Share

บทที่ 4 นกเขาไม่ขัน

last update Last Updated: 2025-11-17 20:57:10

“ใจเย็นก่อน ท่านหมอไม่ได้หมายความเช่นนั้น” กุนซือจางหันไปกล่อมเจ้าเสือดำที่กำลังแยกเขี้ยวไม่พอใจ

“เจ้าเข้าข้างสตรีจอมหื่นกามผู้นี้หรือ” หงเจี้ยนหยางหันไปแยกเขี้ยวใส่สหายของเขาแทน

“เราฟังที่ท่านหมออธิบายก่อนดีหรือไม่”

“ผู้ใดอยากฟังจอมต้มตุ๋นกัน เจ้ามัน.. อะ!!!” เขาชี้นิ้วไปทางหญิงสาว เพื่อด่าทอ แต่กลับถูกนางจับปลายนิ้วนั้นบิดจนเขาเจ็บปวดเกินจะทน ยังดีที่ชายชาติทหารเช่นเขาข่มกลั้นเสียงร้องไว้ได้

เสวียนหู่แห่งอี้โจวถูกเทพธิดาสยบได้เพียงใช้ปลายนิ้ว..

“เอาล่ะ เป็นคนป่วยก็ต้องอยู่นิ่งๆ อย่าดื้อ นั่งลงและให้หมอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งสิ” เทพธิดาสั่งเสียงเรียบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงตะคอกของอีกฝ่าย

หลังจากความวุ่นวาย กุนซือจางกล่อมจนเสือดำน้อยที่ตัวสูงใหญ่ยอมตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง

“ดื่มสุราหนักด้วยหรือไม่” เทพธิดาถามคำถาม

“...” เขาไม่ยอมตอบ ถอนหายใจแล้วหันหน้าหนี

“เรียกว่าอาบสุราทั้งวันยังได้” กุนซือจางอธิบายสิ่งที่หงเจี้ยนหยางทำ

“อือ..เป็นแค่ เดอเกอร์แวง ภาวะอักเสบเรื้อรังของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณโคนนิ้วโป้งจนใช้ข้อมือไม่สะดวก เป็นทั้งสองมือ หนักที่มือซ้าย แต่เพราะเกิดเรื่องจนกระทบต่อจิตใจ

ถอนหายใจบ่อย อาจเป็นภาวะพีทีเอสดีหรือไม่ก็ซึมเศร้าร่วมจนติดสุราเรื้อรัง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนลงพุง อาจเพราะมีอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานาน แต่ไม่ได้สาหัส”

หญิงสาวอธิบายกับตัวเอง พร้อมจับพู่กันขีดเขียนบางอย่างลงบนแผ่นกระดาษ ท่วงท่าสง่างามชวนมอง บุรุษสองคนได้แต่ยืนมองขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดสักคำ

“ท่านเทพธิดา ท่านหมายถึงสิ่งใด” กุนซือจางเอ่ยถาม

“อื้อ..ถึงจะปล่อยตัวหนวดเครารุงรังและมีรอยแผลเก่าเต็มตัว แต่ผิวพรรณดีมาก” หญิงสาวหันมองสำรวจบุรุษตัวเล็กและเสือดำตัวใหญ่อย่างตั้งใจ นางมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่พยายามปิดบังสายตาด้วยซ้ำ

‘เป็นพวกคนรวยปลอมตัวมาสินะ’ หญิงสาวแอบโห่ร้องดีใจที่ในที่สุดก็มีลูกค้ากระเป๋าหนักมาหานางสักที

“นางปีศาจจิ้งจอกจอมราคะ เลิกจ้องข้าเช่นนั้นสักที” หงเจี้ยนหยางทำเสียงไม่พอใจ

“เจ้ามีปัญหากับจิ้งจอกจอมราคะหรือ” หญิงสาวถาม

“ฮะ?” เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่านางต้องการถามสิ่งใด

“ปกติแล้ว บุรุษวัยกำหนัดจะไม่มีปัญหากับปีศาจจิ้งจอก นอกเสียจากว่า..” นางพูดพร้อมกับมองไปยังเป้ากางเกงของคนตัวสูง กระทั่งกุนซือจางก็มองตามสายตาของนาง

หงเจี้ยนหยางใบหน้าแดงก่ำ..

‘อาไร้!! นี่ฉันเดาถูกเหรอ เสียของสุดๆ อุตส่าห์มีสุดยอดร่างกาย’ หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากทำตาโตตกใจ รู้สึกเสียใจกับอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง

อดีตแม่ทัพรู้สึกอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาอับอายจนโกรธจัด ย่างเท้าเข้าใกล้ตัวเทพธิดา ร่างสูงใหญ่แผ่กลิ่นอายอำมหิต ยื่นมือไปบีบคอระหงของนางไว้ในกำมือทันที

“ใช่แล้ว นกเขาของข้าไม่ขัน ข้าป่วยจิต หากเจ้าไม่มีปัญญารักษา ข้าจะฆ่าเจ้าให้แหลกคามือเสียตรงนี้”

“เจี้ยนหยาง อย่าเสียมารยาท” จางป๋อเหวินเห็นว่าสหายโมโหจนคุมสติไม่อยู่จึงรีบเอ่ยเตือน

“ได้..ข้ารับปากว่าจะรักษาจนเจ้าหายดี ทั้งทางกายและทางใจ แต่หากข้ารักษาได้ ข้าจะเก็บค่ารักษาราคาแพง” หญิงสาวไม่ได้หวาดกลัว แม้ตัวสูงใหญ่ที่แทบปิดท้องฟ้าของเขาจะทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่บ้าง แต่ยังตกปากรับคำท้าทายของเสวียนหู่อย่างกล้าหาญ

“ฮึ เจ้าจะเอาเท่าไร” บุรุษตัวสูงแค่นเสียงหัวเราะ อย่างไรพวกต้มตุ๋นก็ต้องการเงินอยู่ดี

“ห้าสิบตำลึง..เอ่อ ห้าร้อย..หนึ่งพันตำลึง” นางกำลังพยายามคำนวณค่าเงินในหัว ไม่แน่ใจว่าเงินจำนวนเท่านี้ ในยุคสมัยเก่าเช่นนี้จะสามารถซื้ออะไรได้บ้าง แต่นางมั่นใจว่าจะต้องพอเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูเด็กๆ หลายชีวิตได้นานมากกว่าสิบปี

“ข้าให้สองพันตำลึงทอง” หงเจี้ยนหยางพูด ระหว่างบีบคอระหงให้แน่นขึ้น แม้ปลายนิ้วของเขาจะปวดแปลบจนน่ารำคาญ แต่เขาอยากข่มขู่สตรีผู้จนต้องพยายามทนไว้

“ห้าพันเหรอ!” หญิงสาวดีใจตาโต นัยน์ตาระยิบระยับราวกับอัญมณี มองดูชายตัวสูงที่กำลังข่มขู่ตัวเองด้วยความปีติ

เสวียนหู่แห่งอี้โจวรู้สึกว่าแววตาดีใจนั่นงดงามอย่างประหลาด เขาแน่ใจว่าเขารังเกียจสตรีผู้นี้ แต่ฝ่ามือที่กุมคอระหงไว้ก็ค่อยๆ คลายออกคล้ายเขาไม่รู้ตัว หรือเขาอาจรู้ตัว แต่ในใจไม่ยอมรับ ได้แต่โกหกตัวเองว่าเพราะเขาเจ็บมือจนต้องยอมปล่อยมือ

“เจี้ยนหยาง!” จางป๋อเหวินเอ่ยเตือนจากด้านหลัง

หงเจี้ยนหยางเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเบียดร่างของเทพธิดาจนติดผนัง ความตั้งใจแรกคือ เขาจะก้มหน้าเพื่อข่มขู่สตรีที่สูงเพียงอกของเขา แต่ยามนี้เมื่อพิจารณาดูแล้ว ท่าทางของเขาดูคล้ายจะจุมพิตนางเสียมากกว่า

ชายหนุ่มสะบัดมือออกจากคอระหง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องนั้นทันทีโดยไม่ระวัง

“โอ๊ย!” เพราะเจ้าเสือดำตัวใหญ่เกินไป หัวของเขาจึงชนเข้ากับคานประตู หงเจี้ยนหยางได้แต่ยกมือมาปิดหน้าด้วยความอับอาย รีบก้มตัวหนีออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด

“อย่าถือสาเขาเลย เจ้าเด็กนั่นใจร้อนไปบ้าง แต่..”

“สองพัน..สองพันตำลึงทอง นี่..นาย เจ้าต้องช่วยเป็นพยานนะว่าเพื่อนของนายสัญญาจะให้สองพันตำลึงทองน่ะ” หญิงสาวยังคงดีใจ หันไปหาพยานช่วยจดจำ เพราะนางก็ไม่แน่ใจว่าฟังผิดหรือไม่

“ท่านเทพธิดา..เอ่อ” จางป๋อเหวินไม่รู้จะทำเช่นไร คนหนึ่งคล้ายสติหลุดเพราะเงินจำนวนสองพันตำลึง ส่วนอีกคนก็หนีเพราะทนความโมโหไม่ไหว

“ฉันต้องร่างตารางรักษาตัวอย่างละเอียด ไปรอข้างนอก อย่าเพิ่งกลับนะ อีกเดี๋ยวจะเอาตารางรักษาไปให้” นางยิ้มดีใจอย่างโง่งม

กุนซือจางได้แต่พยักหน้า เดินออกไปรอด้านนอก แม้จะเริ่มไม่แน่ใจเช่นเดียวกับหงเจี้ยนหยาง บางทีสตรีผู้นี้อาจเป็นพวกต้มตุ๋นจริงๆ เขาตามหาหมอรักษาอดีตแม่ทัพมานาน เคยพบคนหลอกลวงมามาก รู้ดีว่าคนเลวพวกนั้นจะสนใจแต่อยากได้เพียงเงินเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

    “เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถามหญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

    พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว “รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไปจางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว “เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมากแต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง “ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 ค่ำคืนเมามายแสนอันตราย

    หนึ่งเดือนผ่านไป หงเจี้ยนหยางทำตามตารางการรักษาของเทพธิดาอันเยว่ฉีอย่างเคร่งครัด ข้อมือของเขาเริ่มหายปวดแล้ว และในที่สุดนางก็อนุญาตให้เขาฝึกยุทธ์ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นได้ แต่ยังคงห้ามไม่ให้จับอาวุธจางป๋อเหวินหายโกรธหงเจี้ยนหยางเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะมีลูกท้อเชื่อมน้ำตาลส่งมาจากเมืองอู่โจว และหงเจี้ยนหยางก็ยกให้กุนซือจางทั้งหมด เย็นวันนี้ท่านกุนซือจึงมาคอยดูแลเขาหากจะเรียกให้ถูกคือ ท่านกุนซือผู้นั้นมาคอยกำกับไม่ยอมให้เขาจับอาวุธ แต่บังคับให้เขาฝึกร่างกายด้วยการร่ายรำตามท่าทางของเสี่ยวจิ่วเทียนฝ่า [1] ซึ่งต้องขยับร่างกายช้าๆ อย่างทรมาน ท่านกุนซือใช้อ้างว่าเขาจะได้ฝึกสมาธิด้วย“นายท่าน เอ้อหลิงนำน้ำแกงไก่ใส่โสมมาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เอ้อหลิงจึงให้คนไปตามหาโสมอยู่สามวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มา เอ้อหลิงเคี่ยวด้วยตัวเองก่อนจะนำมาให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างอรชรตัวเล็กเอวคอดได้รูปพูดขึ้นหงเจี้ยนหยางหยุดฝึกร่างกาย เขาหันไปมองดูที่มาของเสียง“เจ้าคือเอ้อหลิงคนนั้นหรือ” เขายังจำที่สาวใช้อี้ซิ่วพูดได้“เจ้าค่ะ”อนุเอ้อหลิงผู้ซึ่งหงเจี้ยนหยางไม่เคยรู้ว่านางเป็นอนุข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

    รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ“ท่านเทพธิดา”เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

    “อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานหลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

    หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”“จางป๋อเหวิน!”“หมูขี้ขลาด”“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”“สุนัขเหม็นอาจม”“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status