แชร์

บทที่ 6 ปะทะคารม ตอนต้น

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-02 01:09:32

บทที่ 6 ปะทะคารม ตอนต้น

คนเฝ้าประตูเหงื่อเย็นแตกท่วมแผ่นหลัง ฮูหยินน้อยเชียนเสวี่ยหนิงขึ้นชื่อเรื่องความร้ายกาจมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งที่นางเพิ่งกล่าวออกมา คงจะไม่ใช่เพียงแค่ข่มขู่แน่นอน แต่หากพวกเขาปล่อยนางออกไป ก็จะมีความผิดฐานขัดคำสั่งเหรินซื่อจื่อ นายเหนือหัวที่พวกเขาขึ้นตรง ชีวิตบ่าวไพร่อย่างพวกเขาช่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายจริงๆ

“ฮูหยินน้อย โปรดเห็นใจด้วยเถิดขอรับ พวกข้าน้อยมิอาจขัดคำสั่งของนายท่านได้จริงๆ มิฉะนั้นพวกข้าน้อยคงโดนนายท่านเล่นงานเป็นแน่” สีหน้าของคนเฝ้าประตู ดูอย่างไรก็เหมือนหมาน้อย ที่กำลังส่งสายตาวิงวอนตอนขอกระดูกไก่ในมือ

เสวี่ยหนิงเห็นแล้วใจอ่อนยวบ เกือบยกมือขึ้นมาลูบหัวพวกเขาอย่างลืมตัว…

ทว่านางมาเพื่อเก็บคะแนนโหวตเรื่องความร้ายกาจ ไม่เคารพกตัญญูต่อพ่อแม่สามีสำหรับยกเป็นข้ออ้าง ในการใช้กฎเจ็ดขับ* หรือแปดขับอะไรนั่นแหละ เพื่อขับไล่ตัวนางออกจากจวนอันตงป๋อแห่งนี้

เมื่อตั้งใจมาเก็บคะแนน ก็ต้องได้คะแนนกลับไป!

เสวี่ยหนิงรีบสวมบทนางร้ายอย่างในละคร เปลี่ยนมาเท้ายืนสะเอว ถลึงตา เบะปาก ตวาดเสียงดังฟังดูก้าวร้าวใส่คนเฝ้าประตู

“พวกเจ้ากล้าขวางทางข้าอย่างนั้นรึ! ดี! ในเมื่อกล้ากำแหงกับข้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”

จากนั้นจึงหมุนตัวกลับมาขยิบตาให้สาวใช้ เหมือนอย่างที่นัดกันไว้ระหว่างเดินมา “ซูลี่ ซูฮวา ลงมือ!”

“เดี๋ยวพอข้าสั่งให้พวกเจ้าลงมือ พวกเจ้าตีหน้ายักษ์ ส่งเสียงข่มขวัญ เงื้อไม้สูงๆ ทำท่าเหมือนจะฟาดลงมาใส่หน้า สองคนนั้นต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าแน่ จากนั้นพวกเจ้าก็หวดก้นสองคนนั้นเร็วๆ ไปคนละสามที ไม่ต้องแรงมากนะเอาแค่พอคันๆ ตามด้วยออกแรงผลักให้ล้มก้นจ้ำเบ้าเลยนะ พอเสร็จแล้วค่อยสะบัดบ็อบเดินกลับมาหาข้า ตกลงนะ”

“…” สาวใช้สองซู “อะไรคือ สะบัดบ็อบเจ้าคะ”

เสวี่ยหนิงเลยทำท่าสะบัดบ็อบให้สองสาวดู

หลังได้รับสัญญาณจากนายหญิง สาวใช้สองซูรีบปั้นหน้ายักษ์ถลึงตาแยกเขี้ยว ส่งเสียงข่มขวัญตามคำสั่งทันที

“ย้ากกกกก! บังอาจขัดคำสั่งนายหญิงของพวกข้า อย่าอยู่เลย!”

“ฮูหยินน้อย…อย่าทำแบบนี้เลยขอรับ ม่ายยย” คนเฝ้าประตูร้องเสียงหลง ยกมือแขนขึ้นปิดหน้าตามที่คาดการณ์ไว้

“นี่แน่ะ อยากกล้ากำแหงกับนายหญิงของข้า ไม่เจียมกะลาหัว!!!”

ตุ๊บๆๆ พลั่ก “อ๊ากกก!!” คนเฝ้าประตูล้มก้นจ้ำเบ้า สาวใช้สองซูเดินสะบัดบ็อบกลับมาหานายหญิง

เสวี่ยหนิงกลั้นขำจนไหล่สั่นหันไปกระซิบกระซาบกับสาวใช้

“พวกเจ้าสองคนทำดีมาก ครั้งหน้าเพิ่มเสียงระหว่างตีอีกหน่อย จะได้ดูเหมือนข้าโหดเหี้ยมอำมหิตกว่านี้อีกนิด ข้าแอบเห็นบ่าวของฮูหยินผู้เฒ่ามาด้อมๆมองๆพอดี เชื่อเถอะว่าตอนนี้เรื่องถึงหูมารดาของเหรินหมิงแล้ว ฮี่ๆๆๆ” เสียงหัวเราะชั่วร้ายค่อนไปทางชอบใจของเสวี่ยหนิงดังขึ้นครู่สั้นๆ

สาวใช้สองซูกลั้นขำพยักหน้ารับเบาๆ พยายามรักษาสีหน้าดุร้ายตามที่นายหญิงสั่ง

บ่าวตัวน้อยอีกคนที่ยังไม่ถูกเล่นงาน ยืนหน้าซีดขาวเพราะเห็นฤทธิ์เดชของไม้ตีสุนัขเต็มสองตา รีบขยับขาแจ้นไปเปิดประตูให้เสวี่ยหนิงอย่างไว หาไม่แล้วเขาคงกลายเป็นสุนัขถูกตีเหมือนคนเฝ้าประตู

“เชิญขอรับฮูหยินน้อย เดินดีๆ นะขอรับ” พร้อมกล่าวอวยพรตามหลังอย่างมีมารยาท

หญิงสาวทั้งสามเชิดคาง ถือไม้ตีสุนัขดุจคฑาศักดิ์สิทธิ์ สับขาออกจากจวนอันตงป๋อด้วยท่วงท่าสง่างาม ประหนึ่งนางพญาเดินอยู่บนพรมแดงตามที่เสวี่ยหนิงให้คำจำกัดความ แววตาของหญิงสาววาววับ ประกาศชัยชนะอย่างชัดเจน

“ชิ อย่าหวังว่าจะกักขังหรือบงการชีวิตเสวี่ยหนิงคนนี้ได้หน่อยเลย”

ช่วงระหว่างที่เสวี่ยหนิงและสาวใช้ ออกไปทำธุระนอกจวนอยู่นั้น สาวใช้จากเรือนเสียนสุ่ยก็รีบนำข่าวมาฟ้องนายของตน

ฮูหยินผู้เฒ่าฝางยกมือทาบอก ลูกประคำในมือสั่นระริก เมื่อได้ยินว่าเชียนเสวี่ยหนิงสั่งให้สาวใช้ทุบตีบ่าวชายผู้มีหน้าที่เฝ้าประตู

“โอย ข้าจะเป็นลม! อุตส่าห์คิดว่านางสำนึกได้แล้วเสียอีก ที่ไหนได้ยังคงร้ายกาจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

ราวยามต้นยามโหย่ว (17:00-18:59) ทั้งสามก็กลับถึงจวน พ่อบ้านเหอจิ้งมายืนรอเสวี่ยหนิงตามคำสั่งของเหรินหมิงอีกวัน

“ฮูหยินน้อยขอรับ นายท่านเรียกไปพบขอรับ”

“ข้าไม่ไป พ่อบ้านเหอช่วยบอกนายท่านด้วย ว่าถ้าอยากให้ข้าไปพบ ก็ต้องยอมมอบหนังสือหย่าให้ข้าเสียแต่โดยดี” กล่าวจบก็เดินกลับเรือนโดยไม่สนใจท่าทีของพ่อบ้านเหอ

เหรินหมิงสีหน้ามืดครึ้มบดกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน เชียนเสวี่ยหนิงตั้งใจประกาศให้ทุกคนในจวนรับรู้ ว่านางกำลังต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย ขนาดเรียกมาพบก็ยังไม่ยอมมา

“ดื้อรั้นยิ่งนัก แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”

ชายหนุ่มก้าวออกไปจากเรือนของตน ตรงไปยังเรือนอวี้หลิงของเชียนเสวี่ยหนิง

******************

*กฎเจ็ดขับ : เงื่อนไขในการหย่าร้างที่กำหนดไว้ในยุคจีนสมัยโบราณ คือ ภรรยาผู้นั้นต้องไร้บุตร, คบชู้, ไม่เชื่อฟังบิดามารดาสามี, พูดมาก,ลักเล็กขโมยน้อย, อิจฉาริษยา หรือเป็นโรคร้าย หากเข้าข่ายหนึ่งในเจ็ดลักษณะ ผู้เป็นสามีสามารถมอบหนังสือหย่า ขับไล่นางออกจากบ้านได้ทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ ตัวป่วนแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย

    ตอนพิเศษ ตัวป่วนแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย ส่วนทางด้ายเว่ยเฉินฮ่าว “ท่านยายขอรับ แส้หนังที่ท่านยายมอบให้ พี่หลางจื่อแอบเอาไปแทะเล่นจนขาดแล้วขอรับ ฮ่าวเอ๋อร์ไม่กล้าบอกท่านแม่ กลัวพี่หลางจื่ออดกินหูหมู” “…” เย่หลิน โถ พ่อทูนหัวของยาย “รอยายกลับถึงจวนแล้วจะส่งแส้อันใหม่มาให้นะเด็กดี” จากนั้นสามคนยายหลาน ก็จับจูงกันไปยังลานฝึกยุทธ์ด้านหลัง เพื่อฝึกการปามีดบินและซัดเข็มเงิน เว่ยลี่หยางทำได้เพียงยืนหน้ากระตุก แต่มิอาจกล่าวคำใด ให้เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจแม่ยายที่แสนดีของตน ขอเพียงนางไม่พาลูกๆคนใดคนหนึ่งของเขา ไปตำหนักจันทราอันเร้นลับเป็นใช้ได้ จะสอนปามีดบิน ซัดเข็มเงิน ใช้แส้ หรือแม้แต่วิชาตัวเบาอันล้ำเลิศ เขาย่อมไม่ขัดขวาง ช่วงบ่ายวันหนึ่งในฤดูคิมหันต์ที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างถึงที่สุด เสวี่ยหนิงเดินตามหาบุตรทั้งสามของตนไปทั่วตำหนัก แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ผู้เป็นมารดาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี กลัวว่าจะมีคนคิดร้ายมาลักตัวลูกๆของนางไป ผ่านไปครู่หนึ่งหลิวอินก็มารายงานด้วยสีหน้าพิลึกพิลั่น “เรียนพระชายา กระหม่อมหาตัวทายาทของจวนอ๋องพบแล้วพะย่ะค่ะ” “เด็กๆอยู่ที่ไหน ท่านพี่รีบบอกพระชายามาเร็ว อย

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ ตัวป่วนแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น

    ตอนพิเศษ ตัวป่วนแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ณ ลานฝึกยุทธ์ท้ายตำหนักหรงจวิน เว่ยเทียนฉี มองพี่สาวฝาแฝดที่กำลังฟาดฟันดาบไม้กับหุ่นฟาง ส่งเสียงร้อง ย๊าก! ย๊าก! ย๊าก! ดังลั่น ช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย เป็นถึงจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์แต่กลับประพฤติตัวราวม้าดีดกระโหลก หากท่านทวดไทเฮาทราบเรื่อง มีหวังเว่ยลี่จวินได้ถูกเรียกตัวเข้าวัง ไปอบรมกิริยามารยาทตามแบบฉบับเชื้อพระวงศ์เป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิอาจนับได้… เฮ้อ! ไฉนเขาถึงเกิดวันเดียวกันกับนางได้ล่ะเนี่ย ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ! หลังจากทอดถอนใจเรื่องของพี่สาวจบ ท่านอ๋องน้อยก็ดึงสายตากลับไปมองน้องชายผู้อ่อนหวานของตน ครั้นเห็นว่าเว่ยเฉินฮ่าวกำลังทำสิ่งใด ผู้เป็นพี่ชายมุมปากกระตุกไม่หยุด ท่านชายน้อยผู้งดงาม กำลังตั้งท่าขุดดินอยู่ข้างกำแพง โดยมีนางกำนัลทั้งสองเป็นผู้ช่วย ทั้งสามสุมหัวปรึกษากันว่า วันนี้จะต้องขุดช่องหมาลอดให้มีขนาดเท่ากับตัวเว่ยเฉินฮ่าว ห้ามเล็กหรือใหญ่ไปกว่านี้ เพราะเขากลัวว่าพี่หลางจื่อจะแอบมุดออกไปเที่ยว! “…” เว่ยเทียนฉี ให้ตายสิ! พี่ชายอย่างเขาเห็นแล้วอยากกุมขมับ เพียงแค่ได้ฟังเรื่องราวการพบรักของเสด็จพ่อและเสด็จ

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /4

    ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /4 นักเลงทั้งสามเงียบงันไปชั่วครู่ หน้าตาเลิ่กลั่กพยายามหาข้อแก้ตัว “อ๋อ ขะ ข้า…ข้าจำผิดน่ะ มิใช่เมื่อวาน แต่เป็น…เมื่อวันก่อน! ใช่แล้วเมื่อวันก่อน!” คราวนี้สุ่ยเจียวเจียวยิ้มเย็น นิ้วเรียวพลิกบันทึกไปอีกหน้า “วันก่อนอย่างนั้นรึ? ขออภัยเถิด ที่ร้านทำ ไส้ลูกบัวขายไปสองร้อยชิ้น ไม่มีถั่วแดงเช่นกันเจ้าค่ะ” เสียงฮือฮาเริ่มดังมาจากกลุ่มชาวบ้านที่มามุงดู “โอ้โห…ว่าแล้วเชียว! ที่แท้มาก่อกวนนี่เอง” “หน็อยแน่ ปล่อยไก่กลางตลาดเลยนะนั่น” นักเลงทั้งสามคนหน้าแดงก่ำ พวกเขาไม่รู้นี่ว่าร้านเล่อสุ่ยขายเซาปิ่งในแต่วันมีไส้ต่างกันไป ถูกจ้างมาให้ก่อกวนก็ทำตามหน้าที่ ไม่คิดว่าจะพลาดท่าเผลอปล่อยไก่ออกมาเยี่ยงนี้ “ข้า เอ่อ ข้าอาจจะจำผิดร้านก็เป็นได้! ช่างเถิด! ไม่เอาเรื่องแล้ว!” ชาวบ้านบางคนเริ่มโห่ไล่หลัง นักเลงทั้งสามคนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม วิ่งหนีหายไปในพริบตา ทิ้งไก่ตัวใหญ่หน้าแหกไว้หน้าร้านน้ำชาเล่อสุ่ย สุ่ยเจียวเจียวหันมายิ้มแย้มกับลูกค้าและคนที่มามุงดู…คิดว่าเล่นงานนางแบบนี้ แล้วจะลอยนวลไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ในเมื่อมีคนกล้ามาหาเรื่องนางก่อนถึงที่ แล้วเรื่องอะไรที่นาง

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /3

    ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /3 ซ่งจงเจิ้งใบหน้าดำคล้ำ เขวี้ยงจอกชาลงบนพื้น ทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยโทสะสูงเสียดฟ้า เขาชี้มือสั่นเทามาที่บุตรี บริภาษนางเสียงดังว่าไร้หัวคิดและไร้ประโยชน์เหมือนมารดาไม่มีผิด ซ่งเจียวเจียวที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นกัดริมฝีปากด้านในจนเลือดซิบ นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า ต้องออกไปจวนสกุลซ่งให้ได้ ชีวิตใหม่ที่สวรรค์มอบให้ครั้งนี้ นางจะไม่มีวันทำมันพังอีกเป็นอันขาด “ขอใต้เท้าซ่งโปรดเมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งเจียวเจียวโขกศีรษะอ้อนวอนบิดา “ขอใต้เท้าโปรดเมตตาคุณหนูเถิดเจ้าค่ะ” เสี่ยวหมี่รีบคุกเข่าอ้อนวอนอีกแรง เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของเนี่ยซื่อ นางรีบมาช่วยเกลี้ยกล่อมสามี ให้ตัดชื่อซ่งเจียวเจียวออกจากตระกูลอย่างไม่รีรอ “ท่านพี่เจ้าคะ ในเมื่อคุณหนูใหญ่หาได้เคารพเชื่อฟังท่านดั่งในคำสอนคุณธรรมสตรี ยังไม่รวมเรื่องที่นางทั้งหัวรั้น อละมักก่อเรื่องให้ท่านปวดหัวอยู่เป็นประจำ สกุลซ่งต้องเสียชื่อเสียงเพราะนางก็ตั้งหลายหนแล้วนะเจ้าคะ เนื้อร้ายหากปล่อยไว้ในอนาคตก็ยิ่งจะลุกลาม มิสู้ตัดทิ้งเสียแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีกว่า!” หากซ่งเจียวเจียวถูกตัดชื่อออกไปจริง ต่อไปซินเอ๋อร์ของนางก็

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /2

    ตัวนางเองมีฝีมือในเรื่องการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า แม้แต่ฮูหยินรองที่ปกติไม่ถูกกันยังเอ่ยปากชมยามเห็นชุดที่นางใส่ เพราะคิดว่านางไปสั่งตัดมาจากข้างนอก สองวันต่อมาซ่งเจียวเจียวได้สั่งสารถีให้พานางไปยังเมืองเหอผิงซึ่งเดินทางด้วยรถม้าราวชั่วยามกว่าๆ นางต้องการมาดูสถานที่ ศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์การเปิดร้านของเมืองเหอผิง หลังจากเสร็จธุระจึงไปหามื้อกลางวันกินยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล เพียงแต่ขณะที่กำลังเจรจากับหลงจู๊ของร้านอาหารเพื่อถามหาห้องส่วนตัวอยู่นั้น ได้มีชายหนุ่มสามคนที่เดินผ่านหน้าร้านอาหารแห่งนี้สายตาพลันสะดุดเข้ากับความงามของซ่งเจียวเจียวเข้าพอดี คนที่ลักษณะดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าเดินอาดๆตรงมาหานางด้วยท่าทางอวดดีกึ่งลวนลาม “คุณหนูท่านนี้ช่างงดงามดุจนางเซียนข้าไม่เคยเห็นท่านที่เมืองเหอผิงมาก่อน ในเมื่อมีวาสนาได้พบกันไม่ทราบว่าคุณหนูพอจะให้เกียรติข้าได้เลี้ยงอาหารท่านในวันนี้จะได้หรือไม่” พูดจบก็ยกมือขึ้นมาหมายจะสัมผัสมือของซ่งเจียวเจียวทว่าหญิงสาวขยับเท้าก้าวถอยหลังหนีได้ทัน หลงจู๊ผู้ดูแลร้านลอบกลอกตามองบน เมื่อเห็นหน้าเทพโรคระบาดแห่งเมืองเหอผิง ‘นางน่ะหน้าตางดงาม แต่เจ้านี่สิ

  • ทะลุมิติคราวนี้นางร้ายขอทำสวน   ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส /1

    ตอนพิเศษ เมื่อสวรรค์ให้โอกาส “ข้าจะฆ่าเจ้านังสารเลว” ตวนอ๋องคำรามลั่นก้องรถม้าที่กำลังดิ่งลงเหว แข่งกับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งอย่างคนเสียสติของซ่งเจียวเจียว “ฮ่าๆๆๆลงนรกไปพร้อมกับข้าเสียเถิดเจ้าคนชั่วช้า!” ทุกอย่างรอบตัวหมุนคว้างก่อนจะเกิดแรงกระแทกหนักหน่วง ยามที่รถม้ากระทบหินก้อนใหญ่ก้นเหวตัวรถแตกเป็นเสี่ยงๆเสียงเนื้อไม้แตกหักกรีดผ่านอากาศ แรงเหวี่ยงกระชากให้ร่างกายของซ่งเจียวเจียวกระเด็นออกมาจากรถม้า ลอยไปกระแทกหินก้อนใหญ่อีกก้อนนางเจ็บปลาบไปทั่วทั้งร่างกระอักเลือดออกมามากมาย ก่อนที่แสงสุดท้ายในดวงตาจะดับลง ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคืองแค้นริษยาเกลียดชังทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะของซ่งเจียวเจียว…บัดนี้ได้สิ้นสุด ซ่งเจียวเจียวเดินอย่างเหม่อลอยไร้จุดหมายรอบกายเต็มได้ด้วยม่านหมอกสีขาวและความเงียบงัน ใบหน้าของนางเฉยชาราวกับไร้ซึ่งอารมณ์ทว่าปากกลับพร่ำบ่นว่าสวรรค์ช่างอยุติธรรม นางเดินอยู่ในหมอกขาวนั้นนานเท่าไหร่มิอาจทราบได้ ทว่าจู่ๆก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าพร้อมการปรากฏของชายชรา ทั้งเรือนผมหนวดเครารวมถึงชุดล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะแรก เขาเอ่ยวาจากับซ่งเจียวเจียวด้วยน้ำเสีย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status