Share

บทที่ 5 คูปองเนื้อ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-14 03:23:07

ตั้งแต่ได้ใช้ชีวิตในร่างของเฉินเฟิ่นอี้นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอจะทำอาหารมื้อกลางวันไปส่งที่แปลงนาทุกวัน จะมีบางวันที่ป้าสะใภ้หรือแม่ของเธอมาช่วยถือตะกร้าอาหาร ต้องบอกว่าทุกคนมีเรี่ยวแรงมากขึ้นจริงๆ เมื่อรับประทานข้าวขาวเป็นมื้อกลางวัน

ยิ่งช่วงนี้บ้านเฉินจับกระต่ายที่ออกมากินธัญพืชที่กำลังเก็บเกี่ยวได้ ทุกคนก็ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากขึ้น หากเป็นปีก่อนๆ กระต่ายจะถูกนำไปขายในตำบล แต่เฉินเฟิ่นอี้ไม่ให้นำไปขาย อีกทั้งบางครั้งเธอก็ได้เนื้อกระต่ายเป็นรางวัล ปริมาณเนื้อกระต่ายจึงมีมากกว่าเดิม ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงสอบของน้องๆ แล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงต้องทำอาหารที่มีประโยชน์

และการสอบเลื่อนชั้นปีที่ว่าจริงๆ ทางโรงเรียนเรียกว่าสอบเทียบ หลังจากจบเทอมนี้ชั้นปีสุดท้ายก็จบการศึกษาทั้งมัธยมต้น และมัธยมปลาย ทำให้คนที่ยังไม่จบต้องสอบเทียบว่าจะผ่านหรือเปล่า ถ้าสอบผ่านก็จะจบแต่สอบไม่ผ่านต้องไปเรียนใหม่ทั้งหมด

ทีแรกผู้ปกครองของเด็กต่างไม่พอใจเพราะถ้าสอบไม่ผ่านและให้เข้าไปเรียนในอำเภอใหม่ เงินที่เคยจ่ายค่าเทอมไปล่ะ? อีกอย่างค่าใช้จ่ายในอำเภอไม่ใช่น้อยๆ แต่มีเด็กหลายคนที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะหากสอบผ่านมันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ

[คะแนนรวม : 89 แต้ม ]

เฉินเฟิ่นอี้มองกระดานใสตรงหน้าด้วยความภูมิใจ วันนี้เธอได้เพิ่มมาตั้งสิบห้าแต้มในการปลูกผักคนเดียว ยังดีที่สวนหลังบ้านมีแปลงผักที่ว่างแปลงหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ผ่านง่ายๆ แน่ จากนั้นจึงกดไปยังปุ่มรางวัลพิเศษ

“คูปองเนื้อ!”

มีหลายครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ได้รับคูปองหรือตั๋วเงิน แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือคูปองเนื้อสองชั่งจำนวนห้าใบ! ขอแค่ได้หนึ่งใบเฉินเฟิ่นอี้ก็พอใจเป็นอย่างมาก แต่วันนี้เธอได้รับถึงห้าใบเลยนะ!

คูปองเนื้อจำนวนห้าใบถูกเฉินเฟิ่นอี้เก็บลงในกล่องเก็บของสำคัญ นอกจากคูปองแล้วในนี้ยังมีตั๋วเงินและเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเงินเก็บแต่เดิมของเฉินเฟิ่นอี้ก็มีสามหยวน ตั๋วเงินที่ได้รับจากระบบก็ยังมีถึงสองร้อยหยวน! เงินจำนวนนี้ไม่น้อยเลย

ไม่มีใครรู้ว่าเฉินเฟิ่นอี้มีเงินเก็บเท่าไหร่และเธอก็จะไม่บอกใคร สัปดาห์หน้าจะมีการสอบเทียบและอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น โรงเรียนในอำเภอจะมีการเปิดการศึกษา ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้คิดที่จะหาบ้านเช่าอยู่รวมกับน้องๆ เดือนหนึ่งคงไม่เกินสิบหยวน

ซึ่งลุงสามของพวกเธอรับรู้เรื่องนี้แล้ว และบอกว่าหากทุกคนไปเรียนในอำเภอต้องหาบ้านเช่าสักหลังเพราะมันจะสะดวกมากกว่า หลังจากนี้จะส่งเงินมาเพิ่มซึ่งไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่ แต่เฉินเฟิ่นอี้คิดว่าลุงสามต้องทำภารกิจเสี่ยงอันตรายเพิ่มแน่ นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมแต่งภรรยา แม้ปู่เฉินย่าเฉินจะหาภรรยาให้ลุงสามแล้วก็ตาม

ยังดีที่เฉินไห่หลิวกับเฉินตงเรียนมัธยมต้น เฉินเฟิ่นอี้จึงสามารถอ่านหนังสือด้วยได้ เนื่องจากการขาดแคลนหนังสือและทรัพยากรต่างๆ เฉินเฟิ่นอี้จึงไม่มีหนังสือเก็บไว้ที่บ้าน จะมีก็แต่สมุดที่อ่านไม่ค่อยได้เพราะหมึกจางลง

ดูเหมือนเธอต้องให้พ่อของเธอพาเข้าไปในอำเภอและซื้อเนื้อมาทำอาหาร แต่คงไม่ใช่วันนี้และพรุ่งนี้เพราะการขอหยุดไม่ใช่เรื่องง่ายหากไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ ไม่เหมือนกับวันที่เฉินเฟิ่นอี้ล้มป่วย ที่คณะกรรมการในหมู่บ้านอนุญาตให้ผู้หญิงบ้านเฉินหยุดเพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัย

“ชิงชิงน้อย”

เฉินเฟิ่นอี้อ้าแขนออกเล็กน้อยให้น้องชายที่กำลังเล่นอยู่กับย่าเฉินวิ่งมาหา ก่อนจะอุ้มขึ้นและหอมแก้มอย่างที่เคยทำ เฉินชิงชิงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี

“พี่ฉาววว”

เฉินชิงชิงใช้มือกอดคอพี่สาวที่อุ้มตนเองแน่น ก่อนที่เฉินเฟิ่นอี้จะเดินไปหาย่าเฉินที่นั่งอยู่พร้อมยิ้มกว้าง เพราะเธอเห็นว่าย่าเฉินมีอายุมากแล้วทั้งยังชอบนอนพักกลางวันจึงเลี้ยงน้องชายให้ เฉินชิงชิงปกติก็ชอบนอนกลางวันแต่หลายวันมานี้คงร้อนมากเกินไปจึงไม่ยอมนอน

“พอเห็นพี่สาวแล้วลืมย่าเลยนะเจ้าห้า” ย่าเฉินว่าหลานชายพร้อมทั้งยื่นอาหารกลางวันของเฉินชิงชิงให้เฉินเฟิ่นอี้จัดการเหมือนที่ผ่านมา

วันนี้มีภารกิจปลูกผัก เฉินเฟิ่นอี้จึงให้ป้าสะใภ้มาเอาอาหารเอง โดยที่เธอทำเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองก็เพิ่งมาเอาไปไม่นาน พอดีกับที่เธอปลูกผักเสร็จ

เฉินเฟิ่นอี้ฉีกเนื้อกระต่ายตุ๋นใส่ถ้วยให้น้องชาย อาหารมื้อกลางวันของเขามีเนื้อกระต่ายตุ๋นฉีก ไข่ตุ๋นผักตำลึงที่ใส่ข้าวลงไปด้วยและน้ำซุปผักหลายชนิดที่มีรสชาติหวาน ก่อนจะจับน้องชายนั่งเก้าอี้ที่ให้พ่อของเธอทำขึ้น และวางอาหารลงบนโต๊ะให้เขาตักรับประทานเอง ส่วนเธอก็คอยมองห่างๆ

ก่อนหน้านี้ย่าเฉินจะป้อนเขาเพราะกลัวเลอะเทอะ แต่พออยู่ในความดูแลของพี่สาวอย่างเธอ เฉินเฟิ่นอี้จึงฝึกน้องให้รับประทานเอง เพราะเด็กวัยนี้ก็รู้ความมากแล้ว ส่วนชุดที่เลอะเธอก็ทำความสะอาดหลังรับประทานเสร็จพร้อมอาบน้ำให้เขา ย่าเฉินจึงไม่มีข้อโต้แย้งอีก

“ตั้งแต่หลานทำอาหารให้เขา เจ้าห้าก็อ้วนขึ้นมาก” ย่าเฉินหัวเราะพร้อมชี้ไปยังเสื้อที่เล็กลง และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ปกติถ้าไม่ใช่มันบดก็จะเป็นฟักทองผสมข้าว

“เขายังเด็กค่ะ ควรได้รับสารอาหารให้ครบ” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวยิ้มๆ ยื่นมือที่มีผ้าไปเช็ดปากให้น้องชายที่รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เสื้อผ้าของเขาก็ไม่ได้เลอะมาก

เพราะเฉินเฟิ่นอี้ยื่นคำขาดว่าหากอยากรับประทานของอร่อยแบบนี้อีก ต้องรับประทานให้หมดและห้ามเลอะ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมากจนคนในบ้านเฉินแปลกใจ

“หลานปลูกผักเสร็จแล้วหรือ”

“เสร็จแล้วค่ะ ฉันกินข้าวแล้วจึงมาดูชิงชิง” เพราะมันถึงเวลานอนพักกลางวันของย่าเฉินแล้ว

“อ้อ ย่าจะเดินไปบ้านหลินสักหน่อย ได้ยินว่าหลานสะใภ้บ้านหลินคลอดลูกเมื่อเช้า” ย่าเฉินบอกพร้อมชี้ไปยังบ้านหลินที่อยู่ไม่ไกล

“ค่ะ”

ตกเย็นเฉินเฟิ่นอี้ก็ทำอาหารรอทุกคนกลับมา วันนี้มีตุ๋นกระต่ายที่เหลืออยู่ และมีคะน้าผัดน้ำมันที่ทุกคนชอบรับประทานอีก พอมีเนื้อกระต่ายในมื้ออาหาร ไข่ไก่ในบ้านจึงยังเหลือแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก เพราะเฉินเฟิ่นอี้จะต้มให้น้องๆ คนละฟองก่อนไปเรียน ส่วนเฉินชิงชิงนั้นจะได้รับประทานแค่ในมื้อกลางวัน

“ฉันช่วยค่ะ” เฉินเหม่ยเย่ที่กลับมาถึงบ้านก็ตรงมายังห้องครัวเหมือนกับทุกวัน ช่วงหลังๆ มา ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของหล่อนดีขึ้นมากเพราะมีพี่สาวช่วยสอนทุกวัน คุณครูจึงไม่ได้สั่งการบ้านให้ทำ ทำให้หล่อนมีเวลาว่างเข้าครัวช่วยพี่สาว

เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าพร้อมลุกออกจากที่นั่งปล่อยให้เฉินเหม่ยเย่หั่นคะน้า ส่วนเธอเดินไปดูหม้อตุ๋นกระต่ายที่กำลังได้ที่ เติมน้ำลงไปเล็กน้อยพร้อมปิดฝา ไม่รู้ว่าย่าเฉินเห็นเธอต้องล้างหม้อบ่อยๆ หรือเปล่า ถึงกัดฟันซื้อหม้อใบใหม่มาหุงข้าว

“เฉินไห่หลิวกับเฉินตงล่ะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามถึงน้องชายอีกสองคน หลายวันมานี้พวกเขาชอบเข้ามาป่วนในครัวบ่อยๆ พร้อมเฉินเหม่ยเย่ จึงแปลกใจที่วันนี้ไม่เห็น

“พวกเขาไปเก็บฟืนกับเฉินจางค่ะ เมื่อเช้าคุณปู่สั่งไว้”

“อ้อ”

ระหว่างรอตุ๋นกระต่ายและคะน้าที่หั่นอยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็หันมาแกะเนื้อปลาที่พ่อของเธอได้มาเมื่อวาน วันนี้อาหารมื้อเย็นของเฉินชิงชิงมีเนื้อปลาต้มและผักลวกพร้อมกับข้าวที่หุงสองช้อน ไม่รู้ว่าเพราะชอบหรือกลัวจะไม่ได้รับประทานของอร่อยเฉินชิงชิงจึงไม่เหลือแม้แต่ผักให้ได้ทิ้ง

“พี่ทำอาหารให้เจ้าห้ากินจนอ้วน แม่บ่นๆ กับฉัน” เฉินเหม่ยเย่บอกพี่สาว เพราะแม่ของหล่อนกลัวว่าจะทำให้พี่สาวเสียใจจึงไม่กล้าพูด แต่ก็มีบ่นเรื่องนี้กับหล่อนระหว่างที่หล่อนช่วยเลี้ยงน้องชายคนเล็ก

“ไม่หรอก นี่แหละปกติแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้หัวเราะ คนในหมู่บ้านส่วนมากขาดสารอาหาร พอเห็นเฉินชิงชิงเริ่มมีเนื้อมีหนังก็คิดว่าอ้วนมากเกินไป ทั้งที่จริงแล้วสำหรับเธอยังผอมอยู่

รวมถึงทุกคนในบ้านที่ช่วงนี้เจริญอาหารขึ้นมาก เฉินเฟิ่นอี้ใช้ผักและปลาตากแห้งในการทำน้ำซุปสำหรับปรุงอาหาร ทั้งยังทำแต่อาหารที่มีประโยชน์

“จริงสิ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว พี่ไปลงชื่อสมัครสอบหรือยังคะ” เฉินเหม่ยเย่ถามด้วยความเป็นห่วง

“เฉินตงจัดการให้พี่แล้ว เธอไม่ต้องห่วง”

เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มอย่างเอ็นดูน้องสาวที่เป็นห่วงเธอ เพราะเฉินตงสนิทกับครูใหญ่ของโรงเรียน เขาจึงแอบถามว่าเจ้าตัวไม่มาสมัครเองได้หรือไม่ ตามคำบอกของเฉินเฟิ่นอี้ ซึ่งครูใหญ่ก็ตอบว่าถ้ามีปัญหาและมาไม่ได้จริงๆ ก็ลงชื่อไว้และครูใหญ่จะเป็นคนยืนยันเอง เมื่อวานเฉินตงบอกเธอว่าลงชื่อให้แล้ว

“ฉันกลัวว่าพี่จะไม่ได้ไปเรียนด้วยนี่คะ” เพราะลุงสามบอกให้เช่าบ้านอยู่ในอำเภอ หล่อนกลัวว่าจะต้องทำอาหารให้บรรดาพี่ชายและน้องชายรับประทานทุกวัน หล่อนทำอาหารได้แต่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

“ถ้าสอบเทียบไม่ได้ก็แค่เรียนใหม่” เธอได้ทบทวนดูแล้วยังมีเวลาให้เรียนอีกหลายปี ซึ่งต่อให้เฉินเฟิ่นอี้เรียนมัธยมต้นใหม่ มหาวิทยาลัยก็คงจะยังไม่เปิดให้สอบ

“ค่ะ”

“จริงสิ เธอรู้จักตลาดมืดหรือเปล่า” เฉินเฟิ่นอี้ขยับเข้าใกล้น้องสาวพลางกระซิบถามอย่างระมัดระวัง

“ตลาดมืด!” เฉินเหม่ยเย่ตาโตเมื่อได้ยินพี่สาวพูดถึงสถานที่ผิดกฎหมายและอาจถูกเยาวชนแดงจับไปทรมาน หล่อนพยักหน้าเล็กน้อยเพราะเพื่อนๆ ของหล่อนเคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง

“พี่อยากให้เธอขอพ่อให้ได้หรือเปล่า”

เฉินเฟิ่นอี้ไม่โง่พอที่จะไปคนเดียวและไม่ต้องการให้น้องสาวติดตามไปด้วย พ่อของพวกเธอดูเหมือนจะรักเฉินเหม่ยเย่มากกว่าเธอ เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้โอกาสนี้ส่งน้องสาวไป

“ฉันว่าพ่อคงห้ามค่ะ ต้องให้พวกพี่เฉินตงพาไป” คราแรกเฉินเหม่ยเย่ส่ายหน้าแต่สุดท้ายก็กระซิบบอกพี่สาว

“พวกเขาเคยไปเหรอ”

“ใช่ค่ะ”

ระหว่างพี่น้องบ้านเฉินไม่เคยมีความลับต่อกัน ขอเพียงแค่ถามและบางครั้งเฉินไห่หลิวกับเฉินตงชอบใช้โอกาสที่ได้เข้าไปในอำเภอ ไปที่ตลาดมืดแห่งนี้ พี่น้องไม่มีความลับต่อกัน แต่ไม่ใช่กับผู้ใหญ่เพราะรู้ว่าจะถูกห้าม

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทส่งท้าย

    วันที่ 5 เดือน 3 ปี 1984 งานมงคลสมรสของเฉินเฟิ่นอี้และโอวหยางจิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่ได้รับเชิญต่างพากันเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น เฉินเฟิ่นอี้ต้องลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ทั้งต้องคอยถามถึงหน้างานเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งที่รอคอยนั่นคือการแต่งงานสักครั้งในชีวิต ในตอนที่เป็นแป้งร่ำ เธอพลาดโอกาสนั้นแล้ว ครั้งนี้เฉินเฟิ่นอี้ย่อมไม่พลาด"พี่สาวสามสวยมาก" เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพี่สาวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ไม่ใช่งานของตนเองนาน ๆ ที เฉินเฟิ่นอี้จะได้แต่งหน้าและแต่งตัว หากไม่ใช่วันสำคัญ แต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเหมือนวันนี้ ภายใต้ชุดสีแดงมงคล เฉินเฟิ่นอี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาของน้องสาว"พี่สาวสามของเธอเป็นคนสวยมาตั้งนานแล้ว หล่อนแค่ไม่แต่งตัวเหมือนกับเธอที่ต้องทำงาน" พี่สาวใหญ่เดินเข้ามานั่งใกล้น้องสาวภายในห้องเจ้าสาวตอนนี้ มีพี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง เฉินเหม่ยเย่ และเฉินเฟิ่นอี้ที่เป็นเจ้าสาว ทั้งสี่คนเป็นหลานสาวสายหลักของลุงสามที่เป็นผู้นำตระกูล ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ยังเป็นคนสำคัญเฉินเฟิ่นอี้แต่งงานแล้วเธอจะเป็นคนของตระกูลโอวหยาง แต่ว่ายังสามารถมีปากเสียงในตระกูลเ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 156 เติบโต

    ต่อให้เร่งมากแค่ไหน การสร้างบ้านยังต้องใช้เวลาสองเดือน เฉินเฟิ่นอี้จึงใช้เวลาที่ว่างในการช่วยเฉียนลี่เซียนเปิดร้านตัดเย็บ มันเป็นเพียงการตัดเย็บที่ลูกค้าสั่งตัดไม่เกินห้าตัว ปะซ่อมบริเวณที่ขาดกว่าบ้านจะเสร็จ ร้านตัดเย็บเฉียนก็เริ่มเข้าที่แล้ว เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เธอปล่อยให้หล่อนจัดการร้านเอาเอง เพราะมีเฉียนเฟยเข้ามาช่วยจึงไม่ค่อยห่วงนักบ้านที่สร้างใหม่เป็นบ้านปูนห้าห้องนอน ล้อมรั้วแข็งแรงไม่ให้คนนอกเข้าไป แต่เฉินเฟิ่นอี้ฝากกุญแจให้ผู้ใหญ่บ้านจ้างคนไปทำความสะอาดข้างนอกบ้านให้ รวมถึงถางหญ้าในที่ดิน ค่าดูแลเดือนละยี่สิบหยวน แน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยอมจ่ายทันทีที่บ้านเสร็จ กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินทางกลับปักกิ่งเพื่อเริ่มงาน พวกผู้หญิงมีงานถ่ายแบบเข้ามาบ้าง เฉินเฟิ่นอี้อนุญาตให้ทำและลดเงินเดือนบางส่วนของพวกหล่อนลงร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ยอีกสองสาขาอยู่ห่างจากสาขาใหญ่พอสมควร แต่เป็นบริเวณที่มีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าร้านของเธอพี่ใหญ่เฉินเป็นคนหาให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสาขาที่สองเป็นสาขาที่เฉินเฟิ่นอี้สร้างร่วมกับน้องชายน้องสาว ส่วนสาขาใหญ่ตอนนี้มันเป็นเพียงชื่อของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าการ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 155 ยุติการขาย

    งานมงคลผ่านไปแล้ว มีแต่คนอิจฉาเจ้าสาวเพราะได้รับสินสอดจำนวนมาก หลังงานมงคลเฉินเฟิ่นอี้เรียกผู้รับเหมาเข้าไปดูบ้านพร้อมกับสร้างบ้านใหม่ด้วยเวลาอันน้อยนิด เฉินเฟิ่นอี้จ่ายไม่อั้นเพื่อให้บ้านเสร็จก่อนกลับปักกิ่ง แต่ถึงจะเสร็จไม่ทันเธอก็จะรอให้มันเสร็จก่อนอยู่ดี ต่อให้มีคนนินทาและด่าว่าโง่ที่เอาเงินมาทิ้งกับบ้านที่ไม่ได้อยู่ เฉินเฟิ่นอี้ก็ไม่ได้สนใจ"พี่จัดการเรื่องผ้าถุงเสร็จแล้ว พวกเรากลับไปที่ร้านกันก่อนเถอะครับ" โอวหยางจิงบอกคนรักที่นั่งรออยู่ในโรงงานวันนี้เฉินเฟิ่นอี้เข้ามาจัดการเรื่องที่จะให้โรงงานส่งผ้าถุงเข้าไปในปักกิ่ง ค่าใช้จ่ายในการขนส่งแน่นอนว่าเฉินเฟิ่นอี้ยินดีจ่าย ขอแค่ให้ของไปถึงมือส่วนร้านเซี่ยเซี่ยร้านแรกของเธอจะยุติการขาย เรื่องนี้ได้คุยกับลุงเหว่ยเทาไปแล้วตอนที่กลับมาถึงวันแรก แต่ต้องเข้าไปคุยอีกทีเพื่อยกเลิกสัญญาพอมีการประกาศออกไปดูเหมือนว่าทุกคนจะตกใจและรีบมาซื้อเก็บเอาไว้ สินค้าจะมีเหลือให้ขายเพียงห้าพันผืนสุดท้าย หากขายหมดก่อนร้านจะปิดลงทันที"ค่ะ"หากเป็นเมื่อก่อนเฉินเฟิ่นอี้กับโอหยางจิงคงปั่นจักรยานกัน แต่ตอนนี้คุณลุงโอวหยางให้คนรักของเธอนำรถมาใช้งานระหว่างอยู

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 154 บ้านหลังแรก

    วันที่เจ็ดเดือนสามปี 1982 กลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้เดินทางมาถึงบ้านพักในอำเภอจวี่ที่เป็นบ้านหลังเดิม และเพื่อนของลุงสามเป็นคนจัดพื้นที่เอาไว้ให้แล้วการเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีผู้ใหญ่บ้านเฉินเดินทางมาด้วย มีเพียงผู้ปกครองที่เดินทางกลับบ้าน เฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับน้อง ๆ ต้องการมาเข้าร่วมงานมงคลของเว่ยฟ่งกับเจียวซีถึงได้ตามกันมา ยกเว้นเฉินชิงชิงน้องชายคนเล็กของบ้านที่ปีนี้อายุสิบเอ็ดปีแล้วเฉินเฟิ่นอี้รับกุญแจจากลุงเหว่ยเทาทันทีที่มาถึง บ้านพักหลังนี้ถือว่าเป็นความทรงจำของเธอก็ว่าได้ อยู่มาตั้งหลายปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม"คุณลุงเหว่ยไม่ได้ปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่าเหรอคะ" เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่ในห้องโถง และสอบถามเรื่องราวระหว่างที่ไปอยู่ในปักกิ่ง"บ้านหลังนี้หลานบอกว่ามันเป็นความทรงจำไม่ใช่หรือ ถึงลุงไม่ได้ขายให้แต่ก็เก็บเอาไว้รอพวกหลานกลับมา" เหว่ยเทายิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยา สมบัติที่มีอยู่จึงเป็นของเขาและมีรายได้จากการปล่อยเช่าห้องพัก ไม่จำเป็นต้องปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ให้คนอื่น และเด็กบ้านเฉินก็เหมือนลูกเหมือนหลานของเขา"ขอบคุณค่ะ""ลุงสามฝากบอกว่าถ้ามีเวลาให้ขึ

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 153 เวลาไม่รอคอย

    หลังงานเลี้ยงจบลง ข่าวที่หลายคนจับตามองมากที่สุดไม่พ้นหลานชายหลานสาวของตระกูลเฉินมีคนรักแล้ว หลายคนยังคงต้องการขยับความสัมพันธ์ เผื่อว่าวันหน้าจะมีโอกาส จึงจ้างกลุ่มของเฉินเฟิ่นอี้ไปร่วมงานอยู่บ่อย ๆช่วงปิดภาคเรียนเป็นช่วงที่ต้องทำหลายอย่าง กว่าจะลงตัวก็เปิดภาคเรียนแล้ว ภาคเรียนที่สองเป็นภาคเรียนที่เหนื่อยมาก บ่อยครั้งที่เฉินเฟิ่นอี้ต้องนอนในหอพักของมหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนยังคงหนาแน่น ยิ่งที่บ้านย้ายเข้าไปอยู่ในเขตตระกูลเฉิน ทุกคนย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักทำให้ได้พบเจอหน้ากันทุกวันยิ่งได้อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิ่นอี้ ทุกคนต่างลงความเห็นที่จะทำงานกับเพื่อนสาว เว่ยฟ่งถึงขั้นต่อสายมาหาพ่อกับแม่เรื่องที่เขาเรียนจบแล้วจะกลับไปแต่งงานกับเจียวซีแล้วจะกลับมาอยู่ในปักกิ่งคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ผู้ชายเข้าไปช่วยรุ่นพี่โอวหยางจิงทำงาน ผู้หญิงช่วยเฉินเฟิ่นอี้ในร้านผ้าถุงเซี่ยเซี่ย ตอนนี้ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถือว่าคุ้มเพราะช่วยอยู่เบื้องหลังแค่มาเรียนปีแรกก็ทำเอาผู้ปกครองปวดหัวแล้ว ปีที่ีสองยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่มีใครกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน ถ้าอยากเจอก็ให้เดินทางมาหาความสัมพัน

  • ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสาวน้อยพร้อมระบบเส็งเคร็งยุค 70   บทที่ 152 งานเลี้ยงต้อนรับ

    หลานชาย หลานสาว รวมถึงกลุ่มเพื่อนสนิทถูกจับแต่งตัวให้เหมาะสมกับงานสำคัญ อันที่จริงกลุ่มเพื่อนของเฉินเฟิ่นอี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมก็ได้ แต่ทุกคนลงความคิดเห็นว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านเฉินแล้วแขกภายในงานมีหลายคนที่เคยสนิทกับคนในตระกูลเฉิน เพราะฉะนั้นเฉินเฟิ่นอี้จึงพยายามบอกคนอื่นให้หลีกเลี่ยงเท่าที่จะทำได้เฉินเฟิ่นอี้มองชุดที่ออกแบบด้วยฝีมือของพี่เยี่ยฉิงจากร้านเยว่ซิน ทันทีที่จะมีการจัดเตรียมงานเธอได้ทำการติดต่อขอตัดเย็บเสื้อผ้าให้ และตระกูลเยี่ยคือหนึ่งในพันธมิตรของปู่เธอ"เสียดายจริง ๆ ที่เธอไม่คิดจะทำงานในวงการบ้างหรือ" เยี่ยฉิงมองชุดบนตัวของเฉินเฟิ่นอี้"ไม่ละค่ะ ฉันชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่า" เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธไป ให้ช่วยแต่งหน้าหรือทำอย่างอื่นได้ แต่จะให้ถ่ายแบบเธอทำไม่ได้จริง ๆ"อื้อ ๆ ฉันก็ว่าแบบนั้นดูเป็นเธอมากกว่า" หล่อนหัวเราะเฉินเฟิ่นอี้เป็นเจ้าของร้านผ้าถุงที่ออกแบบลวดลายเอง เยี่ยฉิงเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ไม่ถ่ายแบบงานตัวเอง จึงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเยี่ยฉิงที่ช่วยเฉินเฟิ่นอี้แต่งตัวแล้วเดินไปช่วยคนอื่นต่อ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งตัว แน่นอนว่างานส

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status