Masukพวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ
“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขา นี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่งบัญฑิตผู้มีความรู้ หานเกอก็หล่อเหล่าคมเข้ม อย่างยากจะละสายตา พวกเขายืนนิ่งกับสิ่งที่เห็น พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียวช่างเป็นเรื่องอัศจรรย์จริง ๆ พวกเขาเดินมาใกล้ ก็ยกยิ้มให้ทุกคนอย่างร่าเริง “คิดถึงพวกข้ากันหรือไม่เจ้าคะ รู้หรือไม่พวกข้าไปฝึกอยู่ถึง500ปีเชียวนะเจ้าค่ะ” “500ปี!!” พวกเขาเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว “และร่างกายของพวกข้า ก็เติบโตขึ้นในวัย15ปีเจ้าค่ะ” พวกเขาหันมามองหน้ากัน 5วันร่างกายเติบโตขึ้น5ปี ไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริง แต่คนที่พอใจที่สุดไม่ใช่ใครอื่น เป็นสามบุรุษเฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ยามนี้ใบนี้แย้มยิ้มจนหุบไม่ลง ภายในใจเต้นแรงยิ่งกว่ากลองรัว มองสตรีในดวงใจตาเป็นประกาย “ฮะแฮ่ม! มองขนาดนั้น ไม่สิงร่างของพวกนางไปเลยเล่า” ชายชราเฉินเจ๋อหยวน เอ่ยเย้าหลานชายที่เอาแต่มองพวกนางตาไม่กะพริบ พวกเขาใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ?” ซิ่วอิงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “ที่นี่ปกติดี แต่ข้าไม่รู้ว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินซีฮันเอ่ยตอบ เพราะตั้งแต่พวกนางเข้าไปฝึก เขาก็อยู่แต่ในนี้ ถึงเวลาอาหาร ก็มีคนมาเรียก ให้คนไปช่วยยก ประตูมิติหากเป็นคนที่เคยเข้ามาแล้ว จะสามารถเข้าออกได้ตามปกติ ซิ่วอิงวางกล่องโบราณไว้ที่ห้องของนาง ทุกคนจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหิวตาย ก่อนที่พวกนางจะออกมา “พี่เจียวหมิงข้างดงามหรือไม่?” เป็นเจียวจูที่เอ่ยถามเฉินเจียวหมิง ทำเอาทุกสายตาหันมามองที่เขาทันที เฉินเจียวหมิงถึงกับทำตัวไม่ถูก เจ้าเด็กคนนี้ มาถามอะไรต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ เขารู้ว่านางต้องการกลั่นแกล้งเขา “งาม” เขาตอบเสียงอุบอิบ ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นอย่างเขินอาย “สตรีไร้ยางอาย” เป็นตงฮวนที่เอ่ยตำหนิขึ้นมา เจียวจูมองค้อนให้สหายทันที “เจ้าเต่าทึ่ม ชาตินี้ขอให้พบเจอสตรีไร้ยางอายยิ่งกว่าข้า” “เจ้า!” ตงฮวนถลึงตาใส่เจียวจู อย่างขุ่นเคือง “หยุด! อย่าทะเลาะกัน” หานเกอรีบเอ่ยห้าม ซิ่วอิงมองพวกเขา ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทะเลาะกันมา500ปี พอออกมาก็ยังจิกกัดไม่เลิก “เราออกไปกันเถอะเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงคว้ามือของเฉินซีฮัน ก่อนจะพาเดินออกไป ลี่อินก็คว้าแขนของเฉินจางหย่งเดินตามออกไป เจียวจูเห็นเช่นนั้นก็สะบัดใส่ตงฮวน แล้วมากุมมือเฉินเจียวหมิง ก่อนจะเดินตามออกไปอย่างเร่งรีบ เมื่อออกมาข้างนอกแล้ว ซิ่วอิงก็เดินสำรวจดูรอบ ๆ ว่าสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปบาง ดูเหมือนเรือนนั่งกินอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว นางจึงรีบเดินเข้าไปดู บรรดาช่างที่เห็นนางเดินเข้ามา พร้อมบุรุษที่หล่อเหลาสง่างาม ก็พากันมองอย่างแปลกใจ พวกเขาเป็นใครกัน “ท่านลุงข้าเองซิ่วอิงเจ้าค่ะ อืม..ใกล้เสร็จแล้ว ทำงานรวดเร็วดี ถ้าเช่นนั้นก็สร้างเรือนพักฝั่งนั้นเลยนะเจ้าค่ะ” ช่างก่อสร้างมองนางอย่างตกตะลึง เป็นนายหญิงน้อยซิ่วอิงจริงหรือ เขาไม่ได้เจอนางเพียง5วัน นางเติบโตเป็นสตรี ที่งดงามมากถึงเพียงนี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! แล้วนั่นสตรีในชุดสีฟ้า เป็นนายหญิงน้อยลี่อินใช่หรือไม่ แล้วคนที่ใส่ชุดที่แดง ก็น่าจะเป็นนายหญิงน้อยเจียวจู บุรุษเยาว์วัยในชุดสีดำก็คือนายน้อยตงฮวน ส่วนบุรุษเยาว์วัยอีกคนในชุดสีขาว เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นายน้อยหานเกอ “ไม่ได้เจอหลายวัน พวกข้าคิดถึงฝีมือการทำอาหาร ของนายหญิงน้อยมากเลยขอรับ” พอเขาพูดมาถึงตรงนี้ ซิ่วอิงก็นึกขึ้นมาได้ เค้กที่เสิ่นฮูหยินมาสั่งไว้ แย่แล้วเลยวันไปแล้วสองวัน พวกเขาจะตำหนินางหรือไม่ นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย อีกอย่างนางปรับตัวไม่ทัน ในมิติ500ปีแต่เวลาจริงที่นี่เพียง5วันเท่านั้น “พี่ซีฮันข้าลืมเค้กที่เสิ่นฮูหยินมาสั่งเอาไว้เจ้าค่ะ พวกเขาต้องตำหนิข้าแน่ ๆ” “จือหยวนเจ้าไปที่โรงเตี๊ยม ถามลู่เฉิงว่าเรื่องเค้ก ทางเสิ่นฮูหยินว่าอย่างไร? “ขอรับ” เป็นเพราะจือหยวนเปลี่ยนใบหน้าใหม่แล้ว เขาถึงกล้าใช้ให้เขาไปตรวจสอบดู “ข้ากลับมาแล้ว เดี๋ยวจะทำอาหารอร่อยให้กินเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ จะไปดูว่าจวนฝั่งโน้นทำไปถึงไหนแล้ว” “ขอรับ” พวกเขาพยักหน้าตอบ ก่อนจะมองพวกนางที่เดินจากไปอย่างเหม่อลอย เมื่อซิ่วอิงเดินมาถึงจวน ที่กำลังก่อสร้างก็ยกยิ้มอย่างพอใจ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบางแล้ว แต่เพราะเป็นนาง ที่สั่งบอกให้ช่างทำใหญ่ไปเลย และมีหลายเรือนพัก เรือนใหญ่จริง ๆ มี10เรือน เรือนเล็กรองลงมาอีก5เรือน จากนั้นเป็นเรือนสำหรับบ่าวและทหารอีก20หลัง ท่านปู่มอบเงินทั้งหมดที่เขามีให้นาง แต่นางให้ฝากไว้กับเฉินซีฮัน ซิ่วอิงคิดว่านางต้องรีบหาเงินมาเพิ่ม นางต้องช่วยออกเงินค่าก่อสร้างด้วย นางถึงจะอยู่อย่างสบายใจ อีกอย่างคนเยอะเช่นนี้ ต้องกินต้องใช้ ค่าอาหารมากมาย นางต้องรีบหาเงินให้ได้มาก ๆ และแหล่งที่นางจะหาเงินและแก้แค้นในเวลาเดียวกันนั่นก็คือ ตระกูลเสิ่นและตระกูลจิน ไม่รู้ว่าหลังจากโดนผีหลอกไปวันนั้น พวกเขามีวิธีจัดการอย่างไร เฉินซีฮันมายามนี้ กลับกลายเป็นคนคลั่งรักคนงามอย่างหนัก เขาเอาแต่มองนางอย่างหลงใหล ก่อนหน้านี้ที่พวกเขา ทำการเปลี่ยนใบหน้า พวกนางก็เอาแต่จ้องมองพวกเขาอย่างหลงใหล มายามนี้กลายเป็นเขาแทน ที่ไม่อาจละสายตาไปจากนางได้ “เจ้าเติบโตขึ้นมาช่างงดงามเสียจริง” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ส่วนเฉินเจียวหมิงก็ได้แต่ เอามือลูบศีรษะของเจียวจูอย่างรักใคร่เอ็นดู ไม่อาจละสายตาไปจากนางได้เช่นกัน ไม่อยากเชื่อเลยว่าคู่ชีวิตของเขา จะงดงามได้ถึงเพียงนี้ “เด็กดีเจ้างดงามมากจริง ๆ” “แน่นอนว่าต้องงดงาม เพื่อให้เหมาะสมกับบุรุษผู้แสนหล่อเหล่าเช่นท่านเจ้าค่ะ” เฉินเจียวหมิงได้ยินนางตอบกลับมา ก็ยิ่งเขินหนักกว่าเดิม ทางเฉินจางหย่งก็ยิ่งคลั่งรักหนักกว่าใคร เขาบอกให้นางขี่หลัง เพราะไม่อยากให้นางต้องเดิน ซึ่งลี่อินก็ยินดี กอดคอเขาเอาไว้แน่น “พี่จางหย่งคิดถึงข้าหรือไม่?” “คิดถึงนิดหน่อย” “อะไรกันนิดหน่อยเองหรือเจ้าคะ?” ลี่อินเอ่ยน้ำเสียงเง้างอด “ข้ายังพูดไม่จบ ข้าจะพูดว่า คิดถึงนิดหน่อยที่ไหนกัน ข้าคิดถึงเจ้ามากที่สุด” พอเขาเอ่ยจบ ก็มีเสียงของหานเกอเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ “ตงฮวนเจ้าเหม็นกลิ่นความรักหรือไม่?” “แน่นอนว่ามาก พวกบุรุษหน้าหนากับสตรีไร้ยางอาย” “พวกเราไปกันเถอะ เห็นแล้วรู้สึกว่าสายตาเริ่มแสบร้อน” “เจ้าหมายถึงอิจฉาตาร้อน?” “อืม” หานเกอเอ่ยตอบก่อนจะเดินจากไป ตามด้วยตงฮวนที่เดินตามไปติด ๆซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด







