แชร์

สตรีเช่นข้ามิใช่คนอ่อนแอ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-27 17:09:53

"อืม หอมที่สุด"

เคยเห็นแต่ในซีรีส์เขาย่างปลากินกัน มาวันนี้ได้มาลองลิ้มรสการทำอาหารแบบยุคโบราณดูบ้างจะอร่อยตื่นตาขนาดไหนกันนะ

ว่าแล้วมือเรียวจึงค่อย ๆ ฉีกส่วนเนื้อออกมาแล้วเอาเข้าปาก

"อื้ม... อร่อย"

แม้จะไม่ได้โรยเครื่องเทศอะไรลงไป แต่อาหารตรงหน้านี้กลับให้รสชาติหวานกลมกล่อมยิ่งกว่าถูกปรุงรสเสียอีก

"มูมมาม!"

หลันจินเยว่ใช้หางตาตวัดมองตงเปียนอ๋องที่จิกกัดนางอีกแล้ว

"หม่อมฉันป้อนไหมเพคะ"

ไม่ว่าเปล่ามือฉีกชิ้นส่วนที่เป็นส่วนน่องยื่นให้จนเกือบทิ่มปากอีกคน

"ข้ามีมือ"

ตงเปียนอ๋องเฟยหลงรีบหลบไปอีกทาง มือหนึ่งเอื้อมหยิบไม้อาหารที่เหลือติดมาด้วยแล้วปลีกตัวออกไปนั่งบนหินก้อนใหญ่เพื่อหลบให้ห่างจากสตรีที่ไม่เคยทำอะไรถูกใจตน

"หล่อ เก่ง ทำอาหารเป็น นี่มันพ่อของลูกในอนาคตชัด ๆ"

หลันจินเยว่เอ่ยชมคนที่ไม่รู้ตัวว่านางแอบปลื้มเบา ๆ

ถ้าหากนี่เป็นยุคปัจจุบันของนาง ป่านนี้คงเป็นฝ่ายขอจีบตงเปียนอ๋องไปแล้ว

หลังจากมีอาหารตกถึงท้องแล้วทั้งคู่ก็พากันนั่งมองสายฝนกันคนละมุมถ้ำ

"ปกติที่นี่ฝนตกนานขนาดนี้เลยเหรอ"

ไม่อยากให้บรรยากาศเงียบมีเพียงเสียงอื้ออึงสะท้อนเข้ามาของสายฝน คนที่มาจากยุคสมัยอื่นจึงถามเพื่อเสริมความรู้

"สติเลอะเลือนจนทำเหมือนไม่ใช่คนที่นี่"

ถ้าบอกว่า 'ถูกต้อง' นางไม่ใช่คนยุคนี้ท่านอ๋องคงคิดว่านางเป็นบ้า

เปรี้ยง!

สายฟ้าฟาดลงมาใกล้ถ้ำแห่งนี้มาก รับรู้ถึงแรงสะเทือนจนอีกคนตกใจกลัวรีบเข้าไปหาที่พักพิงอย่างร่างกำยำของตงเปียนอ๋อง

"อยู่ห่าง ๆ ข้า"

มือแกร่งสะบัดสองมือนุ่มนิ่มที่เกาะแขนตนเพื่อหาที่ปลอบขวัญออกอย่างไม่ใยดี

"หม่อมฉันกลัว"

น้ำเสียงสั่นเครือ ตัวเล็กลีบแทบจะสิงร่างของอีกคนราวไม่ใช่เสแสร้ง

"เพราะแบบนี้สตรีถึงได้ดูน่าเบื่อหน่าย"

"แบบนี้คือแบบไหนเพคะ"

เสียงเล็กกระแทกอย่างไม่เข้าใจปนกรุ่นเคือง

"อ่อนแอเช่นเจ้า"

เพียงแค่ถูกสบประมาท คนที่มีความถือตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเกิดอาการไม่พอใจ เสียงหายใจฟึดฟัดบ่งบอกอารมณ์ของนางได้เป็นอย่างดี

"ไม่พอใจที่ข้าพูดความจริง"

"หม่อมฉันไม่ได้อ่อนแอ เมื่อกี้แค่ตกใจ"

"แก้ตัว"

หึย! ทำไมบุรุษผู้นี้น่าโมโหยิ่งนัก

"หม่อมฉันพิสูจน์ได้"

"เจ้าจะพิสูจน์อะไรอีก"

หลันจินเยว่อยากตีปากที่ไวของตนนัก เพียงแค่อยากเถียงเอาชนะอีกคนถึงกลับเผลอท้าทายออกไปได้

"ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเพคะ"

ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปก่อนแล้วกัน

"ยอมรับออกมาไม่ใช่เรื่องน่าอาย"

"หม่อมฉันจะไปนอนตรงนู้นคนเดียว แค่นี้พิสูจน์ได้หรือไม่"

นิ้วเรียวชี้ไปยังแท่นหินที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไปสามจั้ง[1]

"อย่าให้เสียคำพูดละ"

อีกคนรับคำท้า ปล่อยให้หลันจินเยว่ที่ยังเจ็บข้อเท้าอยู่เดินกะเผลก ๆ ไปยังแท่นหินที่ว่า

เสียงฟ้าคำรามยังคงดังต่อเนื่องเหมือนเป็นบททดสอบคำท้าทายของทั้งสองคน

"อือ หนาว หนาวจัง"

กายบางกอดก่ายร่างกายตนเองเพื่อหาความอบอุ่น

หลังจากที่ท้าทายตงเปียนอ๋องเสร็จหลันจินเยว่ก็ปลีกตัวมานั่งกอดเข่าที่แท่นหินนี้อยู่พักใหญ่ ๆ

ด้วยความที่ด้านนอกฝนยังคงตกหนัก แถมลมพายุยังแรงจนพัดเอาละอองฝนเข้ามาในถ้ำ ตัวนางนั่งห่างจากกองไฟเกือบสิบเมตร ทำให้ความอบอุ่นของเชื้อเพลิงมาแทบจะไม่ถึง

เวลานานเข้าทำให้ร่างกายที่เคยเปียกฝนก่อนหน้าเริ่มจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

"หนะ..หนาว"

เสียงครางแผ่วเบาดังแว่วเข้าหูคนที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น

ตงเปียนอ๋องเฟยหลงลืมตาตื่ตมองหาต้นตอของเสียงพลางสะบัดแขนเสื้ออย่างหงุดหงิดใจ ร่างกำยำลุกขึ้นเดินเข้ามาดูต้นตอของเสียงพึมพำน่ารำคาญหูหวังจำให้นางหุบปาก

"นางตัวร้อน"

หวังแค่จะสะกิดปลุก ทว่าเพียงแค่ยื่นมือเข้าใกล้ร่างอรชรนั้นก็รับรู้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวของหลันจินเยว่

ตงเปียนอ๋องไม่รอช้า รีบถอดเสื้อตัวนอกออกเพื่อคลุมร่างกายเพิ่มความอบอุ่น

ทุกอย่างเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณความเป็นบุรุษในสายเลือด

"เสื้อตัวนี้ทอขึ้นจากไหมชั้นดี เก็บความอบอุ่นได้หลายเท่า หวังว่าจะช่วยเจ้าคลายหนาวได้"

ปากอธิบายถึงคุณสมบัติเสื้อที่ถักทอขึ้นด้วยวัตถุดิบเนื้อดี นั่งมองสีหน้าบิดเบี้ยวคิ้วขมวดยุ่งทั้งสองข้างแล้วรู้สึกขัดใจนัก

"ทำไมข้าต้องคอยรับดูแลเจ้าทุกครั้งไป"

ตั้งแต่เจอสตรีผู้นี้ไม่กี่วัน ตงเปียนอ๋องรับรู้ถึงความวุ่นวายในชีวิตมากกว่าความสงบสุข ปกติเป็นคนไม่สนใจโลก ไม่สนใจใครถ้าไม่ใช่ผู้ใต้บังคับหรือคนในครอบครัว แต่นี่กะไร ทำไมถึงต้องมาคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวหาอาหารให้คนนอกแถมยังขึ้นชื่อว่าลูกกบฎอีก

"แม่นางเฟิง แม่นางเฟิง"

ตงเปียนอ๋องเรียกคนที่เอาแต่พึมพำว่าหนาวบ้างร้อนบ้าง นี่เขาเช็ดตัวก็แล้ว เอากองไฟมาสุมให้ใกล้ก็แล้ว ทำไมแลดูอาการนางไม่ดีขึ้นเลย

"ระ ร้อน ร้อนไปหมด"

จากที่เคยบ่นว่าหนาว บัดนี้มือเรียวปัดป่ายเสื้อที่คลุมอยู่ทิ้งอย่างไม่ใยดี ทำเอาคนที่ได้แต่มองน้ำใจตนหล่นตุบสู่พื้นถึงกับคิ้วขมวดควันแทบออกหู

"กล้าทิ้งเสื้อองค์ชายอย่างข้า เจ้าคงอยากเป็นผีเฝ้าถ้ำไปแล้ว"

น้ำเสียงเรียบเย็นแฝงไปด้วยความอาฆาตดังขึ้น มือหนาเอื้อมลงไปหยิบเสื้อที่ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีขึ้นมา เขาสะบัดเล็กน้อยเพื่อพับเก็บทว่า...

"หนะ หนาว ..หนาวอีกแล้ว"

เสื้อที่เพิ่งถูกทิ้งโดนคนหลายใจคว้ากลับไปกอดหาไออุ่นอีกครั้ง ตงเปียนอ๋องเฟยหลงมองอาการคนที่นอนประเดี๋ยวบ่นร้อนประเดี๋ยวบ่นหนาวพลางขบคิดถึงความผิดปกติที่ควรจะเป็น

"นั่นอะไร"

สายตาเฉียบคมมองเห็นร่องรอยบางอย่างอยู่ตรงข้อมือซ้ายของหลันจินเยว่จึงรีบจับมือข้างนั้นนางขึ้นมาดู

"มีพิษ"

เห็นเพียงแค่แผลเหมือนเป็นรอยจ้ำดำก็รู้ว่ามีพิษ แต่จะเป็นสัตว์พิษตัวไหนเขาไม่ใช่หมอคงบอกชัดเจนไม่ได้

แต่เหมือนฟ้าจะเบิกทาง สายตาเฉียบคมและหางตาที่ไวต่อการเคลื่อนไหวมองเห็นบางสิ่งบางอย่างไต่ออกมาจากชายแขนเสื้ออีกข้างของหลันจินเยว่

"แมงป่องหางแดง"

[1] 1จั้งเท่ากับ 3.3 เมตร 3 จั้งเท่ากับเกือบสิบเมตร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 2 [จบ]

    "เหตุใดท่านถึง..."จำต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อถูกนิ้วของคนรักปิดไว้ที่ริมฝีปากไม่ให้ขยับเอ่ย"อย่าขยับ ห้ามพูดใด ๆ"ตงเปียนอ๋องรู้สึกว่าร่างกายตนเองแปลกไปข้างในมันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผากเหมือนคนกระหายน้ำหากแต่ความรู้สึกเขากลับบอกว่าน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้เขาดับกระหายไม่ได้เขาเริ่มตั้งสติจนจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่น ๆ หนึ่ง"ผงเริงรมย์""มันคืออันใด"หลันจินเยว่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจึงใคร่สงสัย ทว่าสิ่งที่อยากรู้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากตงเปียนอ๋องเมื่อด้านนอกมีบุคคลมาเยือน"ฉินกงกงเข้าเฝ้าองค์ชายสี่เฟยหลง"เสียงกงกงของเสด็จย่าเขาดังขึ้นอยู่ด้านนอก"ฉินกงกงมีเรื่องอันใด"เหตุใดคนสนิทของเสด็จย่าถึงได้มาเยือนเข้าถึงจวนแห่งนี้ แถมมาได้เวลาเหมาะเจาะกับอาการประหลาดที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการอีก"ไทเฮามีรับสั่ง ผงเริงรมย์นั้นไซร้ จงใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากนี้สามวันเป็นฤกษ์ดี สามารถจัดงานมงคลได้"เสียงแหลมบาดหูของฉินกงกงเอ่ยราชโองการขององค์ไทเฮาเสร็จจึงทูลลากลับเข้าวังหลวง ทิ้งให้ตงเปียนอ๋องอมยิ้มอยู่ในห้องเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเหตุใดตนถึงมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้"อะไรคือผงเริงรมย์และอะไรคือสามวันม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 1

    บทส่งท้าย : เมื่อหมอกจางหาย บุปผางามผลิบาน"ข้าขับพิษออกจากร่างกายองค์ชายเรียบร้อยแล้ว พักฟื้นสักสองสามวันก็หายดี"หมอหลวงประจำจวนเหมยฮัวเอ่ยบอก"ส่วนยานี้ต้มทานสามมื้อจนกว่าแผลจะหายดี"เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปรับยานั้นจากหมอหลวง"อ้อข้าลืมอีกเรื่อง"ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าเดิมเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอันใดอีก"แผลนั้นต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด คงต้องรบกวนพระชายาแล้ว"หมอหลวงหันมากำชับเรื่องสำคัญนี้กับหลันจินเยว่ ทำเอาใบหน้านางแดงระเรื่อเพราะไม่คิดว่าคนนอกจวนอย่างหมอหลวงท่านนี้จะรู้เรื่องสถานะของนางกับองค์ชายสี่อีกคน"ข้าไปส่งท่านหมอ"อู่ชิงหรงเดินนำหน้าเพื่อส่งหมอหลวงกลับโรงหมอ"บ่าวขอตัวไปต้มยาให้ท่านอ๋องนะเจ้าคะ"ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงแค่หนึ่งคนหลับอยู่บนเตียงอย่างไร้วี่แววจะฟื้นและอีกคนที่นั่งลงข้างเขาด้วยความเป็นห่วง"ไหนท่านรับปากข้าว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ตอนที่หลันจินเยว่ได้ยินว่าตงเปียนอ๋องถูกอาวุธลับอาบยาพิษเล่นงานถึงกับวิ่งถือห่อยาหลายขนานไปดักรอพวกเขาระยะทางกือบลี้ ทั้งล้มลุกคลุกคลานจนแข้งขาถลอก บ่าวใช้คนใดขวางนางไล่ตะเพิดจนหมดสิ้น หากไม่สลบเสียก่อนหลันจินเยว

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 3

    ชายแดนทิศใต้"เจ้าเลิกดื้อรั้นเถิด ตอนนี้เผ่าซีเซียงยอมจำนนต่อกองทัพมังกรขาวหมดแล้ว"เสียงกร้าวของอู่ชิงหรงประกาศลั่นการปราบกบฎดำเนินมาได้สองชั่วยามแล้ว คนของเผ่าซีเซียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนจนหัวหน้าเผ่ายกธงขาวยอมแพ้ให้กับอำนาจของแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรขาวเฟยหลงทว่าต่อให้เสียเลือดเนื้อเสียคนไปมากมายเพียงใด ผู้ที่หัวรั้นเกลียดการพ่ายแพ้อย่างซู่จิ่งอวิ๋นไม่มีทางวางกระบี่ในมือลงเป็นแน่"วันนี้ข้ากับเจ้า ถ้าปลาไม่ตาย ตาข่ายก็ต้องขาด"ซู่จิ่งอวิ๋นโต้ตอบด้วยสำบัดสำนวนเสียงหนักแน่น วันนี้ทั้งเขาและตงเปียนอ๋องผู้นี้ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างถึงจะจบศึกในครั้งนี้"ช่างเด็ดเดี่ยวเช่นบิดาเจ้าเสียจริง"ตงเปียนอ๋องกล่าวชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ หากเอามาใช้ให้ถูกทางคงเป็นที่น่ายกย่อง"วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อที่ถูกพวกเจ้าบังคับให้ดื่มยาพิษนั่น"[1]ยามโฉ่วของวันนี้ เสนาซู่จินเพ่ยได้กรอกยาพิษฆ่าตัวตายหลังได้รับราชโองการเป็นนักโทษประหารที่ต้องบั่นคอเสียบประจาน ข่าวนั้นดังเซ็งแซ่ไปทั่วแคว้นจนมาถึงหูซู่จิ่งอวิ๋นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะบุกไปช่วยบิดาออกมาแต่มิทันกาลเสียงกระบี่ฟาดฟันอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 2

    "ทะ...ท่านอ๋อง"ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเอาอกเอาใจจากอีกคน"วันนี้สนุกไหม"เขาชวนนางคุยปกติ หากแต่ในแววตากลับมีความกลัดกลุ้มอยู่หลายส่วนจะเรื่องอะไรได้ ก็ตอนที่นางเดินซื้อของในตลาดมีนักฆ่าสะกดรอยตามถึงสามคน โชคดีที่ตงเปียนอ๋องอ่านเกมในครั้งนี้ออกคนรักของเขาถึงได้ปลอดภัยกลับมาหากเขาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หลันจินเยว่คงไม่สบายใจ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกเป็นแน่ ตอนนี้เลยต้องเอาอกเอาใจนางเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องที่ตริตรองมาอย่างดีแก่นางในเวลาที่เหมาะสม"ตอนแรกก็สนุก"ตอบพร้อมยู่ปากอย่างหุดหงิดในเวลาต่อมา"ใครทำอันใดให้ว่าที่ชายาของข้าขุ่นเคืองใจ"ที่ใช้คำว่า 'ว่าที่' เพราะทั้งสองยังไม่เข้าพิธีสมรสกัน ตงเปียนอ๋องอยากให้เกียรตินางจึงจะรอปราบกบฎตระกูลซู่แล้วสิ้นถึงจะทำพิธีตามประเพณีแคว้น"ข้ากำลังดูผ้าเพื่อจะเอามาตัดชุดใหม่ให้ท่าน แต่เจอเข้ากับคนที่วางยาสลบข้าเพื่อส่งต่อให้คนพวกนั้นเข้า"ที่จริงเรื่องนี้องครักษ์เงาของเขารายงานมาหมดแล้ว"เจ้าพบเฟิงเยว่ซู?""จะเป็นใครอีกละ! พี่สาวตัวดีของเฟิงเยว่ซินนั่นแหละ"ตงเปียนอ๋องหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังประโยคแปลก ๆ นั้นจบ"เจ้าพูดเหม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 1

    "เสี่ยวโหรวเร็ว ๆ เข้า"เสียงเจื้อยแจ้วของหลันจินเยว่ในอาภรณ์สีลูกท้อร้องเรียกสาวใช้ที่เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง"คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ"วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นางเลยขออนุญาตตงเปียนอ๋องออกมาเดินตลาด ฝั่งนั้นเห็นว่านางเพิ่งผ่านอันตรายมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้ออกมาเที่ยวเล่นจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น หากแต่ตงเปียนอ๋องก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาส่งองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือนางทัน"คุณหนูจะซื้อไปฝากท่านอ๋องหรือเพคะ"หลันจินเยว่ยืนดูผ้าไหมเนื้องามที่ร้านหนึ่งตรงตรอกเล็ก ๆ ของตลาด"เจ้าว่าหากท่านอ๋องเปลี่ยนมาใส่สีสว่างตาขึ้นจะดูภูมิฐานอยู่ไหม"ตั้งแต่ที่เห็นและรู้จักกันมา นางไม่เคยเห็นบุรุษที่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นที่มิใช่สีดำสีเข้ม ๆ เลยสักครั้งเดียว"บ่าวว่าผ้าสีไหนหากอยู่บนตัวท่านอ๋องก็ดูสง่างามหมดเจ้าค่ะ"หลันจินเยว่เห็นด้วยอย่างยิ่ง วันนี้สาวใช้ของนางพูดได้ถูกใจต้องตบรางวัล"ผ้าพับนี้ข้าซื้อให้เจ้า"นางหยิบผ้าไหมสีกลีบดอกเหมยส่งให้เถ้าแก่ร้าน"คุณหนู นั่นคงแพงมากนะเจ้าคะ"มองแค่ตายังไม่ได้จับต้องเนื้อผ้าเสี่ยวโหรวก็รู้ว่านั่นคือไห

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   เพียงเจ้าผู้เดียวที่เป็นสตรีของข้า / 2

    ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่ตงเปียนอ๋องออกมาจากห้องนั้นเพื่อฟังรายงานจากเหล่าทหารว่าซู่จิ่งอวิ๋นหนีไปกบดานกับเผ่าซีเซียงบนเขาทางใต้ เขาเลยสั่งให้ทุกคนกลับมาวางแผนกันที่จวนเหมยฮัวก่อนการเดินทางกลับจำต้องใช้ม้าถึงจะถึงที่หมายโดยเร็ว ทว่าหลันจินเยว่กลับเลือกที่จะโดยสารม้ามากับอู่ชิงหรงแทนอีกคน"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลบหน้าท่านอ๋อง"บุรุษผู้โผงผางคิดเห็นการใดก็พูดออกไปจนหมดสิ้นถามสหายวัยเยาว์"ข้ามิได้หลบหน้าผู้ใด"หลันจินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาตอบเหมือนร้อนตัว"หากข้าเป็นคนอื่นคงเชื่อที่เจ้ากล่าวมา"จะมาเกิดฉลาดเอาอะไรตอนนี้ นางยิ่งอยากอยู่เงียบ ๆ ตบตีกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากตงเปียนอ๋องว่าตกลงแล้วที่เขาบอกชอบนางหมายถึงร่างกายเฟิงเยว่ซินหรือตัวตนที่นางแสดงออกกัน"หยุด!"ตงเปียนอ๋องที่ควบม้าตามหลังสองคนนี้สั่งเสียงลั่น ทหารทุกนายต่างหยุดควบม้าเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไป"ท่านอ๋องพบสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ"หนึ่งในทหารที่ควบม้ารั้งท้ายลงจากม้ามาถามไถ่"ม้าตัวนี้อ่อนแรงแล้ว หยุดพักที่นี่สักพักก่อน"หากม้าที่ตงเปียนอ๋องทรงขี่อยู่คือทมิฬกาลคงหาข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้สายตาคมมองแผ่นหลังบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status