Masuk“ใช่แล้วงาน ตอนนี้ในหัวของข้ากำลังเปล่งประกาย กับความคิดที่จะหารายได้เข้ามา และพวกเจ้าทุกคนก็ต้องช่วยข้าด้วย” กล่าวจบนางก้มลงไปหยิบปีกไก่มาแทะอย่างเอร็ดอร่อย กว่านางจะโตต้องรีบสร้างฐานะให้มั่นคง ในระหว่างหาเงินก็ค่อย ๆ ตามสืบเรื่องราวไปด้วย
ที่ดินผืนนั้นต้องพัวพันกับคนมีอำนาจมากเป็นเเน่ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถ สร้างข่าวเท็จและจัดการฆ่าคน โดยที่ทางการไม่ตรวจสอบใด ๆ รอข้าหน่อยนะ ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้สุขสบายไปก่อน เมื่อใดที่ข้าพร้อม วันนั้นคงเป็นวันที่พวกเจ้าไม่มีลมหายใจ เฉินซีฮัน เฉินจางหย่ง เฉินเจียวหมิง เมื่อกลับมาที่จวน ที่ท่านปู่เฉินเจ๋อหยวนได้ซื้อเอาไว้ เมื่อเดินผ่านเรือนใหญ่ก็เห็นแสงเทียนยังคงสว่างอยู่ พวกเขาจึงแวะเข้าไปดู จึงเห็นเฉินเจ๋อหยวนนั่งอ่านตำราอยู่ “ท่านปู่ยังไม่นอนอีกหรือขอรับ?” พอเห็นหลานชายสามคนเดินเข้ามา เขาก็ทำสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา “ข้าให้ไปส่งนาง หายไปครึ่งค่อนวัน” “ท่านปู่พวกข้าอยู่ที่จวนของนาง วันนี้นางทำเนื้อย่างอร่อยสุด ๆ ไปเลย” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้น อย่างมีความสุขที่ได้กินของอร่อย “เจ้าว่าอะไรนะ เนื้อย่าง นางทำเนื้อย่าง อย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าก็เลยอยู่กิน จนมืดค่ำไม่ยอมกลับจวน เจ้าพวกตะกละ แล้วไม่คิดเอามาฝากข้าด้วย ใจดำจริง ๆ” ชายชราบ่นงึมงำ พร้อมมองค้อนสามหลานชายวงใหญ่ ก่อนจะกลับไปอ่านตำราต่อ “ท่านปู่ นางน่าสงสารมากเลยขอรับ” เฉินเจียวหมิงเอ่ยขึ้นด้วยใบเศร้า “นางเป็นเด็กกำพร้ามีสหายอีกสี่คน ที่จวนของนางมีคนที่นางรับมาอยู่ด้วยมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กกำพร้าและไร้ที่ไป พวกเขาเรียกนางว่า นายหญิงน้อย ที่นางทำเนื้อย่างวันนี้ ก็เพื่อฉลองที่ได้เงินมาเยอะ เลยอยากจะให้พวกเขาได้กินของอร่อย ๆ บ้าง” เฉินซีฮันรายงานเรื่องที่เขาเห็นมา ให้ผู้เป็นปู่ได้รับฟัง เฉินเจ๋อหยวนวางตำราลง แล้วครุ่นคิดนางอายุเพียงแค่ ยังมีความคิดความอ่านดีขนาดนี้ ช่างน่าชื่นชม “แล้วนางอยากมาทำบะหมี่ที่โรงเตี๊ยมหรือไม่?” “นางบอกจะมาขอรับ เพราะต้องการเงิน นางบอกสมองของนางใหญ่กว่าตัวนาง เพราะในหัวของนางมีเรื่องให้คิดมากมาย นางน่ารักมากเลยขอรับ” เฉินซีฮันระบายยิ้มเมื่อนึกถึงน่าทางของนาง “ใช่แล้วขอรับ นางไม่เพียงแต่น่ารัก ความคิดของนางไม่เหมือนเด็กเก้าขวบเลยแม้แต่น้อย ได้คุยกับนางแล้วสบายใจมากเลยขอรับท่านปู่” เฉินจางหย่งเอ่ยเสริมขึ้นมาบ้าง “ข้าเห็นด้วยกับพวกเขา นางตลกมากเลยขอรับ ข้าหัวเราะจนปวดท้อง ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การได้ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ จะสนุกสนานได้มากเช่นนี้” เฉินเจียวหมิงเอ่ยด้วยสีหน้า มีความสุขอย่างไม่ปิดบัง “เห็นนางบอกอยากได้ที่ข้าง ๆ ข้าก็เลยอาสาจะไปคุยให้ แต่พอข้ามาคิดดูแล้ว เลยมีความคิดดี ๆ ขึ้นมาขอรับ” “ข้าจะติดต่อขอซื้อที่ดินที่ติดกับนาง ทั้งซ้ายและขวา จะได้ไปมาหาสู่กับนางได้สะดวก” พอเขากล่าวจบ “นี่เจ้าคิดอะไรกับนางหรือไม่ นางเป็นเพียงเด็กน้อยเองนะ” เฉินจางหย่งแย้งขึ้นมา “แล้วอย่างไร อีกหน่อยนางก็โตเป็นผู้ใหญ่ ข้าอยู่ใกล้ ๆ นาง จะได้ช่วยดูแลได้” เฉินซีฮันเอ่ยอย่างหมายมาด เพราะตัดสินใจแล้ว ชายชราหรี่ตามองหลานชายทั้งสามคนก่อนจะยกยิ้ม พวกเขาอายุ19ปี แต่มาตกหลุมรัก กับเด็กน้อยวัยเก้าขวบ พูดถึงไหนอับอายไปถึงที่นั่น แต่จะโทษใครได้ต้องโทษสวรรค์อย่างเดียวเท่านั้น “ไม่ได้! หากเจ้าจะซื้อที่ดินด้านขวา เจ้าก็แบ่งฝั่งซ้ายให้ข้าซื้อ ข้าก็อยากดูแลนางเช่นเดียวกัน” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอม “เอาเช่นนี้ พรุ่งนี้เราไปคุยกับเจ้าของที่ดิน ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจวนของนาง เรากว้านซื้อมาให้หมด เพราะดูแล้ว นางชอบช่วยเหลือคนยากไร้ ในวันข้างหน้าต้องรับคนมาอยู่อีกแน่ หากนางต้องการขยับขยายจะได้ไม่ลำบาก” เฉินเจียวหมิงเสนอแนะ เพราะเขาไม่มีทาง ให้พวกเขาดูแลนางคนเดียวแน่ “ข้าว่าความคิดของเจียวหมิงดีมาก เพราะข้าก็จะย้ายไปอยู่ข้าง ๆ นางเช่นกัน ข้ารู้สึกถูกชะตากับนางจริง ๆ อีกอย่าง ข้าจะได้กินอาหารอร่อยทุกวัน” เฉินเจ๋อหยวนระบายยิ้ม เมื่อนึกถึงอาหารแสนอร่อย วันนี้เขาพลาดเนื้อย่างไป แต่วันอื่น ๆ เขาจะไม่ยอมพลาดแน่ “ท่านปู่ถูกชะตากับนาง หรือว่าถูกชะตาอาหารของนางกันแน่” เฉินเจียวหมิงเอ่ยแขวะขึ้นมา เพราะรู้ทันความคิดของคนเป็นปู่ “แล้วมันต่างกันตรงไหน พรุ่งนี้ไปเจรจาให้สำเร็จ ให้ราคาพวกเขาดีหน่อย พวกเขาจะได้รีบขาย ว่าแต่พวกเจ้ามาที่นี่ เสด็จพ่อของเจ้าไม่ถามหาหรือ?” “พวกข้าโกหกบอกว่าท่านปู่ไม่สบาย เลยจะมาเยี่ยมและอยู่นานหน่อยขอรับ” “หน็อยแน่! เจ้าลูกเต่าสามตัวนี้ บังอาจมาแช่งข้า จะไปไหนก็ไป พรุ่งนี้อย่าลืมทำหน้าที่ให้สำเร็จ” “ขอรับ หลานขอลา” จวนตระกูลลู่ เมื่อลู่เจินกลับมาถึงจวน ก็พาลอารมณ์ไม่ดีใส่ทุกคน นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า บุรุษหล่อเหล่าและสง่างาม จะพากันสนใจเด็กน้อยคนนั้นมากกว่านาง วันนี้ไม่มีใครสนใจนางกันสักคน มันน่าเจ็บใจนัก ลู่ไฉ่ที่นอนอยู่บนตั่งข้างหน้าต่าง มองท่าทางกระฟัดกระเฟียดของบุตรสาวอย่างไม่เข้าใจ ขาไปยังอารมณ์ดี ๆ กลับมาเหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ “เป็นอะไรของเจ้า?” “ท่านพ่อพี่ซีฮัน พี่จางหย่ง พี่เจียวหมิง ต่างให้ความสนใจกับเด็กที่ชื่อซิ่วอิง ไม่มีใครสนใจข้าเลย” “แล้วเจ้าจะให้พวกเขามาสนใจทำไม?” “ก็ข้างดงามถึงเพียงนี้ เหตุใดบุรุษถึงไม่ชายตามองข้าเลยสักนิด ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ” “เรื่องความชอบมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ พวกเขาก็คงเพียงเอ็นดูนาง อายุพวกเขาต่างกับนางตั้งมาก แต่ว่าหากคนจะรักจะชอบ อายุก็ใช่ว่าจะสำคัญ อีกไม่นานนางก็ต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่” “ท่านพ่อ! เหตุใดท่านพูดเข้าข้างคนอื่น” ลู่เจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คนอื่นที่ไหนกัน นางคือผู้มีพระคุณของข้า เจ้าห้ามว่าร้ายนางเด็ดขาด เรื่องอื่นข้ายอมได้ แต่การเนรคุณคนที่เคยช่วยชีวิต ข้าทำไม่ได้จริง ๆ” ลู่เจินพอได้ยินเช่นนั้น ก็สะบัดหน้าพรึด พร้อมลุกเดินจากไปทันที ลู่ไฉ่ส่ายหัวกับกิริยาท่าทางของนาง หากยังเป็นเช่นนี้ใครจะชายตามอง เช้าวันต่อมา ซิ่วอิงก็เดินสำรวจจวนพร้อมสี่สหาย ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ นางยังไม่เคยสำรวจจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้ง วันนี้ถือโอกาสเดินสำรวจเสียหน่อย เพราะแผนการที่จะหาเงินของนางนั้น ต้องการพื้นที่มากที่เดียว ทางด้านหลังจวน ทอดยาวออกไปไกลพอสมควร สามารถสร้างเรือนได้อีกหลายหลัง ซิ่วอิงคิดว่าจะปลูกเรือนให้พวกเขา อยู่แยกออกไป ตรงกลางเป็นแปลงปลูกผัก หากแผนการค้าของนางลงตัว นางจะให้เงินเดือนทุกคน พวกเขาจะได้มีกำลังใจ และถ้าหากพวกเขาอยากย้ายออกไป จะได้มีเงินไปตั้งตัว “เจ้าคิดอะไรอยู่เหรอ?” “ข้ากำลังคิดว่า จะปลูกเรือนตรงท้ายที่ดินให้ทุกคนอยู่ ตรงกลางข้าอยากปลูกผักไว้กินเอง และอีกอย่าง ต่อไปหากการค้าของข้าไปได้ดี ข้าจะให้เงินเดือนทุกคน พวกเขาจะได้มีกำลังใจ พวกเจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?” “หากเจ้าว่าดี ข้าก็ว่าดี” ตงฮวนเอ่ยขึ้น “ใช่ๆ ทุกอย่างแล้วแต่เจ้าเลย พวกข้าพร้อมยืนเคียงข้างเจ้าอยู่แล้ว” ซิ่วอิงยกยิ้มให้สหาย “ขอบใจ”ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด







