LOGIN“เจ้ายังคิดจะมาข่มขู่ข้า คนเช่นท่านนี่มันสมควรไม่มีใครจ้างทำงานเลย ข้าไล่ท่านสองคนออก เพราะว่าท่านยืนยันว่าจะไม่ฟังคำสั่งของข้า พวกท่านกลับไม่คิดว่า สิ่งที่ท่านทำนั้น ไม่มีผู้ใดเขาทำต่อนายจ้าง วันนี้ใครที่คิดจะออกเชิญตอนนี้ยังทัน เพราะว่าข้าไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เฉินซีฮันปรบมือให้นางในใจ สมแล้วที่จะมาเป็นชายาของข้า เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด
“ไม่ว่าพวกท่านจะมองว่า พวกข้าเป็นเพียงแค่เด็ก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า พวกข้าเป็นนายจ้าง ทุกคนต้องตระหนักถึงจุดนี้ให้มั่น” ลี่อินเอ่ยขึ้นมาบ้าง เฉินจางหย่งถึงกับยกนิ้วให้นาง รู้สึกภูมิใจอยู่ลึก ๆ เจ้าเก่งจริง ๆ เด็กน้อยของข้า “และคนที่ไม่เชื่อฟัง อีกทั้งยังพูดจาข่มขู่ เพราะเห็นเพียงว่า พวกข้าเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง เพราะฉะนั้นวันนี้ พวกข้าจะให้ทุกคนได้เห็นเป็นตัวอย่าง ว่าเด็กน้อยเช่นพวกข้า สั่งสอนคนที่คิดจะมาข่มขู่และปากดี กับนายจ้างของตนอย่างไร” เจียวจูเอ่ยด้วยนำ้เสียงเยียบเย็น ทำให้บุรุษที่เพิ่งขอหมั้นนาง ถึงกับขนลุก นางดุได้ขนาดนี้เลยหรือ สามดรุณีน้อยก้าวออกไปพร้อมกัน ซิ่วอิงยกมือใช้พลังดึงชายร่างอ้วนสองคน ออกมายืนตรงกลางวง โดยมีพวกนางยืนล้อมอยู่ ทุกคนมองอย่างตกตะลึง เด็กคนนี้ต้องมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด ถึงดึงชายร่างอ้วนถึงสองคนให้มายืนตรงหน้าได้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว “พวกเจ้าจะทำอะไร” พวกเขาทั้งสองเริ่มมีสีหน้าหวาดหวั่น “ก็สั่งสอนผู้ใหญ่ปากดีอย่างไรละ” กล่าวจบร่างของพวกนางก็ลอยขึ้นในอากาศ และเริ่มหมุนไปรอบ ๆ พวกเขา ก่อนจะเพียะ! โอ๊ย! เพียะ! โอ๊ย! แรงตบทำเอาเลือดกบปากทันที พวกนางไม่หยุดตบง่าย ๆ เพียะ! เพียะ! ภาพของดรุณีน้อยลอยหมุน แล้วฟาดฝ่ามือไม่ยั้ง ใส่ชายร่างอ้วนทั้งสองคน จนตอนนี้ใบหน้าบวมฉึง ทุกคนตกตะลึงตาค้าง กับภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่มีใครกล้าส่งเสียง เพราะพลังอำนาจที่เปล่งออกมา ของดรุณีทั้งสาม สร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ก่อนพวกนางจะลอยลงมายืนบนพื้นอย่างสงบนิ่ง ก่อนจะมองพวกเขาอย่างเย้ยหยัน ชายทั้งสองคนรีบคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความจริง พวกนางเป็นคนหรือปีศาจกันแน่ น่ากลัวเกินไปแล้ว “นายหญิงน้อย โปรดไว้ชีวิต ๆ ยกโทษให้ข้าด้วยขอรับ ข้าผิดไปแล้ว ข้ากลัวแล้วจริง ๆ ขอรับ ไม่กล้าอีกแล้วขอรับ” เขาทั้งสองร้องขอชีวิต เพราะใบหน้าเจ็บระบมอย่างหนัก ไม่คาดคิดว่าแรงตบ จะหนักหน่วงเช่นนี้ เขาทั้งสองคนก้มคำนับให้พวกนาง ครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างสำนึกผิด “ท่านลุงลู่ สองคนนี้ได้ค่าแรงเท่าใดเจ้าคะ?” ซิ่วอิงเอ่ยถามขึ้น “สามตำลึงต่อเดือนขอรับ” “เช่นนั้นก็จ่ายให้คนละสิบตำลึง แล้วให้ออกจากงานไปซะ” “ไม่! นายหญิงน้อย ไม่ ๆ นายหญิงน้อยข้าผิดไปแล้ว ข้าขอทำงานต่อเถิดขอรับ” “นายหญิงน้อย โปรดให้อภัยสักครั้ง พวกข้าจะไม่ทำอีกแล้ว พวกข้าสาบานเลยขอรับ” ชายอ้วนทั้งสองคุกเข่าอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา “ดี ในเมื่อเจ้ากล้าสาบานต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ข้าก็จะให้อภัยสักครั้ง ท่านลุงลู่ไฉ่และทุกคน จับตาดูพวกเขาเอาไว้ หากเขากล้าพูดจาไม่ดี หรือใครได้ยินพวกเขาพูด ให้มาบอกพวกข้าได้ตลอดเวลา” “ขอรับ/เจ้าค่ะ “เอาละคนที่ทำหน้าที่ ดูแลห้องพักของโรงเตี๊ยม กลับไปทำงานตามปกติ วันหลังข้าจะไปตรวจแต่ละห้อง ให้เหลือแต่คนทำในส่วนของอาหาร” ยามนี้ทุกคนไม่กล้า แม้จะมองหน้าพวกนาง ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลยจริง ๆ พวกนางมีพลังที่คนอื่นไม่มี อีกทั้งเวลาโกรธน่ากลัวมาก โชคดีที่พวกเขา ในคราแรกเพียงแค่คิดอยู่ในใจ ไม่ได้พูดออกมาเหมือนสองคนนั้น ขอบคุณปากที่ยังคงปิดสนิท “ชุดทำงานข้าจะสั่งมาใหม่ ถึงเราจะเป็นคนยกอาหารก็ต้องดูดี ในสายตาของคนมาใช้บริการ พ่อครัวก็อีกเช่นกันชุดต้องเปลี่ยน ให้เป็นสีขาวสะอาดตา วันนี้เรามาจัดโต๊ะกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ” “ส่วนท่านสองคนไปหาหมอทำแผล ค่ายาไปเบิกกับท่านลุงลู่” “ขอรับ” เกาเชาและเจาจง เดินออกไปอย่างหมดสภาพ “ท่านลุงลู่ไฉ่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปแจกแจงงานในครัว พวกท่านพาพวกเขาไปรอข้า” “ขอรับ” ซิ่วอิงจัดโต๊ะให้ง่ายต่อพนักงานยกอาหาร มาให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะ แบ่งพื้นที่ให้สะดวกในการเดินส่วนกันไปมา อีกทั้งนำหมายเลขมาติด เพื่อป้องกันการส่งอาหารผิดโต๊ะ นางเปลี่ยนเวลาจองรอบละ40โต๊ะทั้งหมด7รอบ ตอนนี้มีพนักงานยกอาหารเพียง10คน นางต้องหาคนมาเพิ่มชั่วคราว เพราะสองวันแรก คนที่จองมาอาจจะเยอะ วันต่อไปอาจจะลดลง “ท่านลุงลู่เราต้องหาโต๊ะเป็นชั้นขนาดเล็ก ๆ มาไว้ หากลูกค้ามาเป็นครอบครัว และหลายคน เราต้องป้องกัน คนฉลาดแกมโกงเจ้าค่ะ” ลู่เฉิงเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ หมายความว่าอย่างไร “อย่างไรหรือขอรับ?” “เวลาคนหิวมาก ๆ ก็จะสั่ง ๆ แต่พอตอนจ่ายเงิน ก็ไม่อยากจ่ายอย่างไรละเจ้าคะ เพราะฉะนั้นเราต้องเก็บหลักฐานเอาไว้ จะได้เถียงไม่ได้ว่าไม่ได้สั่ง เข่งหรือจานไหนกินหมดแล้ว ก็ให้เก็บลงในชั้น” ลู่เฉิงได้ฟังก็เข้าใจ แต่จะมีคนเช่นนั้นจริงหรือ? “และท่านลุงต้องเป็นคนคิดเงินเจ้าค่ะ” “ข้าหรือขอรับ! ไม่ ๆ ข้าไม่ถนัดเลย” ลู่เฉิงรีบยกมือขึ้นปฎิเสธ เอ่ยด้วยนำ้เสียงไม่มั่นใจ เพราะเขาไม่เก่งเรื่องตัวเลขเลยสักนิด นั้นคือเหตุผลที่เขา ไม่รู้เรื่องเลยว่าหลานชาย ได้ทำการโกงบัญชีและตัวเลข “พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิง พี่จางหย่ง ท่านช่วยเป็นคน คิดยอดเงินได้หรือไม่เจ้าคะ?” ซิ่วอิงหันมาถามพวกเขาสามคน แต่ปรากฏว่าพวกเขามีสีหน้าลำบากใจ “พวกข้าก็ไม่เก่งเรื่องตัวเลข ขอโทษนะ” เฮ้อซิ่วอิงถอนใจออกมา คงต้องขอเครื่องคิดเลขจากกล่องโบราณ คิดได้เช่นนั้นนางให้ลี่อินและเจียวจูยืนบัง ก่อนจะนำกล่องโบราณมาเปิด แล้วหยิบเครื่องคิดเลข พลังงานแสงอาทิตย์ ออกมาสามเครื่อง “พวกท่านสามคน ต้องเป็นคนคิดเงิน เพราะข้ามีตัวช่วยที่ดีมาก ๆ” ซิ่วอิงยกสิ่งที่อยู่ในมืออวดพวกเขา ตงฮวนและหานเกอมาเห็นสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ ก็รีบวิ่งมาดูอย่างสนใจ “มันคือสิ่งใด?” “สิ่งนี้เรียกว่า เครื่องคิดเลข” “เครื่องคิดเลข!” พวกเขาเอ่ยทวนออกมา และมองสิ่งนั้นด้วยความสนใจ “ใช่แล้ว แม่นยำไร้ข้อผิดพลาด ข้าจะทำให้ดูก่อนเจ้าค่ะ กดเปิดปุ่มนี้ ตัวอย่างหากมีคนมาสั่งอาหารรายการแบบนี้” ซิ่วอิงหยิบกระดาษมาเขียนคราว ๆ “รายการที่1 ขนมจีบ3เข่ง15อีแปะ รายการที่2 ซาลาเปา2เข่ง 10อีแปะ โจ๊ก5ถ้วย 25อีแปะ บะหมี่2ถ้วย 20อีแปะ เป็ดครึ่งตั50อีแปะ” จากนั้นนางก็ทำตัวอย่างและอธิบายค่าของเงิน หลังจุดเป็นอีแปะ ด้านหน้าเป็นตำลึง พอพวกเริ่มเข้าใจ กลับกลายเป็นว่า มีแต่คนอยากจะเป็นคนคิดเงิน “ซิ่วอิงข้าอยากเป็นคนคิดเงิน ให้ข้าทำเถอะนะ” ตงฮวนและหานเกอรีบออดอ้อน “พวกเจ้าจะมาแย่งหน้าที่พวกข้าได้อย่างไร นางยกหน้าที่นี้ให้พวกข้าแล้ว” สามบุรุษรีบเอ่ยขัดขึ้นมาทันที ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู พากันกลอกตามองบน คราแรกไม่มีใครอยากทำ มายามนี้มาแย่งกัน “ข้าต้องการเจ้าสองคนช่วยยกอาหาร บุรุษที่ดีต้องอยู่ช่วยสาวงาม เข้าใจหรือไม่?” พอได้ยินคำว่าบุรุษที่ดี สองหนุ่มน้อยก็มีท่าทีฮึกเหิมขึ้นมาทันที สามดรุณีน้อยส่ายหน้า เฮ้อ! แต่ละคน “ท่านสามคนตามข้ามาเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงหอบเอาบัญชี ขึ้นไปยังห้องทำงาน ที่มีเฉินเจ๋อหยวนนั่งอยู่ พอพวกเขาเห็นท่านปู่ ก็รีบตรงไปอวดเครื่องคิดเลข “ท่านปู่! เครื่องคิดเลขนี่ดีมากเลยขอรับ คิดเลขออกมาได้แม่นยำมาก โดยที่เราไม่ต้องคิดให้ปวดหัวเลยขอรับ” “จริงหรือ? ทำให้ข้าดูหน่อย” พอพวกเขาทำให้ดู ชายชราก็อยากจะเป็นคนคิดเงิน เพราะสนุกกับการกดตัวเลข ซิ่วอิงเลยต้องเอาเครื่องคิดเลขอันที่สี่ออกมาให้ “สมุดบัญชีเหล่านี้คิดผิด ท่านก็คิดแต่ละหน้า แล้วลงยอดที่ถูกต้องเจ้าค่ะ ที่จริงมันก็ไม่มีผลอะไรแล้ว เพราะคนทำก็เอาเงินไปแล้ว ข้าเพียงอยากให้พวกท่าน ใช้เครื่องคิดเลขให้คล่องเจ้าค่ะ คิดครั้งแรกเสร็จ ท่านก็เขียนเอาไว้ แล้วคิดอีกครั้ง ถ้าตรงกันแสดงว่าผลที่ได้คือถูกเจ้าค่ะ” “อืม…ไปเถอะ พวกข้าทำได้” พวกเขารีบไล่นางไปทันที เมื่อเข้าใจดีแล้ว ซิ่วอิงส่ายหัว เหมือนเด็กได้ของเล่น พอนางลงมาข้างล่าง ก็ตรงไปที่ห้องครัว แต่ยังคงเห็นพ่อครัวอ้วนสองคน ยังคงนั่งอยู่มุมหนึ่ง “ไปหาหมอมาแล้วหรือเจ้าคะ?” “นายหญิงน้อย ข้ากินยาแก้ปวดก็พอขอรับ” ที่จริงพวกเขากลัวว่า หากออกไปหาหมอ แล้วนางจะหาคนใหม่มาแทนพวกเขา ก็เลยต้องทนอยู่ก่อน จะโทษใครได้ต้องโทษที่พวกเขาพูดไม่คิด “ถ้าเช่นนั้นท่านลุงลู่ไฉ่ ท่านก็เป็นหัวหน้าพ่อครัว คอยดูรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งมา แล้วคอยบอกพ่อครัว ว่าให้จัดทำสิ่งใด พรุ่งนี้ข้าจะเอาอาหารมาลองให้พวกท่านทำดูก่อน ยังมีเวลาอีกหนึ่งวันเจ้าค่ะ” “แล้วที่นี่มีอาหารขึ้นชื่ออะไร ที่ท่านทำเจ้าคะ?” “หมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน ปลาราดพริก เต้าหู้นึ่งซีอิ้ว ขอรับ” “งั้นลองทำให้ข้าชิมดูหน่อยเจ้าค่ะ” พอเขาได้ยินก็ตกใจจนหน้าซีด หากไม่อร่อยขึ้นมา นางจะตำหนิเขาหรือไม่ “อะไรกันมั่นใจหน่อยสิเจ้าคะ ที่ข้าให้ท่านทำ เพราะข้าจะสอน วิธีที่อร่อยกว่าเดิมให้เจ้าค่ะ” พอเขาได้ยินก็ดีใจยิ้มออกมา “จริงหรือขอรับ” ลู่ไฉ่ตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาอยากได้ยินคำนี้มานานแล้ว ขอบคุณสวรรค์ “เอาเป็นว่าข้ากับท่าน ช่วยกันปรุงอาหาร ให้กับทุกคนที่ทำงานในวันนี้ ถือเป็นการต้อนรับการมาของพวกข้า” “ดีขอรับ” พ่อครัวในห้องครัวต่างยกยิ้ม ที่จริงนางก็เป็นเด็กสาว ที่จิตใจดีผู้หนึ่ง เพียงแต่สองพ่อครัวบังเอิญไปล้ำเส้นจนเกินไป จนได้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น แต่ก็ดีจากนี้คงไม่มีใครกล้าหืออีกต่อไป และสิ่งที่นางพูดก็ถูกต้องทุกอย่าง ลูกจ้างที่ไหนจะกล้าไม่ฟังคำสั่งนายจ้างกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







