Share

คนน่ารังเกียจ!

last update Last Updated: 2025-07-11 10:08:36

หลังจากที่คำพูดของร่างที่ทุกคนคิดว่านอนหมดสติอยู่ดังขึ้น พร้อมกับเจียงหลินที่ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ก่อนที่นางจะจ้องมองไปยังสองสามีภรรยาด้วยสายตาว่างเปล่า

“เสี่ยวหลิน! เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง ให้ลุงพาเจ้าไปหาหมอดีหรือไม่”

ทางด้านจางไห่ที่เห็นว่าหลานสาวคนโตของตนเองรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างเป็นปกติก็ดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะรีบปรี่เข้าไปหาร่างของหลานสาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักด้วยความดีใจ

“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านลุง เพียงแค่ข้าต้องการที่จะพาน้องทั้งสองของข้ากลับไปอยู่กันที่บ้านเดิมของพวกข้าเจ้าค่ะ หวังว่าท่านลุงจะสนับสนุนข้านะเจ้าคะ”

เจียงหลินที่เมินเฉยต่อท่าทางเป็นห่วงของชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงแท้ ๆ ของนางกับน้องอีกสองคนที่ในตอนนี้ยังไม่กลับมาจากบนเขาเพราะนางเจียงสั่งให้พวกเขาทั้งสองขึ้นไปเก็บฟืนตั้งแต่ช่วงสาย

พร้อมกับเอ่ยบอกความต้องการของตนเองให้กับบุรุษตรงหน้าได้รับรู้และยังส่งสายตากดดันส่งไปให้ตบท้าย

เจียงไห่ที่เมื่อได้เห็นสายตาของหลานสาวคนโตที่ดูว่างเปล่า และเปลี่ยนไปก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย

แต่เขาก็พอจะเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายว่านางเองก็คงจะหมดความอดทนที่ต้องแบกรับเรื่องราวมากมายจากภรรยาของเขาแล้ว

และเพื่อเป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากเขา เขาจึงควรที่จะปล่อยให้นางพาน้อง ๆ ออกไปอยู่กันที่บ้านเดิมของตนเองเสียที

“ได้สะ…”

“ไม่ได้! บ้านหลังนั้นข้าตั้งใจจะเก็บเอาไว้ให้เจียงเป่าเพื่อเป็นสินเดิมในวันแต่งงานของนาง ท่านพี่จะยกคืนให้กับพวกนางไม่ได้!”

แต่ในขณะที่เจียงไห่กำลังจะเอ่ยตกลงคำขอของเจียงหลินอยู่นั้น นางเจียงก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับจ้องเขม็งมองไปยังใบหน้าของผู้เป็นสามีอย่างออกคำสั่ง

“แต่นั่นมันคือบ้านของข้าที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ให้ ท่านป้าสะใภ้ไม่มีสิทธิ์มายึดไปเป็นของตนเองนะเจ้าคะ”

เจียงหลินที่ได้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของนางเจียงก็รู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากจนนางนั้นเกือบจะหลุดคำด่าออกไปแล้วเพราะความหน้าหนาของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า

“ทำไมจะไม่ได้ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาใครเป็นคนให้ข้าวให้น้ำพวกเจ้าสามคนพี่น้อง”

“เพียงแค่ที่ดินผืนเดียวเจ้าก็ยกมันให้กับพี่สาวของเจ้าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ข้ากับท่านลุงของเจ้าจะเป็นไรไป”

คำพูดตอบกลับมาของนางเจียงนั้นถึงกับทำให้ขมับทั้งสองข้างของเจียงหลิน (นับดาว) เต้นตุบ ๆ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ นางพยายามข่มกลั้นอารมณ์กรุ่นโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาเป็นอย่างมาก

ก่อนที่เจียงหลินจะเอ่ยตอบกลับป้าสะใภ้ของเจ้าของร่างด้วยความใจเย็นอย่างถึงที่สุดที่นางจะสามารถทำได้แล้ว

“ท่านป้าสะใภ้เจ้าคะ ถ้าข้ามอบที่ดินเพียงแห่งเดียวให้กับท่านไปแล้วข้ากับน้อง ๆ ของข้าจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่า?”

“นั่นมันเป็นเรื่องของพวกเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อย เหตุใดข้าจะต้องไปสนใจพวกเจ้ากันว่าจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ใด”

“สารเลวยิ่งนัก!”

นางจางที่ได้ฟังคำตอบของนางเจียงจบลงก็ถึงกับพ้นคำหยาบคายออกมาด้วยความโกรธแทนสามพี่น้องบ้านเจียงที่ต้องมามีป้าสะใภ้น่ารังเกียจเช่นนี้

“พี่จาง! ข้าชักจะเริ่มหมดความอดทนกับท่านแล้วนะ อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าโต้ตอบท่านกลับนะ ที่ข้ายังไว้หน้าท่านอยู่เพราะท่านเป็นภรรยาของพี่จางเจ๋อสหายของสามีข้าหรอกนะ”

ทางด้านนางเจียงเองก็เริ่มไม่พอใจกับท่าทีที่ภรรยาของสหายสามีที่แสดงต่อตนเองอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้จนนางต้องเอ่ยเตือนออกฝ่ายออกไป

“เจ้า! นางเจียงข้าเองก็ไม่คิดที่จะอยากยุ่งเรื่องในครอบครัวของเจ้าหรอกนะ เพียงแต่สิ่งที่เจ้าทำกับนังหนูเจียงหลินนั้นมันเกินไปจริง ๆ ราวกับว่านางไม่ใช่หลานสาวของสามีเจ้าอย่างนั้นแหละ”

นางจางที่รักและเอ็นดูสามพี่น้องราวกับเป็นหลานสาวของตนเอง เพราะพวกเขาสองสามีภรรยานั้นอยู่บ้านติดกันกับบ้านของเด็กทั้งสาม ได้เห็นสามพี่น้องมาตั้งแต่เด็ก

ไหนจะบิดามารดาของพวกเขาทั้งสามยังเคยช่วยเหลือนางกับสามีเอาไว้ไม่น้อยอีก เมื่อนางต้องมาพบเห็นหลาน ๆ ทั้งสามต้องได้รับความอยุติธรรมย่อมไม่อาจจะนิ่งเฉยอยู่ได้จึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กทั้งสาม

“ท่านป้าจาง เสี่ยวหลินขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะที่ช่วยออกหน้าแทนข้ากับน้อง ๆ แต่ท่านป้าสะใภ้นั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากและไม่ยอมรับความเป็นจริง ท่านป้าจางอย่าไปเสียเวลาเถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ”

“ข้าว่าเรียกท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาจบปัญหาเรื่องนี้จะเป็นทางออกที่ดีกว่านะเจ้าคะ”

เจียงหลินที่เห็นป้าจางช่วยออกหน้าพูดแทนตนเองก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายเป็นอย่างมากและนางเองก็ได้จดจำบุญคุณในครั้งนี้ของอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว

รอให้มีโอกาสนางจะต้องตอบแทนอีกฝ่ายอย่างแน่นอน แต่กับลุงแท้ ๆ ของนางที่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากแทนนางกับน้อง ๆ แต่ปล่อยให้ภรรยาของตนเองเอาเปรียบนางอยู่ตลอดเวลานั้น

นางเองก็ได้จดจำสิ่งที่ครอบครัวนี้ได้ทำกับนางและน้อง ๆ เอาไว้แล้วเช่นกัน และรอวันที่นางจะเอาคืนพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่นางและน้องทั้งสองได้รับมาตลอดสองปีที่ผ่านมาให้จงได้

เพียงแต่การที่จะเอาชนะคนอย่างนางเจียงหลี่นั้นจำเป็นจะต้องเอาชนะให้นางไม่มีทางให้เดินต่อไปได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นเจียงหลินจึงได้คิดให้คนที่มีอำนาจที่สุดในหมู่บ้าน หนานเจียง แห่งนี้เป็นคนตัดสินให้

“จริงสิ ท่านพี่ช่วยไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาให้นังหนูเจียงหลินหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

นางจางที่หลังจากได้ฟังคำพูดของเด็กสาวก็เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อในทันที นางจึงได้หันหน้าไปเอ่ยบอกกับผู้เป็นสามีให้ช่วยไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาให้

“ไม่ต้องไปแล้ว ข้ามาแล้วพวกเจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยก็ว่ามาได้เลย”

แต่ยังไม่ทันที่จางเจ๋อจะได้เอ่ยตอบรับคำของภรรยาสุดรัก เสียงแหบ ๆ แต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านของเจียงไห่ในทันที

พร้อม ๆ กับร่างของชายชราคนหนึ่งที่อายุน่าจะราว ๆ 60 ปีแต่ยังดูแข็งแรงกำลังเดินผ่านชาวบ้านคนอื่น ๆ เข้ามาที่บริเวณที่พวกของเจียงหลินยืนอยู่

ก่อนที่ร่างของ คังหนาน หัวหน้าหมู่บ้านหนานเจียงแห่งนี้จะมาหยุดลงตรงหน้าของทุกคน

“คารวะท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าค่ะ”

เจียงหลินเอ่ยทักทายชายชราตรงหน้าพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อเป็นการทำความเคารพแก่อีกฝ่ายด้วยความสุภาพ สร้างความเอ็นดูให้กับชายชราไม่น้อย

“อื้ม เสี่ยวหลินเจ้ามีสิ่งใดที่ข้าผู้นี้ช่วยก็เอ่ยบอกออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดทั้งนั้น”

คังหนานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เด็กสาวตรงหน้ากลับไปยืนตัวตรงได้เช่นเดิมแล้ว เพื่อเข้าเรื่องในครั้งนี้ทันที

“เรียนท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าต้องการจะพาน้องทั้งสองกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมของมารดาเจ้าค่ะ”

“แต่ท่านป้าสะใภ้กลับไม่ยอมและคิดที่จะยึดเอาบ้านที่เป็นที่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ให้ไปเป็นสินเดิมให้บุตรสาวของนางเจ้าค่ะ”

“เจียงหลิน! นังเด็กบ้าเจ้ามันคนเนรคุณคนยิ่งนัก เจ้ากล้าใส่ความข้าต่อหน้าท่านลุงของเจ้าได้อย่างไรกัน”

เพียงแค่จบคำพูดของเจียงหลินนางเจียงก็เอ่ยต่อว่าหลานสาวของสามีด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่คิดมาก่อนว่าเด็กที่ขี้กลัว ไม่กล้าสู้คนอย่างหลานสาวของสามี

ในวันนี้จะกล้าลุกขึ้นมาแข็งข้อกับตนเองเสียอย่างนั้น ทั้งที่ผ่านมานังเด็กคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนางตรง ๆ เลยสักครั้งเดียว

“นั่นก็เพราะข้ารู้แล้วนะสิเจ้าคะว่าท่านลุงไม่มีทางช่วยข้าได้ เพราะท่านลุงนั้นไม่เคยสู้ท่านป้าสะใภ้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว”

“อีกอย่าง ข้ามีคำพูดจะเอ่ยกับท่านลุงสักหนึ่งประโยคเจ้าค่ะ”

เจียงหลินที่ได้รับความทรงจำของเจียงหลินคนก่อนมาในตอนที่หมดสติไปนั้นรับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องแบกรับเรื่องราวเลวร้ายมากมายมาโดยตลอด

นางจึงได้เอ่ยขึ้นเพราะต้องการที่จะเตือนสติแก่ชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของมารดาของเจ้าของร่าง

“เจ้าว่ามาเถิดเสี่ยวหลิน”

เจียงไห่เอ่ยบอกกับหลานสาวของตนอย่างยอมรับว่าตอนเองนั้นไร้ความสามารถที่จะสู้กับภรรยาของตนจนทำให้หลานทั้งสามของตนได้รับความขมขื่นมาตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา

“การยอมเพราะรักมากอาจจะเป็นการทำร้ายคนคนนั้นอย่างร้ายแรงที่สุดก็เป็นได้นะเจ้าคะท่านลุง”

“…”

คำพูดของเจียงหลินนั้นช่างเหมือนกับลูกธนูที่พุ่งมาปักลงตรงกลางอกของเจียงไห่ในเวลานี้

เพราะเขานั้นเข้าใจถึงคำพูดนี้ของหลานสาวตนเองเป็นอย่างมาก เพราะในตอนนี้ผลจากการกระทำของเขามันได้ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเข้าเสียแล้ว

“เจียงหลิน เจ้านี่มันเนรคุณยิ่งนัก! นี่คือลุงแท้ ๆ ของเจ้าเชียวนะ แต่เจ้ากลับกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขาได้อย่างไรกัน”

นางเจียงที่พอจะรู้ความหมายในคำพูดของเด็กสาวตรงหน้าก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางจึงได้เอ่ยต่อว่าหลานสาวของสามีด้วยข้อหาที่ค่อนข้างจะรุนแรงไม่น้อย

“มันคือเรื่องจริง…”

“ท่านพี่!”

****************************************************************************************************************

ใครก็ได้ช่วยลากป้าสะใภ้ของยัยน้องไปตบให้สักทีสองทีได้ไหมคะ ไรท์หมั่นไส้นางมากเลยค่ะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   เจ้าสองแสบของเจียงหลิน

    “เอาละ ๆ ในเมื่อไม่มีใครเอ่ยคัดค้านเรื่องนี้แล้วถ้าเช่นนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปยังบ้านของตนเองได้แล้ว”หลังจากที่คังหนานเอ่ยจบเหล่าชาวบ้านหนานเจียง ต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้านของตนเองอย่างรวดเร็วดังนั้นในตอนนี้จึงเหลือเพียงครอบครัวบ้านเจียง หัวหน้าหมู่บ้านและสองสามีบ้านจางเพียงเท่านั้นที่ยังคงยืนพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยเมื่อได้ข้อสรุปที่ลงตัวเสร็จเรียบร้อยเจียงไห่จึงได้เดินเข้าไปภายในบ้านเพื่อหยิบโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของน้องสาวเพียงคนเดียวออกมามอบให้กับเจียงหลินผู้เป็นบุตรสาวคนโตต่อหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านกับสองสามีภรรยาบ้านจางเพื่อให้ทั้งสามร่วมกันเป็นพยานในครั้งนี้“นี่คือโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของเจียงหลันมารดาของเจ้าที่ทิ้งเอาไว้พวกเจ้าสามคนพี่น้อง”เจียงไห่เอ่ยบอกกับหลานสาวคนโตพร้อมกับยื่นห่อม้วนกระดาษหนึ่งม้วนส่งไปให้กับเจียงหลินด้วยใบหน้าอบอุ่นเป็นครั้งแรก“ขอบคุณท่านลุงไห่มากเจ้าค่ะ ท่านลุงทำหน้าที่ของตนเองได้ดีมากแล้วเจ้าค่ะ”เจียงหลินที่หลังจากรับม้วนกระดาษออกจากมือผู้เป็นลุงมาถือเอาไว้แล้ว จึงได้เอ่ยบอกกับชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความจริงใจเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน“ในเมื่อเรื

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   พวกเราจะไปกับพี่ใหญ่

    เมื่อนางเจียงได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นมา ก็ทำให้เลือดในกายของนางพลุกพล่านขึ้นมาเป็นอย่างมากจนนางเจียงนั้นแทบอยากจะพุ่งเข้าไปข่วนใบหน้าของสามีตนเองด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด“เอาละ ๆ พวกเจ้าก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละ ข้าจะเป็นคนตัดสินให้เองว่าเรื่องราวในวันนี้จะจบลงเช่นไร”คังหนานเอ่ยขึ้นห้ามทัพระหว่างสามีภรรยาตรงหน้า ก่อนที่เขาจะหันไปมองใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ของเจียงหลินอย่างใช้ความคิดเพราะเรื่องในครั้งนี้มีความสำคัญต่อชาวบ้านภายในหมู่บ้านไม่น้อย อาจจะด้วย แคว้นจ้าว เมือง หนานหยาง แห่งนี้เป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาเป็นส่วนใหญ่อาชีพของชาวเมืองเองก็มีเพียงอาชีพเกษตรกรและเลี้ยงสัตว์ บ้างก็เข้าไปขายแรงงานภายในเมืองบ้าง จึงทำให้พวกชาวบ้านนั้นมีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะยากจนอยู่ไม่น้อยเนื่องจากว่าบางปีก็ได้ผลผลิตที่น้อย บางปีก็ประสบปัญหาภัยแล้ง จนทำให้การเก็บเกี่ยวของชาวเมืองนั้นมีจำนวนที่น้อยกว่าความต้องการของชาวเมืองทั่วทั้งแคว้นอย่างปีนี้เองก็ถึงช่วงที่จะต้องทำการเพาะปลูกกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว เพื่อสร้างความสามัคคีให้กับพวกชาวบ้านเขาที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องจัดก

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   คนน่ารังเกียจ!

    หลังจากที่คำพูดของร่างที่ทุกคนคิดว่านอนหมดสติอยู่ดังขึ้น พร้อมกับเจียงหลินที่ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ก่อนที่นางจะจ้องมองไปยังสองสามีภรรยาด้วยสายตาว่างเปล่า“เสี่ยวหลิน! เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง ให้ลุงพาเจ้าไปหาหมอดีหรือไม่”ทางด้านจางไห่ที่เห็นว่าหลานสาวคนโตของตนเองรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างเป็นปกติก็ดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะรีบปรี่เข้าไปหาร่างของหลานสาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักด้วยความดีใจ“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านลุง เพียงแค่ข้าต้องการที่จะพาน้องทั้งสองของข้ากลับไปอยู่กันที่บ้านเดิมของพวกข้าเจ้าค่ะ หวังว่าท่านลุงจะสนับสนุนข้านะเจ้าคะ”เจียงหลินที่เมินเฉยต่อท่าทางเป็นห่วงของชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงแท้ ๆ ของนางกับน้องอีกสองคนที่ในตอนนี้ยังไม่กลับมาจากบนเขาเพราะนางเจียงสั่งให้พวกเขาทั้งสองขึ้นไปเก็บฟืนตั้งแต่ช่วงสายพร้อมกับเอ่ยบอกความต้องการของตนเองให้กับบุรุษตรงหน้าได้รับรู้และยังส่งสายตากดดันส่งไปให้ตบท้ายเจียงไห่ที่เมื่อได้เห็นสายตาของหลานสาวคนโตที่ดูว่างเปล่า และเปลี่ยนไปก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็พอจะเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายว่านางเองก็คงจะหมดความอดทนที่ต้อ

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   เจียงหลิน

    ท่ามกลางความมืดมิดที่แสนจะยาวนานในความรู้สึกของนับดาว หลังจากที่ทุกอย่างดับมืดลงไปแล้วนั้นนับดาวก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของตนเองกำลังล่องลอยไปที่ไหนสักแห่งที่คล้ายกับว่ามันกำลังล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าเป็นเวลาเนิ่นนานแต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นวิญญาณของเธอเพิ่งจะล่องลอยก้าวผ่านกาลเวลาจากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพียงเท่านั้นจนในที่สุดเธอก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงเรียกชื่อของเธอที่ดังขึ้นข้าง ๆ หูของเธอ และเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก“ตื่นเถิดนังหนู ใกล้จะได้เวลาที่เจ้าจะต้องไปแล้ว แต่ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอกกับเจ้าก่อนข้าจึงได้ปลุกเจ้าขึ้นมา”สิ้นเสียงเรียกจากใครบางคนเปลือกตาที่แสนจะหนักอึ้งในความรู้สึกของนับดาวก็สามารถเปิดขึ้นได้อย่างง่ายดายก่อนที่ดวงตาคู่งานจะลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับแสงสว่างจ้าจนเธอต้องหลับตาลงอีกครั้งแล้วกะพริบตาเพื่อปรับภาพอีกสองสามครั้งจนสามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ภาพแรกที่นับดาวมองเห็นอยู่ในตอนนี้คือห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นเป็นห้องโล่งไม่มีสิ่งใดอยู่เลยแม้แต่น้อยมีเพียงตัวของเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยื

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   สวรรค์ท่านส่งข้ามาที่ไหนกัน!

    "คุณยายคะช่วยดูดวงให้กับหนูหน่อยได้ไหมคะ แล้วราคาในการเปิดไพ่อยู่ที่เท่าไหร่คะ"นับดาว ครูสาวที่เพิ่งจะสอบบรรจุติดครูได้ในตอนที่อายุ 23 ปี ที่เพิ่งจะประการผลการสอบเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนในวันนี้เธอได้เดินทางเข้าตัวเมืองมาหาซื้อข้าวของเพื่อเตรียมตัวสำหรับไปประจำการสอนที่อีกจังหวัด แต่ในระหว่างทางที่เดินอยู่ริมถนนอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นแผงดูดวงไพ่ยิปซีของคุณยายท่านหนึ่งเป็นหญิงชราที่ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนทั่วทั้งศีรษะ และมวยผมเก็บขึ้นไปรวบไว้กลางหัวอย่างที่คนแก่ชอบทำกัน สวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ซีด ๆ สีขาวที่ออกไปทางสีเทาเสียมากกว่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และมีโต๊ะหนึ่งที่สำหรับวางไพ่อยู่และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นับดาวนั้นเดินตรงเข้าไปถามราคาในการเปิดไพ่กับหญิงชรา คงจะเป็นเพราะเธอรู้สึกสงสารและอยากจะช่วยให้หญิงชรามีเงินเอาไว้ใช้สำหรับกินข้าวในวันนี้ก็เป็นได้เมื่อเดินตรงไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างฝั่งตรงข้าวกับหญิงชราแล้วนับดาวจึงได้เอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้น พอจบประโยคคำถามของนับดาวหญิงชราที่ในตอนแรกกำลังนั่งหลับตาในท่าสมาธิอยู่ก็ได้ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่หญิงชร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status