Share

บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

last update Last Updated: 2025-11-17 20:58:14

“อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว

“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้

“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง

“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”

หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน

หลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่มีใครปกติ

ในบรรดาผู้คนที่พิกลพิการ มีชายคนหนึ่งโดดเด่นที่สุด เขาปราดเปรียวว่องไว วิ่งผ่านสิ่งกีดขวางราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย ทั้งกระโดดและปีนป่ายเครื่องเล่นประหลาดพวกนั้นอย่างเชี่ยวชาญ แม้ว่าเขาจะมีเพียงแขนเดียว

“ที่นี่คือศูนย์กายภาพบำบัดที่ข้าคิดค้น ผู้คนที่นี่เคยเดินไม่ได้ หรือไม่ก็เคยเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ทุกคนล้วนมีชีวิตใหม่ได้หากไม่ยอมแพ้ พวกเขาบางคนป่วยหนักกว่าเจ้านัก แต่ก็กลับมาเดินได้ ดังนั้น..”

“ชายผู้นั้น..” หงเจี้ยนหยางพูดแทรกระหว่างที่เทพธิดากำลังอธิบายถึงสิ่งที่นางทำ

“อ้อ เขาชื่อ..”

“จงหว่าน” ชายหนุ่มพูดแทรกอีกครั้ง เขาจำชายแขนเดียวผู้นั้นได้ ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายกองมากฝีมือ แต่ต้องถูกหามส่งกลับบ้านเพราะเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในสนามรบ เนื่องจากท่านหมอให้ความเห็นว่าเขาไม่อาจเป็นทหารได้อีก

หงเจี้ยนหยางเดินเข้าไปใกล้ มองดูจงหว่านใช้มือเพียงข้างเดียวกระโดดจากเสาคานไปยังหอคอยขนาดเล็กที่สร้างจากซากไม้เก่า ชายหนุ่มจงใจเตะใส่เสาหอคอยอย่างแรง เสาต้นนั้นแตกหักทันที

“นี่!!! ทำบ้าอะไรเนี่ย” เทพธิดาส่งเสียงตกใจจากด้านหลัง

แต่หงเจี้ยนหยางไม่ใส่ใจเสียงของหญิงสาว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างชายแขนเดียวผู้ซึ่งกระโดดไต่อย่างคล่องแคล่วไปตามหอคอยที่กำลังโน้มเอียงใกล้จะล้มลงอย่างใจเย็น เด็กๆ หลายคนต้องวิ่งหนีจ้าละหวั่น

“ใครมันกล้าทำลายเครื่องมือบำบัดของท่านเทพธิดากัน!” ชายแขนเดียวกระโดดลงมาถึงพื้นก็วิ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่ชายตัวใหญ่หนวดเครารุงรัง ผู้ซึ่งมีท่าทางคล้ายโจร

แขนข้างเดียวของจงหว่านถูกเหวี่ยงออกไป แต่อดีตแม่ทัพเพียงปัดออกเท่านั้น ไม่ได้โจมตีกลับ ชายสองคนปะทะอยู่ไม่กี่กระบวนท่า จงหว่านก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“แม่ทัพหง!” จงหว่านคุกเข่าลง ยกมือข้างเดียวของเขาขึ้นระดับอก ทำท่าคารวะ

“ลุกขึ้นเถิด” หงเจี้ยนหยางโน้มตัวลงไปแตะไหล่ของอีกฝ่าย

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้น

“เจ้ายังดู..แข็งแรงดี ทั้งยังคล่องแคล่วมากขึ้น”

“ขอรับ ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพที่ส่งค่าเลี้ยงดูให้ทุกปี”

“ไม่ต้องเรียกข้าเช่นนั้น ข้า..ไม่ได้เป็นแม่ทัพอีกแล้ว..”

“...” จงหว่านได้ข่าวเรื่องที่เสวียนหู่แห่งอี้โจวพ่ายแพ้แล้ว แต่เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงไม่อาจไปหาเพื่อแสดงความเสียใจ

“ที่แท้เจ้าก็เป็นถึงแม่ทัพ เฮ้อ เอาเถอะ ถึงตอนนี้ไม่ได้เป็นแม่ทัพแล้วแต่ยังมีเงินใช่ไหม รบกวนท่านแม่ทัพจ่ายค่าเสียหายให้ข้าด้วยนะ จะให้ดี ท่านควรจ่ายค่าทำขวัญให้เด็กๆ พวกนั้นที่ท่านทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วย” เทพธิดาพูดขัดบทสนทนา

“ท่านเทพธิดา” จงหว่านก้มหัวลงทำความเคารพสตรีผมสองสี

“...” หงเจี้ยนหยางทำเพียงยื่นถุงเงินของเขาให้หญิงสาว

“ถุงเงินของเจ้า เบาเพียงนี้เชียวหรือ” หญิงสาวรับถุงเงินไป ชั่งน้ำหนักด้วยมือแล้วขมวดคิ้วถาม

“...” หงเจี้ยนหยางเริ่มหน้าแดง เขาคล้ายจะจำได้ว่าไม่ได้เอาเงินใส่ถุงเงินนานแล้ว ไม่รู้ว่าในถุงเงินของเขายามนี้มีเงินเท่าไรด้วยซ้ำ

“สามเหรียญทองแดง!! นี่เจ้าเป็นแม่ทัพแน่หรือ” เทพธิดาเทเงินในถุงออกมาไว้บนฝ่ามือแล้วได้แต่ตกใจกับจำนวนเงินในนั้น

“เอ่อ..” จงหว่านก็ไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าอย่างไรกับเหตุการณ์ชวนอึดอัดนี้

“..เจ้าค่อยไปเก็บจากจวนของข้าก็แล้วกัน” เขาตอบพร้อมยื่นป้ายประจำตัวให้

บุรุษผู้ซึ่งมีฐานะเป็นขุนนางขั้นกั๋วกง และเคยเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ จับคอเสื้อจงหว่านและลากเขาเดินออกไปจากที่นั่นด้วยกัน แสร้งทำคล้ายเขาไม่รู้สึกอับอายที่ไม่มีเงินติดตัว ราวกับการทำลายเครื่องมือบำบัดของเทพธิดาไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

“..ถ้าจ่ายด้วยเครดิตข้าคิดดอกเบี้ยแพงนะ” หญิงสาวตะโกนไล่หลัง

วันนั้นหงเจี้ยนหยางไม่ได้ทำกายภาพบำบัดกับเทพธิดา เพราะเขามัวแต่พูดคุยกับจงหว่านอยู่นาน เมื่อใกล้มืดเทพธิดาจึงไล่พวกเขากลับบ้าน พร้อมกับแผ่นกระดาษที่เขียนรายละเอียดการทำกายภาพบำบัดเพิ่มเติม

เสวียนหู่แห่งอี้โจวได้รู้ว่าปัจจุบันจงหว่านหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์ แม้เขาจะมีเพียงมือเดียว แต่ยังคงแข็งแรง เงินที่หาได้ก็ไม่ได้มาก แต่ยังเลี้ยงครอบครัวได้เพราะเงินรายปีที่จางป๋อเหวินคอยส่งให้

จงหว่านได้พบกับเทพธิดาเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นเขาแทบทำอะไรไม่ได้ จากนายกองที่เก่งกาจกลายเป็นเพียงคนไร้ค่า จิตใจห่อเหี่ยวทำงานไม่ไหวหลบอยู่แต่หลังบ้าน ทุกวันต้องให้ภรรยาคอยหาเลี้ยงครอบครัว

เทพธิดาเป็นคนรักษาเขา ทั้งยังสอนการใช้ชีวิตที่มีเพียงแขนเดียวให้เขา สอนวิทยายุทธ์แบบแปลกใหม่ให้ด้วย นางเรียกว่าฟรีรันนิ่ง หลังจากฝึกเป็นปี จงหว่านก็ไม่ต้องหลบซ่อนอยู่บ้าน เขาสามารถปีนต้นไม้และล่าสัตว์ได้ กระทั่งวิ่งไปตามหลังคาบ้านได้อย่างปกติ

ระหว่างที่นั่งรถม้ากลับจวน หงเจี้ยนหยางมองดูแผ่นกระดาษในมือ ตัวหนังสือที่บ่งบอกว่าคนเขียนมีความมั่นคงและความมั่นใจสูง สายตากวาดผ่านคำว่าฝังเข็มลดความเจ็บปวด แต่ในหัวของเขากลับปรากฏภาพสตรีผมสีทองกำลังลูบไล้หน้าท้องของเขาอย่างหลงใหล

“เทพธิดาหรือ..” เขาพูดกับตัวเองเบาๆ

ชายหนุ่มรู้ว่าจงหว่านเป็นคนซื่อสัตย์มาก ไม่มีทางโกหกเขา แม้เขาจะตัดสินใจทำตามวิธีรักษาของสตรีประหลาดผู้นั้น แต่ในใจยังไม่เชื่อว่านางเป็นหมอวิเศษ จนเขาได้เห็นสิ่งที่จงหว่านทำ

หงเจี้ยนหยางยกมือมาบีบขมับและนวดถูไปมา เขาคล้ายดื่มสุรามามากจนไม่ได้สัมผัสอารมณ์ผ่องใสนานแล้ว ในหัวคล้ายจะมึนเมาแม้วันนี้เขายังไม่ได้ดื่มสักจอก

“แต่ข้าไม่ได้แขนขาด..” เขาหวาดกลัวว่าการมีความหวังจะทำร้ายเขาอีกครั้ง หากการรักษาไม่ได้ผลเขาจะรับมืออีกไม่ไหว

หลายเดือนมานี้เขาทำการรักษากับหมอหลายคน ทำมาแล้วทุกวิธี แม้แต่ฝังเข็มตามที่เทพธิดาเขียนเขาก็ทำมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงเจ็บข้อมือทุกครั้งที่จับดาบใหญ่ หากจับอาวุธคู่กายไม่ได้ เขาก็ไม่อาจเป็นแม่ทัพได้อีก

แต่สภาพร่างกายและจิตใจของจงหว่านก็ทำให้เขาแอบคาดหวังอย่างไม่อาจควบคุม หงเจี้ยนหยางคาดหวังมาก..

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 10 หญิงสาวที่นอนทับบนอก

    “เจ้าเป็นใคร” หงเจี้ยนหยางก้มลงมองดูปลายผมสีทองที่สะท้อนแสงโคมเล็กน้อยจากด้านนอกแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม“ข้าชื่อ อันเยว่ฉี” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้ง“ข้า..เหมือนจะจำได้ว่าเจ้าคือเทพธิดา นี่ข้าตายแล้วหรือ”“ยัง เจ้ายังไม่ตาย ถึงแม้ข้าจะเป็นเทพธิดาจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่ผู้อื่นเรียกเท่านั้น ข้ายังคงอยู่ในโลกคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้า”“ข้ายังไม่ตายอีกหรือ อีกนานหรือไม่” เขาถามหญิงสาวรู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนเขาจะป่วยเป็นทั้งโรคพีทีเอสดีและป่วยซึมเศร้าด้วย“เจ้าอยากตายหรือ” นางถามระหว่างที่จับดึงเขาให้นั่งลงข้างเตียง“ข้าไม่รู้” เขานั่งลงและตอบคำถามอย่างเคร่งเครียด ไม่ยอมปล่อยมือของเทพธิดา“ชีวิตเป็นของเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้” นางนั่งลงข้างเขา ตัดสินใจว่าคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านไปนอนแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ดูแลคนป่วยให้ผ่านพ้นไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยเก็บเงินจากเขาก้อนโตเป็นค่ารักษานอกสถานที่“ข้า..ทุกคนล้วนทิ้งข้าไว้ ข้าไม่สมควรมีชีวิต ไม่สมควรมีความสุขและปล่อยให้พวกเขาตายตามลำพัง” เขาเริ่มมือสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่หวาดกลัว“เจ้าบอกว่ามีคนปกป้องเจ้าไว้ใช่หรือไม่” นางถาม“อืม..ข้าไม่รู้จักชื่อเข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 9 กอดสตรีผมทอง

    พวกคนที่ประตูกระโจมต่างกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปจับเสวียนหู่แห่งอี้โจว “รีบไปจับเขามัดไว้เร็วเข้า” เสียงของอันเยว่ฉียังคงสั่งต่อไปจางป๋อเหวินส่งคบเพลิงให้กับอันเยว่ฉี จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปไล่จับชายที่มีร่างสูงใหญ่กว่าเขาสองเท่าอย่างไร้ความกลัว “เจ้ากล้าข้ามศพทหารในค่ายของข้าหรือ อย่าหวังว่าจะได้ตายดีเลย” หงเจี้ยนหยางแม้จะเจ็บข้อมือจนมือสั่น แต่เขาไม่อาจยอมให้ใครมาหยามคนตายได้ เขาจึงตั้งท่ารับมือศัตรูเต็มที่“ต้องรีบไปช่วยท่านกุนซือ เขาคนเดียวไม่ไหวแน่” อันเยว่ฉีหันไปบอกเหล่าบ่าวชายในจวนที่ยังหวาดกลัวท่านกั๋วกงไม่เลิก นางเห็นแล้วว่าอดีตแม่ทัพหงผู้นั้นมีฝีมือสูงมากแต่บรรดาบ่าวชายพวกนั้นยังคงตัวสั่นไม่กล้าขยับ“ชิ อดีตแม่ทัพอะไรกัน ไม่มีทหารมีฝีมือไว้ในบ้านสักคนเลยเหรอ” หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ส่งคบเพลิงให้บ่าวพวกนั้น และวิ่งเข้าไปช่วยท่านกุนซืออีกแรง“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องหยุดได้แล้ว” อันเยว่ฉีตะโกนวิ่งเข้าไปกอดเอวของหงเจี้ยนหยางเอาไว้จากด้านหลัง นางฉวยโอกาสในระหว่างที่เขากำลังยกมือตั้งรับลูกเตะของกุนซือจาง “ท่านเทพธิดา อันตราย!” จางป๋อเหวินตะโกนด้วยความตกใจ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 8 ค่ำคืนเมามายแสนอันตราย

    หนึ่งเดือนผ่านไป หงเจี้ยนหยางทำตามตารางการรักษาของเทพธิดาอันเยว่ฉีอย่างเคร่งครัด ข้อมือของเขาเริ่มหายปวดแล้ว และในที่สุดนางก็อนุญาตให้เขาฝึกยุทธ์ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นได้ แต่ยังคงห้ามไม่ให้จับอาวุธจางป๋อเหวินหายโกรธหงเจี้ยนหยางเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะมีลูกท้อเชื่อมน้ำตาลส่งมาจากเมืองอู่โจว และหงเจี้ยนหยางก็ยกให้กุนซือจางทั้งหมด เย็นวันนี้ท่านกุนซือจึงมาคอยดูแลเขาหากจะเรียกให้ถูกคือ ท่านกุนซือผู้นั้นมาคอยกำกับไม่ยอมให้เขาจับอาวุธ แต่บังคับให้เขาฝึกร่างกายด้วยการร่ายรำตามท่าทางของเสี่ยวจิ่วเทียนฝ่า [1] ซึ่งต้องขยับร่างกายช้าๆ อย่างทรมาน ท่านกุนซือใช้อ้างว่าเขาจะได้ฝึกสมาธิด้วย“นายท่าน เอ้อหลิงนำน้ำแกงไก่ใส่โสมมาให้เจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เอ้อหลิงจึงให้คนไปตามหาโสมอยู่สามวัน ในที่สุดวันนี้ก็ได้มา เอ้อหลิงเคี่ยวด้วยตัวเองก่อนจะนำมาให้ท่านเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างอรชรตัวเล็กเอวคอดได้รูปพูดขึ้นหงเจี้ยนหยางหยุดฝึกร่างกาย เขาหันไปมองดูที่มาของเสียง“เจ้าคือเอ้อหลิงคนนั้นหรือ” เขายังจำที่สาวใช้อี้ซิ่วพูดได้“เจ้าค่ะ”อนุเอ้อหลิงผู้ซึ่งหงเจี้ยนหยางไม่เคยรู้ว่านางเป็นอนุข

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 7 อายุยี่สิบสี่คือแก่แล้ว

    รุ่งขึ้น ในจวนของขุนนางหงก็มีเด็กชายจากตรอกซิ่วสือมาเก็บเงินจำนวนมาก พร้อมกับตราประจำตัวของท่านกั๋วกง ฮูหยินผู้เฒ่าได้แต่หน้าดำหน้าแดงเพราะความโกรธ ไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองไปก่อเรื่องอะไรมาอีกฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจจะถามระหว่างมื้ออาหาร แต่ท่านกั๋วกงกลับรีบร้อนกินข้าวและรีบออกจากบ้าน แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องจ่ายเงินไปจำนวนมาก แต่อย่างน้อยบุตรชายของนางกลับมาตั้งใจทำบางสิ่งอย่างแน่วแน่อีกครั้ง นางจึงไม่ได้บ่นอะไรมาก“เจ้าชื่ออะไร” หงเจี้ยนหยางถามเทพธิดาผมสองสี ระหว่างที่นั่งให้นางนวดมือให้เขา“เรียกข้าว่าท่านเทพธิดาสิ” หญิงสาวตอบราบเรียบ แต่ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่มาก“..เจ้าชื่ออะไร” เขาถามคล้ายไม่ได้ยินที่นางตอบ“ท่านเทพธิดา”เขาสะบัดมือออกจากการนวดของนางทันที“นี่ ท่านอดีตแม่ทัพ ท่านไม่อยากรักษาแล้วหรือ” ท่านเทพธิดาเอ่ยถาม นางยืดหลังเต็มความสูงเท้าเอวด้วยความไม่พอใจกับการกระทำของคนไข้ผู้ดื้อดึงไร้มารยาท“เจ้าคงไม่อยากได้เงินสองพันตำลึงทองสินะ” เขาไม่ยอมเช่นกัน“..เอ่อ สองพัน..อยากได้สิ ย่อมอยากได้ นายท่าน..ข้าชื่อว่า อันเยว่ฉีเจ้าค่ะ ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี ยังไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 6 ชายแขนขาดและความหวัง

    “อื้ม ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เข้ามาก่อนสิ” เทพธิดาหัวทองเชื้อเชิญเสวียนหู่แห่งอี้โจว“ลูกค้าหรือ” หงเจี้ยนหยางไม่ค่อยเข้าใจคำที่สตรีประหลาดผู้นี้ใช้“แล้วสหายของเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรือ” เทพธิดาผมทองถามถึงกุนซือจาง“..เขา มีงานสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มโกหก ที่จริงแล้วจางป๋อเหวินยังโกรธเรื่องที่เขาข่มขู่ไม่หาย วันนี้เขาจึงจำเป็นต้องมาหาเทพธิดาลำพัง“ไม่เป็นไร อย่างน้อยเจ้าก็มาแล้ว วันก่อนข้าทำให้เจ้าไม่พอใจจนเข้าใจผิด อย่างไรข้าก็เป็นหมอ ข้าจึงคิดว่าควรกอบกู้ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของตัวเองสักหน่อย ตามข้ามาสิ”หญิงสาวเดินนำหน้า พาชายหนุ่มตัวสูงออกจากโรงรักษาโกโรโกโสของนาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณโล่งแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตรอกซิ่วสือ แม้จะไม่กว้างมาก แต่เพียงพอให้ผู้คนมารวมตัวกันทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นั่น หงเจี้ยนหยางเห็นเครื่องเล่นหลายชนิดที่ทำจากไม้รูปร่างประหลาด มีทั้งเสา ขื่อ กำแพง กล่องสี่เหลี่ยม และคานสำหรับปีนป่าย เด็กหลายคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานหลายคนไม่มีขา บางคนต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ บางคนมีเท้าไม้ต่อจากขาข้างที่ขาด สตรีอีกหลายคนกำลังจับราวไม้ฝึกเดิน ทุกคนล้วนเป็นคนพิการ ไม่

  • ทะลุมิติมาเป็นนักกายภาพบำบัดของท่านแม่ทัพ   บทที่ 5 ไม่อยากเป็นอนุ

    หลังจากกลับถึงจวนกั๋วกง ห้องสกปรกเน่าเหม็นของหงเจี้ยนหยางก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้ว จางป๋อเหวินยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เด็กน้อยเสวียนหู่“นี่มันอะไร” เขาถามกุนซือจาง“นางเรียกว่า ตารางกายภาพบำบัด หรือก็คือ วิธีการรักษา”“ฮะ? แช่น้ำอุ่นวันละหนึ่งเค่อ [1] เดินครึ่งชั่วยาม [2] กินอาหารที่ประกอบจากเมล็ดธัญพืช โดยเฉพาะถั่วและงา ผักใบเขียว ไข่แดง..ไข่แดงหรือ” อดีตแม่ทัพขมวดคิ้วมุ่น“อืม..ข้าถามนางแล้ว นางบอกว่าให้แยกไข่ขาวออกไปและกินเฉพาะไข่แดง” จางป๋อเหวินพยายามอธิบายเพิ่ม“ไร้สาระ แค่กิน เดินกับแช่น้ำอุ่น ไม่มีตำรับยา หรือการรักษาใด วิธีมักง่ายเช่นนี้ จะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเทพธิดา”“นางบอกว่าเจ้ายังต้องเดินทางไปพบนางสองวันครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางทำ..เอ่อ นางพูดว่า..กายภาพบำบัด และเจ้าต้องห้ามดื่มสุราอีกเด็ดขาด ต้องเปลี่ยนท่านอนด้วย และยังต้อง..”“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ไปเอาเหล้ามา”“ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในจวนของเจ้า และข้าได้บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าเจ้าจะรักษาตัว ห้ามในจวนเก็บสุราไว้แม้แต่จอกเดียว”“จางป๋อเหวิน!”“หมูขี้ขลาด”“ข้าไม่ได้เป็นหมู!”“สุนัขเหม็นอาจม”“จางป๋อเหวิน!!..ข้า..ข้าจะฟ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status