Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 22 ภารกิจใหญ่ของร้านซาลาเปา

Share

บทที่ 22 ภารกิจใหญ่ของร้านซาลาเปา

last update Last Updated: 2025-10-07 20:00:43

บทที่ 22

ภารกิจใหญ่ของร้านซาลาเปา

         ต้นยามเหม่าฟางหนิงฮวากับฟางตวนสองพ่อลูกช่วยกันเข็นรถเข็นไปรับแป้งที่คลังเสบียงเพื่อจะนำมาทำแผ่นแป้ง เนื่องจากแผ่นแป้งสามพันแผ่นนั้นต้องใช้แป้งจำนวนมาก รถเข็นคันเดียวไม่สามากขนแป้งทั้งหมดมาทีเดียวได้ ดังนั้นสองพ่อลูกถึงกับต้องขนแป้งกันถึงสามรอบ

         “รอบนี้รอบสุดท้ายแล้ว ยังมีอะไรตกหล่นอีกหรือไม่” นายกองหัวหน้าคลังเสบียงเอ่ยถาม พลางจดอะไรยุกยิกลงบนสมุดในมือ

         “ท่านนายกอง ท่านคิดว่าเกลือเพียงเท่านี้จะเพียงพอสำหรับทำแผ่นแป้งสามพันแผ่นจริงหรือ ข้าว่ามันออกจะน้อยไปสักหน่อยนะ” ฟางหนิงฮวาถาม เพราะจากที่คำนวนดูแล้วหากใส่เกลือในแผ่นแป้งเพียงเท่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ได้ใส่เลย

         “เอาเถอะน่าหนิงฮวา ที่คลังมีเกลือให้ใช้เท่านี้ก็ดีเท่าไรแล้ว เจ้าเองก็เป็นคนค้าขายย่อมรู้อยู่แล้วว่าเกลือแพงเพียงใด” นายกองหัวหน้าคลังเสบียงพูด

         ฟางหนิงฮวาทอดถอนใจออกมา “ข้าเพียงแค่รู้สึกเห็นใจเหล่าทหารที่ออกไปรบ พวกเขาทำเพื่อบ้านเมืองถึงเพียงนี้แล้วยังไม่ได้กินของอร่อยอีก”

         “พวกเราไม่คิดมากเรื่องนั้นหรอกนะสาวน้อย พวกเราเป็นทหารต้องมีความอดทน เรื่องบ้านเมืองสำคัญกว่า ต่อให้ได้กินอาหารที่ไม่อร่อยก็ไม่เป็นไรหรอก” นายกองหัวหน้าคลังเสบียงว่า

         “เจ้าค่ะ” ฟางหนิงฮวารับคำ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อนเจ้าคะ รับรองว่าจะต้องทำทันก่อนวันเคลื่อนทัพเป็นแน่”

         “หากต้องการอะไรเพิ่มเติมกับมาเอาที่คลังเสบียงได้เลยนะ เบิกกับข้าได้ตลอดเวลา” นายกองหัวหน้าคลังเสบียงบอก จากนั้นพวกเขาก็ร่ำลากัน

         สองพ่อลูกกลับมาถึงก็ขนแป้งเอาไปเก็บไว้ที่หลังร้าน พวกเขายังคงเปิดร้านขายซาลเปาตามปกติทว่าจะทำไว้ครั้งละมาก ๆ หน่อยเพื่อที่จะได้มีเพียงพอขายตลอดทั้งวัน จากนั้นก็จะให้แม่ของฟางหนิงฮวาเฝ้าหน้าร้าน ส่วนสองพ่อลูกก็จะไปจัดการทำแผ่นแป้งกันที่หลังร้าน แต่การทำแผ่นแป้งก็เป็นงานที่เร่งด่วนเช่นกัน ดังนั้นฟางตวนจึงได้จ้างเสี่ยวเสียให้มาช่วยด้วย

         “ท่านพ่อ ท่านอาจะกลับมาเมื่อใดเจ้าคะ ได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่” ฟางนิงฮวาถาม นางเป็นกังวลว่าเวลาเพียงแค่สองวันนั้นเพียงแค่นางกับบิดาแล้วก็เสี่ยวเสียแค่สามคนจะไม่สามารถทำแผ่นแป้งได้ทัน หากว่ามีท่านอาของนางมาช่วยอีกคนก็น่าจะดี

         “อืม...ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ว่านี่ก็กลับไปนานแล้ว อาการของน้องสะใภ้เป็นอย่างไรบ้างเขาก็ไม่ได้ส่งข่าวมา” ฟางตวนตอบ

         “ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องเร่งมือกันแล้ว ตอนกลางคืนก็ต้องทำด้วย” ฟางหนิงฮวาบอก

         ในที่สุดพวกเขาก็ทำแผ่นแป้งทั้งสามพันแผ่นเสร็จภายในเวลาสองวันจริง ๆ ฟางหนิงฮวาแทบไม่ได้นอนตลอดสองคืน นางให้บิดากับมารดาสลับกันพักผ่อนบ้างเพื่อไม่ให้พวกท่านใช่ร่างกายจนหักโหมมากเกินไป ผู้ใหญ่อายุมากแล้วพักผ่อนไม่พออาจจะส่งผลเสียได้ ส่วนเสี่ยวเสียนั้นมาช่วยได้แค่ตอนกลางวัน เขายังเด็กเกินไปที่จะใช้แรงงานหนัก ๆ

         รถเข็นคันเล็กของร้านสามารถขนแป้งได้เพียงครั้งละห้าร้อยแผ่นเท่านั้น ฟางหนิงฮวากับฟางตวนจึงต้องขนกันถึงหกรอบ

        

ที่จวนว่าการเหล่าทหารทั้งสองพันนายกำลังจัดตั้งขบวนเพื่อเตรียมเคลื่อนทัพ แต่ละคนมีสีหน้าที่เคร่งขรึมและดุดันพร้อมทั้งไอสังหารที่เข้มข้น ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเขาทำการฝึกมาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะรับมือกับพวกโจรภูเขาโดยเฉพาะ

ฟางหนิงฮวาเข็นรถเข็นผ่านเหล่าทหารที่กำลังจัดขบวน ทหารหลายนายช่วยสหายขยับชุดเกราะให้เข้าที่ บางนายก็ตรวจตราอาวุธของตัวเองให้เรียบร้อย ครั้งนี้เซียวป๋อเหวินยกทหารไปมากกว่าครั้งที่แล้ว เป็นเพราะว่าครั้งที่แล้วเขาประเมิณฝีมือของพวกโจรภูเขาต่ำเกินไปยกทัพไปเพียงหกร้อยคน ทว่าพวกมันมีกันเป็นพันจึงทำให้เขาต้องพ่ายแพ้กลับมา แต่ครั้งนี้ภายใต้การบัญชาของเซียวป๋อเหวินคนไม่ เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว

เมื่อขนแผ่นแป้งมาจนครบฟางหนิงฮวาก็เข้าไปในจวนว่าการเพื่อนที่จะไปเบิกเงินค่าจ้าง ในจวนว่าการมีเซียวป๋อเหวินรวมถึงแม่ทัพนายกองและขุนนางที่มาจากเมืองหลวงอยู่ด้วย นางเพียงแต่มองสบตาเซียวป๋อเหวินโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเขาก็รู้ในทันทีว่านางมาเบิกเงิน เขาพยักเพยิดบอกนางเดินไปหานายทหารผู้หนึ่ง

นายทหารผู้นั้นยื่นถุงเงินให้ เมื่อรับไว้ในมือแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งจนพอจะเดาได้ว่าคงเป็นเงินหลายตำลึง นางไม่อยากรบกวนเซียวป๋อเหวินที่กำลังพูดคุยกับเหล่าแม่ทัพนายกองจึงเดินออกจากจวนว่าการไปอย่างเงียบ ๆ

ทว่าเดินออกมาไม่เท่าไรก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากข้างหลัง

“หนิงฮวา เจ้าหยุดก่อน” เซียวป๋อเหวินตะโกนเสียงดัง

เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเขาฟางหนิงฮวาก็ใจชื้นขึ้นมา รีบหันกลับไปหาเขาโดยไม่ลังเล “เจ้าค่ะ”

เซียวป๋อเหวินเดินเข้ามาหาหญิงสาวอย่างเร่งรีบก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผงไปด้วยความน้อยใจว่า “ข้าจะไปออกรบแล้ว เจ้าไม่คิดที่จะพูดอวยพรให้ข้าสักคำหรือถึงได้ออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้ เป็นสหายประสาอะไรกัน”

“ข้าเพียงแต่เห็นว่าท่านกำลังพูดคุยเรื่องการศึกอยู่ ไม่กล้าที่จะรบกวน” ฟางหนิงฮวาตอบ

“ตอนนี้ข้าคุยเสร็จแล้ว เจ้าให้กำลังใจข้าหน่อยสิ เมื่อเช้าหมอหลิวให้กำลังใจข้าไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ้า” เซียวป๋อเหวินว่า

ตอนที่อยู่กับเหล่าทหารเขาต้องปั้นทีท่าที่สุขุมเยือกเย็น ออกจะเย็นชาเกินไปด้วยซ้ำเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นเจ้าเมืองและเพื่อให้ใกล้เคียงกับเซียวป๋อเหวินคนเดิมมากที่สุด ทว่าต่อหน้าสหายทั้งสองซึ่งก็คือฟางหนิงฮวากับหมอหลิวนั้นเขาจะปฏิบัติตัวอย่างเป็นกันเอง อ่อนโยนเหมือนตอนที่เป็นหยางจื้อเจ๋อในชาติที่แล้ว

“เหตุใดจึงมีแค่ข้ากับหมอหลิวเล่า ไม่มีคนอื่นอีกหรือ” ฟางหนิงฮวาถาม

“ก็คนที่ข้านับว่าเป็นสหายก็มีแต่พวกเจ้าสองนี่แหละ อีกอย่างข้าเย่อหยิ่งเกินไปไม่มีผู้ใดอยากคบค้าด้วยหรอก” เซียวป๋อเหวินตอบ

“พวกเขากลัวท่านต่างหากเล่า” ฟางหนิงฮวาว่า

“แล้วเจ้าไม่กลัวหรือ” เซียวป๋อเหวินถามกลับเป็นเชิงหยอกล้อ

“ไม่กลัวเจ้าค่ะ ท่านเคยช่วยชีวิตข้าไว้ย่อมเป็นคนที่มีจิตใจดี ดังนั้นข้าจะกลัวคนที่มีจิตใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร” ฟางหนิงฮวาตอบพร้อมรอยยิ้ม

เสียงแตรดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาที่จะต้องเตรียมการให้เรียบร้อยแล้ว เซียวป๋อเหวินหันมองซ้ายขวามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเห็นจึงพูดต่อ “มาเถอะ ถึงเวลาเคลื่อนทัพแล้ว เจ้าอวยพรให้ข้าสิ”

ฟางหนิงฮวาสูดลมหายใจเข้าคราหนึ่งแล้วนึกถึงถ้อยคำดี ๆ ที่จะพูด ในหัวมีถ้อยคำต่าง ๆ พรั่งพรูอยู่มากมาย เมื่อคิดเสร็จแล้วจึงพูดว่า “ขอให้ท่านนำชัยชนะกลับมา”

“แค่นี่หรือ” เซียวป๋อเหวินเอียงคอถามอย่างงุนงง

“ข้าคิดออกแค่นี้เจ้าค่ะ” ฟางหนิงฮวาตอบ

เมื่อพูดคุยกันจบเซียวป๋อเหวินก็เดินไปยังขบวนทหารที่ตั้งทัพอยู่ เขากระโดดขึ้นม้าด้วยท่าทีที่สง่างามก่อนจะหันมาสบตากับฟางหนิงฮวาอีกครั้ง เสียงแตรดังขึ้นเป็นหนที่สองนั่นก็หมายความว่าให้เคลื่อนทัพได้ เขาใช้เท้ากระทุ้งที่สีข้างของม้าหนึ่งทีเจ้าม้าก็ย่างเยื้องออกจากจวนว่าการไป

“รักษาตัวด้วย” ฟางหนิงฮวาตะโกนไล่หลังเขาเสียงดัง

ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกเพื่อให้คำตอบกับหญิงสาว

ฟางหนิงฮวายืนมองแผ่นหลังของบุรุษบนหลังม้าจนเขาลับสายตาไป

เมื่อเซียวป๋อเหวินออกไปรบแล้วฟางหนิงฮวาก็มานั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้าน ในใจก็คิดเป็นห่วงเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนมีฝีมือ กรำศึกมาก็มากมาย แต่ว่าครั้งที่แล้วก็ยังพลาดได้ ครั้งนี้นางจึงคอยภาวนาให้เขาปลอดภัยและได้ชัยชนะกลับมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 31 ออกรบ

    บทที่ 31 ออกรบ บรรยากาศในค่ายที่เคยคึกคักเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อรองแม่ทัพซุนก้าวเข้ามาในกระโจมบัญชาการ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม บ่งบอกถึงเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรายงาน“ท่านแม่ทัพ ข้าศึกส่งคนเข้ามาสอดแนมในค่ายของเรา ตอนนี้พวกเราจับตัวมันได้แล้ว ข้ารอคำสั่งท่านว่าจะให้จัดการอย่างไร”เซียวป๋อเหวินวางพู่กันลงจากมือ ดวงตาสงบนิ่งแต่ลึกลงไปภายในแฝงความเด็ดขาด “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง สะบัดชายเสื้อแล้วเดินตามรองแม่ทัพซุนออกจากกระโจมไป เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเขาก้องสะท้อนเป็นจังหวะมั่นคง ขณะที่เหล่าทหารที่พบเห็นต่างหลีกทางให้ด้วยความเคารพเมื่อมาถึงลานประหารกลางค่าย สายตาของเซียวป๋อเหวินจับจ้องไปที่ชายสองคนที่ถูกมัดไว้กับเสา แขนและขาของพวกมันเต็มไปด้วยรอยแผลจากการถูกซ้อมแต่ใบหน้ากลับแข็งกร้าว ไม่มีแววหวาดกลัวหรือยอมจำนนเขาก้าวเข้าไปใกล้ พลางถามด้ว

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน

    บทที่ 30 วุ่นอยู่กับการทำศึกแต่ในใจก็คิดถึงเช่นกัน อีกด้านเซียวป๋อเหวินตอนนี้กำลังทำศึกอยู่ที่ชายแดนเหนือบริเวณแม่น้ำฉางเป่ย การต่อสู้ครั้งนี้ใช้กองทัพเรือ เป็นการต่อสู้กับชนเผ่าเฮยจั้งที่พยายามจะตีเอาดินแดนเหนือของแคว้นรวมทั้งเมืองเสวี่ยคังด้วย เดิมทีชนเผ่าเฮยจั้งอยู่เหนือขึ้นไปหลายพันลี้ทว่าด้วยภัยความหนาวทำให้อากาศแห้งแล้ง ปลูกพืชผลก็ไม่ได้ เลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้ เลยทำให้พวกเขาต้องอพยพลงใต้มาตายเอาดาบหน้า หวังว่าจะมีที่ดินทำกินให้คนในเผ่าได้มีชีวิตรอด ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ชนเผ่าก็จริงทว่าชาวเฮยยจั้งนั้นรวม ๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่าแสนคน ที่เป็นทหารได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็น่าจะราว ๆ สามหมื่น พื้นฐานของพวกเขาเป็นคนที่มีร่างกายที่ทรหดอดทนมาก ทั้งยังสามารถอดอาหารได้เป็นเวลานาน ทำให้ศึกครั้งนี้เซียวป๋อเหวินรับมือยากอยู่เล็กน้อย “ลูกธนู

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 29 และแล้วก็ต้องจากกัน

    บทที่ 29 และแล้วก็ต้องจากกัน ขบวนของท่านเจ้าเมืองเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไปแล้วท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องแสดงความยินดีและน้อมส่งท่านเจ้าเมืองไปยังเมืองเสวี่ยคัง ขบวนนั้นยาวเหยียดเต็มไปด้วยทหารที่มาจากมืองเสวี่ยคังและทหารบางส่วนที่ติดตามท่านเจ้าเมืองไปด้วย ความยิ่งใหญ่นี้ทำให้ชาวเมืองทั้งดีใจและรู้สึกเศร้าใจในเวลาเดียวกัน “พวกเราจะคิดถึงท่านเจ้าเมือง” “ท่านเจ้าเมืองอย่าได้ลืมพวกเรานะขอรับ ส่วนพวกเราจะไม่มาทางลืมท่านอย่างแน่นอน” “น้อมส่งท่านเจ้าเมือง” “ขอให้ท่านเจ้าเมืองโชคดีขอรับ” เสียงของชาวเมืองยังคงกล่า

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 28 เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย

    บทที่ 28 เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เมื่อได้ยินข่าวว่าเซียวป่อเหวินได้เลื่อนตำแหน่งและต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองเสวี่ยคังฟางหนิงฮวาก็ทั้งดีและเศร้าใจ การที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสิ่งที่ดี อีกอย่างครั้งนี้เข้าได้เป็นถึงแม่ทัพรับรองว่าอนาคตของเขาจะต้องรุ่งเรื่องเป็นแน่ แต่เพราะเมืองเสวี่ยคังอยู่ไกล จะไปมาหาสู่กันก็ลำบาก จะพบหน้ากันเช่นทุกวันนี้ก็คงเป็นไปได้ยาก “หนิงฮวา เจ้าเองก็อยากให้เขาเจริญก้าวหน้ามิใช่หรือ แล้วจะมานั่งเศร้าทำไมกัน” ต้าเป่าเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ที่จริงข้าก็ยินดีกับเขานั่นแหละ แต่ถ้าเขาไปอยู่ที่เมืองเสวี่ยคังข้าก็คงจะไม่ได้พบกับเขาอีก” ฟางหนิงฮวาพูดออกมาอย่างเศร้าใจ “ต่อให้ไม่ได้พบกันก็เขียนจดหมา

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 27 ข้าว่าจะเปิดร้านอาหาร ท่านว่าดีหรือไม่

    บทที่ 27 ข้าว่าจะเปิดร้านอาหาร ท่านว่าดีหรือไม่ ฟางหนิงฮวาเอาซาลาเปามาส่งทุกวัน ทุกครั้งทั้งสองก็จะพูดคุยกันและสนิทกันมากขึ้น สำหรับเซียวป๋อเหวินนอกจากหมอหลิวแล้วก็แทบจะไม่มีสหายที่สามารถพูดคุยยกันเรื่องทั่วไปได้เลย ส่วนมากก็จะพูดแต่เรื่องที่เป็นทางการกับองครักษ์แล้วก็ทหารเท่านั้น แต่กับฟางหนิงฮวาเขากลับรู้สึกว่าทั้งเขาและนางมีอะไรที่คล้าย ๆ กัน ทั้งความคิดความสนใจในสิ่งต่าง ๆ จึงได้สนิทกันอย่างรวดเร็ว ฟางหนิงฮวาเองเมื่อได้พูดคุยกับเซียวป๋อเหวินก็เหมือนกับได้พูดคุยกับหยางจื้อเจ๋อ จึงมีความสุขทุกครั้ง “ข้ามีความคิดอย่างหนึ่งจะมาถามความเห็นจากท่าน” ฟางหนิงฮวาพูดขณะที่เอากล่องใส่ซาลาเปาวางลงบนโต๊ะอาหารของเซียวป๋อเหวิน “อะไรหรือ น่าสนใจหรือไม่&

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 26 กลับมาพร้อมชัยชนะ

    บทที่ 26 กลับมาพร้อมชัยชนะ ขบวนทัพเดินผ่านเข้าประตูเมืองมาด้วยความสง่าผ่าเผย เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เหล่าราษฎรมายืนเรียงแถวรอต้อนรับท่านเจ้าเมืองกับทหารของเขาเต็มสองข้างทาง พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตาคอยวีระบุรุษผู้ปกป้องรักษาบ้านเมืองเอาไว้ รอที่จะกล่าวขอบคุณอย่างยิ่งใหญ่ เซียวป๋อเหวินขี้ม้าสีดำคู่กายเข้ามาในประตูเมืองตามด้วยทหารองรักษ์คนสนิทและเหล่าแม่ทัพนายกองอีกหลายคน เขาโบกมือและยิ้มทักทายให้กับทุกคนพร้อมประกาศชัยชนะในครั้งนี้ “ชาวเมืองถู่หยางทุกคน บัดนี้พวกโจรภูเขาทั้งหลายได้ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากนี้ต่อไปเมืองถู่หยางของพวกเราจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตตามปกติและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป อย่าได้เป็นกังวล” “

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status