"เสี่ยวโหรวต้องหลงทางแน่เลย คนอะไรใช้ไม่ได้"
ว่าคนอื่นหลงทาง ตนเองต่างหากที่วิ่งไม่สนใจเสียงร้องเตือนของสาวใช้สักนิด
ทำให้ตอนนี้หลันจินเยว่ย่างกลายเข้ามายังสถานที่ต้องห้ามโดยไม่รู้ตัว
"อ้ะ! นั่นศาลากลางน้ำนี่ น่านั่งเล่นจัง"
ตรงหน้านางคือศาลากลางน้ำ เป็นที่หวงห้ามของจวนเหมยฮัวแห่งนี้ หากเดินเข้าไปในตัวศาลา จะมีทางเดินไม้เพื่อเดินตรงไปยังบ่ออาบน้ำกลางแจ้งที่อยู่หลังโขดหินขนาดใหญ่สถานที่ประจำของตงเปียนอ๋อง
"สดชื่นจัง"
ตั้งแต่มาโผล่ที่แห่งนี้ หลันจินเยว่เพิ่งจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดก็ตอนนี้นี่แหละ
กลิ่นของน้ำสะอาด กลิ่นดอกไม้นานาชนิดที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างแย่งกันส่งกลิ่นหอมในตอนใกล้พลบค่ำ
จ้อก~
เสียงท้องน้อย ๆ ดังขึ้นบ่งบอกว่าตอนนี้นางหิวแล้ว
"ขนมอะไรหน้าตาน่ากินจัง"
เบื้องหน้านางคือขนมหนวดมังกร จะมีลักษณะเป็นเส้นไหมขาว ๆ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายดักแด้ สอดไส้ต่าง ๆ ไว้ด้านใน มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งโชยออกมาเรียกน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร
"หอมจัง ขอชิมหน่อยนะ"
หลันจินเยว่มองซ้ายขวาเล็กน้อย เมื่อปลอดคนนางจึงหยิบขนมที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมากัดกิน
"อืม หอมน้ำผึ้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็กร๊อบกรอบ"
พูดไปปากก็ขบเคี้ยวขนมที่ว่าไป ชิ้นที่หนึ่งหมดแล้ว ครั้นจะหยิบชิ้นที่สอง จู่ ๆ หลันจินเยว่ก็รู้สึกระคายเคืองในคอ ผิวหนังเริ่มคันและมีผื่นแดงขึ้น ลามมาถึงตรงลำคอที่คันมากกว่าที่อื่น ลมหายใจเริ่มติดขัด หายใจไม่สะดวกท้องจนต้องไอออกมา
เสียงไอนางเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอดังขึ้นติดกันรัวทำให้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ที่บ่อกลางแจ้งชะงักฟัง
"นั่นใคร!?"
เสียงทุ้มตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดหากแต่ไม่มีแม้เสียงตอบกลับ ร่างสูงแปดฉื่อที่เปลือยทั้งตัวรีบคว้าเสื้อคลุมตัวบางขึ้นมาสวมด้วยความหงุดหงิด ขายาว ๆ ก้าวขึ้นจากบ่อน้ำร้อนเพื่อไปยังต้นตอของเสียง
เพล้ง!
กาน้ำชาหล่นแตกกระจายบนพื้นพร้อม ๆ กับร่างสูงกำยำเดินมาถึง
"ชะ ช่วย..."
เสียงที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากดังขอความช่วยเหลือ ร่างแน่งน้อยสวมชุดสีฟ้าครามค่อย ๆ ร่วงหล่นลงพื้น
หมับ!
เจ้าของใบหน้างดงามราวเทพเซียนปรี่เข้ารับแผ่นหลังบางได้ทันท่วงที
"คุณหนู!"
เสี่ยวโหรวที่กว่าจะตามหาคุณหนูเจอร้องเรียกอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นเจ้านาย
"คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ"
ตงเปียนอ๋องไม่ตอบคำถามบ่าวรับใช้นางนั้น สายตาคู่คมทอดมองไปยังใบหน้าสวยหวานที่ตอนนี้คิ้วสีดำดั่งขนนกขมวดมุ่น เปลือกตาขยับไปมา ใบหน้าแสดงอาการว่าเจ้าของร่างกายกำลังทรมานอย่างที่สุด
"นั่นขนมหนวดมังกรใช่ไหมเจ้าคะ" เสี่ยวโหรวเห็นขนมที่เป็นต้นเหตุตกอยู่ข้างกายคุณหนูนางยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
"อืม นางคงกำลังนั่งกินเจ้านี่อยู่"
แม้ในใจจะโมโหที่นางผู้นี้กล้าบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเขา แถมยังบังอาจหยิบของกินโดยพละการแต่เขาก็แยกเยอะออกว่าตอนนี้นางผู้นี้คงได้รับโทษไปแล้ว
"ขนมนี้มีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมใช่ไหมเจ้าคะ"
จะถามอะไรมากความ เขามิใช่พ่อครัวสักหน่อย แต่ถ้าให้ตอบก็ตอบได้เพราะนี่คือขนมที่เสด็จย่าเขาชอบทำให้กินอยู่บ่อยครั้ง
"เจ้าจะถามเรื่องขนมให้มากความทำไม"
คนถูกขัดตอนกำลังแช่น้ำเย็นสบายเอ่ยอย่างหงุดหงิด
"คุณหนูแพ้น้ำผึ้งป่าเจ้าค่ะ คุณหนูเยว่ซินแพ้น้ำผึ้ง! ท่านอ๋องโปรดช่วยคุณหนูข้าด้วยเจ้าค่ะ"
เสี่ยวโหรวหน้าซีดเผือด ทำอะไรแทบจะไม่ถูก น้ำใส ๆ เอ่อล้นขอบตา ดวงตาเริ่มฝ้าฟางเมื่อมองคุณหนูอันเป็นที่รักกำลังทรมานเพราะเผลอกินของที่แพ้เข้าไป
"ตะกละ!"
ตงเปียนอ๋องผู้ปากกับใจตรงกันปรามาสคนที่อยู่ภายใต้วงแขนเสียงเหน็บแนมก่อนจะอุ้มนางขึ้นเพื่อพาไปยังห้องพักตามสัญชาตญาณบุรุษผู้รักความถูกต้อง
"ตามหมอ!"
ตงเปียนอ๋องตะเบ็งเสียงสั่งสาวใช้ ขายาว ๆ ภายใต้กางเกงขายาวสีดำที่สวมแบบลวก ๆ ก้าวไปข้างหน้า แววตาที่เขามองหญิงสาวในอ้อมกอดบ่งบอกว่ากำลังเอือมระอากับการกระทำของนาง
คนอะไรเป็นภาระที่สุด เพิ่งช่วยออกจากคุกแท้ ๆ ตอนนี้ต้องมาช่วยให้พ้นจากความตายเพราะความตะกละเพียงคำเดียว หากไม่เห็นแก่ชิงหรงคนสนิท เขาคงไม่ยื่นมือช่วยให้เสียแรงเช่นนี้เป็นแน่
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวโหรวรับคำสั่งเร่งเดินเท้าเพื่อตามท่านหมอมาดูอาการคุณหนูนางทันที
"เหตุใดท่านถึง..."จำต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อถูกนิ้วของคนรักปิดไว้ที่ริมฝีปากไม่ให้ขยับเอ่ย"อย่าขยับ ห้ามพูดใด ๆ"ตงเปียนอ๋องรู้สึกว่าร่างกายตนเองแปลกไปข้างในมันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผากเหมือนคนกระหายน้ำหากแต่ความรู้สึกเขากลับบอกว่าน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้เขาดับกระหายไม่ได้เขาเริ่มตั้งสติจนจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่น ๆ หนึ่ง"ผงเริงรมย์""มันคืออันใด"หลันจินเยว่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจึงใคร่สงสัย ทว่าสิ่งที่อยากรู้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากตงเปียนอ๋องเมื่อด้านนอกมีบุคคลมาเยือน"ฉินกงกงเข้าเฝ้าองค์ชายสี่เฟยหลง"เสียงกงกงของเสด็จย่าเขาดังขึ้นอยู่ด้านนอก"ฉินกงกงมีเรื่องอันใด"เหตุใดคนสนิทของเสด็จย่าถึงได้มาเยือนเข้าถึงจวนแห่งนี้ แถมมาได้เวลาเหมาะเจาะกับอาการประหลาดที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการอีก"ไทเฮามีรับสั่ง ผงเริงรมย์นั้นไซร้ จงใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากนี้สามวันเป็นฤกษ์ดี สามารถจัดงานมงคลได้"เสียงแหลมบาดหูของฉินกงกงเอ่ยราชโองการขององค์ไทเฮาเสร็จจึงทูลลากลับเข้าวังหลวง ทิ้งให้ตงเปียนอ๋องอมยิ้มอยู่ในห้องเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเหตุใดตนถึงมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้"อะไรคือผงเริงรมย์และอะไรคือสามวันม
บทส่งท้าย : เมื่อหมอกจางหาย บุปผางามผลิบาน"ข้าขับพิษออกจากร่างกายองค์ชายเรียบร้อยแล้ว พักฟื้นสักสองสามวันก็หายดี"หมอหลวงประจำจวนเหมยฮัวเอ่ยบอก"ส่วนยานี้ต้มทานสามมื้อจนกว่าแผลจะหายดี"เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปรับยานั้นจากหมอหลวง"อ้อข้าลืมอีกเรื่อง"ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าเดิมเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอันใดอีก"แผลนั้นต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด คงต้องรบกวนพระชายาแล้ว"หมอหลวงหันมากำชับเรื่องสำคัญนี้กับหลันจินเยว่ ทำเอาใบหน้านางแดงระเรื่อเพราะไม่คิดว่าคนนอกจวนอย่างหมอหลวงท่านนี้จะรู้เรื่องสถานะของนางกับองค์ชายสี่อีกคน"ข้าไปส่งท่านหมอ"อู่ชิงหรงเดินนำหน้าเพื่อส่งหมอหลวงกลับโรงหมอ"บ่าวขอตัวไปต้มยาให้ท่านอ๋องนะเจ้าคะ"ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงแค่หนึ่งคนหลับอยู่บนเตียงอย่างไร้วี่แววจะฟื้นและอีกคนที่นั่งลงข้างเขาด้วยความเป็นห่วง"ไหนท่านรับปากข้าว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ตอนที่หลันจินเยว่ได้ยินว่าตงเปียนอ๋องถูกอาวุธลับอาบยาพิษเล่นงานถึงกับวิ่งถือห่อยาหลายขนานไปดักรอพวกเขาระยะทางกือบลี้ ทั้งล้มลุกคลุกคลานจนแข้งขาถลอก บ่าวใช้คนใดขวางนางไล่ตะเพิดจนหมดสิ้น หากไม่สลบเสียก่อนหลันจินเยว
ชายแดนทิศใต้"เจ้าเลิกดื้อรั้นเถิด ตอนนี้เผ่าซีเซียงยอมจำนนต่อกองทัพมังกรขาวหมดแล้ว"เสียงกร้าวของอู่ชิงหรงประกาศลั่นการปราบกบฎดำเนินมาได้สองชั่วยามแล้ว คนของเผ่าซีเซียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนจนหัวหน้าเผ่ายกธงขาวยอมแพ้ให้กับอำนาจของแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรขาวเฟยหลงทว่าต่อให้เสียเลือดเนื้อเสียคนไปมากมายเพียงใด ผู้ที่หัวรั้นเกลียดการพ่ายแพ้อย่างซู่จิ่งอวิ๋นไม่มีทางวางกระบี่ในมือลงเป็นแน่"วันนี้ข้ากับเจ้า ถ้าปลาไม่ตาย ตาข่ายก็ต้องขาด"ซู่จิ่งอวิ๋นโต้ตอบด้วยสำบัดสำนวนเสียงหนักแน่น วันนี้ทั้งเขาและตงเปียนอ๋องผู้นี้ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างถึงจะจบศึกในครั้งนี้"ช่างเด็ดเดี่ยวเช่นบิดาเจ้าเสียจริง"ตงเปียนอ๋องกล่าวชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ หากเอามาใช้ให้ถูกทางคงเป็นที่น่ายกย่อง"วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อที่ถูกพวกเจ้าบังคับให้ดื่มยาพิษนั่น"[1]ยามโฉ่วของวันนี้ เสนาซู่จินเพ่ยได้กรอกยาพิษฆ่าตัวตายหลังได้รับราชโองการเป็นนักโทษประหารที่ต้องบั่นคอเสียบประจาน ข่าวนั้นดังเซ็งแซ่ไปทั่วแคว้นจนมาถึงหูซู่จิ่งอวิ๋นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะบุกไปช่วยบิดาออกมาแต่มิทันกาลเสียงกระบี่ฟาดฟันอย่
"ทะ...ท่านอ๋อง"ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเอาอกเอาใจจากอีกคน"วันนี้สนุกไหม"เขาชวนนางคุยปกติ หากแต่ในแววตากลับมีความกลัดกลุ้มอยู่หลายส่วนจะเรื่องอะไรได้ ก็ตอนที่นางเดินซื้อของในตลาดมีนักฆ่าสะกดรอยตามถึงสามคน โชคดีที่ตงเปียนอ๋องอ่านเกมในครั้งนี้ออกคนรักของเขาถึงได้ปลอดภัยกลับมาหากเขาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หลันจินเยว่คงไม่สบายใจ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกเป็นแน่ ตอนนี้เลยต้องเอาอกเอาใจนางเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องที่ตริตรองมาอย่างดีแก่นางในเวลาที่เหมาะสม"ตอนแรกก็สนุก"ตอบพร้อมยู่ปากอย่างหุดหงิดในเวลาต่อมา"ใครทำอันใดให้ว่าที่ชายาของข้าขุ่นเคืองใจ"ที่ใช้คำว่า 'ว่าที่' เพราะทั้งสองยังไม่เข้าพิธีสมรสกัน ตงเปียนอ๋องอยากให้เกียรตินางจึงจะรอปราบกบฎตระกูลซู่แล้วสิ้นถึงจะทำพิธีตามประเพณีแคว้น"ข้ากำลังดูผ้าเพื่อจะเอามาตัดชุดใหม่ให้ท่าน แต่เจอเข้ากับคนที่วางยาสลบข้าเพื่อส่งต่อให้คนพวกนั้นเข้า"ที่จริงเรื่องนี้องครักษ์เงาของเขารายงานมาหมดแล้ว"เจ้าพบเฟิงเยว่ซู?""จะเป็นใครอีกละ! พี่สาวตัวดีของเฟิงเยว่ซินนั่นแหละ"ตงเปียนอ๋องหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังประโยคแปลก ๆ นั้นจบ"เจ้าพูดเหม
"เสี่ยวโหรวเร็ว ๆ เข้า"เสียงเจื้อยแจ้วของหลันจินเยว่ในอาภรณ์สีลูกท้อร้องเรียกสาวใช้ที่เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง"คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ"วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นางเลยขออนุญาตตงเปียนอ๋องออกมาเดินตลาด ฝั่งนั้นเห็นว่านางเพิ่งผ่านอันตรายมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้ออกมาเที่ยวเล่นจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น หากแต่ตงเปียนอ๋องก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาส่งองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือนางทัน"คุณหนูจะซื้อไปฝากท่านอ๋องหรือเพคะ"หลันจินเยว่ยืนดูผ้าไหมเนื้องามที่ร้านหนึ่งตรงตรอกเล็ก ๆ ของตลาด"เจ้าว่าหากท่านอ๋องเปลี่ยนมาใส่สีสว่างตาขึ้นจะดูภูมิฐานอยู่ไหม"ตั้งแต่ที่เห็นและรู้จักกันมา นางไม่เคยเห็นบุรุษที่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นที่มิใช่สีดำสีเข้ม ๆ เลยสักครั้งเดียว"บ่าวว่าผ้าสีไหนหากอยู่บนตัวท่านอ๋องก็ดูสง่างามหมดเจ้าค่ะ"หลันจินเยว่เห็นด้วยอย่างยิ่ง วันนี้สาวใช้ของนางพูดได้ถูกใจต้องตบรางวัล"ผ้าพับนี้ข้าซื้อให้เจ้า"นางหยิบผ้าไหมสีกลีบดอกเหมยส่งให้เถ้าแก่ร้าน"คุณหนู นั่นคงแพงมากนะเจ้าคะ"มองแค่ตายังไม่ได้จับต้องเนื้อผ้าเสี่ยวโหรวก็รู้ว่านั่นคือไห
ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่ตงเปียนอ๋องออกมาจากห้องนั้นเพื่อฟังรายงานจากเหล่าทหารว่าซู่จิ่งอวิ๋นหนีไปกบดานกับเผ่าซีเซียงบนเขาทางใต้ เขาเลยสั่งให้ทุกคนกลับมาวางแผนกันที่จวนเหมยฮัวก่อนการเดินทางกลับจำต้องใช้ม้าถึงจะถึงที่หมายโดยเร็ว ทว่าหลันจินเยว่กลับเลือกที่จะโดยสารม้ามากับอู่ชิงหรงแทนอีกคน"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลบหน้าท่านอ๋อง"บุรุษผู้โผงผางคิดเห็นการใดก็พูดออกไปจนหมดสิ้นถามสหายวัยเยาว์"ข้ามิได้หลบหน้าผู้ใด"หลันจินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาตอบเหมือนร้อนตัว"หากข้าเป็นคนอื่นคงเชื่อที่เจ้ากล่าวมา"จะมาเกิดฉลาดเอาอะไรตอนนี้ นางยิ่งอยากอยู่เงียบ ๆ ตบตีกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากตงเปียนอ๋องว่าตกลงแล้วที่เขาบอกชอบนางหมายถึงร่างกายเฟิงเยว่ซินหรือตัวตนที่นางแสดงออกกัน"หยุด!"ตงเปียนอ๋องที่ควบม้าตามหลังสองคนนี้สั่งเสียงลั่น ทหารทุกนายต่างหยุดควบม้าเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไป"ท่านอ๋องพบสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ"หนึ่งในทหารที่ควบม้ารั้งท้ายลงจากม้ามาถามไถ่"ม้าตัวนี้อ่อนแรงแล้ว หยุดพักที่นี่สักพักก่อน"หากม้าที่ตงเปียนอ๋องทรงขี่อยู่คือทมิฬกาลคงหาข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้สายตาคมมองแผ่นหลังบ