Share

หลบฝน / 2

"แค่ข้อเท้าเคล็ด ไกลความตายนัก"

'คนอะไรขยันประชด มีดีแค่หน้าหล่ออย่างเดียวจริง ๆ'

"ท่านอ๋อง ข้าหนาว แต่ข้าคงเดินไม่ไหวแล้ว"

เสียงเล็กออดอ้อนดังขึ้นพร้อมสายตาน่าสงสารลอบมองตงเปียนอ๋องที่ไม่สนใจจะมองหน้านาง

พรึ่บ! เหมือนจำใจทำตามสถานการณ์ ร่างนุ่มนิ่มถูกช้อนอุ้มลอยกลางอากาศเพียงชั่วครู่ก็ถูกวางไว้บนกองหญ้าแห้งที่ใช้ปูแทนเสื่อนั่ง มีกองไฟห่างจากร่างนั้นเพียงเอื้อมมือ

"ขอบพระทัยท่านอ๋อง"

แม้ปากจะกล่าววาจาน่าฟัง แต่สายตาหลันจินเยว่แสดงออกว่าสะใจที่ครั้งนี้นางแกล้งเขาสำเร็จแล้ว

"ฝนคงตกทั้งคืน ถ้าโชคดีพวกชิงหรงอาจจะมาเจอ แต่ถ้าโชคร้ายคงต้องนอนในนี้จนรุ่งสาง"

หลันจินเยว่เหลือบมองไปยังปากถ้ำที่ตอนนี้มองไม่เห็นทิวทัศน์ด้านนอกเพราะถูกสายฝนบดบังจนพื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นสีเทาขุ่นมัวไปหมด

"ในถ้ำนี้มีผีหรือไม่เพคะ"

หากมองไกลออกไปจากรัศมีแสงสว่างของเปลวไฟพบเจอแต่ความมืดมิดจนเกิดความกลัวต่าง ๆ นานา ขึ้นในความคิด

"เจ้าสื่อสารกับคนตายได้"

ตงเปียนอ๋องกำลังหาที่นอนเอ่ยถามพลางเหน็บแนมในที

"หม่อมฉันเป็นคนจะไปสื่อสารกับวิญญาณคนตายได้อย่างไรเพคะ"

"แล้วใยเจ้าจะต้องกลัวผี"

นี่เขากำลังหลอกด่านางใช่ไหม

"ท่านอ๋องคงเพลียแล้ว หน้าที่สุมฟืนนี้ยกให้หม่อมฉันเถอะเพคะ"

"ยังดีที่รู้หน้าที่"

'เดี๋ยวสิ! นี่ไม่คิดจะห้ามเลยเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะท่านอ๋อง ผู้หญิงควรถูกดูแลสิ!'

หลันจินเยว่ขยับปากพึมพำไร้เสียงพร้อมสายตาที่เพ่งมองคนที่ทิ้งตนเอนหลังพิงกับผนังถ้ำอย่างไร้เยื่อใยที่จะช่วยตนดูแลความปลอดภัยในค่ำคืนนี้

เสียงฝนกระหน่ำเทลงมาราวเทพเซียนชั้นฟ้าพิโรธอันใดโลกมนุษย์ดังสะท้อนไปทั่วในถ้ำ หลันจินเยว่ส่ายหน้าเลิกคิดเรื่องที่สั่นขวัญกำลังใจ หันมาสนใจกองไฟตรงหน้าอย่าให้ดับเป็นพอ

หนึ่งชั่วยามผ่านไป ...

เสื้อคลุมตัวยาวถูกห่มบนร่างแน่งน้อยที่นั่งหลบอยู่บนโขดหิน ในมือยังกำไม้เกลี่ยไฟคล้ายเพิ่งหลับไป

"ปากเก่ง"

ก่อนหน้านี้ใครกันนะที่บอกจะอยู่สุมฟืนไม่ให้มอดดับ ทำไมเขาเผลอหลับไปแค่ชั่วยามเดียวตื่นมาก็มีคนหลับตามเสียแล้ว โชคดีที่ฟืนยังไม่มอด ไม่งั้นคงได้หนาวตายทั้งคู่

"ดูท่าแล้วพวกชิงหรงคงผ่าฝนมาไม่ถึงที่นี่"

ตงเปียนอ๋องเดินมายืนใกล้ปากถ้ำเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์คับขันในตอนนี้

จะเรียกว่าวิกฤติเลยก็มิผิด พวกเขาทั้งสองติดอยู่ถ้ำแห่งนี้มาเกือบสองชั่วยามแล้ว น้ำดื่มอาหารการกินไม่มีสักอย่าง ถ้าให้รอจนเช้าคงได้ขาดน้ำคอแห้งกันพอดี

คิดได้เช่นนั้นผู้มีวิชาตัวเบาวรยุทธ์ล้ำเลิศจึงหยิบดาบข้างกายออกเดินลึกเข้าไปในถ้ำพร้อมคบไฟหนึ่งอัน ทิ้งให้สตรีที่ยังคงหลับสนิทอยู่นั่งเฝ้ากองไฟไว้คนเดียว

"อืม...หอมจัง"

หลันจินเยว่ที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพังเพราะเผลอหลับไปทำจมูกสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเปลวไฟที่กำลังแผดเผาผิวหนังของอาหารกันตายพวกเขาทั้งสอง

"เจ้ามันจอมตะกละเสียจริง"

ตงเปียนอ๋องเฟยหลงส่ายหน้าอย่างระอากับคนที่แม้ว่าเขาจะเสียงดัง ปลุกด้วยการกระแอมไอ สะกิดไหล่นางก็ยังมิรู้สึกตัว ทว่าพอย่างเจ้านกตัวนี้เท่านั้นแลกลับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้

"นั่นอะไรหรือเจ้าคะ"

ตื่นมาเงียบ ๆ คงไม่ใช่หลันจินเยว่

ร่างแน่งน้อยเขยิบเข้ามาใกล้กับกองไฟที่มีไม้ย่างนกส่งกลิ่นหอมตลบไปทั่วถ้ำ

"ของกันตาย"

คนได้ฟังคำตอบทำหน้าล้อเลียนกลับแบบลับ ๆ ก่อนจะสะบัดหัวเบา ๆ เพื่อไล่ความอคติต่อตัวท่านอ๋องออกไปแล้วเขยิบเข้าใกล้อาหารตรงหน้ามากกว่าเก่า

"โอ๊ย!"

ก็กลิ่นมันหอมยั่วยวนจนเผลอเอื้อมมือไปหมายจะจิ้มแค่ส่วนหนังมาชิมดูกลับถูกเจ้าของอาหารชิ้นนี้ตีเข้าเสียได้

"ทำตัวเหมือนอดอยากมาแรมปี"

คำก็บ่นสองคำก็เหน็บแนม พูดคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยหรือไร

"นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วที่พวกเราติดอยู่ในถ้ำ ข้าเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ จะให้อดทนกับกลิ่นหอม ๆ ของอาหารตรงหน้าได้อย่างไรเจ้าคะ"

ตงเปียนอ๋องเฟยหลงแสร้งทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจเสียงบ่นพึมพำข้าง ๆ หมุนไม้ย่างนกสองสามรอบจึงยื่นให้คนขี้บ่นเพื่อคลายความรำคาญ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 2 [จบ]

    "เหตุใดท่านถึง..."จำต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อถูกนิ้วของคนรักปิดไว้ที่ริมฝีปากไม่ให้ขยับเอ่ย"อย่าขยับ ห้ามพูดใด ๆ"ตงเปียนอ๋องรู้สึกว่าร่างกายตนเองแปลกไปข้างในมันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผากเหมือนคนกระหายน้ำหากแต่ความรู้สึกเขากลับบอกว่าน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้เขาดับกระหายไม่ได้เขาเริ่มตั้งสติจนจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่น ๆ หนึ่ง"ผงเริงรมย์""มันคืออันใด"หลันจินเยว่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจึงใคร่สงสัย ทว่าสิ่งที่อยากรู้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากตงเปียนอ๋องเมื่อด้านนอกมีบุคคลมาเยือน"ฉินกงกงเข้าเฝ้าองค์ชายสี่เฟยหลง"เสียงกงกงของเสด็จย่าเขาดังขึ้นอยู่ด้านนอก"ฉินกงกงมีเรื่องอันใด"เหตุใดคนสนิทของเสด็จย่าถึงได้มาเยือนเข้าถึงจวนแห่งนี้ แถมมาได้เวลาเหมาะเจาะกับอาการประหลาดที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการอีก"ไทเฮามีรับสั่ง ผงเริงรมย์นั้นไซร้ จงใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากนี้สามวันเป็นฤกษ์ดี สามารถจัดงานมงคลได้"เสียงแหลมบาดหูของฉินกงกงเอ่ยราชโองการขององค์ไทเฮาเสร็จจึงทูลลากลับเข้าวังหลวง ทิ้งให้ตงเปียนอ๋องอมยิ้มอยู่ในห้องเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเหตุใดตนถึงมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้"อะไรคือผงเริงรมย์และอะไรคือสามวันม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 1

    บทส่งท้าย : เมื่อหมอกจางหาย บุปผางามผลิบาน"ข้าขับพิษออกจากร่างกายองค์ชายเรียบร้อยแล้ว พักฟื้นสักสองสามวันก็หายดี"หมอหลวงประจำจวนเหมยฮัวเอ่ยบอก"ส่วนยานี้ต้มทานสามมื้อจนกว่าแผลจะหายดี"เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปรับยานั้นจากหมอหลวง"อ้อข้าลืมอีกเรื่อง"ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าเดิมเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอันใดอีก"แผลนั้นต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด คงต้องรบกวนพระชายาแล้ว"หมอหลวงหันมากำชับเรื่องสำคัญนี้กับหลันจินเยว่ ทำเอาใบหน้านางแดงระเรื่อเพราะไม่คิดว่าคนนอกจวนอย่างหมอหลวงท่านนี้จะรู้เรื่องสถานะของนางกับองค์ชายสี่อีกคน"ข้าไปส่งท่านหมอ"อู่ชิงหรงเดินนำหน้าเพื่อส่งหมอหลวงกลับโรงหมอ"บ่าวขอตัวไปต้มยาให้ท่านอ๋องนะเจ้าคะ"ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงแค่หนึ่งคนหลับอยู่บนเตียงอย่างไร้วี่แววจะฟื้นและอีกคนที่นั่งลงข้างเขาด้วยความเป็นห่วง"ไหนท่านรับปากข้าว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ตอนที่หลันจินเยว่ได้ยินว่าตงเปียนอ๋องถูกอาวุธลับอาบยาพิษเล่นงานถึงกับวิ่งถือห่อยาหลายขนานไปดักรอพวกเขาระยะทางกือบลี้ ทั้งล้มลุกคลุกคลานจนแข้งขาถลอก บ่าวใช้คนใดขวางนางไล่ตะเพิดจนหมดสิ้น หากไม่สลบเสียก่อนหลันจินเยว

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 3

    ชายแดนทิศใต้"เจ้าเลิกดื้อรั้นเถิด ตอนนี้เผ่าซีเซียงยอมจำนนต่อกองทัพมังกรขาวหมดแล้ว"เสียงกร้าวของอู่ชิงหรงประกาศลั่นการปราบกบฎดำเนินมาได้สองชั่วยามแล้ว คนของเผ่าซีเซียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนจนหัวหน้าเผ่ายกธงขาวยอมแพ้ให้กับอำนาจของแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรขาวเฟยหลงทว่าต่อให้เสียเลือดเนื้อเสียคนไปมากมายเพียงใด ผู้ที่หัวรั้นเกลียดการพ่ายแพ้อย่างซู่จิ่งอวิ๋นไม่มีทางวางกระบี่ในมือลงเป็นแน่"วันนี้ข้ากับเจ้า ถ้าปลาไม่ตาย ตาข่ายก็ต้องขาด"ซู่จิ่งอวิ๋นโต้ตอบด้วยสำบัดสำนวนเสียงหนักแน่น วันนี้ทั้งเขาและตงเปียนอ๋องผู้นี้ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างถึงจะจบศึกในครั้งนี้"ช่างเด็ดเดี่ยวเช่นบิดาเจ้าเสียจริง"ตงเปียนอ๋องกล่าวชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ หากเอามาใช้ให้ถูกทางคงเป็นที่น่ายกย่อง"วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อที่ถูกพวกเจ้าบังคับให้ดื่มยาพิษนั่น"[1]ยามโฉ่วของวันนี้ เสนาซู่จินเพ่ยได้กรอกยาพิษฆ่าตัวตายหลังได้รับราชโองการเป็นนักโทษประหารที่ต้องบั่นคอเสียบประจาน ข่าวนั้นดังเซ็งแซ่ไปทั่วแคว้นจนมาถึงหูซู่จิ่งอวิ๋นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะบุกไปช่วยบิดาออกมาแต่มิทันกาลเสียงกระบี่ฟาดฟันอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 2

    "ทะ...ท่านอ๋อง"ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเอาอกเอาใจจากอีกคน"วันนี้สนุกไหม"เขาชวนนางคุยปกติ หากแต่ในแววตากลับมีความกลัดกลุ้มอยู่หลายส่วนจะเรื่องอะไรได้ ก็ตอนที่นางเดินซื้อของในตลาดมีนักฆ่าสะกดรอยตามถึงสามคน โชคดีที่ตงเปียนอ๋องอ่านเกมในครั้งนี้ออกคนรักของเขาถึงได้ปลอดภัยกลับมาหากเขาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หลันจินเยว่คงไม่สบายใจ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกเป็นแน่ ตอนนี้เลยต้องเอาอกเอาใจนางเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องที่ตริตรองมาอย่างดีแก่นางในเวลาที่เหมาะสม"ตอนแรกก็สนุก"ตอบพร้อมยู่ปากอย่างหุดหงิดในเวลาต่อมา"ใครทำอันใดให้ว่าที่ชายาของข้าขุ่นเคืองใจ"ที่ใช้คำว่า 'ว่าที่' เพราะทั้งสองยังไม่เข้าพิธีสมรสกัน ตงเปียนอ๋องอยากให้เกียรตินางจึงจะรอปราบกบฎตระกูลซู่แล้วสิ้นถึงจะทำพิธีตามประเพณีแคว้น"ข้ากำลังดูผ้าเพื่อจะเอามาตัดชุดใหม่ให้ท่าน แต่เจอเข้ากับคนที่วางยาสลบข้าเพื่อส่งต่อให้คนพวกนั้นเข้า"ที่จริงเรื่องนี้องครักษ์เงาของเขารายงานมาหมดแล้ว"เจ้าพบเฟิงเยว่ซู?""จะเป็นใครอีกละ! พี่สาวตัวดีของเฟิงเยว่ซินนั่นแหละ"ตงเปียนอ๋องหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังประโยคแปลก ๆ นั้นจบ"เจ้าพูดเหม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 1

    "เสี่ยวโหรวเร็ว ๆ เข้า"เสียงเจื้อยแจ้วของหลันจินเยว่ในอาภรณ์สีลูกท้อร้องเรียกสาวใช้ที่เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง"คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ"วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นางเลยขออนุญาตตงเปียนอ๋องออกมาเดินตลาด ฝั่งนั้นเห็นว่านางเพิ่งผ่านอันตรายมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้ออกมาเที่ยวเล่นจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น หากแต่ตงเปียนอ๋องก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาส่งองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือนางทัน"คุณหนูจะซื้อไปฝากท่านอ๋องหรือเพคะ"หลันจินเยว่ยืนดูผ้าไหมเนื้องามที่ร้านหนึ่งตรงตรอกเล็ก ๆ ของตลาด"เจ้าว่าหากท่านอ๋องเปลี่ยนมาใส่สีสว่างตาขึ้นจะดูภูมิฐานอยู่ไหม"ตั้งแต่ที่เห็นและรู้จักกันมา นางไม่เคยเห็นบุรุษที่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นที่มิใช่สีดำสีเข้ม ๆ เลยสักครั้งเดียว"บ่าวว่าผ้าสีไหนหากอยู่บนตัวท่านอ๋องก็ดูสง่างามหมดเจ้าค่ะ"หลันจินเยว่เห็นด้วยอย่างยิ่ง วันนี้สาวใช้ของนางพูดได้ถูกใจต้องตบรางวัล"ผ้าพับนี้ข้าซื้อให้เจ้า"นางหยิบผ้าไหมสีกลีบดอกเหมยส่งให้เถ้าแก่ร้าน"คุณหนู นั่นคงแพงมากนะเจ้าคะ"มองแค่ตายังไม่ได้จับต้องเนื้อผ้าเสี่ยวโหรวก็รู้ว่านั่นคือไห

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   เพียงเจ้าผู้เดียวที่เป็นสตรีของข้า / 2

    ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่ตงเปียนอ๋องออกมาจากห้องนั้นเพื่อฟังรายงานจากเหล่าทหารว่าซู่จิ่งอวิ๋นหนีไปกบดานกับเผ่าซีเซียงบนเขาทางใต้ เขาเลยสั่งให้ทุกคนกลับมาวางแผนกันที่จวนเหมยฮัวก่อนการเดินทางกลับจำต้องใช้ม้าถึงจะถึงที่หมายโดยเร็ว ทว่าหลันจินเยว่กลับเลือกที่จะโดยสารม้ามากับอู่ชิงหรงแทนอีกคน"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลบหน้าท่านอ๋อง"บุรุษผู้โผงผางคิดเห็นการใดก็พูดออกไปจนหมดสิ้นถามสหายวัยเยาว์"ข้ามิได้หลบหน้าผู้ใด"หลันจินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาตอบเหมือนร้อนตัว"หากข้าเป็นคนอื่นคงเชื่อที่เจ้ากล่าวมา"จะมาเกิดฉลาดเอาอะไรตอนนี้ นางยิ่งอยากอยู่เงียบ ๆ ตบตีกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากตงเปียนอ๋องว่าตกลงแล้วที่เขาบอกชอบนางหมายถึงร่างกายเฟิงเยว่ซินหรือตัวตนที่นางแสดงออกกัน"หยุด!"ตงเปียนอ๋องที่ควบม้าตามหลังสองคนนี้สั่งเสียงลั่น ทหารทุกนายต่างหยุดควบม้าเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไป"ท่านอ๋องพบสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ"หนึ่งในทหารที่ควบม้ารั้งท้ายลงจากม้ามาถามไถ่"ม้าตัวนี้อ่อนแรงแล้ว หยุดพักที่นี่สักพักก่อน"หากม้าที่ตงเปียนอ๋องทรงขี่อยู่คือทมิฬกาลคงหาข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้สายตาคมมองแผ่นหลังบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status