Share

มิติห้างสรรพสินค้า

last update Huling Na-update: 2025-07-17 09:57:58

“เอาเถิด ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนกันก่อนแล้วนะเจ้าสองแสบของพี่”

เมื่อเห็นว่าในตอนนี้ก็มีอุปกรณ์ทำความสะอาดครบแล้วเจียงหลินจึงได้เอ่ยบอกกับน้องทั้งสองของตนเอง

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”

เด็กน้อยทั้งสองเองก็เอ่ยตอบรับคำของพี่สาวกันอย่างแข็งขัน เมื่อทั้งสามพี่น้องบ้านเจียงเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้พากันเดินเข้าไปภายในบ้านอีกครั้งพร้อมกับเริ่มลงมือทำความสะอาดห้องนอนกันเป็นที่แรกในทันที

เจียงหลินเริ่มจากการกวาดฝุ่นและหยากไย่ที่อยู่ภายในห้องก่อนเป็นอย่างแรก ส่วนเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นนางให้พวกเขาช่วยกันนำผ้าชุบน้าเช็ดตามผนังห้องรอบ ๆ ที่พอดีกับความสูงของพวกเขาจะเอื้อมถึง

สามพี่น้องบ้านเจียงต่างก็ช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองห้องกันอย่างมีความสุข สนุกสนานเป็นอย่างมาก จนในที่สุดสามพี่น้องก็ทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองเสร็จเรียบร้อย

เมื่อเจียงหลินลองมองขึ้นไปดูพระอาทิตย์ก็เห็นว่าในตอนนี้เป็นช่วงต้นยามอู่ (11.00-12.59) แล้ว ถึงเวลาที่เด็ก ๆ ทั้งสองจะต้องทานข้าวเที่ยงกันได้แล้ว

พอคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเจียงหลินก็เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เพราะในเวลานี้บ้านของนางไม่มีอะไรเลยสักอย่างแม้แต่ข้าวสารเม็ดเดียวก็ไม่มี

แล้วแบบนี้นางจะหาอาหารที่ไหนให้น้องทั้งสองของตนเองได้กินกันเล่า แต่แล้วดวงตากลมโตของเจียงหลินก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองมีติดตัวมา

ไม่รอช้าเจียงหลินใช้ช่วงเวลาที่นางกับน้อง ๆ กำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ลองเข้าไปสำรวจดูมิติที่หญิงชรามอบให้ในตอนนั้นดูว่าพอจะมีสิ่งของที่สามารถกินได้บ้างหรือไม่

“เสี่ยวหลาน เสี่ยวหยวน พี่ใหญ่ขอนอนพักครู่หนึ่งนะ เดี๋ยวตื่นมาพี่ใหญ่จะทำของอร่อยให้กินกัน”

เมื่อคิดได้แล้วว่าจะลองเข้าไปสำรวจดูภายในมิติดู เจียงหลินจึงได้เอ่ยบอกกับน้องฝาแฝดที่ในตอนนี้ก็กำลังนั่งพักอยู่ไม่ไกลจากตนเองมากนัก

“ได้เจ้าค่ะพี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าช่วยดูเสี่ยวหยวนให้เองเจ้าค่ะ”

เจียงหลานน้อยเอ่ยตอบกลับพี่สาวของตนด้วยท่าทางยืดอกอย่างน่าเอ็นดู จนเจียงหลินนั้นต้องเผยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูน้องสาวของตนเองไม่ได้

“จ้า จ้า เสี่ยวหลานน้อยของพี่เก่งที่สุดเลย เสี่ยวหยวนของพี่ก็เก่งมากเช่นกัน”

เจียงหลินเอ่ยชมน้องน้อยทั้งสองของตนเองอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างรักใคร่ ทางด้านเด็กน้อยทั้งสองเองก็รู้สึกดีใจกับคำชมจากพี่สาวของตนเป็นอย่างมาก

ต่างก็พากันยิ้มแย้มหน้าบานกันอย่างมีความสุข เด็กน้อยทั้งสองนั้นต่างก็มีนิสัยน่ารักมาตั้งแต่เด็กแล้ว และพวกเขาทั้งสองยังว่านอนสอนง่าย ย่อมไม่แปลกที่เจียงหลินจะหลงรักเด็กน้อยทั้งสองได้ในทันทีที่พบหน้ากัน

หลังจากที่พูดคุยตกลงกับเด็กแสบทั้งสองกันเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจียงหลินก็นั่งลงพิงผนังห้องที่มุมหนึ่งของห้องในท่านั่งขัดสมาธิเอาแผ่นหลังพิงผนังห้อง

จากนั้นก็ใช้มือขวาสัมผัสไปที่ปานสีขาวที่เป็นรู้กำไลหยกที่ข้อมือของตนเอง พร้อมกับหลับตาลงแล้วตั้งสมาธิ เพียงเสี้ยววินาทีเจียงหลินก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าตึกสูงสามชั้น

ที่มีรูปร่างเหมือนกับห้างสรรพสินค้าจากโลกก่อนนี้ไม่มีผิด แถมป้ายด้านหน้าตึกแห่งนี้เขียวคำว่า ‘มิติห้างสรรพสินค้า’ ตัวสีแดงเด่นอยู่ตรงกลางอีกด้วย

‘ยินดีต้อนรับนายหญิงเข้าสู่มิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้’

ในขณะที่เจียงหลินยังคงยืนแน่นิ่งตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่ตนเองได้พบเจออยู่นั้น จู่ ๆ เสียงที่เหมือนกับหญิงสาวนางหนึ่งที่เหมือนเสียงของพนักงานประชาสัมพันธ์ตามห้างก็ดังขึ้น

ทำให้เจียงหลินสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ได้ในทันที พร้อม ๆ กับที่นางได้รีบหันหน้ามองสอดส่ายสายตาไปมาเพื่อหาที่มาของเสียงเมื่อครู่นี้

แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ก็หาต้นตอที่มาของเสียงไม่พบเสียที อีกทั้งในตอนนี้นอกจากนางที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้างแล้วนั้น

รอบ ๆ ตัวของนางเองก็ยังปกคลุมไปด้วยความมืดมิดมีเพียงตึกสามชั้นตรงหน้าเพียงเท่านั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของนาง

“ใครกัน เสียงใครพูดกัน”

เมื่อมองแล้วไม่พบตัว เจียงหลินจึงเปลี่ยนไปเป็นเอ่ยถามอีกฝ่ายแทน เผื่อว่าจะได้ผลมากขึ้นและมันก็เป็นไปตามคาดที่เจียงหลินคาดเดาเอาไว้

เพราะเมื่อสิ้นคำถามของนางก็ได้มีเสียงเดิมตอบกลับนางมาอีกครั้ง และครั้งนี้นางก็ได้ทราบที่มาของเสียงนั้นแล้ว

‘นายหญิง ข้าคือผู้ดูแลมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เองเจ้าค่ะ และข้านั้นมีเพียงแค่เสียงเท่านั้นที่สื่อสารกับนายหญิงได้ ดังนั้นนายหญิงไม่ต้องมองหาร่างของข้าหรอกนะเจ้าคะ’

“อ้อ เช่นนั้นเจ้ามีชื่อเรียกหรือไม่ ข้าจะได้เอ่ยเรียกเจ้าได้ถูก”

เจียงหลินเอ่ยถามชื่อของเจ้าของเสียงเพื่อจะได้เอ่ยพูดคุยกันได้ง่ายขึ้นอีกครั้ง

‘ข้าไม่มีชื่อหรอกเจ้าค่ะ นายหญิงสามารถตั้งชื่อเรียกให้กับข้าได้เจ้าค่ะ’

เสียงของหญิงสาวคนเดิมยังคงเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเช่นเดิมราวกับว่ามันคือเสียงของระบบที่ถูกตั้งค่าให้เป็นแบบนั้นมาตลอด

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า เสี่ยวติง ก็แล้วกันนะ”

หลังจากที่คิดอยู่สักพักเจียงหลินจึงได้เอ่ยชื่อที่ตนเองตั้งให้กับเสียงปริศนาที่นางเพิ่งจะตั้งขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ ให้กับอีกฝ่ายได้รับรู้

‘เจ้าค่ะนายหญิง เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่นายหญิงเข้ามาภายในมิติ เช่นนั้นข้าจะทวนกฎการใช้มิติแห่งนี้ให้ท่านได้ฟังนะเจ้าคะ’

‘มิติแห่งนี้นายหญิงสามารถนำสิ่งของออกไปได้วันละ 50 อย่าง และแต่ละอย่างจำกัดจำนวนอยู่ที่ 5 ชิ้นเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ’

‘ส่วนสิ่งของที่เป็นทอง เครื่องประดับราคาแพงหรือไข่มุกนั้น นายหญิงจะสามารถนำออกไปได้เพียง 3 ชิ้นต่อหนึ่งอาทิตย์เจ้าค่ะ’

‘เพราะฉะนั้นท่านจะสามารถนำสิ่งของจากในมิติแห่งนี้ได้เพียงแค่ห้าสิบครั้งต่อวันเท่านั้น’

“ห้าสิบครั้ง ครั้งละไม่เกิน 5 ชิ้น ก็ถือว่าพอได้อยู่นะ อย่างน้อยก็ไม่ได้กำหนดวันละชิ้นแหละน่า ส่วนทองก็คงจะนำออกไปขายบ่อย ๆ ไม่ได้ด้วย จำนวนครั้งก็ถือว่าพอดีอยู่”

เจียงหลินที่เอ่ยพึมพำกับตนเองหลังจากที่ได้รับรู้กฎการใช้งานของมิติแห่งนี้ ท่านยายคงจะต้องการให้ตัวช่วยนางบ้างกระมัง ไม่อย่างนั้นนางคงจะเอาชีวิตรอดจากโลกใบนี้ได้ยาก

“แล้วถ้าข้าต้องการเอาสิ่งของเข้ามาเก็บไว้ภายในมิติด้วยได้หรือไม่เสี่ยวติง”

เจียงหลินเอ่ยถามคำถามที่นางเพิ่งคิดออกกับเสี่ยวติงผู้ดูแลมิติแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

‘ได้เจ้าค่ะ เพราะนอกจากนายหญิงจะนำสิ่งของภายในมิติแห่งนี้ออกไปได้แล้ว ท่านก็ยังสามารถนำสิ่งของเข้ามาเก็บไว้ภายในมิติแห่งนี้ได้โดยสภาพของสิ่งของนั้น ๆ จะยังคงความสดใหม่เหมือนเช่นเดิมในตอนที่เข้ามาได้’

‘เพียงแต่ท่านสามารถนำเข้ามาได้แค่สิ่งของที่ไร้ชีวิตเพียงเท่านั้น ส่วนสิ่งที่มีชีวิตนั้นไม่สามารถนำเข้ามาได้เจ้าค่ะ’

เสี่ยวติงเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่ดีได้เป็นอย่างดี นางยังคงเอ่ยอธิบายถึงหลักการใช้งานต่าง ๆ ของภายในมิติแห่งนี้ให้กับผู้เป็นนายได้ฟังอย่างละเอียด

และยังมีข้อห้ามที่นายหญิงของนางจะต้องจดจำเอาไว้ด้วยอีกสองสามข้อ จนในที่สุดเจียงหลินก็สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ได้ครบถ้วนแล้ว

“ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวติง เช่นนั้นข้าขอเข้าไปสำรวจด้านในเลยก็แล้วกันนะ”

เจียงหลินเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อนางเข้าใจเรื่องการใช้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางด้านเสี่ยวติงเองเมื่อผู้เป็นนายเอ่ยบอกเช่นนั้นนางก็ได้ทำการเปิดประตูทางเข้าห้างที่อยู่ตรงหน้าของเจียงหลินออกในทันที

ประตูกระจกสีใสตรงหน้าของเจียงหลินค่อย ๆ เคลื่อนตัวเปิดออกเพื่อให้นางเดินเข้าไปภายในห้างได้ เมื่อเห็นแบบนั้นเจียงหลินก็ได้ก้าวเดินตรงเข้าไปด้านในของมิติห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ในทันทีเช่นเดียวกัน

ชั้นแรกของห้างแห่งนี้จะเป็นโซนของซูเปอร์มาร์เก็ตหรือที่โลกเราเรียกว่า Top นั่นแหละ ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่มีข้าวของเครื่องใช้ที่มีวางขายอยู่ในร้านทั้งหมด

ทั้งของใช้ส่วนตัว อาหารสด อาหารแห่ง เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และถัดจาก Top ยังมีร้านขายยาอีกแห่ง ร้านขายเครื่องมือการเกษตร และร้านขายต้นไม้อยู่ ร้านอาหารเองก็มีเช่นเดียวกัน

เพียงแค่ชั้นแรกก็ทำเอาเจียงหลินถึงกับตื่นเต้นด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก ในตอนแรกนางยังคิดอยู่ว่าตึกสามชั้นตรงหน้านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากคงจะมีร้านรวงอยู่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น

แต่พอได้เข้ามาภายในแล้วมันกลับใหญ่โตราวกับห้างสรรพสินค้าจริง ๆ เลยก็ว่าได้ สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับเจียงหลินเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อสำรวจชั้นแรกเสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงหลินก็ได้เดินตรงไปยังบันไดเลื่อนที่อยู่ไม่ไกลเพื่อขึ้นไปสำรวจบนชั้นที่สองต่อในทันที

****************************************************************************************************************************************

เย้ ยัยน้องได้ของดีมาแล้ว คราวนี้ก็เริ่มสร้างตัวได้แล้วน๊า

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   การเข้าเมืองครั้งแรกของเจียงหลิน

    “พี่ใหญ่ ข้าขออุ้มเสี่ยวไป๋ได้หรือไม่ขอรับ”เจียงหยวนที่ชมชอบสัตว์ตัวเล็กน่าตาน่ารักอยู่แล้ว ก็อดใจไม่ไหวจนต้องเอ่ยขออนุญาตพี่สาวของตนเองเพื่อที่จะอุ้มเจ้าเสี่ยวไป๋ดูสักครั้ง“ว่าอย่างไรเล่าเสี่ยวไป๋ เจ้าจะให้เสี่ยวหยวนอุ้มดูสักครั้งหรือไม่?”เจียงหลินที่เห็นน่าตาออดอ้อนของน้องชายก็รู้สึกคันยุบยิบขึ้นมาภายในใจจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดเพื่อเป็นการถามความเห็นของอีกฝ่ายช่วยน้องชายอีกแรงหนึ่ง“เฮ้อ… ก็ได้ ๆ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”เสี่ยวไป๋ที่รู้สึกพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเด็กสาวตรงหน้าที่กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาคาดหวังอย่าเต็มเปี่ยม ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความจำยอม ก่อนที่เขาจะเอ่ยอนุญาตอีกฝ่ายออกไป“เสี่ยวหยวน เสี่ยวไป๋อนุญาตให้เจ้าอุ้มได้ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ”เจียงหลินร้องขึ้นด้วยความยินดี จากนั้นนางจึงได้หันหน้ากลับไปเอ่ยบอกกับน้องชายตัวน้อยของตนเองที่ยังคงนั่งทำหน้าตาออดอ้อนอยู่ไม่ห่าง“ขอบรับพี่ใหญ่ ข้าจะอุ้มเจ้าให้เบามือที่สุดนะเสี่ยวไป๋”เจียงหยวนเอ่ยขอบคุณพี่สาวของตนเองจบ มือน้อย ๆ ของเขาก็ยื่นออกไปตรงหน้าเพื่อเตรียมรอรับร่างเล็ก ๆ

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   เสี่ยวไป๋

    ต้นยามเหม่าเจียงหลินก็ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าข้าง ๆ ตัวของนางในตอนนี้ได้มีเจ้าก้อนกลม ๆ กำลังนอนขดตัวหลับอยู่อย่างสบายใจ ริมฝีปากบางสวยจึงเผลอยกยิ้มด้วยความเอ็นดูในความน่ารักของมันไม่ได้เจียงหลินค่อย ๆ พาตัวเองลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับของเจ้าตัวเล็ก จนสามารถพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนได้สำเร็จเมื่อเจียงหลินลงมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคงดีแล้วนางก็ได้เดินออกไปจากห้องนอนเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าให้กับทุกคนในทันทีโดยอาหารเช้าในวันนี้เจียงหลินเลือกทำเป็นโจ๊กหมูสับ เพื่อให้ง่ายต่อการย่อยของเด็ก ๆ ส่วนอาหารมื้อเช้าของเจ้า เสี่ยวไป๋ เป็นชื่อที่นางตั้งให้กับเจ้าตัวเล็กในห้องนอนนั่นเองเจียงหลินทำหมูย่างให้กับเจ้าเสี่ยวไป๋แทน เพราะนางเองก็ไม่คิดว่าลูกพยัคฆ์จะสามารถกินอาหารหมากับแมวได้แต่ขนาดตัวของก็พอ ๆ กับแมวขนาดโตเต็มวัยอยู่ แต่มันก็ยังดูตัวเล็กในความรู้สึกของเจียงหลินอยู่เช่นเดิมถ้ามองจากรูปร่างของเจ้าเสี่ยวไป๋ในตอนนี้มันก็คงอายุได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้วอย่างแน่นอน ดังนั้นมันก็คงจะสามารถทานหมูย่างได้แล้วเมื่อคิดได้แบบนั้นเจียงหลินจึงได้เลือกทำหมูย่างให้มันน

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   เริ่มเปลี่ยนแปลง

    หลังจากที่เจียงหลินพูดคุยกับน้องทั้งสองจนเข้าใจกันดีแล้วนั้น ไม่นานนางจางที่ขายหมูจนหมดแล้วก็ได้กลับมาหาเจียงหลินอีกครั้งในช่วงปลายยามเซินเพื่อนำเงินกลับมามอบให้กับเด็กสาวอีกครั้ง และในการขายเนื้อหมูป่าในครั้งนี้ทำเงินให้กับเจียงหลินถึงห้าร้อยอีแปะ ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับชาวบ้านยากจนเช่นพวกนางหลังจากที่นางจางมอบเงินให้กับเจียงหลินเสร็จเรียบร้อยนางก็ขอตัวกลับบ้านไปในทันที เพราะนางเองก็ยังมีงานบ้านรออยู่อีกมากไหนจะยังมีข้าวเย็นที่ยังไม่ได้ทำอีกเล่า เจียงหลินเองก็เข้าใจถึงเรื่องนี้ดี นางจึงคิดที่จะรบกวนหญิงวัยกลางคนไปมากกว่านี้ต้นยามโหย่วก็ถึงเวลาที่เจียงหลินจะต้องลงมือทำอาหารเย็นแล้ว และนี้ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เจียงหลินต้องมาทำอาหารที่โลกแห่งนี้ แทนที่จะเป็นบ้านของตนเองในอีกที่แทนเพียงแต่ในตอนนี้ห้องครัวของนางยังคงขาดแคลนเครื่องมืออยู่มาก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เจียงหลินจึงได้เลือกหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับห่อใหญ่ออกมาห้าซองและนำไข่ไก่ออกมาอีกหนึ่งแผง ถ้วยอีกห้าใบ และสิ่งสุดท้ายที่สามารถนำออกมาได้ก็คือหม้อต้มเมื่อได้ของครบตามต้องการแล้วเจียงหลินจึงได้เริ่

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   บอกความจริง

    เจียงหลินใช้เวลาเก็บกวาดและล้างทำความสะอาดทั่วทั้งห้องครัวอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามจึงแล้วเสร็จในตอนนี้ภาพห้องครัวเก่า ๆ โทรม ๆ เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้านั้น ในตอนนี้กลายเป็นห้องครัวที่ดูสะอาดขึ้นมาในทันทีแต่ภายในห้องนอกจากเตาดินเผาภายในห้องก็ไม่มีข้าวของเครื่องใช้อย่างอื่นเลย พวกหม้อ กระทะ ถ้วนชาม ช้อน เครื่องปรุงต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ยังไม่มีทั้งสิ้นแต่เจียงหลินก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะนางมีข้าวของทุกอย่างครบอยู่ภายในมิติอยู่แล้ว จะติดก็เพียงแค่นางจะนำออกมาอย่างไรไม่ให้น้อง ๆ และท่านป้าจางสงสัยต่างหากเพราะเหตุนั้นเองนางจึงจำเป็นจะต้องหาตำลึงเงินมาไว้ในมือเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการนำข้าวของต่าง ๆ ออกมาได้อย่างไม่ต้องถูกสงสัยหลังจากที่ทำความสะอาดห้องครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งในตอนนี้เจ้าสองแฝดเองก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา เจียงหลินจึงได้เดินกลับเข้าไปภายในห้องนอนใหญ่ที่ตกเป็นของตนเองแทนในตอนแรกนางตั้งใจจะให้น้องทั้งสองนั้นนอนที่ห้องนอนใหญ่ ส่วนตัวเองจะไปนอนห้องนอนที่เล็กลงกว่านี้แต่น้องทั้งสองของนางกลับไม่ยอมและยังบังคับให้นางนอนห้องนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ห้องนอนใหญ่ที่ถึงจะบอกว่ามันใหญ่

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   หมู่บ้านหนานเจียง

    เจียงหลินเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ชาวบ้านพากันใช้เดินทางจนในที่สุดก็ไปโผล่ที่ลำธารสายหลักของหมู่บ้านหนานเจียงแห่งนี้ได้ในที่สุดและตลอดทางที่นางเดินผ่านไปนั้นทั้งสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นหญ้ารกบ้าง เตี้ยบ้าง บ้างก็มีผักป่าที่คนภายในหมู่บ้านไม่รู้จักและไม่กล้าเก็บมันกลับไปทำอาหารแต่สำหรับเจียงหลินที่รู้จักผักพวกนั้นแล้ว นางก็ไม่รอช้ารีบเก็บผักป่าพวกนั้นลงไปในตะกร้าเก่า ๆ ที่สะพายอยู่บนบ่าติดตัวมาด้วยอย่างขยันขันแข็งจนในที่สุดเจียงหลินก็เดินมาถึงลำธารที่เป็นเป้าหมายหลักในครั้งนี้ เมื่อมาถึงจุดหมายเป็นที่เรียบร้อย นางก็เริ่มมองสำรวจลำธารตรงหน้าในทันทีเพื่อหาดูว่ามีสิ่งใดที่น่าสนใจเหมาะสำหรับนำกลับไปทำเป็นอาหารเย็นของวันนี้ด้วยบ้าง และสายตาของเจียงหลินก็พบเข้ากับผักบุ้งน้ำที่เกิดขึ้นอยู่ตามริมฝั่งของลำธารสายนี้ที่มีจำนวนมากมายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางมองเลยไปอีกเล็กน้อยที่มีต้นผักตบชวาขึ้นอยู่ไม่ไกล จู่ ๆ สายตาของนางก็สบเข้ากับเจ้าก้อนกลม ๆ สีขาวที่คล้ายกับลูกแมวตัวเล็กกำลังติดอยู่บนกอผักตบชวาเหล่านั้นด้วยความสงสารและนางเป็นคนที่รักสัตว์อยู่แล้วเจียงหลินจึงได้เร่งฝีเท้าเดินตรงไปยังริ

  • ทะลุมิติมารับบทพี่สาวของเจ้าสองแฝดพร้อมกับมิติห้างสรรพสินค้า   พวกท่านกลับไปเถอะ

    “ข้านะหรือเนรคุณ?”เจียงหลินเอ่ยสวนกลับนางเจียงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจขึ้นมาถึงกับกล่าวหาที่ดูจะไม่สมเหตุสมผลของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย“ใช่! เจ้ามันเนรคุณ แทนที่ได้อาหารดี ๆ จะนำไปแบ่งให้กับท่านลุงของเจ้าที่อุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้ากับน้อง ๆ มาตั้งหลายปี”“แต่นี่เจ้ากลับบอกให้พวกข้านำข้าวสารมาแลกเพื่อจะได้เนื้อหมูนี้ไปมันใช้ได้ที่ไหนกัน”นางเจียงที่ไม่ต้องการเสียข้าวสารแม้แต่เม็ดเดียวให้กับเจียงหลินจึงได้เอ่ยต่อว่าอีกฝ่ายโดยอ้างบุญคุณของสามีขึ้นมาเพื่อทำให้เด็กสาวตรงหน้ายอมมอบเนื้อหมูให้กับตนเองเปล่า ๆ เพื่อแทนคำขอโทษ“ท่านป้าสะใภ้นี่ช่างทำให้ข้าเปิดหูเปิดตายิ่งนัก ในเมื่อท่านกล้ายกเรื่องบุญคุณขึ้นมาเช่นนี้ ข้าเองก็ขอยกบุญคุณที่ท่านพ่อท่านแม่เคยช่วยเหลือพวกท่านขึ้นมาพูดบ้างดีหรือไม่เจ้าคะ”“เงินสามตำลึงที่พวกท่านหยิบยืมจากท่านแม่ของข้า พวกท่านจะชดใช้ให้กับข้าเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ?”“!!!”จบคำพูดของเจียงหลินใบหน้าของนางเจียงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที เพราะนางไม่คาดคิดว่าเด็กสาวน่าตายตรงหน้าจะกล้าเอ่ยทวงหนี้ตนเองต่อหน้าสองสามีภรรยาบ้านจางอย่างไม่ไว้หน้าตนเองเช่นนี้“ตำลึงอะไร?ข้าเคยหยิบยืมมารดาของเจ้ามา

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status