บทที่ 6 ปะทะคารม ตอนปลาย
เรือนอวี้หลิง เวลานี้เจ้าของเรือนมานั่งเล่นรับลมอยู่ที่ศาลาท้ายเรือนใกล้น้ำตกจำลอง กำลังชื่นชมต้นสะระแหน่ที่ได้มาวันนี้ “หอมจริงๆ แบบนี้ทำโมฮิโตะ*น่าจะอร่อย ซู๊ดด พูดแล้วเปรี้ยวปาก” เสวี่ยหนิงลอบกลืนน้ำลายยามนึกถึงค็อกเทลที่ตนชอบดื่มในชาติก่อน ทว่าความสุขสงบที่กำลังดำเนินอยู่พลันถูกทำลายลงในเสี้ยวลมหายใจ เมื่อเหรินหมิงที่หน้าตาบูดบึ้ง อารมณ์ขุ่นมัวค่อนไปทางฉุนเฉียว สาวเท้าตรงมาหาหญิงสาวในศาลา โดยมีพ่อบ้านเหอเดินตามหลังมาอย่างหวาดหวั่น “เชียนเสวี่ยหนิง! เจ้าจะอุกอาจเกินไปแล้วนะ!” บรรยากาศรอบกายชายหนุ่มกดดันน่าอึดอัด ทว่ากลับไม่มีผลกับเสวี่ยหนิง ที่กินนอนอยู่ในสมรภูมิรบมาหลายปี หญิงสาวเหลือบตามองผู้มาเยือนอย่างใจเย็น นิ้วเรียวยังคงลูบใบสะระแหน่แผ่วเบา ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่ตนเพิ่งก่อความวุ่นวายโกลาหลให้ทั้งจวนสั่นคลอน “อืม…สะระแหน่พันธุ์นี้กลิ่นหอมกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลย” นางพูดกับสาวใช้โดยไม่หันมามองเขา “ข้าเรียกเจ้าไปพบเหตุใดจึงไม่มา!” ในอกของเหรินหมิงเวลานี้ร้อนระอุ ยิ่งเชียนเสวี่ยหนิงมีท่าทีเฉยชา เขายิ่งรู้สึกทนไม่ได้ “ก็ข้าเหนื่อย…ออกไปเดินซื้อของอยู่หลายชั่วยามเลยอยากกลับมาพัก” เสวี่ยหนิงลอยหน้าลอยตาตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ คำตอบของหญิงสาวยิ่งกระตุ้นให้เหรินหมิงแทบระเบิดอารมณ์ ใบหน้าหล่อเหลาดำคล้ำ ชี้นิ้วสั่นเทาไปที่นาง “เจ้า! เจ้าไม่เพียงฝ่าฝืนคำสั่งข้า ยังกล้าทุบตีคนของข้าอีกด้วย เรื่องนี้จะแก้ตัวว่าอย่างไร!” เสวี่ยหนิงยกยิ้มมุมปากยามได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองของอีกฝ่าย นางหันมาสบตาเขาด้วยแววตาใสซื่ออย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าตีจริงหรือเปล่าท่านก็น่าจะเห็น มิใช่ว่าพวกเขายังเดินได้ สภาพร่างกายครบสามสิบสอง ไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียวหรอกรึ ข้าเพียงแค่ แสดง ให้เห็นว่า หากข้ายังอยู่ในฐานะภรรยา แล้วถูกกักขังเหมือนสัตว์เลี้ยง…ข้าก็จะทำตัวให้เหมือน สัตว์ร้าย เสียเลย” น้ำเสียงประชดประชันอย่างไม่ยอมแพ้ของหญิงสาวโต้กลับคำกล่าวจนเหรินหมิงสะอึก “เชียนเสวึ่ยหนิง! เจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น! ข้าไม่อนุญาต!” คราวนี้เหรินหมิงตวาดเสียงดังใส่ ร่างบางขยับตัวลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน เยื้องย่างไปยืนข้างๆเขาอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ท่านผิดแล้ว เหตุใดข้าต้องฟังคำสั่งของคนที่ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาด้วยเล่า?” น้ำเสียงของนางช่างเชือดเฉือนเมื่อกล่าวตอบ “แต่เจ้าเป็นฮูหยินของข้า! เจ้าต้องเชื่อฟังข้า!” เมื่อเถียงไม่ชนะเหรินหมิงจึงยกเรื่องที่ตนเป็นสามีขึ้นมาอ้าง ทั้งที่จนป่านนี้เขายังไม่เคยเข้าหอกับนางสักครั้ง “และท่านเองก็เป็นสามีที่นอกใจและไม่ให้เกียรติข้าอย่างเปิดเผย!” เสวี่ยหนิงกระแทกเสียงตอบกลับ เงยหน้าจ้องตาเหรินหมิงอย่างดูแคลน “หากท่านยังกล้าพูดถึงหน้าที่ภรรยา…ท่านควรจำคำนิยามของสามีที่ดีให้ได้ก่อน!” จากนั้นจึงสาวเท้าออกจากไปศาลา หันหลังเอ่ยวาจาที่เหลือเสียงเย็น “ท่านกลับไปเสียเถอะ เว้นเสียแต่จะลงชื่อในใบหย่าให้ข้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำตัว เลวร้าย ยิ่งกว่านี้อีก” เหรินหมิงโมโหจนแทบกระอักเลือด นอกจากมิอาจติเตียนเชียนเสวี่ยหนิงแล้ว ยังถูกนางตำหนิกลับจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อมุ่งหน้ากลับเรือน โดยมีพ่อบ้านเหอเดินตามหลังด้วยสีหน้าอ่อนใจ ‘นายท่าน นะ นายท่านอยู่ดีๆ ก็มาให้ฮูหยินน้อยด่าถึงที่ เฮ้อ คนหนุ่มสมัยนี้เข้าใจยากจริงๆ’ หลังจากปะทะคารมกันในเย็นวันนั้น วันรุ่งขึ้นเสวี่ยหนิงก็เรียกพ่อบ้านเหอมาพบ พร้อมมอบหนังสือหย่าถึงห้าฉบับ ขอให้ช่วยนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของเหรินหมิง “…” พ่อบ้านเหอ กลัวไม่รู้ว่าต้องการหย่ามากใช่ไหมขอรับฮูหยินน้อย วันรุ่งขึ้นเหรินหมิงจึงไปจ้างคนจากสำนักคุ้มภัยมาเฝ้าประตูโดยเฉพาะ เขามั่นใจว่าคนที่จ้างมานี้ ไม่มีทางใจอ่อน ยอมปล่อยให้เชียนเสวี่ยหนิงออกไปข้างนอกเป็นแน่ เสวี่ยหนิงถึงกับส่ายหัวเมื่อทราบเรื่อง รู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยที่ต้องการจะเอาชนะของเหรินหมิง “นิสัยเด็กน้อยชัดๆ เธอไปหลงรักผู้ชายคนนี้ได้ยังไงนะเชียนเสวี่ยหนิง” นางบ่นพึมพำกับตัวเองขณะจัดของ สามวันมานี้เสวี่ยหนิงไม่ออกไปข้างนอก แต่เริ่มทยอยคัดแยกข้าวของบางส่วนใส่หีบ นางรอให้บ้านที่กำลังสร้างเสร็จได้ส่วนหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรีบย้ายออกไปทันที หรือไม่ก็ย้ายกลับไปอยู่กับมารดาของเชียนเสวี่ยหนิงชั่วคราว เหรินหมิงสั่งให้องครักษ์ กลับมาจับตาดูภรรยาอยู่หน้าเรือนอวี้หลิงเหมือนดังเช่นที่ผ่านมาอีกครั้ง เช้าวันที่สี่ “ซูฮวา ของที่ข้าให้เตรียมไว้ พร้อมรึยัง” “พร้อมแล้วเจ้าค่ะนายหญิง” “ดีมาก ซูลี่เอาสิ่งนี้ไป” เสวี่ยหนิงยื่นขวดไปหนึ่งให้ อธิบายถึงวิธีใช้อย่างชัดเจน “นายหญิงวางใจได้เจ้าค่ะ รับรองบ่าวไม่พลาดแน่” ซูลี่รับหน้าที่จัดการองครักษ์ที่คอยจับตาดูอยู่หน้าเรือน หนึ่งเค่อให้หลังซูลี่ก็เดินยิ้มแป้นกลับมารายงาน “เรียบร้อยเจ้าค่ะนายหญิง อีกนานกว่าจะตื่นแน่นอน” “ดีมาก พวกเราต้องเร่งมือกันหน่อย เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับสูงสุด” เสวี่ยหนิงบอกสาวใช้เสียงเครียด “เจ้าค่ะ!” สาวใช้สองซูตอบรับอย่างพร้อมเพรียง เวลานี้ทั้งสามมายืนอยู่หน้ากำแพงท้ายจวนพร้อมจอบเสียมในมือ ****************** *โมฮิโตะ : เป็นเครื่องดื่มไฮบอลแบบดั้งเดิมของชาวคิวบา ประกอบด้วยส่วนผสมหลักห้าอย่าง ได้แก่ รัมขาว น้ำตาลทราย น้ำมะนาว โซดา และใบพืชสกุลสะระแหน่ หรือมินต์ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความหวาน เปรี้ยว และกลิ่นสมุนไพรจากสะระแหน่ เพื่อเสริมรสชาติของรัมบทที่ 15 ปลูกพริกหวานทำพูเเหมือนจะปลูกต้นรัก ตอนปลาย หญิงสาวหยุดมือ พูดตอบเสียงร่าเริง “ไม่เหนื่อยหรอก ข้าชอบปลูกผักมากเลยล่ะ” คนตัวโตไม่เอ่ยคำใดต่อ เพียงยกยิ้มอ่อนโยนก่อนจะคุกเข่าลงข้างๆนาง หยิบต้นกล้ามาหนึ่งต้น ใช้ช้อนปลูกขุดดินอย่างคนที่รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร “ไม่น่าเชื่อว่าทหารเก่าอย่างเจ้าปลูกผักได้คล่องแคล่วขนาดนี้” เสวี่ยหนิงแอบมองอย่างแปลกใจ “ก็ไม่เท่านายหญิงหรอกขอรับ แต่ถ้าได้ปลูกข้างๆท่าน จะให้ปลูกทุกวันข้าก็ยินดี” มือที่กำลังจะกดดินของหญิงสาวชะงักค้าง หน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ “เจ้าพูดแบบนี้อีกแล้วนะ” บ่นพึมพำเบาราวเสียงกระซิบ พยายามเก็บอาการเก้อเขิน แต่พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อจนปิดไม่มิด เว่ยลี่หยางเหลือบมองด้วยแววตาทอประกายยิ้มๆ “ข้าพูดความจริง นายหญิงรู้ไหม ตอนท่านจับต้นกล้าอย่างตั้งอกตั้งใจน่ะ ข้ารู้สึกริษยาต้นกล้าพวกนั้นที่ถูกท่านสัมผัสมาก” “พูดอะไรน่ะ! ข้าแค่ปลูกผักเอง” พวงแก้มที่แดงอยู่ก่อนแล้วยิ่งแดงขึ้นกว่าเก่า ซูฮวาที่นั่งยองๆปลูกพริกหวานอยู่ไม่ไกล ถึงกับเอามือปิดปากแอบร้อง “ว๊าย!” เบาๆแล้วรีบเบือนหน้าไปทางอื่น นางเขินแทนนายหญิงมาก! เว่ยลี่หยางรู้ส
บทที่ 15 ปลูกพริกหวานทำพูดเหมือนจะปลูกต้นรัก ตอนต้น หลางจื่อทำหน้าหมาหงอยหันมองพ่อจ๋าด้วยสีหน้าสุดสลด ประหนึ่งโลกทั้งใบกำลังจะแหลกสลาย ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวินผู้เย่อหยิ่ง ถูกสุนัขสาวตัวน้อยบดขยี้ศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ มันสลัดขนแรงๆ อีกสองสามที จากนั้นเดินตัวเปียกชุ่มไปใต้ต้นเฟิงที่ใบหนาทึบ เงยหน้าจ้องตาหลิวอินที่แฝงตัวอยู่ในนั้น ก่อนเห่าสั่งการว่าให้พามันกลับบ้านไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้! “โฮ่ว! โฮ่ว!” “เจ้า! ลงมา พาข้ากลับบ้านด่วน!” “…” หลิวอิน แล้วทำไมต้องเป็นข้าด้วย! จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เว่ยลี่หยางเลยมีความคิดที่จะขอให้เสวี่ยหนิงและอวิ๋นเอ๋อร์ ช่วยดัดนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของหลางจื่อขึ้นมา หากมีอวิ๋นเอ๋อร์คอยควบคุมความประพฤติ หลางจื่อจะได้ไม่ก่อเรื่อง ตัวเขาจะได้มีเวลาคอยดูแลช่วยเหลือเสวี่ยหนิงอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างเบาใจ…แต่คงต้องรออีกสักสองสามวัน รอให้หลางจื่ออารมณ์กลับมาเป็นปกติเสียก่อน เช้าตรู่วันถัดมา เสียงนกขับขานยามเช้า แสงแดดอ่อนส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนของเว่ยลี่หยาง ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย ล้างหน้าล้างตารับมื้อเช้าเตรียมออกไปทำสวนตามปกติ
บทที่ 14-2 ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ ตอนปลาย เว่ยลี่หยางไปจนถึงองครักษ์เงาทุกคนดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง ตะลึงลานกับภาพที่เห็น ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ!!! ต่อสาวน้อยตัวฟูขาวจั๊วะเหมือนก้อนเมฆตัวนั้น!! “ระ เรื่องจริงใช่ไหม หลางจื่อยอมสยบต่ออวิ๋นเอ๋อร์ หรือข้าเมาแดด?” เจ้าของหมาพึมพำเบาๆ ขณะมองอวิ๋นเอ๋อร์เดินกลับมาอย่างสง่างามหางชูสูงเหมือนนางพญาตัวจิ๋ว เสวี่ยหนิงรับก้อนขาวฟูนุ่มขึ้นอุ้ม แล้วลูบหัวมันเบาๆเอ่ยชมเสียงหวาน “งู้ยย สุดยอด เก่งมากอวิ๋นเอ๋อร์ คราวหน้าเจ้าก็ช่วยดูพฤติกรรมของคนในสวนด้วยนะ โดยเฉพาะบางคนที่ชอบอู้งาน…แต่คอยมายืนแอบดูข้าแทน“ คนตัวโตสะดุ้งเล็กน้อย ยกมือเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน ยิ้มแห้งๆเอ่ยแก้ตัว “ก็ข้ากลัวนายหญิงจะมีอันตราย หากข้าคลาดสายตาจากท่าน” “…” เสวี่ยหนิง “ไม่สิงข้าเสียเลยล่ะถ้าห่วงนักล่ะก็!” “หากทำได้จริงข้าทำแล้วขอรับนายหญิง” พูดจบก็ทำเฉไฉ เดินแบกท่อนไม้ไผ่ลงแปลงผักไปอย่างเนียนๆด้วยรอยยิ้มประดับมุมปาก ทิ้งร่างบางยืนอ้าปากค้างหาคำเถียงกลับไม่ทัน “เจ้าหมีบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” ทางด้านหลางจื่อ เมื่อเห็นพ่อมาก็กระโจนพรวด! ทิ้งไม้ไผ่ที่แทะค้างไว้ แล้ววิ่งดุจพายุหมุนมาห
บทที่ 14 ท่านอ๋องน้อยยอมสยบ ตอนต้น กลับไปเย็นวันนั้น เสวี่ยหนิงตรงไปหามารดาที่กำลังฝึกไก่แจ้ตัวใหม่ เพราะไก่แจ้ตัวเดิมเริ่มอายุมาก เสียงขันตอนเช้าเลยไม่ไพเราะเพราะพริ้งสั่นสะเทือนแก้วหูเหมือนแต่ก่อน บนตักของเย่หลินในเวลานี้คือผู้ช่วยมือหนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องไก่แจ้เขม็ง มองไปคล้ายผู้คุมกฎอย่างไรอย่างนั้น “ท่านแม่ อวิ๋นเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เสวี่ยหนิงทิ้งตัวลงข้างมารดา ยื่นมือไปลูบหัวของเจ้าตัวขนฟูนุ่มสีขาวปลอด อวิ๋นเอ๋อร์ พริ้มตาขยับหัวถูไถมือบางอย่างเอาใจ ก่อนขยับลงจากตักของเย่หลินก้าวไปทิ้งตัวบนตักของเสวี่ยหนิงแทน พร้อมเงยขึ้นมองใบหน้างามด้วยสายตาคล้ายมีคำถามอยู่ในนั้น จมูกเล็กสูดกลิ่นฟุดฟิดทำท่าแยกเขี้ยวเล็กน้อย ส่งเสียง ฮื่อ ฮื่อ แผ่วเบา เย่หลินเห็นปฏิกิริยาของอวิ๋นเอ๋อร์จึงพอเดาได้ ว่ามันคงได้กลิ่นสุนัขตัวอื่นบนร่างกายของบุตรี “หนิงเอ๋อร์ไปเล่นกับสุนัขที่ไหนมาหรือ” “ท่านแม่ทราบได้อย่างไรเจ้าคะ” นางยังไม่ได้บอกสักคำ มารดากลับทราบเรื่องแล้ว สุดยอด! “แม่ดูหน้าอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้แล้ว มันฉลาดมากเจ้าก็รู้ คอยช่วยแม่ฝึกไก่แจ้ ม้าและลาทุกตัวในคอกจนเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใครกล้
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนปลาย องครักษ์คนสนิทคิ้วกระตุก ท่าทางดูลังเล หากแต่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา “หรือ…จะให้กระหม่อมพามันมาอยู่ด้วยกันที่นี่พะย่ะค่ะ” มือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อหยุดชะงัก เริ่มทบทวนภาพที่อาจเกิดขึ้นในหัว ~หลางจื่อผู้สง่างามตัวโต ขนฟูราวราชสีห์ เดินเล่นอยู่กลางสวนผักพร้อมสายตาเย่อหยิ่งปราดมองคนงาน ราวต้องการบอกให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้ดีๆ เหมือนตอนเดินตรวจแถวในกองทัพกับเขา และมีบางครั้งอาจเผลอไปกัดเชือกกั้นแผงผัก แถมเห่าไล่คนงานเพราะต้องการแย่งขนมเปี๊ยะ! กัดค้างแตงกวา ขุดดินหาไส้เดือน ลากขอนไม้มาแทะแทนของเล่น และทำเสียงครางฮือ ๆ ทุกครั้งที่เจ้าของเดินคุยกับคนอื่น เพียงแค่นึกภาพเว่ยลี่หยางรีบสั่นศีรษะ “อย่าเลย…ข้ายังไม่พร้อมให้ทั้งสวนอรุณรักและคนในหมู่บ้าน รู้ความจริงว่าหมาตัวนั้นคือ ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน” คนฟังกลั้นหัวเราะอย่างสุดขีด “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปปลอบใจท่านอ๋องน้อยว่า จวิ้นอ๋องทรงมิได้ทอดทิ้งลูกรัก เพียงแต่ไปจีบสตรีผู้หนึ่งมาเป็นมารดาของท่านอ๋องน้อย” วันรุ่งขึ้น ณ สวนผักอรุณรัก เว่ยลี่หยางที่กำลังช่วยพานข่ายและคนงานอ
บทที่ 13 ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักหรงจวิน ตอนต้น ห้าวันก่อน ต้าเชินคือหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หลิน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ จึงอาสามาเป็นหัวหน้าคนงานให้เชียนเสวี่ยหนิง นอกจากดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกน้องทุกคนแล้ว ต้าเชินยังมีหน้าที่คัดเลือกคนงานที่มาสมัครใหม่แทนเสวี่ยหนิงซึ่งติดธุระในวันนั้นอีกด้วย ในช่วงเช้าขณะที่เขาไปตั้งโต๊ะรับสมัครคนงานในหมู่บ้านหว่านเซิน ตามคำแนะนำของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งคุ้นเคยกับเย่หลินเป็นอย่างดีอยู่นั้น บุรุษสามคนท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาหา “ข้ามาสมัครเป็นคนงานของสวนอรุณรัก” บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดีรูปแบบเรียบง่ายเอ่ยขึ้น ต้าเชินพิจารณาบุรุษรูปงามราวหลุดออกมาจากภาพวาด ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘รูปร่างหน้าตามีสง่าราศีขนาดนี้ อยากมาเป็นคนงานในสวนผักเนี่ยนะ?‘ แต่ถึงกระนั้นก็ทำตามคำสั่งนายหญิงน้อย เรื่องที่ให้คนงานมีสิทธิ์เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและถนัด ผลงานจะได้ออกมาดี “พ่อหนุ่มทำอะไรเป็นบ้างล่ะ ชอบปลูกผักหรือปลูกดอกไม้มากกว่ากัน” ต้าเชินถามกลับอย่างเป็นมิตร “ข้าขอทำหน้าที่คุ้มกันนายหญิงเชียนเสวี่ยหนิงขณะทำงาน” ดวงตาคู่คมของเว่ยหลี่