“พี่ใหญ่ได้มันมาจากไหนกันขอรับ”
เจียงหยวนเอ่ยถามพี่สาวด้วยใบหน้าใสซื่ออย่างใคร่รู้ว่าเจ้าหมูป่าตัวนี้พี่สาวของตนเขาได้มาได้อย่างไรกัน
“พี่ได้มาตอนที่ไปเก็บฟืนที่ชายป่าหลังบ้านเรานั่นแหละ มันวิ่งเข้ามาหาพี่เพื่อจะทำร้าย พี่ก็เลยจัดการฟาดมันจนตายแล้วค่อยหามกลับมาที่บ้านของเราอย่างไรเล่า”
“แต่ยังดีที่มันไม่ใช่หมูป่าตัวใหญ่มันยังเป็นเพียงลูกของหมูป่าเท่านั้น พี่จึงสามารถจัดการมันลงได้ แต่ถ้าพวกเจ้าทั้งสองพบเห็นพวกมันแล้วละก็จงวิ่งหนีให้เร็วที่สุดหรือไม่ก็รีบหนีขึ้นต้นไม้ในทันที”
“อย่าได้คิดจะเผชิญหน้ากับสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์แบบไหนก็ตามแต่ เข้าใจหรือไม่?”
เจียงหลินรีบเอ่ยบอกกับน้องทั้งสองของตนเองและยังสอนวิธีการเอาตัวรอดจากหมูป่าพวกนี้เผื่อวันข้างหน้าพวกเขาจะสามารถนำไปใช้ในการเอาตัวรอดจากสัตว์สี่เท้าพวกนี้ได้
“เจ้าค่ะ/ขอรับ”
ทางด้านเจ้าสองแฝดเองก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังคำสอนของผู้เป็นพี่สาวกันอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่พวกเจ้าสองแฝดจะเอ่ยรับคำของพี่สาวอย่างว่าง่าย
“ดีมาก แต่ในตอนนี้เสี่ยวหยวนเจ้าช่วยไปตามท่านป้าจางมาที่บ้านของเราให้พี่ใหญ่หน่อยได้หรือไม่”
“ได้เลยขอรับ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จบคำพูดของเจียงหลิน น้องชายตัวเล็กน่ารักของนางก็รีบเอ่ยตอบรับคำของพี่สาวแล้ววิ่งไปยังบ้านของป้าจางในทันทีโดยไม่ต้องรอให้เจียงหลินได้บอกกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
แต่กลับเป็นความน่ารักของเด็กน้อยที่ทำให้เจียงหลินอดที่จะเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาไม่ได้
“พี่ใหญ่แล้วข้าเล่าเจ้าคะ จะให้ข้าช่วยอะไรดีเจ้าคะ”
ทางด้านเจียงหลานเองเมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนใช้งานน้องชายไปแล้วจึงอดรู้สึกอิจฉาแฝดผู้น้องไม่ได้ เด็กน้อยจึงได้เอ่ยถามกับพี่สาวพร้อมใบหน้าคาดหวัง
จนเจียงหลินนั้นรู้สึกขบขันกับความน่ารักเช่นนี้ของน้องสาวของตนเองเป็นอย่างมาก แต่เพื่อรักษาน้ำใจของน้องสาวเจียงหลินจึงได้คิดหางานให้อีกฝ่ายได้ทำเช่นเดียวกัน
“เช่นนั้นเสี่ยวหลานช่วยขนฟืนพวกนี้เข้าไปยังห้องครัวช่วยพี่ดีหรือไม่”
เจียงหลินเอ่ยบอกกับน้องสาวพร้อมกับชี้มือไปยังกองฟืนที่นางเพิ่งจะแบกลงมาจากเขาให้อีกฝ่ายได้รับรู้และเพื่อเป็นการถามความสมัครใจของเด็กน้อยตรงหน้าอีกด้วย
“ได้เลยเจ้าค่ะ ข้าทำได้”
ทางด้านเจียงหลานเมื่อได้ยินคำถามจากพี่สาวเด็กน้อยก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยตอบรับคำพูดของพี่สาวในทันที
จากนั้นร่างเล็ก ๆ ก็เดินตรงไปยังกองฟืนที่กองอยู่ไม่ไกล แล้วเริ่มขนย้ายท่อนฟืนเข้าไปเก็บภายในห้องครัวช่วยพี่สาวของตนอย่างขยันขันแข็ง
เจียงหลินยืนมองภาพของน้องสาวตัวน้อยของตนเองด้วยใบหน้าแห่งความปลื้มใจที่เด็กน้อยเพียงเท่านี้กลับมีใจอยากจะช่วยเหลือนางทำงาน
น้องน้อยทั้งสองของนางช่างรู้ความยิ่งนัก ก่อนที่เจียงหลินจะเดินเข้าไปช่วยน้องสาวขนฟืนเข้าไปเก็บอีกแรงเช่นเดียวกัน
ทางด้านของเจียงหยวนเองในตอนนี้ร่างเล็ก ๆ ผอมแห้งก็วิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของนางจางเป็นที่เรียบร้อย
เด็กน้อยยืนหอบหายใจจากความเหนื่อยล้าเล็กน้อย จากนั้นเจียงหยวนน้อยจึงได้ส่งเสียงเรียกป้าจางผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นมา
“ท่านป้าจางขอรับ อยู่หรือไม่?”
เสียงเล็ก ๆ ของเจียงหยวนที่ร้องเรียกหญิงวัยกลางคนอยู่หน้าบ้านนั้นเรียกความสนใจจากชาวบ้านคนอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือนางจวนที่เป็นสหายของนางเจียงหลี่ป้าสะใภ้ของเจียงหลินรวมอยู่ด้วย
เพราะบ้านของนางจวนอยู่ติดกับบ้านของนางจางถัดมาเพียงหลังเดียวเท่านั้น ย่อมได้ยินเสียงของเด็กน้องเจียงหยวนที่กำลังเอ่ยเรียกนางจางอยู่หน้าบ้านได้อย่างชัดเจน
“มาแล้ว ๆ อ้าวเสี่ยวหยวนเองหรอกหรือ ว่าอย่างไรกันเด็กดี มีเรื่องอะไรให้ป้าช่วยอย่างนั้นหรือ”
นางจางที่กำลังทำอาหารกลางวันอยู่ภายในบ้านเมื่อได้ยินเสียงเรียกตนเองอยู่หน้าบ้าน ก็ได้รีบเดินออกมาดูว่าเป็นเด็กน้อยที่ไหน และเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยที่กำลังยืนเรียกตนเองอยู่หน้าบ้านนั้นคือเจียงหยวน
นางจางก็เร่งฝีเท้าเข้าไปหาร่างเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยถามเด็กน้อยเจียงหยวนในทันทีว่ามีเรื่องอะไรให้นางช่วยหรือไม่
“ท่านป้าจางพี่ใหญ่ให้ข้ามาตามท่านไปพบที่บ้านขอรับ เหมือนว่าจะเป็นเรื่องสำคัญขอรับ”
เจียงหยวนน้อยเมื่อเห็นร่างท้วมของนางจางเดินออกมาถามไถ่ตนเองก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยบอกถึงธุระที่ตนเองได้รับมาจากพี่สาวให้กับหญิงวัยกลางคนได้รับรู้ในทันทีเช่นเดียวกัน
“โอ้ว เสี่ยวหลินมีเรื่องอย่างนั้นหรือได้ ๆ เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปที่บ้านของเจ้ากันตอนนี้เลย”
ทางด้านนางจางเมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องสำคัญก็รีบเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนที่นางจางจะรีบจูงมือของเจียงหยวนน้อยกลับไปยังบ้านของเขาในทันทีด้วยใจที่เป็นกังวล เกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดีขึ้นกับสามพี่น้องอีกครั้ง
โดยที่สองป้าหลานนั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าในตอนนี้ทางด้านหลังของตนนั้นได้มีนางจวนเดินตามหลังไปเพื่อดูเรื่องราวเช่นเดียวกัน
ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งจิบชาร่างของนางจางกับเจียงหยวนก็ได้เดินมาจนถึงหน้าบ้านของเด็กน้อยเป็นที่เรียบร้อย
แต่แล้วร่างของนางจางก็ต้องหยุดนิ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน เมื่อเห็นว่าในตอนนี้ที่ด้านหน้าของนางนั้นมีร่างของหมูป่าอายุน่าจะประมาณสามสี่เดือนนอนแน่นิ่งอยู่
ยังไม่ทันที่นางจางจะได้เอ่ยถามเรื่องราวกับเด็กน้อยข้าง ๆ ร่างของสองพี่น้องบ้านเจียงอีกสองคนก็กำลังเดินออกมาจากห้องครัวตรงข้างบ้าน หลังจากที่ช่วยกันนำท่อนฟืนเข้าไปเก็บเสร็จพอดี
“เสี่ยวหลิน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน แล้วร่างของหมูป่าตัวนี้มาได้อย่างไรกัน หรือว่ามันบุกเข้ามาทำร้ายพวกเจ้าถึงในบ้านอย่างนั้นหรือ”
นางจางที่รู้สึกตกใจและเป็นห่วงหลาน ๆ ทั้งสามของตนเองก็ถึงกับรัวคำถามใส่เจียงหลินด้วยความรวดเร็ว
“ท่านป้าจางเจ้าคะ พวกข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ หมูป่าตัวนี้ข้าล่ามันได้จากชายป่าหลังบ้านห่างออกไปไม่ไกลเจ้าค่ะ”
“พอดีมันพุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายข้า ข้าก็เลยใช้ไม้ฟาดมันจนตาย ก่อนจะลากมันกลับมาเป็นอาหารอย่างที่ท่านเห็นนี่แหละเจ้าค่ะ”
เจียงหลินที่เห็นท่าทางร้อนรนของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่เป็นห่วงตนเองกับน้อง ๆ ก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่นางจะรีบเอ่ยบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้กับนางจางฟังโดยละเอียด
เมื่อนางจางได้ยินว่าเด็กสาวตรงหน้าล้มหมูป่าตัวขนาดกลาง ๆ ลงได้ด้วยตนเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ไม่ใช่ว่าตกใจเพียงแค่เด็กสาวสามารถล้มหมูป่าที่มีกำลังมหาศาลลงได้เพียงตัวคนเดียวเท่านั้น
แต่นางจางยังรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เด็กสาวถูกหมูป่าพุ่งเข้าทำร้ายอีกด้วย แต่เมื่อมองสำรวจไปทั่วทั้งตัวของเด็กสาวแล้วไม่พบบาดแผลใด ๆ หญิงวัยกลางคนจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ก็ยังอดที่จะเอ่ยตักเตือนเจียงหลินไปอีกหลายประโยค
“เสี่ยวหลิน คราวหน้าคราวหลังเจ้าอย่าได้สิ้นคิดเช่นวันนี้อีกเข้าใจหรือไม่ ถึงอย่างไรนั่นก็คือหมูป่าที่ดุร้าย หากวันหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่นวันนี้แล้วน้อง ๆ ของเจ้าเล่าจะเป็นเช่นไร”
“เจ้าค่ะท่านป้าจาง เสี่ยวหลินจะจำเอาไว้ให้ดี วันหลังหากพบกับหมูป่าอีกข้าจะรีบวิ่งหนีให้สุดชีวิตเลยเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าอยากให้ท่านป้ากับท่านลุงจางช่วยนำข้าวสารมาแลกเปลี่ยนกับเนื้อหมูป่าของข้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”
เจียงหลินที่เห็นท่าทางเคร่งขรึมของนางจางก็รีบเข้าไปพูดจาออดอ้อนอย่างเอาใจ จากนั้นนางจึงได้เอ่ยถึงเรื่องสำคัญที่ตนเองให้น้องชายไปตามหญิงวัยกลางคนมาที่บ้านในวันนี้
“ไม่ต้องนำเนื้อพวกนี้มาแลกก็ได้ ป้ากับท่านลุงจางได้พูดคุยกันเอาไว้แล้วว่าจะนำข้าวสารมาให้เจ้ากับน้อง ๆ เอาไว้หุงทานกัน ส่วนเนื้อหมูป่าพวกนี้เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นอาหารในวันต่อ ๆ ไปเถิด”
นางจางเอ่ยบอกกับเจียงหลินอย่างใจดีและเอ็นดู แต่เจียงหลินกลับรู้สึกว่าไม่สมควร เพราะนางเองก็เป็นคนที่เติบโตมาด้วยความยากลำบาก เพราะอย่างนั้นนางจึงไม่คิด จะรับข้าวสารจากท่านป้าจางมาเปล่า ๆ อย่างแน่นอน
“จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”
“ในเมื่อพี่จางไม่รับเช่นนั้นข้าขอรับไปทั้งหมดแทนท่านก็แล้วกันนะเจ้าคะ”
“!!!”
ในขณะที่เจียงหลินกับนางจางกำลังถกเถียงกันเรื่องหมูป่าอยู่นั้น จู่ ๆ แขกไม่ได้รับเชิญอย่างนางเจียงหลี่ก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางด้านหลังของทั้งสี่คนด้วยฝีมือของนางจวนที่วิ่งแจ้นไปบอก พร้อมกับคำพูดที่แสดงออกถึงเจตนาที่มาในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน
****************************************************************************************************************************************
ยังไม่ทันจะได้กินเนื้อเลย อิป้าข้างบ้านนี่ก็สาระแนเรื่องชาวบ้านเขาจริง ๆ