Share

ทะลุมิติมาพลิกชะตา
ทะลุมิติมาพลิกชะตา
Author: คุณแม่แฝดสาม

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-08-29 15:31:39

ตะะวันที่อยู่ๆก็ทะลุมิติมาในยคจีนโบราณแบบงงๆ และนางยังได้มาอยู่ในร่างของเด็กสาว นามว่าไป่ซูหนี่ห์ซึ่งมีอายุเพียง15หนาว ตะวันได้แต่นอนหลับตาทบทวนเรื่องราวที่แสนเหลือเชื่อ เพียงแค่เธอแวะไปร้านขายของเก่า และได้พบกับกำไลโบราณวงหนึ่ง ซึ่งเธอก็รู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็น จึงคิดที่จะลองสวมดู แต่ไม่คาดคิดว่าเธอจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวในยุคจีนโบราณซูหนี่ห์เป็นเพียงเด็กสาวอายุเพียง15หนาว หลังจากซูหนี่ว์ตกนำ้และป่วยหนักจนสิ้นใจ วิญญาณของตะวันที่อยู่ในยุคปัจจุบันก็เข้ามาแทนที่ แม้จะไม่อยากเชื่อแต่หลังจากนอน หลับๆตื่นๆอยู่หลายครั้ง และยังคงอยู่สถานที่เดิม เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า มันคือเรื่องจริง

ร่างกายของซูหนี่ว์อ่อนแอเพราะป่วยมานาน ทำให้ตะวันที่มาสวมรอยรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย นางอยากลุกขึ้นเดินออกไปสำรวจภายนอกแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ความทรงจำของร่างนี้ยังอยู่ครบ ทำให้นางไม่ต้องลำบากในการใช้ชีวิตเป็นซูหนี่ว์เท่าใดนัก ถือว่าโชคดี ไม่อย่างนั้นนางคงต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเป็นแน่

เสียงพลักบานประตูเปิดเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างของไป่ซูเจียวผู้เป็นมารดา และป้าฮุ่ยเหมยคนสนิทของมารดา ท่าทางของทั้งสองคนดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด หมอบอกว่าหมดทางรักษาหากรอดมาได้ก็คงหวังเพียงปาฏิหาริย์เพียงเท่านั้น

ไป่ซูเจียวเพียงได้รับรู้ก็ถึงกับหมดสติไปทันที ไป่ซูหนี่ห์เป็นดั่งแก้วตาดวงใจแม้จะขาดบิดา นางก็รักและดูแลนางอย่างทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี อยู่ๆจะมาจากไปนางคงทำใจไม่ได้ นางยอมแม้ต้องแลกชื่อเสียงปกป้องบุตรสาวเอาไว้ เพราะเกิดเรื่องผิดพลาดเกิดมีความสัมพันธ์กับบุรุษแปลกหน้า ในงานฉลองเทศกาลโคมไฟ นางไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น นางก็ให้ป้าฮุ่ยเหม่ยคนสนิท รีบหายาห้ามครรภ์มาให้ แต่ก็เกิดการผิดพลาดไม่คาดคิดว่ายาจะไม่ได้ผล นางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาจะให้นางทำลายเด็กในท้องก็ไม่สามารถทำใจทำได้ นางจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้บิดาและมารดาฟัง โชคดีที่ไป่เฉิงและเจียวจินผู้เป็นบิดามารดารักและเข้าใจไม่ตำหนิ แถมยังช่วยได้แนะนำให้ซูเจียวย้ายออกไปอาศัยที่ต่างเมืองชั่วคราว ป้องกันคำครหาที่อาจเกิดขึ้นซึ่งไป๋ซูเจียวเองก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากทำให้ครอบครัวต้องได้รับความอับอายขายหน้า จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เมืองตงฟาง ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงราว100ลี้ เป็นบ้านที่บิดาซื้อทิ้งไว้ยามออกไปติดต่อค้าขาย

ซูเจียวอาศัยอยู่ที่เมืองตงฟางโดยที่ไม่ได้ยากลำบากอะไรนัก เพราะไป่เฉิงเป็นคหบดีผู้มั่งคั่ง เรือนที่ซื้อไว้ก็ใหญ่โตกว้างขวาง พร้อมบ่าวรับใช้มากมาย ไป๋ซูเจียวจึงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายและไร้กังวล นางคลอดบุตรสาวออกมาได้อย่างราบรื่น และเลี้ยงดูบุตรสาวมาได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ายามนี้บุตรสาว ที่มีอายุเพียง15หนาวเกิดพลัดตกน้ำ หลังจากช่วยขึ้นมาได้นางก็ล้มป่วยและอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนหมอส่ายหน้า หมดหนทางในการรักษา ซูเจียวร่ำไห้กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยปกป้องซูหนี่ห์ให้อยู่รอดปลอดภัย แต่หลายวันผ่านไป ซูหนี่ว์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น สร้างความกังวลและทุกข์ใจให้กับซูเจียวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฮุ่ยเหมยคนรับใช้คนสนิทได้แต่เอ่ยปลอบใจ ไม่อยากให้นายสาวคิดมากจนเสียสุขภาพ แม้ในใจจะหวาดวิตกและกังวลมากเช่นกัน

เช้านี้หลังจากซูเจียวแวะไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิในห้องไหว้พระ ก็รีบตรงมาดูบุตรสาวอย่างเช่นเคย แต่แค่เพียงพลักบานประตูเข้าไป ซูหนี่ว์ที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาทันที ทำเอาซูเจียวและฮุ่ยเหมย ตกตะลึงด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน เร็วกว่าคำพูดซูเจียวถลาไปสวมกอดร่างของบุตรสาว ด้วยความปิติยินดีจนกลั้นนำ้ตาเอาไว้ไม่อยู่ ภายในใจที่เคยรู้สึกหนักอึ้งยามนี้ ผ่อนคลายเบาบางลงอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ลูกแม่…เจ้าฟื้นเสียที รู้มั้ยว่าแม่แทบขาดใจเพียงใด ที่เห็นเจ้านอนนิ่ง ไม่ได้สติมาหลายวันเช่นนี้ ฮุ่ยเหมยรีบไปเอายามา ข้าจะป้อนนาง”

“เจ้าค่ะ”ไม่รอช้าฮุ่ยเหมยกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปเอายาทันที

“เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง? เจ็บปวดตรงที่ใด บอกแม่” ซูเจียววางมือลงบนหัวของซูหนี่ว์แล้วลูบไปมาอย่างเป็นห่วง

“ท่านแม่!”ซูหนี่ว์อยากจะพูดออกไปให้มากกว่านี้ แต่ร่างกายที่อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงของร่างนี้ จึงได้แต่นอนมองและสำรวจใบหน้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมารดา ซูเจียวมารดาของซูหนี่ว์เป็นสตรีที่งดงามมากจริงๆ แม้ยามนี้จะดูหม่นหมองลงไปบ้าง จากการอดหลับอดนอนและวิตกกังวล แต่ความงดงามของนางก็ไม่ลดน้อยด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย ซูเจียวเมื่อเห็นว่าบุตรสาวเอาแต่มองหน้านาง ก็คิดได้ว่านางอาจจะยังอ่อนเพลียเกินกว่าจะเอ่ยตอบ จึงรีบเอ่ยขึ้นแทน

“แม่ไม่น่ารีบถามเจ้า เอานี่เจ้าดื่มยาก่อนเถิด ”ซูเจียวรับยามาจากฮุ่ยเหมย เป่าจนหายเย็นดีแล้ว จึงเริ่มป้อนให้บุตรสาวที่นอนอ้าปากรอ กลิ่นยาและรสชาติ ทำเอาซูหนี่ห์ต้องกลั้นหายใจ แต่ก็พยายามฟืนกลืนลงไป นางอยากหายไวๆไม่อยากนอนเป็นผักแบบนี้ มันทรมานและอึดอัดเต็มทน

ไป่ซูเจียวยกยิ้มด้วยความพอใจ ที่เห็นซูหนี่ว์ยอมกินยาแต่โดยดีไม่ปริปากบ่น เพราะปกติซูหนี่ห์ไม่ชอบกินยา เอาแต่บ่นว่าขมไม่ชอบ พอหมดถ้วยนางก็หยิบผ้ามาเช็ดปากให้ แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้จนถึงหน้าอกแล้วบอกให้ซูหนี่ว์นอนพักต่อ ก่อนจะออกไปเตรียมโจ๊กและต้มนำ้แกงกับฮุ่ยเหมย เพราะคาดว่าหลังจากตื่นมา ร่างกายของนางควรได้รับอาหารหลังจากไม่ได้สติไปหลายวัน

สามวันผ่านไปอาการของซูหนี่ห์ก็เริ่มดีขึ้น ยามนี้นางสามารถขยับตัวได้บ้างแล้ว จึงยกแขนขึ้นมาดูกำไลเจ้าปัญหาที่พาเธอให้มาอยู่ที่นี่ในร่างนี้ ซูหนี่ห์จับกำไลหมุนไปหมุนมา แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ จึงได้แต่ถอนใจ จะเหตุผลอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็คงต้องปรับตัวใช้ชีวิตที่นี่ในนามไป่ซูหนี่ว์ต่อไป

เช้านี้ไป๋ซูหนี่ว์ลุกขึ้นมาแต่เช้า เพราะพอร่างกายเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว นางจึงคิดอยากจะออกไปสูดอาการภายนอกในยามเช้าดูบ้าง แม้จะซวนเซอยู่บ้างในคราแรก เพราะนอนติดเตียงเป็นเวลานานขาจึงไร้เรียวแรง แต่ไม่ช้าก็กลับมาเดินได้เป็นปกติ เพียงแต่ต้องก้าวช้าๆเท่านั้น ซูหนี่ว์เดินผ่านกระจกทองเหลือง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสำรวจรูปร่างหน้าตาของตนเอง นี่มันตัวตนของนางในยุคปัจจุบันชัดๆ เพียงแต่ว่าร่างนี้เป็นนางในช่วงวัย15หนาว นี่เธอมาอยู่ในร่างของตัวเองในวัยเยาว์รึ?

ไป๋ซูเจียวที่เห็นบุตรสาวเดินออกมา ก็ตกใจรีบพละจากงานที่ทำในมือ รีบเข้ามาประคองซูหนี่ว์ในทันที ร่างกายของไป่ซูหนี่ห์ยังไม่แข็งแรงดี นางกลัวว่าอาจล้มพับลงไปได้ง่ายๆ

“ออกมาทำไม!!เจ้าเพิ่งจะดีขึ้น ร่างกายยังไม่แข็งแรง”ซูเจียวเอ่ยตำหนิเบาๆด้วยความเป็นห่วง

“ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ขืนให้ข้านอนอยู่แต่ในห้อง ข้าก็เป็นคนพิการกันพอดี อีกอย่างออกมารับแสงแดดยามเช้าแบบนี้ ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ”ซูหนี่ว์หันไปฉีกยิ้ม ซูเจียวเห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูออกไปไม่ได้ ยกมือลูบหัวบุตรสาวไปมา

“วันนี้แม่ทำซุปไก่บำรุงร่างกายให้เจ้า เจ้าก็กินเยอะๆละรู้มั้ยจะได้แข็งแรง และหายไวๆ”

“เจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านแม่ ข้าอยากกลับไปเยี่ยมท่านตากับท่านยาย ข้าอยากไปเห็นเมืองหลวงของแคว้นเป่ยเซียง ดูสิว่าจะงดงามมากเพียงใด”

“ได้เมื่อเจ้าหายดี เราจะไปเยี่ยมท่านตาท่านยายดีหรือไม่?”ซูเจียวไม่อยากขัดใจนาง ครั้งนี้นางฟื้นขึ้นมาจากอาการป่วย ซึ่งท่านหมอเองก็ไม่รับปากว่านางจะรอด แต่นางก็รอดมาได้ หากสิ่งใดที่นางสามารถทำให้บุตรสาวมีความสุขได้นางก็ยินดี

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าใจดีที่สุด”ซูหนี่ว์รีบเข้าไปกอดแขนซบไหลอย่างออดอ้อนผู้เป็นมารดา

“งั้นเจ้าก็ต้องรีบหายป่วยเร็วๆแล้วละ”

“ได้!!ข้าจะรีบหาย ท่านแม่สัญญาแล้วนะเจ้าค่ะ”ซูหนี่ว์ฉีกยิ้ม รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ยุคที่นางจากมานางเป็นเพียงด็กกำพร้า พอมามีมารดาที่รักและเอาใจใส่เช่นนี้ ภายในใจก็รู้สึกอบอุ่นอิ่มเอมในหัวใจไม่น้อย

ที่จริงเหตุผลที่นางอยากไปเยี่ยมท่านตาท่านยาย ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ นางอยากไปพิสูจน์บางอย่าง ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ในร่างนี้ นางก็ฝันแปลกๆ ถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งในความฝันมีชายผู้หนึ่งซึ่งนางไม่รู้จัก บอกว่าเป็นบิดาของนางให้นางกลับไปหา ในความฝันชายผู้นั้นยังพาไปยังบ้านที่เขาอาศัยอยู่ และยังบอกอีกว่าอยู่ในเมืองหลวง ซูหนี่ว์ยังฝันซำ้ๆแบบเดิมอยู่ทุกคืน นางจึงอยากไปพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา ว่าสิ่งที่นางฝันมันคืออะไรกันแน่ นางเบื่อที่จะฝันถึงเรื่องเดิมๆทุกคืนแล้ว หากอยากรู้ต้องไปหาค้นหาคำตอบ แต่แปลกในความรู้สึกข้างในลึกๆกลับรู้สึกว่า นางคุ้นเคยกับชายผู้นั้นอย่างน่าประหลาดใจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 67

    สองเดือนต่อมาอยู่ๆ ฮ่องเต้ก็เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียนอยากหนัก จนเขาลุกไม่ไหวที่ออกมาว่าราชกิจในท้องพระโรง หมอหลวงจึงรีบมาตรวจอาการก็ยังหาสาเหตุไม่พบ มีเพียงซูหนี่ว์ที่พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นอะไร ก่อนนางจะให้หมอหลวงตรวจอีกคนเพื่อยืนยันความแน่ใจ หลังจากตรวจอาการของฮองเฮา หมอหลวงก็เผยยิ้มด้วยความย

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 66

    ข่าวจากทางราชสำนักออกติดประกาศ ฮ่องเต้สละราชบัลลังก์และแต่งตั้งเฉินตงหยางเป็นฮ่องเต้ ส่วนซูหนี่ว์ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ทำเอาฮือฮากันทั้งเมืองหลวง ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีเปลี่ยนแปลงมากมาย หลายคนคอยจับตาและฟังข่าวว่าจะเกิดเหตุอันใดต่อไป เช้าวันต่อมาการประชุมในท้องพระโรงก็เริ่มขึ้น เหล่าขุนนางทยอ

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 65

    สามวันต่อมาการจัดทำโรงทานแจกอาหารก็มาถึง ซูหนี่ว์ให้องครักษ์ที่เป็นทหารยี่สิบคนช่วยทำ เพราะพวกเขาคล่องแคล่วและเรียนรู้ได้ไวมาก จึงคิดจะดึงพวกเขาไว้ที่จวนส่วนทหารอีกแปดสิบคนนางส่งไปอยู่ที่วังหลวง นางจะทำโรงทานสามวัน วันแรกนางตั้งใจจะทำโจ๊กทรงเครื่อง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ซึ่งนางคิดว่าดูเรียบง่ายและสะด

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 64

    “อืมได้” เขารู้ว่านางและเฉินอ๋องคงอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่นอกวัง “หลานสะใภ้งั้นเมื่อไหร่เจ้ามีเจ้าก้อนแป้ง นี่ก็แต่งงานกันมานานมากแล้ว” ไท่ซ่างหวงเอ่ยขึ้น “เสด็จปู่ช่วงนี้หม่อมฉันยุ่งๆ เลยอยากให้ผ่านไปก่อน หากทุกอย่างลงตัวเจ้าก้อนแป้งมาแน่เพคะ” ซูหนี่ว์ยิ้มเขินหันไปมองเฉินอ๋องที่หน้าแดงก่ำ “เสด็จปู

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 63

    เช้าวันต่อมาทางราชสำนักจากวังหลวงได้ส่งทหารมาปิดประกาศความผิดของสองตระกูลหลี่และตระกูลเซี๊ยะโทษฐานเป็นกบฏ ยึดทรัพย์ตระกูลเซี๊ยะเข้าวังหลวง ส่วนทรัพย์สินของตระกูลหลี่ยึดทรัพย์เป็นกองกลาง ซึ่งชายาเฉินในฐานะทายาทที่เหลืออยู่ของสกุลจ้าว จะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้นางต้องการทำโรงทาน และบริจาคข้าวของเครื่องใช้

  • ทะลุมิติมาพลิกชะตา   บทที่ 62

    ฮ่องเต้สั่งให้ทหารจับกุมคนที่ส่วนเกี่ยวข้อง และเก็บกวาดทำความสะอาดรอบบริเวณ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยกับซูหนี่ว์ “ในฐานะที่ข้าเป็นฮ่องเต้ ข้าต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนผิด เพราะฉะนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป” ซูหนี่ว์มองหน้าเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตระกูลหลี่สมควรถูกประหารเช่นเดีย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status