LOGINเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่
“ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาคนมาช่วยอีกเจ้าค่ะ แต่ว่าต้องทำเพิงไว้เก็บฟืน ท่านลุงพอจะทำเป็นหรือไม่เจ้าคะ?” “เป็นขอรับ” “นี่เงิน10ตำลึง ท่านซื้อของมาทำเพิงเจ้าค่ะเงินเหลือจากการซื้อของ ท่านก็ฝากไว้กับป้าหวังเจ้าค่ะ” “ได้ขอรับ” ซิ่วอิงสั่งงานทุกคนเสร็จ ก็พาสหายและจือไฉจือหยวน มาที่ห้องของนาง ก่อนจะใช้วิธีเข้าไปในมิติโดยไม่ผ่านกล่องโบราณ หากจวนใหญ่สร้างเสร็จ นางจะทำห้องลับ ไว้ให้ทหารองครักษ์ เข้าออกจากมิติจากกล่องโบราณ เพื่อป้องกันสายตาจากผู้อื่น เมื่อนางมาถึงมิติ ก็เห็นข้าวของมากมายกองเท่าภูเขา ที่ก่อนหน้านี้นางซื้อและใส่เข้ามา ชายชราและทุกคนที่นั่งคุยกันอยู่ เมื่อเห็นพวกนางเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นอย่างดีใจ “พวกเจ้ามากันแล้ว” เป็นซูเมิง ชิงเหยียนและหนิงเหอที่ตรงเข้ามาดึง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจูเข้าไปกอด อย่างรักใคร่เอ็นดู พวกนางก็กอดตอบโดยไม่เกี่ยงงอน “พวกเรามาแกะของใช้กันก่อนเถอะเจ้าค่ะ คนเยอะขนาดนี้ เมื่อคืนนอนกันที่ใดหรือเจ้าคะ?” “พวกเขาไปหาฟืนในป่า แล้วนำมาก่อกองไฟ แล้วพากันนอนข้างๆ กองไฟ ส่วนในเรือนก็เป็นคนจากในวังใช้เป็นที่นอน” เฉินซีฮันตอบซิ่วอิง “ทนกันหน่อยนะเจ้าค่ะ อีกไม่นานจวนก็สร้างเสร็จแล้ว” พวกเขารับฟังอย่างเข้าใจ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว “นี่เป็นที่นอน ผ้าห่ม หมอน เสื้อผ้า เอาไปใช้ก่อน ส่วนอาหารถึงเวลา จะมีคนมาเรียกให้ไปช่วยยกเจ้าค่ะ” “ขอบใจพวกเจ้าทุกคน ตระกูลเฉินจะจดจำบุญคุณในครั้งนี้ไปตลอดชีวิต” อดีตฮ่องเต้เฉินหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้น อย่างรู้สึกซาบซึ้งในนำ้ใจของพวกเขา “ท่านพ่อและทุกคนที่นี่ ล้วนเป็นครอบครัวของพวกข้าเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าทุกอย่าง เป็นเรื่องของโชคชะตา หากได้มาพบเจอกัน ถือว่าเป็นวาสนา พวกข้าต้องช่วยดูแลอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นขอเพียงแค่อดทน พวกเราจะฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากไปได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” คำพูดของนางทำให้ทุกคนถึงน้ำไหลออก คราวนี้ทุกคนเชื่อสนิทใจ นางต้องเป็นเทพที่มาอยู่ในร่างเด็ก10ขวบอย่างแน่นอน “พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิง พี่จางหย่ง ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกข้าต้องฝึกฝนพลังปราณ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด ในระหว่างนี้ห้ามผู้ใดรบกวนเจ้าค่ะ” “ได้” สามบุรุษดึงร่างของพวกนางมากอดอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่เด็กทั้งห้าคน จะพากันเดินไปที่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แล้วนั่งลงใช้มือประสานกันเป็นวงกลม ไม่นานแสงจากร่างของพวกเขา ก็เริ่มเปล่งประกายออกมา แล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สีทอง สีฟ้า สีแดง สีดำและสีขาว ก่อนจะกลายเป็นเหมือนเกราะ ครอบร่างของพวกเขาเอาไว้ พวกเขายืนมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง สิ่งน่าเหลือเชื่อและมหัศจรรย์นี้ คงเป็นเพียงเทพเท่านั้นที่จะทำได้ พวกเขานับว่าโชคดีมากจริง ๆ ทางด้านเจ้าเมืองเสิ่นและนายอำเถอจิน เมื่อกลับถึงจวน ถึงได้รู้ว่าขอเท้าพลิก ไม่รู้ว่าพวกเขาวิ่งมาได้อย่างไรจนถึงจวน “ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?” เสิ่นฮูหยินร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเสิ่นอี้ห่าววิ่งเข้ามา ด้วยท่าทีตื่นกลัว เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งร่าง ก่อนนางจะเห็นคนสนิทของเขา และองครักษ์วิ่งตามเข้ามา ทุกคนต่างมีอาการไม่ต่างจากเขาเท่าใดนัก “โม่โฉวเจ้าไปติดต่อหาซินแส หรือใครก็ได้ที่สามารถปราบผีได้ ใครปราบได้ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม” เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยามนี้ข้อเท้าของเขาบวมฉึง “ฮูหยินให้คนไปตามหมอ” “เจ้าค่ะ” ทางด้านนายอำเภอยามนี้ นอนคลุมโปงด้วยความหวาดกลัว หลังจากหมอมาดูอาการของเขา พร้อมให้ยาสงบใจ แต่เขาก็ยังไม่ดีขึ้น ผีตนนั้นน่ากลัวจริง ๆ “จงไห่ไปประกาศหาหมอผีหมอปราบวิญญาณ ใครก็ได้ข้าต้องการกำจัดผีร้ายไปให้พ้นทาง” ไม่อยากเชื่อตายไปแล้ว วิญญาณยังคงอยู่ เจ็บใจจริง ๆ “ขอรับ” จงไห่รีบออกไปทำตามคำสั่งทันที จินฮูหยินและจินฝูฮวายืนมองจินป๋อเหวินอย่างเห็นใจ ผู้คนยามนี้ต่างพูดถึงผีที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ต่างพูดกันไปต่าง ๆ นานา ว่าเป็นเพราะถูกฆ่าตาย อย่างไม่ยุติธรรม วิญญาณจึงโกรธแค้นไม่ยอมไปไหน ทุกคนรู้เรื่องที่ทางการ ส่งคนไปจัดการทุกคนในหมู่บ้าน เพราะว่าเป็นโรคระบาด จึงต้องกำจัดทุกคนทิ้ง เพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรค ในยามนั้นแม้ทุกคนจะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม แต่ความเห็นแก่ตัวและรักชีวิตตนเองมีมากกว่า จึงไม่มีใครออกมาคัดค้านเรื่องนี้ ทางด้านซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหาน ยามนี้จิตวิญญาณ ได้มาอยู่อีกมิติหนึ่ง ที่มีไอหมอกลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ คล้ายดั่งอยู่ในความฝัน ทั้งห้าคนยังคงเดินจับมือกันไม่ปล่อย เมื่อเดินกันมาสักพัก ก็มีแสงที่ทอประกายอย่างสว่างสไสวลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาหยุดนิ่งมองแสงตรงหน้า ที่ค่อย ๆ กลายเป็นร่างของเทพทั้งห้าคน “ยินดีต้อนรับเทพน้อยของข้า เป็นเช่นไรอยากฝึกพลังให้สำเร็จแล้วหรือ?” ชายในชุดดำขลับอย่างทรงภูมิ เอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี “เจ้าค่ะ/ขอรับ” “ส่งมือของพวกเจ้ามา” เทพโชคชะตาเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน พวกเขารีบส่งมือออกไปให้เทพประจำตัวของตน ก่อนพวกเขาจะอ้าปาก จากนั้นก็ปรากฏลูกแก้วแต่ละสี ลอยออกมาจากปากของพวกเขา เทพแต่ละองค์หยิบลูกแก้วมาถือไว้ ก่อนจะวางลงไปบนฝ่ามือของพวกเขาทั้งห้า “หยกมณีสวรรค์เป็นตัวแทนของเหล่าเทพแต่ละองค์ ร่างกายของพวกเจ้าจะเติบโตขึ้น อย่างน่าอัศจรรย์เมื่อกลืนหยกมณีสวรรค์ลงไป จากนั้นเจ้าจะต้องฝึกฝนอยู่ในมิติเป็นเวลา500ปี แต่ในโลกภายนอกพวกเจ้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวัย15ปี ซึ่งผ่านไปยาวนานเพียง5วันเท่านั้น ทุกครั้งที่เจ้ากลับมาที่นี่ อายุของพวกเจ้าจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง” สตรีแห่งโชคชะตากล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน “ช่วงที่อยู่ในมิติเทพ ก็เรียนรู้ฝึกฝนให้ดี เมื่อพวกเจ้าฝึกสำเร็จ ก็จงใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือผู้อื่น ชะตาชีวิตของผู้คนอยู่ในมือของพวกเจ้า เมื่อมีคนดีก็ย่อมมีคนชั่ว ทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรม เพียงแต่เราต้องยับยั้ง ไม่ให้คนชั่วเหิมเกริมเกินไป ชีวิตทุกคนมีค่า พวกข้าฝากพวกเจ้าด้วย” สตรีแห่งโชคชะตากล่าวจบ ร่างของพวกเขาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะหายไป “เรากลืนมันลงไปใช่หรือไม่?” หานเกอเอ่ยถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ “ใช่ ทำพร้อมกันเถอะ” ซิ่วอิงบอกทุกคน ก่อนจะนำลูกแก้วใส่ปากแล้วกลืนลงไป พวกเขาก็เช่นกัน ปฏิกิริยาหลังจากนั้น ร่างของพวกเขาทั้งห้าก็เปล่งแสงเจิดจ้าสว่างไสว พื้นที่ที่เป็นหมอกควัน จู่ ๆ กลายเป็นทุ่งดอกไม้ มีผีเสื้อบินว่อนไปมา พวกเขามองทุกอย่างอย่างตื่นตาตื่นใจ รับรู้ถึงพลังไหลเวียนไปทั่วร่าง “เราแยกย้ายกันฝึกเถอะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกทุกคน ก่อนจะเดินไปนั่งยังโขดหินแล้วหลับตาลง พวกเขาเห็นเช่นนั้นก็แยกย้ายกันทำตามทันทีเด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด
“ข้าว่าให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่น่าจะได้” ตงฮวนเอ่ยขึ้นอย่างวิเคราห์ ซึ่งตรงกับความคิดของซิ่วอิงพอดี เพราะตอนนี้มีพื้นที่แห่งใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้เหมือนที่นี่ แต่ชีวิตของพวกเขาปลอดภัยแน่นอน “ท่านไปพาพวกเขามาเถิด ระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเจียวหั่ว “ขอรับ” เจียวหั่วจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไปทันที “เรามากินอาหารกันเถอะ ข้าหิวจนจะกินคนได้อยู่แล้ว พี่จือไฉ่ พี่จือหยวน ข้ารบกวนไปยกโต๊ะเก้าอี้มาที่ครัวทีเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวข้าไปช่วย” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้น เพราะเวลานี้ฐานะเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยนางได้เขาก็ยินดีช่วยทำ เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ต่างก็รีบออกไปช่วยยกโต๊ะเก้าอี๊เข้ามา พอทุกคนมานั่งกันครบแล้ว ซิ่วอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ลี่อิน เจียว ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิงและพี่จางหย่ง แต่เพราะวันนี้ที่โรงเตี๊ยมยุ่งมากและพรุ่งนี้ก็ยังจะยุ่งอีก เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็กินกันพอประมาณ พอทุกอย่างลงตัวดีแล้ว พวกเราค่อยฉลองใหญ่กันเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงให้ลี่อินชงชา เจียวจูและนางช่วยกันส
ทางด้านตระกูลเฟยยามนี้ เฟยเจินเฉิงตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง บิดาเขาส่งคนไปใส่ร้ายโรงเตี๊ยมฟู่จิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบิดาเขา จะมีความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ การแข่งขันในวันนั้น เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้ชนะเลยสักนิด แต่มาวันนี้ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใด ผู้คนต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิ พอเขาได้สอบถามถึงได้รู้ความจริง เขารู้สึกผิดหวังกับการกระทำของบิดาจนพูดไม่ออก เสียงผู้คนกล่าวถึงไม่ใช่มีเพียงตระกูลเฟย แต่ยังมีตระกูลจิน ที่กระทำการน่าละอายเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นอะไรกันไปหมด นางเป็นเพียงเด็กน้อยแต่มีความสามารถ ทุกคนควรให้การยอมรับ ไม่ใช่หาเรื่องใส่ร้ายกันเช่นนี้ นี่มันเข้าทำนองผู้ใหญ่รังแกเด็กชัด ๆ เมื่อเฟยเจินเฉิงกลับถึงจวน ก็ตรงไปหาบิดาและมารดาทันที เรื่องนี้เขาคิดว่า บิดาของเขาควรไปขอโทษ ทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ที่ทำให้ได้ความเสียหาย “ท่านพ่อ! ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไรกันขอรับ ตอนนี้ผู้คนต่างพูดกันไม่หยุดปาก ถึงตระกูลเราที่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น” เฟยเจินเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดใจ “ข้าไม่ได้ตั้ง







