Share

บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

last update Last Updated: 2025-11-17 20:57:52

หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่

“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง

“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”

“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น

“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม

“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”

“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”

“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”

“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”

“จางป๋อเหวิน!”

“หมูขี้ขลาด”

“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”

“สุนัขเหม็นอาจม”

“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ้องนาง” หงเจี้ยนหยางราวกับเป็นเด็กน้อยถูกกลั่นแกล้ง เขาถึงขั้นยก นาง ที่กุนซือของเขาหวาดหวั่นมาข่มขู่

“...” กุนซือจางที่ปกปกติอ่อนโยนใจดี ยามนี้ในสายตาเต็มไปด้วยความเยียบเย็น แววตาของบุรุษชุดดำตัวเตี้ยว่างเปล่าจนน่ากลัว เขาเดินออกไปจากห้องทันที ไม่ยอมต่อปากต่อคำหรือหาทางบังคับเจ้าเสือดำเด็กน้อยอีก

“ข้า..ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หงเจี้ยนหยางพูดตามหลัง แต่เสียงเบาจนอีกฝ่ายไม่ได้ยิน

“เฮ้อ..กายภาพบำบัดหรือ ข้าควรทำดีหรือไม่..เฮ้อ..” บุรุษตัวใหญ่กว่าเก้าฉื่อทิ้งตัวลงบนเตียง ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ยกแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่านซ้ำอีกหลายรอบ ทำตัวราวกับหญิงสาวที่ถูกบังคับแต่งงาน ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

เช้าตรู่ในวันอากาศเย็น อี้ซิ่ว สาวใช้ในจวนของกั๋วกงกำลังกวาดลานหน้าเรือนของท่านกั๋วกงคนปัจจุบัน ทุกคนในจวนล้วนรู้ดีว่าหงเจี้ยนหยางจะไม่ตื่นเวลาเช้าตรู่เช่นนี้

แต่จู่ๆ ประตูเรือนนอนของท่านกั๋วกงก็เปิดออก..อี้ซิ่วหันไปมองด้วยความตกใจ

“นี่..เจ้าชื่ออะไร มานี่หน่อย” หงเจี้ยนหยางเรียกสาวใช้

‘นี่ข้าทำเสียงดังเกินไปหรือ ข้าจะถูกโบยหรือ ข้า..ต้อง..’ สาวใช้อี้ซิ่วสติหลุดลอยเพราะความกลัวไปแล้ว

“นี่..” ชายหนุ่มงุนงงกับท่าทางหวาดกลัวนั้น

“อย่าฆ่าข้าเลยเจ้าค่ะ ข้ากลัวแล้ว” อี้ซิ่วร้องไห้ออกมา ขอร้องทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัว สองมือกำไม้กวาดไว้จนสั่น

“ข้า..ไม่ได้จะฆ่าเจ้า แค่จะให้เข้ามาในห้องสักครู่”

“ท่านกั๋วกง! ได้โปรดไว้ชีวิตอี้ซิ่วด้วย อี้ซิ่วไม่ได้เป็นหญิงงามอะไร หากท่านอยากได้สาวใช้ช่วยอุ่นเตียง ข้า..ข้าจะไปตามพี่เอ้อหลิงให้ ข้า..ข้าไม่..” อี้ซิ่วถึงกับคุกเข่าลงตรงลานหน้าเรือน โขกศีรษะกับพื้นหินด้วยความกลัว

นางไม่อยากถูกยักษ์ผานกู่เช่นนี้พรากพรหมจรรย์ นางเคยได้ยินพี่เอ้อหลิง สาวใช้เพียงคนเดียวที่เคยอุ่นเตียงให้ท่านกั๋วกงพูดว่า เขาตัวใหญ่มาก ใหญ่จนข้าแทบทนรับไม่ไหว ร่างกายแทบฉีกขาด ช้ำไปทั้งตัว

พี่เอ้อหลิงยังน้ำตาคลอยามเมื่อเอ่ยคำพูดพวกนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับการเสียสละของพี่เอ้อหลิง มอบของขวัญมากมายให้ ทั้งยกตำแหน่งอนุให้กับพี่เอ้อหลิงเพื่อปลอบใจ

แต่อี้ซิ่วหวาดกลัวยิ่ง นางไม่อยากร่างกายฉีกขาด ต่อให้ได้เป็นอนุจวนกั๋วกงนางก็ไม่ต้องการ นางรับไม่ไหว..นางกลัวรูปร่างสูงใหญ่ของท่านกั๋วกง

สาวใช้คิดไปไกล..

“เจ้าพูดเรื่องอะไร ข้าแค่จะให้เจ้าเข้ามาต้มน้ำร้อน ข้าจะแช่ตัว รีบหน่อย อีกครู่ข้าจะไปกินมื้อเช้ากับท่านแม่” หงเจี้ยนหยางตัดบท

“..เอ่อ เจ้าค่ะ” อี้ซิ่วเงยหน้าขึ้นมองท่านกั๋วกงอย่างงุนงง คราบน้ำตายังเต็มสองแก้มแม้จะหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่หากไม่ใช่การอุ่นเตียง นางก็ยินดีทำ

“แล้วเอ้อหลิงนี่มันใครกัน” ท่านกั๋วกงได้แต่ส่ายหัว ไม่เข้าใจท่าทางของสาวใช้สักนิด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอ้อหลิงที่อี้ซิ่วพูดถึงคือใคร

วันนั้น หงเจี้ยนหยางตื่นแต่เช้าจนทุกคนในจวนแตกตื่น ยามที่เขาเดินไปกินข้าวเช้ากับท่านแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดบุตรชายของนางก็ยอมออกมาจากห้องเน่าเหม็นนั่นสักที

“ต่อไปให้ทำอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง เครื่องใน เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อปลา ตับ นมและ เอ่อ..” ชายหนุ่มจำไม่ได้ทั้งหมด จึงหยิบแผ่นกระดาษออกมาดูให้แน่ใจ

“และให้มีผลไม้ด้วยเสมอ” หงเจี้ยนหยางสั่งสาวใช้ในจวน เขาตัดสินใจว่าจะลองทำตามวิธีของเทพธิดาเถื่อนนั่นดูสักครั้ง หากไม่ได้ผลค่อยตามไปหักคอนางก็ยังไม่สาย

“ได้..ลูกแม่อยากกินอะไรเพิ่มอีกหรือไม่ เดี๋ยวแม่สั่งพ่อครัวให้เตรียมไว้มากเท่าที่ลูกต้องการ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอาอกเอาใจลูกชาย

“ไม่ต้องขอรับแค่นี้ก็พอ อีกอย่าง ให้สาวใช้ต้มน้ำให้ลูกแช่ทุกเช้าด้วยจะดีมากขอรับ” เขาไม่อยากเจอเหตุการณ์เช่นเมื่อเช้าอีก

“ได้ๆ ลูกแม่ต้องการสาวใช้สักคนเพื่อ..”

“ท่านแม่ ท่านหมอบอกแล้วว่าให้งดเรื่องในห้องหอด้วย เพื่อเพิ่มพลังไอหยาง [3] ขอรับ” เขาโกหกมารดาได้อย่างหมดจด ไร้ความรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าเขาเป็นพวกตัดแขนเสื้อ ไม่ชื่นชอบสตรีตามที่ท่านแม่กังวล แต่เพราะร่างกายของเขาไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ

ปัญหาเรื่องที่เขาไม่อาจร่วมเตียงกับสตรีหรือใครก็ตาม เป็นมานานมากกว่าอาการบาดเจ็บที่ข้อมือเสียอีก หงเจี้ยนหยางรู้ตัวนานแล้วว่าเจ้านั่นของเขาไม่ยอมแข็งตัวไม่ว่ากับสตรีงดงามเช่นไร

ในยามเช้าและยามเห็นสตรีงดงามถูกใจ ดาบใหญ่ของเขาจะแข็งแรงปกติยิ่ง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาไม่อาจร่วมหอกับผู้ใดได้ ท่านหมอในกองทัพบอกว่าเขาอาจมีเรื่องทุกข์ใจ แต่นึกดูแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเขาทุกข์ใจเรื่องใด

เมื่อก่อนหงเจี้ยนหยางไม่เคยใส่ใจ คิดเพียงว่าตัวเองยังปกป้องชายแดนได้ เรื่องอื่นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ นอกจากจางป๋อเหวินและสหายในกองทัพไม่กี่คน

ไม่นึกว่าจะถูกปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งมองออก แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอับอาย แต่เรื่องนี้จะให้ท่านแม่ของเขารู้ไม่ได้เด็ดขาด หากฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องที่เขาไม่อาจมีบุตรได้ นางคงผูกคอตายตามท่านพ่อไปอีกคนแน่

“เฮ้อ..” หงเจี้ยนหยางได้แต่ถอนหายใจ เขายอมแบกรับเรื่องนี้ไว้ลำพัง


[1] หนึ่งเค่อ คือ ประมาณ 15 นาที

[2] ครึ่งชั่วยาม คือ 1 ชั่วโมง

[3] หยินหยางคือสมดุลของโลก ตามความเชื่อของลัทธิเต๋า จึงเปรียบให้ผู้หญิงเป็นเหมือนหยิน ผู้ชายเป็นหยาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

    “เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถามหญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

    พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว “รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไปจางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว “เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมากแต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง “ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 ค่ำคืนเมามายแสนอันตราย

    หนึ่งเดือนผ่านไป หงเจี้ยนหยางทำตามตารางการรักษาของเทพธิดาอันเยว่ฉีอย่างเคร่งครัด ข้อมือของเขาเริ่มหายปวดแล้ว และในที่สุดนางก็อนุญาตให้เขาฝึกยุทธ์ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นได้ แต่ยังคงห้ามไม่ให้จับอาวุธจางป๋อเหวินหายโกรธหงเจี้ยนหยางเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะมีลูกท้อเชื่อมน้ำตาลส่งมาจากเมืองอู่โจว และหงเจี้ยนหยางก็ยกให้กุนซือจางทั้งหมด เย็นวันนี้ท่านกุนซือจึงมาคอยดูแลเขาหากจะเรียกให้ถูกคือ ท่านกุนซือผู้นั้นมาคอยกำกับไม่ยอมให้เขาจับอาวุธ แต่บังคับให้เขาฝึกร่างกายด้วยการร่ายรำตามท่าทางของเสี่ยวจิ่วเทียนฝ่า [1] ซึ่งต้องขยับร่างกายช้าๆ อย่างทรมาน ท่านกุนซือใช้อ้างว่าเขาจะได้ฝึกสมาธิด้วย“นายท่าน เอ้อหลิงนำน้ำแกงไก่ใส่โสมมาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เอ้อหลิงจึงให้คนไปตามหาโสมอยู่สามวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มา เอ้อหลิงเคี่ยวด้วยตัวเองก่อนจะนำมาให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างอรชรตัวเล็กเอวคอดได้รูปพูดขึ้นหงเจี้ยนหยางหยุดฝึกร่างกาย เขาหันไปมองดูที่มาของเสียง“เจ้าคือเอ้อหลิงคนนั้นหรือ” เขายังจำที่สาวใช้อี้ซิ่วพูดได้“เจ้าค่ะ”อนุเอ้อหลิงผู้ซึ่งหงเจี้ยนหยางไม่เคยรู้ว่านางเป็นอนุข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

    รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ“ท่านเทพธิดา”เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

    “อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานหลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

    หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”“จางป๋อเหวิน!”“หมูขี้ขลาด”“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”“สุนัขเหม็นอาจม”“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status