LOGIN“ไหนเจ้าว่าช่วงนี้จะช่วยเหลือใคร?”
“ก็มันอดไม่ได้ แล้วเจ้าอดได้หรือ?” ซิ่วอิงย้อนถามลี่อิง เพราะคิดว่าเป็นนางก็ต้องเข้าไปช่วยเช่นเดียวกัน “แน่นอนว่าต้องช่วย ฮ่าฮ่า” ลี่อินหัวเราะออกมา นางก็แค่เย้าซิ่วอิงเล่น เพราะในความเป็นจริงใครจะไปทนเห็น เด็กถูกรังแกอย่างไม่ยุติธรรมได้เล่า “เรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวร้านตีเหล็กจะปิดเสียก่อน” ซิ่วอิงรีบเอ่ยบอกเพราะเสียเวลามากแล้ว ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่อู่ถงจะเป็นคนเดินนำ เพราะเขารู้เส้นทาง เมื่อมาถึงร้านตีเหล็กที่ดูเงียบเหงา มีชายสามคนนั่งเหม่อลอย ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ชายสามคนยังคงนั่งใจลอย ไม่รับรู้ถึงการมาของพวกเขา เพราะจิตใจกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน อู่ถงจึงรีบไปดึงกระดิ่งที่ห้อยไว้ เป็นการส่งเสียงสัญญาณถึงการมาของลูกค้า พวกเขาสะดุ้งกันสุดตัว เมื่อเห็นว่ามีบุรุษสองคนกับเด็กอีกห้าคน มายืนอยู่หน้าร้าน “ต้องการสินค้าหรือขอรับ หรือว่าจะสั่งให้ช่างตีเหล็ก บอกมาได้เลยขอรับ” ชายวัยกลางคนรีบลุกออกมาต้อนรับอย่างดีใจ ที่มีลูกค้ามาเยือน เพราะช่วงนี้กิจการตีเหล็ก ไม่ค่อยมีลูกค้ารายได้จึงลดลงมาก “ข้าอยากให้ท่านตีเหล็กแบบนี้ กว้างและใหญ่ประมาณเท่านี้ และข้าอยากให้ท่านไปเชื่อมเหล็กเข้าด้วยกัน เป็นแบบนี้ท่านทำได้หรือไม่เจ้าคะ” ชายตีเหล็กหยิบแผ่นกระดาษไปดู ก็พยักหน้ารับว่าทำได้ ซิ่วอิงจึงยกยิ้มด้วยความพอใจ “ท่านลุงกิจการไม่ค่อยดีหรือเจ้าคะ?” “ใช่แล้วละ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นดู” “แล้วท่านจะไปทำอะไรหรือเจ้าคะ?” “ข้าก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้คนในครอบครัวก็ล้มป่วย ค่าหมอ ค่ายา ข้ายังไม่รู้เลยว่าไปหาที่ไหน เลยได้แต่รักษาตามบุญตามกรรม” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าและเป็นทุกข์ ซิ่วอิงได้ฟังก็รู้สึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าขอดูคนป่วยหน่อยได้หรือไม่ เผื่อข้าช่วยได้” “แต่ว่าแม่หนู เจ้าอาจติดไข้จากพวกเขาได้นะ ท่านหมอบอกว่าไข้ตัวนี้ สามารถติดต่อผู้อื่นได้ง่ายมากเลย” ชายตีเหล็กรีบเอ่ยเตือนทันที “ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ พวกข้านะแข็งแรงโรคภัยไม่กล้าเข้าใกล้หรอกเจ้าค่ะ พวกเจ้าเข้าไปดูหน่อย ได้เรื่องอย่างไรมาบอกข้า” “ได้ ขออนุญาตขอรับ/เจ้าค่ะ” ลี่อิน เจียวจู ตงหานและหานเกอเอ่ยขึ้นมา ชายอีกคนจึงเดินนำเข้าไปในเรือนด้านใน พอเข้ามาถึงด้านใน เด็กทั้งสี่ถึงกับยืนตัวแข็ง มีสตรีสูงวัยนอนอยู่บนที่นอนหนึ่งคน สตรีอีกสามคน นอกนั้นเป็นเด็กอยู่ถึงสิบคน ทุกคนมีอาการอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง ลืมตามามองคนที่เข้ามา แล้วก็หลับตาลงไปอีกครั้ง ลี่อินและเจียวจูรีบตรงเข้าไป แล้วใช้หลังมือแตะที่หน้าผาก ก็รับรู้ถึงไอความร้อนที่แผ่ออกมา ไข้สูงมากเลย ต้องรีบไปบอกซิ่วอิง ลี่อินรีบวิ่งออกมาบอกซิ่วอิงทันที “ซิ่วอิงแย่แล้วคนป่วยแต่ละคนมีไข้สูงมากเลย” ซิ่วอิงได้ยินก็รีบวิ่งเข้าไปทันที ทุกคนที่เห็นเช่นนั้น ก็รีบตามเข้าไปเช่นกัน ซิ่วอิงมาถึงก็ตาเบิกกว้าง คนป่วยเยอะขนาดนี้เลย สงสัยจะติดกัน ซิ่วอิงจึงรีบบอกทุกคน “ช่วยกันเปิดหน้าต่างให้อาการถ่ายเท” “แต่ว่าแม่นางน้อย พวกเขาจะหนาวหรือไม่ เห็นร้องบอกว่าหนาว” “คนมีไข้จะหนาวทุกคน ท่านลุงอย่าได้กังวล ข้าขอน้ำและผ้า เอามาเยอะหน่อยเจ้าคะ ข้าจะเช็ดตัวให้คนป่วย รบกวนทุกคนออกไปก่อน ตงฮวน หานเกอ ไปต้มข้าว” เมื่อได้ยินที่นางบอก ตงฮวน หานเกอ อู่ถง อู่จิ้ง และชายตีเหล็กทั้งสามคนก็ออกมา “แม่นางน้อยคนนั้น นางจะทำอะไรหรือ?” “ท่านลุง ท่านอย่าได้กังวล หากถึงมือนางทุกคนปลอดภัยแน่นอนขอรับ” ตงฮวนเอ่ยขึ้น “จริงหรือ? เจ้าไม่ได้โกหกข้านะ” ชายตีเหล็กมีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด “แน่นอน นายหญิงน้อยของพวกข้าเก่งที่สุด” เป็นอู่ถงที่เอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม “วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดีมาก ที่นางอยากมาสั่งให้เจ้าตีเหล็ก” อู่จิ้งเอ่ยขึ้นมาบ้าง ชายตีเหล็กถึงกับเนื้อตัวเย็นเยียบ หากเป็นเรื่องจริงก็ขอขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา ดลบันดาลให้นางมาสั่งเขาตีเหล็ก ภายในห้องที่มีคนป่วย ที่นอนเรียงเแถวกันอยู่ อู่ถงและอู่จิ้ง นำกาละมังใส่น้ำและผ้ามาให้ ซิ่วอิงรีบรับมา แล้วสอนวิธีเช็ดตัวให้กับลี่อินและเจียวจู จากนั้นนางก็นึกถึงยาลดไข้ เป็นเม็ดคงจะกลืนลำบาก ขอเป็นชนิดน้ำและยาต้ม จากนั้นนางก็เปิดกล่อง หยิบยาขวดและห่อยาออกมา จากนั้นก็รีบเดินไปออกไป “ท่านลุงข้าอยากได้ช้อน นี่ยาท่านต้มหมดเลยนะเจ้าค่ะ แล้วค่อย ๆ ให้พวกเขาดื่มทุกสองชั่วยาม (4ชั่วโมง) ” ชายตีเหล็กรีบหาช้อนให้นาง แต่ก็แอบสงสัยว่า นางไปเอาห่อยามาจากที่ใด แต่ก็เลือกที่จะเงียบ ซิ่วอิงรีบเดินไปกระซิบกับตงฮวน ที่นั่งอยู่ตรงเตากับหานเกอ “เลือดเต่าดำของเจ้า น่าจะได้ผลดีกับคนป่วย ผสมลงไปกับข้าวต้ม” ตงฮวนได้ฟังก็พยักหน้าเข้าใจ ว่าต้องทำอย่างไร หากนางกระซิบบอกเช่นนี้ก็หมายถึง ห้ามให้ใครเห็น พอกลับมาที่ห้องคนป่วย ซิ่วอิงก็ลี่อินประคองทุกคนมารับยา ที่จริงไม่ควรใช้ช้อนเดียวกัน แต่ว่ามีไข้เหมือนกัน นางจึงใช้แค่ช้อนเดียวเทยาลดไข้ที่เป็นน้ำ ให้พวกเขาทุกคน จากนั้นก็ปล่อยให้นอนลง “พวกเจ้าลองปล่อยพลังให้พวกเขาดู ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ายามนี้ มีพลังมากเท่าใด” “ได้ ข้าขอลองคนนี้” ลิ่อินลองใช้มือวางลงไปบนหน้าผาก แล้วปล่อยพลังปราณออกไป แสงสีฟ้าเริ่มส่งแสงออกมา จากฝ่ามือของนางแล้วหายไปที่ศีรษะของหญิงชรา ไม่นานหญิงชราก็ลืมตาขึ้นมา แล้วยกมือขึ้นมาพนมไหว้ขอบคุณ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างซาบซึ้ง นางคิดว่านาง จะต้องจากโลกใบนี้ไปเสียแล้ว จู่ ๆ ร่างกายก็กลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้ง น่าเหลือเชื่อจริง ๆ “ขอบคุณแม่นางน้อยมากเจ้าค่ะ” ลี่อินยิ้มให้อย่างอ่อนโยน การได้ช่วยเหลือผู้คน ความรู้สึกมันดีมากจริง ๆ “งั้นข้าขอลองบ้าง’ เจียวจูจึงทำแบบที่ลี่อินทำ แต่แสงที่เปล่งออกมาเป็นสีแดง ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่ทั้งสามจะช่วยกัน เพิ่มพลังให้คนป่วยทั้งหมด ไม่นานตงฮวนและหานเกอ ก็ยกข้าวต้มเข้ามา “ทุกคนมาช่วยกันป้อนอาหารเจ้าค่ะ พวกเขาเริ่มมีแรงบ้างแล้ว อีกสามวันก็ลุกเดินได้แล้วเจ้าค่ะ” ชายตีเหล็กมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะพากันคุกเข่าลง “ขอบคุณนายน้อย ขอบคุณนายหญิงน้อยขอรับ” “ลุกขึ้นเถิด ข้าวต้มค่อย ๆ ให้พวกเขากิน แล้วก็ยาต้มทุก ๆ สองชั่วยาม อย่างไรข้าต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ชายตีเหล็กทั้งสามคนก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ในวันที่หมดหวังและไร้ซึ่งความหวัง จู่ ๆ ก็มีเด็กห้าคนก้าวเข้ามาช่วยเหลืออย่างปาฏิหาริย์ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งพวกเขามา พวกเขาตรงเข้าช่วยเหลืออย่างไม่รีรอ เงินทองก็ไม่พูดถึง ชาตินี้พวกเขาเป็นหนี้เด็กห้าคนนี้แล้วกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







