกาะขอบประตูหอบหายใจเอ่ยรายงานตะกุกตะกัก จากนั้นก็กระดกน้ำชาที่ซูฮวายื่นให้จนหมดจอก คนฟังไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เหรินหมิงเริ่มเล่นสงครามประสาทเหมือนดั่งที่นางคาดไว้ไม่มีผิด “ซูฮวา ไปหยิบไม้ตีสุนัขมา ข้าจะไปเก็บคะแนนโหวตเสียหน่อย” คิดว่าจะมีปัญญาห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ คิดผิดแล้วเหรินหมิงเอ๋ย กระดูกมันคนละเบอร์กันน้องชาย วิญญาณพี่สาวอายุสามสิบสองแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวอายุสิบหกเหมือนกายหยาบ “คะแนนโหวตอะไรเจ้าคะนายหญิง” ซูฮวายื่นไม้พลองขนาดเหมาะมือที่นายหญิงสั่งทำมาจากร้านขายเครื่องเรือน “ไปถึงก็รู้เอง ถือไม้ตามมา” หญิงสาวทั้งสามถือไม้ตีสุนัขคนละอัน เดินอาดๆ ไปหน้าจวนด้วยท่าทางคล้ายนักเลงโต และเมื่อไปถึง คนเฝ้าประตูทั้งสอง รีบก้าวมายืนขวางหน้าเสวี่ยหนิง ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากเหรินหมิงอย่างเคร่งครัด “ออกไปไม่ได้ขอรับฮูหยินน้อย นายท่านสั่งไว้ว่าหากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามท่านหรือบ่าวรับใช้คนใดของท่านออกไปข้างนอกเด็ดขาดขอรับ” เสวี่ยหนิงมองบุรุษทั้งสองด้วยสายตาเฉยชา ทว่ากลับทำพวกเขาเสียวสันหลังวาบ ฮูหยินน้อยดูน่าเกรงขามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ครั้นได้เห็นสีหน้าของคนเฝ้าประตู เสวี่ยหนิงกระตุกยิ้มชั่วร้าย ปรายตามองขณะเอ่ยวาจา “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเลือก จะหลีกทางให้ข้าออกไปดีๆ หรือต้องให้ข้าฟาดพวกเจ้าด้วยไม้ตีสุนัขของข้าเสียก่อน เลือกเอา!” ******************บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนปลาย ซูลี่กับซูฮวาหัวเราะคิกอย่างชอบใจ เมื่อได้ยินชื่อของคนงานหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ “ในเมื่อแนะนำตัวกับข้าเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็กลับไปทำงานของพี่ชายต่อเถอะ” เสวี่ยหนิงพยักหน้ารับทราบต่อการมารายงานตัวของหยางหยาง “งานของข้า คือการมาปลูกผักใกล้ๆนายหญิงขอรับ หัวหน้าคนงานกลัวว่านายหญิงจะหักโหมจนลมจับ ล้มหน้าคะมำอยู่กลางแปลงผัก เลยส่งข้ามาคอยดูแลท่านขอรับ” เว่ยลี่หยางรายงานหน้าที่ของตนกับหญิงสาวเสียงเข้ม มือก็หยิบต้นกล้าคะน้ามาลงดินอย่างชำนาญ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สั่น หากแต่… กร๊ากกก!! อุ๊บ! ทั้งสาวใช้สองซู ทั้งพานข่ายหลุดขำ ยกมืออุดปากกันแทบไม่ทัน (*_*‘) เสวี่ยหนิงมุมปากกระตุกยิกๆ พ่อล่ำบึ้กหยางหยางนี่กวนใช้ได้เลยนะ! “หึ หึ! รอข้าไปถามท่านลุงต้าเชินก่อนเถอะพ่อหยางหยาง หากไม่จริงเจ้าโดนไล่ออกแน่!!” เสวี่ยหนิงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยเสียงลอดไรฟันกลับมา รู้สึกอยากกลายร่างเป็นจระเข้ตะหงิดๆ เว่ยลี่หยางกระตุกยิ้มมุมปากรวดเร็วก่อนจางหายไปจนไม่มีใครทันสังเกตเห็น ช่วงพักเที่ยง บรรดาเกษตรกรของสวนอรุณรัก ต่างมานั่งกินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแปลงผั
บทที่ 12 พบชายในฝันกลางแปลงผัก ตอนต้น จวนสกุลเชียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง อยู่ห่างจากประตูทางออกทิศเหนือราวสิบลี้ ซึ่งง่ายต่อการเดินทางไปยังหมู่บ้านหว่านเซินของเสวี่ยหนิง นางจึงตัดสินใจกลับมาพักอยู่กับมารดาระหว่างรอบ้านของนางสร้างเสร็จ ระหว่างนี้จึงเริ่มวางแผนจ้างคนงานสำหรับเรือกสวนไร่นาของนางอย่างจริงจัง ในขณะที่กำลังเขียนป้ายประกาศรับคนงานอยู่นั้น เย่หลินก็ถือจานขนมเข้ามาให้พอดี “หนิงเอ๋อร์ เจ้าต้องการคนงานเริ่มต้นจำนวนเท่าไหร่หรือ หากไม่มากเกินยี่สิบคน เจ้าพาพวกเด็กๆ ของแม่ไปช่วยงานก่อนได้นะ แม่ได้คนมาใหม่จำนวนหนึ่ง ดัดนิสัยแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเด็กๆ พวกนั้นจะดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง” (0.0!) สุดยอด!!! เสวี่ยหนิงแอบอุทานในใจ หันไปกอดเอวมารดาอย่างออดอ้อน “ยังคงเป็นท่านแม่ที่ดีกับข้าและรักข้าที่สุด” “เด็กโง่ ถ้าแม่ไม่รักเจ้า แล้วจะให้แม่รักใครที่ไหน” เย่หลินลูบหัวทุยของบุตรีอย่างรักใคร่ ตั้งแต่หนิงเอ๋อร์ของนางฟื้นขึ้นมาจากการวิ่งเอาหัวโหม่งเสาครานั้นก็เปลี่ยนไปจริงๆ แบบนี้นางค่อยวางใจหน่อย “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเราพาเด็กๆ ของท่านแม่ของเดิ
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนปลาย “โฮ นายหญิงใหญ่ อาอวี่สำนึกผิดแล้วขอรับ นายหญิงใหญ่ตีข้าเถิด แต่อย่าส่งข้ากลับไปตลาดค้าทาสเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มที่ชื่ออาอวี่ ปรี่เข้ามากอดขาของเย่หลินร้องไห้คร่ำครวญสำนึกผิด เขาไม่อยากกลับไปที่ตลาดค้าทาสอีก “สำนึกผิดแล้วแน่นะ” เย่หลินถามเสียงเย็น “ฮึก สำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอรับ” อาอวี่พยักหน้ารัวเป็นไก่จิกข้าวสารทั้งน้ำตา “ดี ถ้าเช่นนั้นไปขอโทษอาเฟิงเสีย แล้วต่อไปห้ามล้อเลียนเรื่องความชอบส่วนตัวของผู้อื่นอีกเข้าใจหรือไม่” เย่หลินหรี่ตามองลูกหมาตัวน้อย ที่เกาะแข้งเกาะขานางร้องห่มร้องไห้ด้วยแววตาคมปลาบ “ขอรับนายหญิงใหญ่” หลังจากรับปากเย่หลินเป็นมั่นเหมาะ ชายหนุ่มจึงหันไปขอโทษสหายทันที “อาเฟิงข้าขอโทษ อย่าโกรธข้าเลยนะ” ครั้นเรื่องราวยุติลงได้ด้วยดี เย่หลินจึงหันมาถามอาเฟิงบ้าง “อาเฟิง เจ้าบอกข้ามาที ไฉนอาอวี่ถึงมาล้อเจ้าเรื่องนี้ได้” “เรียนนายหญิงใหญ่ เพราะข้าชอบปลูกและดูแลไม้ดอกขอรับ” อาเฟิงบอกความชอบของตนออกมาอย่างไม่ปิดบัง การได้ปลูกและดูแลไม้ดอกช่วยให้จิตใจของเขาสงบและผ่อนคลาย เย่หลินยกยิ้มอย่างพอใจ ดูท่าว่านางหาคนงานที่ดีให้บุต
บทที่ 11 มารดาของนางเป็นมาเฟียเจ้าข้าเอ้ย ตอนต้น หลังหย่าร้าง เสวี่ยหนิงยังคงพักอยู่ในจวนอันตงป๋ออีกหลายวัน เพื่อรอให้หน้าหายบวม ระหว่างนี้นางได้ส่งซูลี่ไปแจ้ง เย่หลิน มารดาของเชียนเสวี่ยหนิงเรื่องที่นางหย่าร้างกับเหรินหมิงแล้ว เย่หลินประหลาดใจไม่น้อยที่บุตรีตัดสินใจหย่าหลังแต่งงานได้ไม่ถึงปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเคยท้วงติงว่าเหรินหมิงพึงใจซ่งเจียวเจียวอยู่ ทว่าเชียนเสวี่ยหนิงกลับดื้อรั้น วางแผนตกน้ำในงานเลี้ยงน้ำชาของจวนสกุลโกว จนเหรินซื่อจื่อที่ลงไปช่วยเหลือต้องแต่งบุตรีของนางเข้าจวนอย่างจำใจ สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดจนได้ “เฮ้อ! สิ่งที่ข้ากังวลเกิดขึ้นจริงๆสินะ ซูลี่ แล้วคุณหนูของเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อนางได้บอกเจ้าหรือไม่” “นายหญิงกำลังสร้างบ้านอยู่บนที่ดินในหมู่บ้านหว่านเซิน ตั้งใจจะทำสวนปลูกผักรูปแบบผสมผสาน พร้อมสร้างมินิรีสอร์ทที่นั่นเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่” พรวดดด! แค่กๆๆ เย่หลินสำลักน้ำชายามได้ยินว่าบุตรีจะไปทำสวน หนิงเอ๋อร์ของนางไม่เคยจับแม้กระทั่งไม้กวาด แล้วจะไปทำสวนปลูกผักเนี่ยนะ! หลังหายจากอาการสำลัก จึงถามไถ่ซูลี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “หนิงเอ๋อร์ของข้าจะไปทำสวน แล้วจ