เมิ่งเหยียนซินถูกนำมายังหอชำระกาย เมื่อจัดการตนเองเป็นที่เรียบร้อย เมิ่งเหยียนซินจึงพยายามนั่งทบทวนว่าตนทำพลาดตรงไหนไยจึงมาโผล่ยังสถานที่ของนิยายได้กัน หนำซ้ำยังเป็นนิยายที่คนอื่นแต่ง หากจะว่าเพราะเขียนนิยายมากไปหน่อยก็ควรฝันถึงนิยายตนเองไม่ใช่หรือยังไง ยิ่งหาสาเหตุก็ยิ่งพบเพียงคำถามยุ่งเหยิงเต็มไปหมด เมิ่งเหยียนซินอับจนหนทางจะแก้ไข เช่นนั้นก็คงต้องลองนอนหลับสักตื่น บางทีตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งอาจจะได้กลับไปยังบ้านของตนเช่นเดิม
"คุณหนู ค่ำแล้ว มือเท้าของท่านเย็นนัก เกรงจะป่วยเอาได้ อาภรณ์พวกนี้ท่านก็เอาไว้ใช้เถิดเจ้าค่ะ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" เมิ่งเหยียนซินเอื้อมมือรับเสื้อคลุมตัวหนา
"เรือนรับรองที่นี่คับแคบไปบ้าง ท่านคงนอนได้กระมัง"
"ได้เจ้าค่ะ ไม่มีปัญหา" เมิ่งเหยียนซินฉีกยิ้มกว้าง เมื่อมองผ่านลาดไหล่บางออกไปก็เห็นใบหน้าอันบวมเป่งพร้อมมุมปากที่เกิดรอยเขียวช้ำจนดูไม่ออกว่านี่คนหรือตัวประหลาดใดก็ต้องนิ่วหน้าซี๊ดปากขึ้น
ดูไม่ได้เอาเสียเลย สองแม่ลูกนั่นจะรังแกยัยคุณหนูรองมากเกินไปแล้ว เอาวะ ไม่ได้เข้ามาเป็นนางเอกก็ไม่เป็นไร อยากเล่นสนุกอยู่พอดี คุณหนูรองเมิ่ง ไว้ข้าจะจัดการสองแม่ลูกมหาภัยให้เจ้าเอง
"ท่านกล้านอนผู้เดียวหรือไม่เจ้าคะ"
เมิ่งเหยียนซินไม่เคยเกรงกลัวสิ่งลี้ลับอยู่แล้ว หากมาหลอกหลอนนางจะเขียนยันต์แปะหน้าผากผีให้หนีกระเจิงไปเสียเลย "ข้านอนได้เจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล"
"เช่นนั้นพักผ่อนนะเจ้าคะ ไว้วันพรุ่งข้าจะส่งตัวคุณหนูกลับจวน"
แม่ชีผู่เยว่ตั้งท่าหมุนกายเดินจากไป ทว่าเมิ่งเหยียนซินกลับเรียกนางเอาไว้เสียก่อน "เดี๋ยวเจ้าค่ะ"
เท้าที่เยื้องย่างชะงักลง "ว่าอย่างไรเจ้าคะคุณหนูเปลี่ยนใจงั้นหรือ"
เมิ่งเหยียนซินส่ายหน้าจนเส้นผมแตกกระเจิง ถ้าหากตื่นมาแล้วยังไม่ได้กลับจะทำเช่นไรเมิ่งเหยียนซินยังไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพวกตัวปัญหาแห่งสกุลเมิ่งในตอนนี้ "คือว่า... พรุ่งนี้ข้ายังไม่อยากกลับจวนสกุลเมิ่ง ไม่ทราบว่าข้าจะขออยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ"
"แต่ว่า... หากใต้เท้าเมิ่งหาคุณหนูไม่พบจะเป็นกังวลใจเอาได้นะเจ้าคะ"
"แต่ข้ายังไม่อยากกลับนี่นา นะ นะ นะเจ้าคะ ถือว่าท่านทำทานกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สักครั้ง แม่นมเองก็รักข้าดุจลูกในไส้ไม่ใช่หรือ" เปลือกตาบางกะพริบถี่ออดอ้อน กระนั้นก็ต้องเจ็บจี๊ดที่ดวงตาขึ้นอีกหน
เจ็บชะมัด เมิ่งเหยียนซินคนนี้โดนอะไรมาเนี่ย
เมิ่งเหยียนซินลอบสังเกตใบหน้าเผือดสีของอีกฝ่าย ที่แม่ชีผู่เยว่ทำตัวห่างเหินกับคุณหนูรองเมิ่งเกรงว่าคงมีเรื่องลำบากใจซ่อนอยู่ เพราะแม่ชีผู่เยว่เองกำลังปฏิบัติตนอยู่ในคราบของผู้ถือศีลห่มขาว นางควรละเว้นกิเลสทั้งปวง แต่ดูเหมือนยามนี้อารมณ์ของนางเริ่มเอนไหวประหนึ่งต้นไผ่ต้องสายลมเข้าให้แล้ว
"คุณหนูเจ้าคะ" น้ำเสียงที่เปล่งสั่นพร่า จู่ ๆ ม่านตาของแม่ชีผู่เยว่ก็แดงก่ำ
เมิ่งเหยียนซินละล้าละลังกระทั่งทำตัวไม่ถูก นางลุกยืนเต็มความสูงจากนั้นวิ่งถลาเข้าไปสวมกอดสตรีที่มีความสูงไล่เลี่ยกับตน "แม่นมผู่ ข้ารู้ว่าที่ท่านทำตัวห่างเหินกับข้า และต้องหนีมาบวชชีที่นี่เป็นเพราะฮูหยินใหญ่ ท่านไม่ต้องร้อง ไว้ข้า เอ่อ...แฮ่ม...เมิ่งเหยียนซิน จะไปทวงความเป็นธรรมให้ท่านเองเจ้าค่ะ"
เพราะแม่ชีผู่เยว่ถูกใส่ร้ายว่าวางยาคุณหนูรองจนเกิดสติเลอะเลือน ด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ ยามนั้นแม่นมผู่เยว่ถูกสั่งโบยแทบสิ้นใจ เมิ่งเหยียนซินก็ไม่อาจช่วยเหลือได้เพราะนางกลายเป็นสตรีบ้าพูดไม่รู้ความไปเสียแล้ว
เมิ่งเหยียนซินทราบเรื่องราวทั้งหมด สกุลเมิ่งก็เป็นผู้ดีแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ผู้เป็นพี่สาวหมายแก่งแย่งคู่หมั้นของน้อง ส่วนมารดาก็จ้องจะทำลายสตรีที่เข้าใกล้สามีทุกราย หึงหวงกระทั่งกับคนที่ตายไปแล้วโดยไม่รู้จักปล่อยวาง
ผู่เยว่สะอื้นไห้จนไหล่สะท้าน "คุณหนู ข้าคิดถึงท่าน แต่ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
เวรย่อมระงับด้วยการเอาคืนต่างหาก
เมิ่งเหยียนซินไม่ใช่คุณหนูเมิ่งเหยียนซินตัวจริง และไม่ได้เป็นคนโลกสวยเพียงนั้น หากใครดีมาเมิ่งเหยียนซินย่อมดีกลับ หากใครร้ายมาเมิ่งเหยียนซินก็จะเอาคืนคนผู้นั้นร้อยเท่าพันทวีเช่นเดียวกัน
แม่ชีผู่เยว่เอ่ยต่อ "ยามปกติท่านมาหาข้าก็เสียสติพูดจาไม่รู้ความ ข้าเองล้วนจนใจ จำต้องปล่อยให้ท่านกลับไปยังขุมนรกทุกครั้ง แต่หนนี้ท่านหายจากบ้านไปถึงห้าวัน ข้าเป็นห่วงคุณหนูแทบแย่ คิดว่าท่านไปหลงทางหรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเสียแล้ว คุณหนูของข้า ข้าขอโทษที่ไม่อาจดูแลท่านได้ตามที่ฮูหยินรองฝากฝัง"
เมิ่งเหยียนซินรู้สึกสลดใจเหลือเกิน ความรู้สึกเจ็บปวดประดังประเดเข้ามาราวกับตนคือผู้ถูกกระทำเสียเองมือเรียวยกมือขึ้นแช่มช้า จากนั้นจึงลูบไล้แผ่นหลังของอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลม
"แม่นมเจ้าคะ ท่านไม่ต้องร้องนะเจ้าคะ ข้ากลับมาแล้ว ท่านไม่ต้องรู้สึกผิด คุณหนูรองคนใหม่ผู้นี้จะดูแลปกป้องตนเองเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครมารังแกอย่างง่ายดายแน่นอนเจ้าค่ะ"
[ค่าความโปรดปรานถูกเติมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยินดีด้วยคุณหนูรอง รางวัลของท่านก็คือรักนิจนิรันดร์ตราบนานเท่านาน]พรึบ!เฮือก..."ท่านพี่!!"เมิ่งเหยียนซินเหลียวมองบรรยากาศโดยรอบ ศีรษะก็เริ่มปวดหนึบ"นี่มัน นี่มันอะไรกัน ไม่นะ ท่านพี่ ท่านพี่ ฮื่อ..."ตอนนี้เมิ่งเหยียนซินได้กลับมาแล้ว แต่เมิ่งเหยียนซินยังไม่อยากกลับตอนนี้ นี่หรือรางวัลที่มอบให้ คนกำลังมีความสุขก็มาพรากไปอย่างหน้าตาเฉย"เสี่ยวทู่จื่อคืนท่านพี่มาให้ข้า!""..."“เสี่ยวทู่จื่อ! ระบบหลอกลวง ไหนว่าจะได้รับความรักนิจนิรันดร์ แล้วนี่ข้าออกมาแล้ว เขาเล่า เขาอยู่ที่ไหน ฮื่อ…. คืนเขามาให้ข้านะ ข้าจะไปหาเขาได้ยังไง”เมิ่งเหยียนซินเหลือบมองมือถือทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น จากนั้นก็ปาดน้ำตาบนใบหน้าออกลวก ๆ มือเรียวสั่นเทาเมื่อพบว่าหน้าจอยังแสดงบทนิยายเรื่องนั้น เรื่องที่เมิ่งเหยียนซินเพิ่งได้กลับออกมา คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดก็เพียงแค่ฝันตื่นหนึ่ง"ฮื่อ...ท่านพี่ เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้วใช่หรือไม่" เมิ่งเหยียนซินซุกหน้าลงบนฝ่ามือพร้อมกับร่ำไห้เสีย
พิธีแต่งงานของกั๋วกงกับคุณหนูรองเมิ่งถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้คนล้วนงุนงงว่าเมื่อก่อนหลิวกั๋วกงเป็นคู่หมั้นพี่สาว เหตุใดจึงได้แต่งงานกับน้องสาวแทน กลับกลายเป็นว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างเรื่องนี้ขึ้นจนได้"เดิมทีคู่หมั้นของท่านกั๋วกงก็คือบุตรสาวคนรองของข้าอยู่แล้ว" เมิ่งเว่ยประกาศก้อง เมื่อเขาได้ยินคำนินทาแตกออกเป็นสองฝั่ง จากนั้นเอ่ยต่อ "เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับนางทำให้ป่วยหนักเช่นที่ทุกคนทราบ ข้าเลยจงใจสลับตัวคู่หมั้นของท่านกั๋วกง เรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง" ผู้คนต่างฮือฮาอีกระลอก ครั้นเสียงเบาลงแล้ว เมิ่งเว่ยจึงเอ่ยต่อ "ส่วนสกุลฟู่..."เมิ่งเว่ยหันไปสบตาคุณชายฟู่และพ่อแม่ของเขา "สกุลเมิ่งต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา เราจะชดเชยให้ท่านเอง เพราะยามนี้ลูกสาวคนโตของข้า..."เมิ่งเว่ยดูลำบากใจ คุณชายฟู่เห็นว่าเขาอึดอัดจึงช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ ร่างสูงยืนขึ้นจากนั้นค้อมตัวลงแช่มช้า "ใต้เท้าเมิ่ง ไม่ต้องเกรงใจ"แท้จริงคุณชายฟู่ผู้นี้มีภรรยามาก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่นางอาศัยอยู่ชานเมือง กิจการของตระกูลฟู่กำลังเข้าสู่ช่วงข้าวยากหมากแพง ดังนั้นจึ
กรี๊ด....เสียงกรีดร้องประหนึ่งคนเสียสติดังมาจากห้องนอนของเมิ่งลี่น่า บ่าวรับใช้ในเรือน ต่างกรูกันเข้ามาด้วยความแตกตื่น เสียงร่ำไห้ดังลอดออกมาเป็นระยะ"ฮื่อ...คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ เป็นอะไรไปเจ้าคะ"ประตูบานหนาเปิดออก เมิ่งเว่ยและเริ่นอี้หร่านรุดเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก"น่าเอ๋อร์ เป็นอะไรไปลูก"เริ่นอี้หร่านเดินเข้าไปสวมกอดพลางลูบศีรษะลูบเรือนร่างบุตรสาวเพื่อปลอบประโลม ยามนี้เสื้อผ้าของเมิ่งลี่น่าขาดวิ่นจนผิวกายผุดโผล่ ร่องรอยจ้ำสีเขียวสีแดงปรากฏเต็มลำคอและร่างกาย ผมเผ้าหลุดลุ่ยกระเซอะกระเซิงไม่ชวนอภิรมย์ บ่าวไพร่ที่เข้ามาเห็นก็ฮือฮากันยกใหญ่เกิดอะไรขึ้นเล่า อย่าบอกว่าคุณหนูรองหายป่วย คุณหนูใหญ่ก็เลยเป็นแทนนั่นน่ะสิ"หุบปาก! ไม่มีงานการทำหรืออย่างไร หากใครเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพราย ข้าจะโบยให้หนัก" เริ่นอี้หร่านเดือดดาล เห็นบุตรสาวร้องไห้น้ำตานองหน้าทั้งยังเอาแต่พูดคำว่า อย่าทำข้า ๆ ข้าไม่ผิด ข้าไม่ได้วางยาใคร ใจของนางก็พลันกระตุกวูบ
เมื่อทุกอย่างถูกจัดการอย่างลงตัว เมิ่งเหยียนซินก็ให้เลี่ยงหรงกลับห้องของตนไปพักผ่อน เมิ่งเหยียนซินทราบอยู่แล้วว่าเมิ่งลี่น่าไม่มีทางลดราวาศอกแน่ นางจึงวางแผนตลบหลัง เข้าไปเจรจากับบรรดาคณิกาชายที่เมิ่งลี่น่ามักไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้งมาเป็นพวกพ้อง คนเหล่านี้เห็นเงินก็ตาลุกวาวหลังจากพวกเขาถูกซื้อตัวด้วยเงินจำนวนมาก คณิกาชายเหล่านั้นก็มักจะแวะมาแจ้งความเคลื่อนไหวของเมิ่งลี่น่าให้เมิ่งเหยียนซินทราบเสมอ เป็นเหตุให้วันนี้นางไหวตัวทันการกระทำในครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นการแก้แค้นให้แม่นมผู่เยว่และจิตวิญญาณคุณหนูรองเมิ่งซึ่งยามนี้ไม่รู้ล่องลอยไปอยู่ที่ใด บางทีนางอาจขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ได้เมิ่งเหยียนซินกลับไปนั่งชมจันทร์เพื่อสงบใจอีกครู่ นางแหงนมองเบื้องบนจากนั้นประสานฝ่ามือหลับดวงตาระลึกถึงบางสิ่ง โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามีเงาร่างสูงของใครบางคนอยู่เบื้องหลังริมฝีปากได้รูปขยับเอ่ยบางเบา "คุณหนูรองเมิ่ง ฮูหยินรองข้าไม่รู้ว่ายามนี้จิตวิญญาณของท่านทั้งสองล่องลอยไป ณ ที่ใด และข้าไม่รู้ว่าคุณหนูรองเมิ่งกับข้ามีสิ่งใดเกี่ยวพันกันมาก่อน แต่แค้นที่ฝังรากหยั่งลึ
เมิ่งลี่น่ารินน้ำชาลงถ้วยแช่มช้า กลิ่นหอมกรุ่นของชาใบอ่อนลอยฟุ้งกลางอากาศ มือเรียวเลื่อนชาถ้วยแรกส่งให้เมิ่งเหยียนซิน ริมฝีปากสีแดงเข้มขยับเอ่ยเสียงค่อย "น้องหญิง อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง""ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างชาที่เรือนเล็กก็มี ท่านไม่จำเป็นต้องแบกมาให้หนัก""ได้อย่างไร ชาที่เรือนเล็กมีแต่ชาไร้คุณภาพ"เมิ่งเหยียนซินเหยียดยิ้ม ก็รู้นี่ยังจะพูด สองมาตรฐาน รังแกแต่น้องสาวตัวเอง"ข้าจะเข้านอนแล้ว ไม่อยากจิบชาให้ต้องวิ่งไปทำธุระดึกดื่นเจ้าค่ะ""นิดเดียวเอง ชานี่ข้าตั้งใจนำมาเพื่อขอโทษเจ้า" เมิ่งลี่น่าคลี่ยิ้มละไมเมิ่งเหยียนซินมองถ้วยชาเบื้องหน้าอย่างไม่ไว้ใจ เมิ่งลี่น่าคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ริมฝีปากเรียวยกยิ้มจาง ๆ "ดูเหมือนเจ้ายังไม่วางใจ เช่นนั้นเรามาแลกถ้วยกัน"มุขเดิม ๆ"เอาสิเจ้าคะ"เมิ่งลี่น่ากระหยิ่มยิ้มย่อง จากนั้นจึงเปลี่ยนถ้วยชาของตนกับเมิ่งเหยียนซิน นางยกชาขึ้นจิบ ครั้นลดถ้วยชาลงก็ส่งยิ้มหวานอีกครั้ง ทว่าเมิ่งเหยียนซินกลับยังไม่แตะชาแม้เพียง
เมิ่งเหยียนซินทอดสายตามองบุหลันดวงโตบนท้องนภา พลางขบคิดบางสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบเสี่ยวทู่จื่อไยจึงคล้ายคลึงความเป็นจริงนัก ตรึกตรองไปมาก็ต้องถอนหายใจแผ่ว สรุปแล้วหลิวซือเหว่ยกำลังมีใจให้นางหรือไม่ เหตุใดช่วงบ่ายเขาต้องยกเอาเรื่องแสนอดสูในวันนั้นขึ้นมาดันทุรังเพื่อแต่งงานกับนางให้ได้ หรือเขาต้องการกลั่นแกล้งนางเพียงเพื่อนึกสนุก[ค่าความโปรดปรานเพิ่มขึ้นแปดเท่า]เมิ่งเหยียนซินผงะ "เสี่ยวทู่จื่ออยากโผล่ก็พรวดพราดขึ้นมาเลยหรือไง"[เสี่ยวทู่จื่อจะออกมายามจำเป็นเท่านั้น และตอนนี้ภารกิจของท่านใกล้สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ]เมิ่งเหยียนซินแนบแก้มซ้ายลงตรงขอบหน้าต่าง หวนนึกถึงแววตาของหลิวซือเหว่ยที่มองมายังตนด้วยอาการตื่นตระหนกรวมถึงท่าทีพยายามช่วยเหลือนางอย่างไม่คิดชีวิตในเทศกาลโคมไฟวันนั้นก็รู้สึกแปลกใจพิกล เมิ่งเหยียนซินกำลังแอบปันใจให้พระรองผู้รักมั่นต่อนางเอกในนิยายเข้าเสียแล้วมือสังหารคืนนั้นถูกหลิวซือเหว่ยนำตัวไปสอบสวน กระทั่งทราบว่าไม่ใช่ฝีมือใครอื่น เป็นกลุ่มนักต้มตุ๋นที่ปักใจแค้นเคืองเมิ่งเหยียนซิน เฝ้าสะกดรอยตามนางจนทราบทุก