Masuk
ความโกลาหลเกิดขึ้นกลางดึก ในหมู่บ้านไฉ่หลิน เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวด ดังระงมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ของบรรยากาศยามค่ำคืน ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงบลง จากนั้นไฟก็เริ่มลุกไหม้ และเผาไหม้บ้านเรือนแต่หลังอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟลุกโชน โหมกระหน่ำอย่างน่ากลัว กลุ่มควันสีดำทะมึน ลอยคลุ้งปกคลุมไปทั่วบริเวณ กลิ่นเหม็นไหม้ลอยคละคลุ้ง ทั่วชั้นบรรยากาศโดยรอบ เปลวไฟที่ลุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านเรือนราว20หลังจมอยู่ในทะเลเพลิง เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ด้วยกระแสลมที่พัดแรง ยิ่งทำให้เปลวเพลิงยิ่งโหมหนักมากยิ่งขึ้น ไม่นานหลังจากนั้น บ้านเรือนก็เหลือเพียงกองเถ้าถ่าน กลุ่มคนร้ายยืนมองผลงานอย่างพอใจ ก่อนจะพากันหลบหนีไปในความมืด “แค๊ก ๆ” เสียงไอจากร่างของเด็กน้อย ในวัยเพียง9ขวบ ที่นอนอยู่ยังชั้นใต้ดิน ซากไม้มากมายกอง ทับอยู่เหนือร่าง โดยมีเสาไม้ขนาดใหญ่กันไว้อีกที จึงไม่ทำให้ร่างน้อยได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่ทว่าศรีษะของนาง กลับถูกกระแทกอย่างแรงจนเสียชีวิต จากนั้นวิญญาณของใบบัว หญิงไทยในยุคปัจจุบัน ก็เข้ามาแทนที่ “แค๊ก ๆ” นางไอออกมาอีกครั้ง เพราะร่างนี้สูดควันเข้าไปพอสมควร จึงทำให้เกิดการระคายเคืองในลำคอ ซิ่วอิงค่อย ๆ ขยับร่างอันบอบบาง ก่อนจะพยายามมองลอดออกไป ตามแสงที่ทะทุผ่านเข้ามา จากบางจุดที่ยังคงมีไฟติดอยู่ ความทรงจำของร่างนี้ยังอยู่ครบถ้วน ทำให้ใบบัวที่เข้ามาอยู่ในร่าง รับรู้เรื่องราวได้ในทันที ภาพเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ร่างนี้ยังคงจดจำได้ดี มารดาของร่างนี้รีบพานางมาซ่อน ก่อนจะรีบออกไปต่อสู้ กับกลุ่มคนร้ายอย่างดุเดือด ซิ่วอิงหลังจากถูกพามาซ่อน นางก็ไม่สามารถมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่ฟังเสียงต่อสู้จากด้านนอก หลังจากนั้นก็เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา พื้นด้านบนจึงหักและยุบลงมา จนมีไม้หล่นลงมาโดนหัวของซิ่วอิงจนเสียชีวิต ซิ่วอิงใช้มือกวาดหากล่องไม้ ที่มารดาของร่างนี้กำชับกับนางว่า ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ซิ่วอิงหยิบกล่องไม้มาเปิดดู จากแสงไฟที่ยังคงลุกโชดช่วง ทำให้นางมองเห็นโฉนดที่ดินหลายสิบใบ ซิ่วอิงจำได้ว่าบิดาเคยบอกว่า เขาขายสมบัติทั้งหมดที่มี แล้วกว้านซื้อที่ดินแถบนี้ทั้งหมด แล้วแบ่งให้เพื่อน ๆ และลูกน้องปลูกบ้านเรือน แล้วไปขอแจ้งทางการ เพื่อตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านไฉ่หลิน ในกล่องไม้นางยังพบตั๋วเงินหลายสิบใบอยู่ในกล่อง นางจึงนำออกมานับดู ได้ราว ๆ หนึ่งหมื่นตำลึง ใบบัวในร่างซิ่วอิงตาโตด้วยความดีใจ อย่างน้อยนางยังมีเงิน ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคจีนโบราณ นางไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้จะดำเนินไปในทิศทางใด แต่เมื่อมีเงินนางคิดว่า ชีวิตคงไม่ลำบากจนเกินไปนัก จากนั้นสายตาของนางก็ไปสะดุดเข้ากับ กล่องไม้แกะสลักลวดลายโบราณแปลกตา ที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ นางจึงหยิบมาเปิดดูด้วยความสนใจ แต่เพียงแค่เปิดหมอกควันสีขาวก็ลอยออกมาจากกล่อง จากนั้นกลุ่มควันก็หล่อรวมเป็นชายร่างชราในชุดสีขาว ก่อนเขาจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ฮ่า ๆ สุดท้ายข้าก็ได้ออกมาเสียที เด็กน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าอยู่ในกล่องนั่นมานานเท่าใด หลายร้อยปีเลยเชียวนะ เฮ้อ! ยามนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว” กล่าวจบชายชราก็ขยับยืดเส้นยืดสาย อย่างกระปรี้กระเปร่า ซิ่วอิงมองชายชราอย่างสนใจ “แล้วท่านตาไปอยู่ข้างในได้อย่างไรละเจ้าคะ? “ก็เพราะหน้าที่ ใครจะอยากไปอยู่กันละฮึ!” เขาเอ่ยขึ้นอย่างขัดเคือง ก่อนจะหันมามองค้อนให้นางวงใหญ่ “หน้าที่หรือเจ้าคะ? หน้าที่อะไรเหรอเจ้าคะ?” ชายชราผมขาว หนวดขาวยาวเฟื้อย ยกมือขึ้นลูบเครา อย่างวางมาดเย่อหยิ่ง ก่อนเอ่ยขึ้น “ก็หน้าที่มอบอำนาจให้เจ้าอย่างไรละ เจ้าคือคนที่สวรรค์เลือก กำไลหยกแก้วนพเก้า รอคอยคนที่จะมาสวม ยาวนานถึงเก้าร้อยปี อีกทั้งตำราเทพผู้พิทักษ์ ที่จะทำให้เจ้าแข็งแกร่งและสามารถปกป้องผู้อื่นได้ รับไปสิข้าจะได้ไปโลดแล่นในโลกกว้างเสียที” ชายชรายื่นกำไลหยกแก้วนพเก้า และตำราโบราณมาให้นาง พอซิ่วอิงยื่นมือไปรับ กำไลแก้วนพเก้าก็ลอยเข้าอยู่ในแขนนางทันที ส่วนตำราหายไปบนฝ่ามือของนาง จากนั้นร่างทั้งร่างของนาง ก็เปล่งประกายแสงสีทอง ก่อนจะจางหายไป จากนั้นนางก็รับรู้ถึงพลังบางอย่าง ที่เริ่มไหลเวียนไปทั่วร่าง และยิ่งเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดลง อย่างน่าอัศจรรย์ “ในกายของเจ้ามีพลังที่เรียกว่าเทพผู้พิทักษ์ ที่รวมสัตว์ทั้งสี่เอาไว้ด้วยกัน ได้แก่ มังกรฟ้า หงส์แดง พยัคฆ์ขาว และเต่าดำ หากวันใดเจ้าได้ให้เลือดของเจ้า กับคนที่มีดวงชะตาผูกพันกับสัตว์ชนิดนั้น เขาคนนั้นก็จะมีพลังกายดั่งเทพตนนั้นเช่นกัน” ซิ่วอิงพยักหน้าเข้าใจ เพราะข้างในร่างนี้นางอายุ22แล้ว พอฟังชายชราอธิบายก็เข้าใจได้ในทันที “ข้าต้องไปแล้ว จงใช้ความสามารถของเจ้าที่มี ช่วยเหลือและปกป้องผู้คน และหาผู้ช่วยให้มารับสัตว์ทั้งสี่ หากไม่ใช่คนที่สวรรค์เลือก คนที่ได้รับเลือดของเจ้า ก็จะไม่มีผลอันใดเกิดขึ้น แต่ตัวเจ้าจะยังคงเป็นศูนย์กลางของสัตว์เทพทั้งสี่” กล่าวจบชายชราก็หายไปทันที ซิ่วอิงครุ่นคิด จากที่อ่านนิยายมามากมาย สวรรค์คงมอบภารกิจสู้ชีวิตและปกป้องผู้อื่นมาให้นางเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มอบพลังของเทพผู้พิทักษ์ ให้นางเช่นนี้ ซิ่วอิงถอนใจออกมา ของฟรีไม่มีในโลกจริง ๆ แต่ก็ยังดีที่ได้เกิดใหม่อีกครั้ง แถมยังยังมีตัวช่วยแบบนี้ ชีวิตก็ถือว่าไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก ยุคก่อนที่นางตายก็เพราะ ถูกเผาไล่ที่เช่นเดียวกัน นางที่เป็นเพียงเด็กกำพร้า ที่อยู่ในเขตชุมชนแออัด ไม่ยอมย้ายไปไหน เจ้าของที่จึงส่งคนมาเผา เพื่อจะให้ทุกคนย้ายไป แต่วันนั้นนางกินยาแก้แพ้หลับจนไม่รู้สึกตัว จึงตายไปพร้อมกับกองเพลิง สุดท้ายวิญญาณมาอยู่ในร่างของซิ่วอิงในวัย9ขวบ ในยุคจีนโบราณที่ถูกเผาบ้านเรือนเช่นเดียวกัน ซิ่วอิงมองดูของในกล่องใบเล็ก ก็เห็นข้าวของมากมายอยู่ในนั้น ที่สำคัญของบางอย่างยังมาจากยุคในปัจจุบัน กล่องวิเศษหรือ? ใจของซิ่วอิงเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น นางจึงลองยื่นมือจะไปหยิบยาทาแผล ปรากฏว่า กล่องเล็กเริ่มขยายใหญ่ขึ้น พอนางดึงมือกลับ กล่องก็หดตัวเล็กลงเท่าเดิม มิติเก็บของสินะ ซิ่วอิงจึงลองหยิบกล่องไม้ที่ใส่โฉนดที่ดินและตั๋วเงิน ที่มีขนาดใหญ่กว่า เพื่อที่จะใส่ลงไปในกล่องเล็ก ปรากฏว่ากล่องเล็กขยายใหญ่ขึ้น พอนางใส่กล่องไม้ลงไป กล่องก็หดตัวเล็กลงเหมือนเดิม ซิ่วอิงยกยิ้มด้วยความพอใจ จะภารกิจอะไรก็ช่างเถอะ หากมีตัวช่วยดีงามเช่นนี้ นางพร้อมเผชิญหน้า เพราะนางมีเลือดนักสู้อยู่ในตัวอยู่แล้ว ยุคก่อนก็สู้ชีวิตแต่ไม่มีตัวช่วย มายุคนี้มีตัวช่วยก็ไปให้มันสุด ๆ ไปเลยแล้วกัน ซิ่วอิงหยิบกล่องไม้ แล้วค่อย ๆ คลานออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น ซากปรักหักพังยังคงมีควันไฟลอยให้เห็น ก่อนนางจะคุกเข่าคำนับ ให้กับบิดาและมารดาของร่างนี้ และผู้ที่สูญเสียชีวิตทั้งหมด ขอให้ทุกดวงวิญญาณไปสู่ภพที่ดี ข้าสัญญาว่าจะทวงคืน ความยุติธรรมให้กับดวงวิญญาณทุกดวง อย่างแน่นอน “ซิ่วอิง” เสียงเรียกทำให้ซิ่วอิงรีบหันกลับมามอง แต่ก็ตกใจ นี่มันผีหรือคน! ดำเป็นตอตะโก “ข้าเองตงฮวน ข้าเอาถ่านมาทาตัว กลัวว่าคนร้ายจะกลับมา ข้าจึงเอาถ่านมาทาป้องกันเอาไว้ ยังมีลี่อิน เจียวจู หานเกอ แอบอยู่ตรงนั้น ข้าเห็นเจ้าคลานออกมา ข้าเลยรีบออกมาเรียกเจ้า” ซิ่วอิงมองสำรวจ ร่างของเด็กชายวัยเก้าขวบ นามว่าตงฮวน ความทรงจำบอกว่า เด็กคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของนาง และยังมี ลี่อิน เจียวจู และหานเกอ “ตงฮวนดีจริงที่เจ้าไม่เป็นอะไร” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ก่อนจะเดินตามตงฮวนไปที่ซ่อนของพวกเขา “ซิ่วอิงมาเร็ว ๆ มาซ่อนตัวตรงนี้” เจียวจูเมื่อเห็นสหายรัก ก็รีบเรียกให้มาซ่อน บริเวณพุ่มไม้หนาทึบ แม้จะมืดมากแต่ซิ่วอิงก็มองเห็นว่าสหาย นำถ่านมาทาตามเนื้อตามตัว จนดำปี๊ดปี๋ ลี่อินและหานเกอก็ด้วยเช่นกันเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







