บนชั้นสองเองก็ยังมีร้านต่าง ๆ อีกหลายแห่งที่สำคัญอยู่ไม่น้อย เช่น ร้านขายชุดเสื้อผ้า ร้านขายอุปกรณ์สำหรับตกแต่งบ้าน ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
ถัดจากชั้นสองขึ้นไปบนชั้นสามจะเป็นร้านเกี่ยวกับร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องสำอาง แต่ร้านที่ทำให้ดวงตาของเจียงหลินต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึงและรู้ว่าร้านนี้เป็นร้านที่นางจะสามารถทำเงินจากโลกแห่งนี้ได้มาก
ร้านที่เอ่ยมานั้นก็คือร้านขายทองคำ จำนวนสามสี่ร้าน เห็นดังนั้นเจียงหลินก็พุ่งตัวเข้าไปภายในร้านขายทองคำในทันทีด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
อย่างน้อย ๆ นางก็ยังสามารถนำทองคำจากร้านพวกนี้ออกไปขายเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพตนเองกับน้องน้อยทั้งสองของตนเองได้ไปอีกนานอยู่
เมื่อเจียงหลินเดินเข้ามาภายในร้านขายทองคำก็เห็นว่าจะมีสินค้าจำพวกสร้อยคอทองคำที่มีลวดลายต่าง ๆ แขวนโชว์อยู่บนแผงของร้านไม่น้อย
และมีตั้งแต่ขนาดเส้นเล็กไปจนเส้นใหญ่ที่มีน้ำหนักมากพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเจียงหลิน นางยังคงกวาดสายตามองหาทองคำที่เป็นแบบแท่ง เพราะมันคงจะง่ายต่อการนำไปขายมากกว่าทองคำแบบเป็นเส้นนั่นเอง
ในที่สุดสายตาของเจียงหลินก็หาสิ่งที่ตามหาพบ ทองคำที่เป็นรูปแบบแท่งที่มีขนาดตั้งแต่หนึ่งบาทขึ้นไปจนถึงสิบบาทนั้นนอนเรียงกันอยู่ด้านขวามือภายในตู้โชว์ของร้านอย่างเป็นระเบียบ
“นี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้ข้ากับน้อง ๆ สามารถมีชีวิตรอดในตอนนี้ได้ เอาไว้วันหลังค่อยหาเวลานำมันออกไปขายที่ตัวเมืองก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ข้าคงต้องออกไปก่อนแล้ว เพราะเจ้าสองแฝดคงจะรอจนหิวมากแล้วเป็นแน่”
“เสี่ยวติง ข้าไปก่อนนะแล้วจะกลับมาใหม่”
เจียงหลินที่เอ่ยตกลงกับตนเองเสร็จเป็นที่เรียบร้อยดีแล้วก็ได้เอ่ยบอกกับเสี่ยวติงผู้ดูแลมิติแห่งนี้ในทันที จากนั้นเจียงหลินจึงได้หลับตาลงตั้งสมาธิแล้วออกมาจากมิติในทันที
หลังจากที่ดวงจิตของเจียงหลินกลับเข้าร่างเช่นเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปลือกตาที่เคยปิดสนิทก็เปิดขึ้น พร้อมกับกะพริบตาอีกสองสามครั้งเป็นการปรับสายตา
จนเมื่อเจียงหลินสามารถมองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจนนางก็พบว่าข้าง ๆ ของนางในตอนนี้ได้มีร่างเล็ก ๆ ของน้องทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่อย่างสนิท
เห็นแบบนั้นแล้วเจียงหลินจึงได้ ค่อย ๆ ลุกขึ้นเพื่อออกไปเตรียมอาหารเที่ยงให้กับเด็กน้อยทั้งสองคนได้ทาน
เจียงหลินเดินออกมาจากตัวบ้านก็ตรงไปยังห้องครัวเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่พอจะสามารถนำมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ในการทำอาหารได้บ้างหรือไม่
แต่เจียงหลินก็ต้องรู้สึกหมดหวังลงไปในทันที เพราะนอกจากภาพห้องโล่ง ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่แล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย ยังดีที่ยังมีเตาเอาไว้ใช้สำหรับทำอาหารอยู่
ไม่รอช้าเจียงหลินรีบเดินตรงไปยังชายป่าหลังบ้านในทันทีเพื่อหาฟืนมาก่อไฟสำหรับทำอาหารทานกับน้อง ๆ และยังถือโอกาสในครั้งนี้มองสำรวจไปรอบ ๆ ที่ดินบ้านของตนเองไปด้วย
เดินเพียงหนึ่งจิบชาก็ถึงบริเวณชายป่าหลังบ้านของตนเองแล้ว เจียงหลินที่กำลังมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะไปหยุดลงที่กองกิ่งไม้ที่หักลงมากองอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกลด้วยสายตาเรียบนิ่ง
แต่หูของนางกลับได้ยินเสียงคล้าย ๆ น้ำกำลังไหลผ่านอยู่ไม่ไกล เมื่อลองเดินตามเสียงน้ำไปเพียงหนึ่งจั้งก็พบเข้ากับลำธารขนาดเล็กที่ไหลลงมาจากภูเขาตัดผ่านหลังบ้านของนางไปเล็กน้อย
แต่กลับไม่มีใครสนใจเพราะที่ดินตรงนี้เป็นที่ดินว่างเปล่าไร้เจ้าของ อีกทั้งยังเป็นที่ดินติดชายป่าด้วย ชาวบ้านหนานเจียงจึงไม่สนใจที่จะซื้อเก็บเอาไว้ทำการเกษตร
แต่ไม่ใช่สำหรับเจียงหลินที่คิดว่านางจะต้องมาซื้อที่ดินติดกับที่ดินบ้านของตนเองผืนนี้เอาไว้ใช้สำหรับเพาะปลูกให้ได้
และสายน้ำนี้ยังสามารถทำเส้นทางไปยังบ้านของนางได้ เพื่อที่นางกับน้อง ๆ จะได้ไม่ต้องเดินไปตักน้ำไกลถึงลำธารที่อยู่อีกฟากของหมู่บ้านให้เหนื่อยอีกต่อไป
“นี่มันทำเลทองคำชัด ๆ เลยนี่นา แต่คงเพราะพวกชาวบ้านกลัวสัตว์จะลงมาทำร้ายกระมังจึงได้ปล่อยร้างที่ดินเช่นนี้ไป แต่ก็ดีแล้วเพราะไม่อย่างนั้นข้าก็คงจะไม่ได้มันมาครอบครองง่าย ๆ อย่างแน่นอน”
เจียงหลินยังคงยืนนิ่งเอ่ยพึมพำกับตนเองโดยไม่ได้สนใจรอบ ๆ ข้างเลยว่าในตอนนี้ที่ด้านหลังของนางนั้นได้มีสัตว์สี่เท้าขนาดความสูงเท่ากับหัวเข่าของนางกำลังยืนจ้องมองมาที่เจียงหลินด้วยสายตามุ่งร้าย
และไม่รอช้าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นก็พุ่งตัววิ่งเข้ามาหาร่างของเจียงหลินในทันทีด้วยความรวดเร็ว เจียงหลินที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ จากทางด้านหลังจึงได้หมุนตัวกลับไปมองยังที่มาของเสียง
แต่แล้วเจียงหลินก็ต้องรีบกระโดดหลบหนีตายเพียงเสี้ยววินาที เพราะเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นเองก็พุ่งเข้ามาจนเกือบจะถึงตัวของเจียงหลินแล้วเช่นเดียวกัน
“หมูป่าอย่างนั้นหรือ! ให้ตายสิ นี่ข้ากำลังจะได้อาหารมื้อใหญ่ใช่หรือไม่กัน”
นอกจากเจียงหลินจะไม่รู้สึกกลัวหรือตกใจกับสัตว์ป่าที่มีนิสัยดุร้ายที่กำลังหมุนตัวกลับพุ่งตรงมาที่ตนเองแล้ว นางยังเหยียดยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจที่เพียงออกมาเก็บฟืนกลับจะได้อาหารมื้อใหญ่กลับบ้านด้วยเสียแล้ว
และในจังหวะที่หมูป่าตัวนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามายังร่างของนางด้วยความเร็ว เจียงหลินก็ได้หยิบเอาไม้เบสบอลจากมิติออกมา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเจ้าหมูป่าตัวนั้นเล็กน้อยแล้วออกแรงทั้งหมดที่มีหวดไม้เบสบอลเข้าไปตรงกลางหัวของเจ้าหมูป่าอย่างแม่นยำ
ทำให้เจ้าหมูป่าตัวนั้นถึงกับตายคาที่เพราะแรงกระแทกจากไม้เบสบอลที่เจียงหลินฟาดใส่อย่างไม่ออมแรงนั้น จนร่างใหญ่ ๆ ของหมูป่าตัวดังกล่าวนอนตายสนิทอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เจียงหลินยืนอยู่
เมื่อเห็นว่าอาหารมื้อเที่ยงของตนเองนอนสิ้นใจตายสนิทแล้วเจียงหลินจึงได้รีบเก็บไม้เบสบอลกลับเข้าไปภายในมิติของตนเอง ก่อนที่นางจะเดินตรงไปยังร่างของหมู่ป่า จากนั้นจึงได้ออกแรงลากขาทั้งสองข้างของหมูป่ากลับไปที่บ้านในทันที
ตุบ!
เสียงของหนัก ๆ ถูกวางลงที่หน้าบ้านทำให้เด็กแฝดทั้งสองสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาในทันทีด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ ทั้งสองจะรีบลุกวิ่งออกไปยังหน้าบ้านเพื่อดูว่าที่มาของเสียงนั้นมาจากที่ไหน
แต่เมื่อเจียงหลานกับเจียงหยวนเห็นต้นเหตุของเสียงแล้วนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็แข็งค้างอยู่กับที่พร้อมกับเกร็งตัวกลั้นหายใจด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
ภาพหมูป่าตัวใหญ่เกือบเท่าตัวของพวกเขา กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าบ้านของพวกเขานั้นทำให้เด็กน้อยทั้งสองแทบจะกลายเป็นหินด้วยความหวาดกลัว
แต่เมื่อเจ้าสองแฝดมองไปเห็นร่างของพี่สาวตนเองที่กำลังเดินกลับมาพร้อมกับฟืนบนหลังก็ทำให้เด็กน้อยทั้งสองรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ก่อนที่ร่างเล็ก ๆ ทั้งสองจะรีบวิ่งเข้าไปหาร่างของผู้เป็นพี่สาวด้วยความรวดเร็ว และยังเอ่ยบอกกับพี่สาวของตนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“พี่ใหญ่! หมูป่าขอรับ หมูป่าตัวใหญ่มากมันกำลังจะกินข้ากับเสี่ยวหลานแล้ว!”
เจียงหยวนเอ่ยฟ้องพี่สาวของตนเองพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้มด้วยความหวาดกลัวจนดูน่าสงสาร
“เสี่ยวหยวน มันกินเจ้ากับเสี่ยวหลานไม่ได้หรอกนะ พี่ใหญ่ฆ่ามันตายแล้ว ตอนนี้มีแต่พวกเราที่จะกินมันแทนต่างหากเล่า เด็กดีหยุดร้องไห้ก่อนดีหรือไม่”
เจียงหลินที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของน้องทั้งสองก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพราะนางลืมไปเสียงสนิทเลยว่าน้อง ๆ ของตนนั้นยังเด็กมากย่อมต้องกลัวหมูป่าตัวนี้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าน้องชายผู้น่าสงสารกำลังร้องไห้อย่างหนักด้วยความหวาดกลัวนางจึงได้เอ่ยปลอบประโลมน้องชายของตนเองด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมทั้งส่งยิ้มไปให้กับเจียงหยวน
“จริงหรือขอรับ…”
ทางด้านเจียงหยวนที่เมื่อได้ยินว่าเจ้าสัตว์น่ากลัวตรงหน้าได้ตายลงไปแล้ว และยังจะกลายมาเป็นอาหารของพวกเขา ก็ได้หยุดร้องไห้ลงไปจากนั้นร่างเล็ก ๆ ที่ซุกอยู่ทางด้านหลังของพี่สาวจึงได้โผล่ใบหน้าน้อย ๆ ออกมาเอียงคอถามด้วยสีหน้าใสซื่ออีกครั้ง
“จริงสิ เจ้าดูสิว่ามันนอนนิ่งไม่ขยับเลยเห็นหรือไม่”
เจียงหลินเอ่ยบอกกับน้องชายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับพยักหน้าให้น้องชายมองดูร่างไร้วิญญาณของเจ้าหมูป่าที่น่าสงสารตรงหน้า
****************************************************************************************************************
เสี่ยวหยวนน้อยช่างน่าเอ็นดู แต่คือหมูป่ามาได้ถูกจังหวะมากจ้า